Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) สายเลือดไม่บริสุทธิ์แห่งเทวทูต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เปรี้ยง!!!!!!!
หมัดขวาที่มีพลังทำร้ายมหาศาลจากการเหวี่ยงกล้ามเนื้อเอาและไหล่อย่างถูกจังหวะประสานการการพุ่งเข้าหาเป้าหมายซึ่งเสริมแรงให้มากขึ้นไปอีกถูกปล่อยเข้าใส่ใบหน้าซีกซ้ายของอสุรกายผู้หัวใจหยุดทำหน้าที่ดั้งเดิมของมันไปแล้วอย่างหนักหน่วงจนกล้ามเนื้อขากรรไกรของฝ่ายตรงข้ามฉีกขาด
และด้วยแรงกระแทกที่ร้ายกาจของเมโรเน่นั้นได้ซัดกระสอบทรายของเธอจนไถลไปกับพื้นหินประดับไกลหลายเมตร ต่อหน้าสายตาที่ไม่เชื่อสิ่งที่เซลล์รับแสงจับภาพได้ของเรอาที่เบิกโพลงด้วยความตื่นตะลึง...
ทั้งนี้เพราะเรอารู้จักเพื่อนของเธอเป็นอย่างดี เมโรเน่เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงบอบบางโดยสมบูรณ์ตามแบบฉบับที่พวกผู้ชายอยากจะปกป้อง... เธอไม่สามารถยกของที่หนักเกินกว่าสิบกิโลฯได้เสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเมโรเน่ที่เรอารู้จักจึงไม่มีทางที่จะชกผู้ชายวัยกลางคนที่กลายร่างไปเป็นอสุรกายกระหายเลือดอย่างรุนแรงจนขากรรไกรหักอย่างนั้นได้แน่ๆ
และที่สำคัญยิ่งกว่า... บาดแผลที่เมโรเน่ถูกชายคนนั้นฝังคมเขี้ยวลงไปนั้นมีละอองควันสีดำไหลออกมาราวกับพลังปีศาจที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างนั้นถูกขับออกมาจากภายในไม่มีผิด ซึ่งการที่จะทำแบบนั้นได้เจ้าตัวจำเป็นต้องมีพลังแหล่งกำเนิดศักดิ์สิทธิ์จากภายในตัวเท่านั้น
แม้แต่มือปราบมารระดับสูงหรือนักบุญแห่งศาสนจักรยังไม่สามารถให้กำเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์จากภายในได้ หรือว่าเมโรเน่จะเป็น..!?
"เมโรเน่... เธอ!? ทำไมเธอถึงไม่เปลี่ยนไปเป็นแวมไพร์เหมือนพวกนั้น!? แล้วไอปีศาจนั่นไหลออกมาจากปากแผลได้ยังไง..."
ต่อหน้าสายตาที่มีความตกใจระคนความเกลียดชังที่ฝังรากมาตั้งแต่ที่เรอาพบกับเมโรเน่เป็นครั้งแรกอย่างไม่ทราบเหตุผลนั้นก็ได้รับคำตอบที่ไม่น่าจะเป็นไปได้...และบังเอิญมากว่าเรอาจะได้มาเห็นภาพแบบนี้ในชีวิตของเธอ
"ขอโทษด้วยนะที่ปิดบังมาตลอด...เพราะฉันคิดว่าเธอคงรับไม่ได้แน่ถ้าฉันเผยความลับให้เพื่อนคนแรกของฉันรู้"
ดวงตาของเมโรเน่มีของเหลวใสๆพรั่งพรูออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนจนดวงตาที่เป็นสีน้ำตาลของเธอดูนูนขึ้นเหมือนกับไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ ในตอนนั้นเองที่เรอาสังเกตเห็นร่องรอยจากการโดนเขี้ยวที่แหลมคมของอสูรแวมไพร์ฝากไว้ให้ดูต่างหน้ามีละอองควันสีดำระเหยออกมาเป็นสายเล็กๆ
ในขณะที่ร่างกายของเมโรเน่เริ่มมีไออุ่นประหลาดแผ่ออกมาปกคลุมบริเวณรอบๆจนร่างของอสุรกายที่ถูกเธอชกเข้าเต็มๆหน้าดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน
ซึ่งเรอาที่ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรนักก็พยุงร่างกายที่เป็นรอยช้ำจากการถูกจับกดกระแทกพื้นอย่างหนักเดินออกไปคว้าดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากย่ามที่ผูกติดกับม้าของเธอยกขึ้นมาชี้ไปยังศัตรูตรงหน้าราวกับมือปราบมารชำนาญศึก...
"อืม... ทีนี้ฉันรู้แล้วล่ะ! งานมือปราบมารนี่มันอันตรายอย่างนี้นี่เอง...พ่อฉันถึงได้ไม่อยากให้ฉันฝึกฝีมือการต่อสู้แล้วบังคับให้ใช้ชีวิตเหมือนลูกของคนธรรมดา ถ้าเธอไม่มีพลังแปลกๆนี่ล่ะก็...พวกเราคงตายกันตรงนี้แล้วล่ะ!"
เรอาตวัดปลายดาบของเธอเสียบทะลุร่างของอสุรกายที่ดิ้นอยู่บนพื้นอย่างทรมานเพื่อสงเคราะห์ให้ได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้โดยไม่ต้องทนทรมานกับอณูแสงที่แผ่ออกมาจากร่างของเมโรเน่อย่างไม่หยุดหย่อนจนสลายไป เหลือเอาไว้เพียงขี้เถ้าจากร่างของมันที่เหลือรอดจากการเผาไหม้อย่างรุนแรงภายในดวงวิญญาณลอยฟุ้งขึ้นไปยังท้องฟ้าเบื้องบนอย่างอิสระเท่านั้น
"ฉันขอโทษจริงๆนะเรอา... ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่ฉันปกปิดตัวเองภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีแต่มนุษย์เดินดินจะทำให้เธอต้องมาพบกับอันตรายอย่างนี้น่ะ"
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจกำจัดแวมไพร์ที่แฝงตัวเข้ามายังเมืองหลวงขนาดกลางเพื่อแพร่พันธุ์และสะสมกำลังพลในการปิดศึกกับเหล่ามือปราบมารที่สังหารพรรคพวกของมันจนเหี้ยนแล้ว เมโรเน่ที่รู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดก็กล่าวขอโทษเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอเพื่อชดเชยกับที่เธอปิดบังความลับที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของทุกคนบนโลกโดยไม่คิดที่จะเปิดเผยอย่างสำนึกผิด ในขณะที่เรอาก้ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรสักเท่าไหร่...
"เธอไม่ต้องขอโทษหรอกน่า... ไม่ว่าใครต่างก็มีเรื่องที่ไม่อยากจะให้คนอื่นรู้กันทั้งนั้นแหละ ว่าแต่เรื่องที่เธออยากจะบอกกับฉันตอนนั้นมันจำเป็นจะต้องปิดบังกันด้วยเหรอ!? พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ...มีอะไรก็ปรึกษากันได้ไม่ใช่เหรอ"
"ขอโทษจริงๆนะที่ต้องปิดบัง... ถ้าฉันบอกเธอเรื่องความจริงทั้งหมดแล้ว เธอจะมองฉันเป็นเพื่อนคนสำคัญของเธออีกหรือเปล่า!?"
เมโรเน่ก้มหน้าลงราวกับไม่กล้าสบตากับเรอาตรงๆ... ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดก็ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าเพื่อนสาวมีความลับที่น่าอายจนไม่กล้าบอกให้คนอื่นๆแม้แต่คนที่ตัวเองเชื่อใจที่สุดเพราะกลัวถูกหักหลังความเชื่อใจ ซึ่งในตอนนี้เรอาก็มีทางเลือกให้เมโรเน่อยู่แล้ว
"เอาเถอะๆ..! ถ้าเธอไม่อยากจะบอกฉันก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าเธอไม่อยากจะให้ฉันรู้...ฉันก็จะไม่ถามเธออีกเป็นครั้งที่สอง ขอโทษก็แล้วกันที่ฉันพูดอะไรแปลกๆออกมาเมื่อกี้"
เมโรเน่เห็นเพื่อนสนิทของเธอกำลังส่งรอยยิ้มที่น่าปวดใจมาให้เป็นกำลังใจให้เธอสามารถก้าวพ้นความกลัวในใจไปได้ เธอจึงข่มตาลงแน่นเพื่อที่จะรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ในใจในการที่จะเปิดเผยความลับทั้งหมดที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของเธอเองออกมาให้เรอาได้รับรู้...
"เรอา!! จริงๆแล้วฉันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเหมือนกับเธอหรอก หรือจริงๆแล้วฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเธอนั่นแหละ... ที่จริงแล้วฉันคือลูกสาวของเทวทูตแห่งสรวงสวรรค์'อาซราเอล'ที่เกิดกับมนุษย์ธรรมดาบนพื้นโลกนี่แหละ!!"
เสียงเล็กๆที่ตะโกนออกมาอย่างสุดกำลังดังออกมาจากลำคอของสาวน้อยที่สร้างความประทับใจให้กับเรอา น้ำเสียงของเมโรเน่ในตอนนี้เหมือนกับอัดอั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
"ที่ฉันไม่อยากบอกให้เธอรู้ก็เพราะสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ของฉันจะทำให้ใครต่อใครรังเกียจ แล้วก็เพราะแม่ของฉันที่เป็นเทวทูตที่ใครๆต่างก็รังเกียจนั่นแหละ!!"
เมโรเน่ตะโกนบอกความลับที่สั่งสมเอาไว้นานปีของเธอออกมาให้เรอาเพื่อนสนิทของเธอได้รับรู้ ซึ่งนั่นเองที่ทำให้สายตาที่เรอามองมายังเธอเปลี่ยนไปจากเดิมด้วย...
"อาซราเอล..!? ที่เขาว่าเป็นเทวทูตที่ทำหน้าที่ส่งวิญญาณคนตายผ่านประตูมรณะนั่นน่ะเหรอ..."
"ใช่!! เพราะงั้นแหละฉันถึงไม่อยากให้เธอรู้ยังไงล่ะ!! เห็นไหม...สายตาที่เธอมองมาที่ฉันยังเปลี่ยนไปเลย!! เพราะฉันบอกความลับให้เธอฟังยังไงล่ะ"
เมโรเน่กลั้นความขมขื่นเอาไว้ภายในจิตใจก่อนที่จะสยายปีกสีขาวที่เก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้เสื้อคลุมมาเป็นระยะเวลานานออกมาจนขนนกอันเบาบางที่หลุดออกมาจากแรงสะบัดนั้นปลิวไปทั่วบริเวณสัมผัสกับฝ่ามือที่ไม่ไหวติงของเรอาอย่างเบาบางก่อนจะร่วงลงสู่พื้นหินเบื้องล่างอย่างช้าๆและไม่มั่นคง
"งั้นเหรอ...นี่คือความลับที่เธอเก็บซ่อนเอาไว้ตลอดมาสินะ!?"
เรอาที่ตั้งสติได้หลังจากที่ฟุ้งซ่านตลอดมากลับหลังหันให้เมโรเน่เดินไปยังม้าสีน้ำตาลของตัวเองก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังม้าเตรียมจะขี่ออกไปยังจุดหมายต่อไป โดยเหลือเอาไว้เพียงเมโรเน่ที่ยืนนิ่งยอมรับผลจากการกระทำของเธอท่ามกลางถนนเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านเพียงคนเดียว
'งั้นเองเหรอ...นั่นสินะ! นี่ก็เป็นสิ่งที่คู่ควรกับสายเลือดไม่บริสุทธิ์อย่างเราอยู่แล้วนี่ ยังไงเราก็เป็นที่รังเกียจของพวกมนุษย์และเหล่าเทพอยู่แล้วนี่! แถมต่อให้เราไปเดินอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกปีศาจระดับล่างๆ...พวกมันก็ไม่มีทางฆ่าเราได้อยู่ดี แสดงว่าเราต้องมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีใครเหลียวแลไปตลอดงั้นสินะ!? มันก็สมควรแล้วล่ะ...'
"เฮ้ย...เมโรเน่ คุณเมโรเน่คะ..! หูแตกหรือไง...ยัยเมโรเน่!!"
ในระหว่างที่เมโรเน่กำลังใช้ความคิดสมเพชตัวเองอยู่นั้นเอง ข้างลำตัวตัวของบุตรสาวแห่งทูตสวรรค์ก็ถูกม้าตัวหนึ่งขนาบข้างโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
"เธอจะยืนอยู่ตรงนั้นไปอีกนานเท่าไหร่กัน!? พวกเรามีหน้าที่ที่ต้องทำไม่ใช่เหรอ..!"
"หน้าที่...หน้าที่อะไรงั้นเหรอ!?"
"หน้าที่อะไร... มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่...แต่บนใบหน้าของเมโรเน่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าหลังจากที่ความมั่นใจในการเข้าหาคนอื่นหดหายจนกลายเป็นศูนย์นั้นเริ่มจะมีความหวังขึ้นมานิดหน่อย เพราะรอยยิ้มที่เรอาส่งมาให้ในระหว่างที่ยื่นบังเหียนหนังกร้านๆให้เธอนั่นเอง...
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะเป็นลูกสาวของอาซราเอลหรือจะเป็นเด็กสาวที่โผล่ออกมาจากดินข้างๆต้นไผ่... แต่ในเมื่อเธอได้เกิดขึ้นมาแล้วก็น่าจะทำหน้าที่ในฐานะคนที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกก่อนพวกปีศาจนั่นไม่ใช่เหรอ!? แล้วปีกคู่นั้นน่ะ...อย่างน้อยก็ช่วยเอาผ้าคลุมมาปิดสักหน่อยจะได้หรือเปล่า คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องจะตกใจเอานะ!"
เมโรเน่รับบังเหียนจากมือของเรอาเอาไว้ก่อนจะกระโดดขึ้นไปขี่หลังม้าของเธอที่มีโล่ศักดิ์สิทธิ์ของมารดาแขวนเอาไว้โดยฝีมือของคนที่เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นใคร... ในตอนนั้นเองที่แววตาของเมโรเน่มีประกายความหวังแห่งความเชื่อใจปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
"พวกเราจะรับงานนั้นไว้..! เป้าหมายต่อไปของพวกเราคือหมู่บ้านที่มีแวมไพร์ปรากฏตัวได้ทั้งกลางวันกลางคือ... ล้างคอรอเอาไว้ได้เลย...เพราะฉันจะทำให้แกได้ลิ้มรสชาติของเลือดจากร่างของแกเอง!!"
"ทายาทแห่งตระกูลแวมไพร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนที่แสนห่างไกล... เฮนรี่ ฟรีแมน!!!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ