Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  31.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) มันจะเร็วเกินไปหรือเปล่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"พร้อมแล้วใช่ไหม... เรอา"


"อืม... ว่าแต่เธอน่ะเตรียมตัวดีแล้วนะ!? จำได้ว่าร่างกายเธอไม่ค่อยแข็งแรงไม่ใช่เหรอ..."





ในที่สุดการตรวจเช็คสัมภาระครั้งสุดท้ายก่อนการออกเดินทางก็เสร็จสิ้น เมื่อทั้งเรอาและเมโรเน่ทำการตรวจย้ำแล้วย้ำอีกจนแน่ใจแล้วว่าพวกเธอไม่ลืมอะไรที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไกลเอาไว้จนต้องเดินย้อนกลับมาให้เสียเวลาเปล่าอีกรอบ ทั้งสองสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความเด็ดเดี่ยวที่จะดำเนินตามรอยของอดีตมือปราบมารผู้ที่บิดาของพวกเธอเพื่อช่วยเหลือและปกป้องคนอื่นที่เดือดร้อนจากการรุกรานของเหล่าปีศาจทั่วทุกสารทิศ



เรอารับหน้าที่ในการแบกสัมภาระเกือบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและปักหลักรวมไปถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำหนักมากเกินกว่าร่างของสาวน้อยผอมบางอย่างเมโรเน่จะถือเดินไปเดินมาอย่างสะดวกด้วยตัวคนเดียว ในขณะที่เมโรเน่รับหน้าที่ในการดูแลเรื่องอาหารและน้ำดื่มรวมไปถึงการหาเสบียงเพิ่มเติมเพื่อประทังชีวิต





และเมื่อทั้งสองเดินออกไปถึงหน้าทางเข้าเมืองที่แสนทุรกันดารอันเป็นที่อยู่อาศัยแห่งเดียวที่พวกเธอมี...ก็มีผู้คนที่เรอารู้จักเป็นอย่างดีออกมาส่งพวกเธอออกจากเมืองอย่างสมศักดิ์ศรีผู้หญิงที่มีใจกล้าออกไปเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจที่แข็งแกร่งตามลำพังสองคนโดยไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆที่จะเกิดขึ้น




"ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอกค่ะ..! เพราะวันที่พวกเราจะกลับมา...คือวันที่เหล่ามนุษย์สามารถเอากำชัยชนะเหนือเหล่าปีศาจที่ครอบครองโลกผืนนี้ได้โดยสมบูรณ์!!"





ด้วยคำพูดที่เหมือนกับคำสัตย์สาบานที่ดังก้องไปในหัวใจของเหล่าชาวบ้านที่เสียสละเวลาทำงานในการออกมาส่งเหล่าผู้กล้าทั้งสองคำนั้นเองที่ทำให้เรอาไม่อยากที่จะหันกลับมายังเมืองที่เหมือนกับเป็นบ้านหลังแรกของเธอก่อนจะก้าวเท้าออกจากประตูที่กั้นระหว่างความสะดวกสะบายและความแร้นแค้นที่เธอจะพบต่อไปในภายภาคหน้าเดินทางไปยังเป้าหมายต่อไปที่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน เมโรเน่หันกลับมามองเหล่าผู้คนที่เธอไม่ค่อยจะเห็นความสำคัญของพวกเขาเลยเมื่อก่อนหน้านี้ด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เธอหลับตาลงแน่นเพื่อข่มน้ำตาที่กำลังจะล้นออกมาให้ลงไปยังจมูกด้านล่างก่อนจะเดินตามเพื่อนสนิทของเธอออกไป



แต่แล้วที่ด้านของพวกเธอก็มีเสียงกุกกักบางอย่างไล่ตามมาเป็นจังหวะลงเท้าที่ไม่มั่นคงและถี่กว่าจังหวะลงเท้าของคนทั่วไป และเมื่อทั้งสองหันตามไปก็ต้องพบกับความประหลาดใจที่ถาโถมเข้ามายังจิตใจของพวกเธอจนน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ตลอดมาเกือบจะถูกเปิดเผยออกมา





"ฉันว่าพวกเธอต้องเดินทางกันไกล...เพราะงั้นเอาม้าของรุ่นน้องที่น่ารักของฉันไปใช้ซะสิ!"




เรอาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเห็นและได้ยินเมื่อสักครู่นี้สักนิดเดียว ระหว่างกลุ่มผู้คนที่แหวกออกเป็นทางเดินที่เทิดทูนเกียรติของคนสำคัญที่เคยช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้เมื่อสมัยก่อนที่เธอจะถือกำเนิดขึ้นมาก็ปรากฏชายวัยกลางคนรูปร่างโทรมๆคนหนึ่งกำลังย่ำต๊อกเข้ามาหาพวกเธอทั้งสองคนพร้อมทั้งอาชาคะนองศึกสองตัวในมือ ขาขวาของชายคนนั้นมีแท่งไม้สีน้ำตาลตัดปลายต่อยาวออกมาจากช่วงหน้าแข้งที่ถูกตัดขาดส่งเสียงดังทุกๆครั้งที่ชายคนนั้นก้าวเท้าออกมาข้างหน้า






"ให้ตายสิ! ไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่ลูกสาวของฉันก็เลือกเส้นทางไม่รักดีแบบนั้นด้วย..."


"ก็ไม่ต่างอะไรจากพ่อหรอกน่า... จะว่าไปหนูก็เป็นลูกสาวของอดีตมือปราบมารนี่นา การที่จะออกไปสืบสานภารกิจที่พ่อของตัวเองทำค้างเอาไว้ให้สำเร็จมันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอคะ!?"




เมโรเน่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ต่างออกไปเมื่อดวงตาของเธอไปสบเข้ากับสายตาที่มองลงมายังเธอจนต้องหลบไปอยู่ด้านหลังเรอาที่จ้องตาบิดาของตนอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ซึ่งเมโรเน่สัมผัสได้อยู่หน่อยๆว่าภายในดวงตาที่แข็งกร้างของอดีตมือปราบมารคนนั้นมีรอยยิ้มเล็กๆแฝงอยู่...




"เอาเถอะ... ถ้านั่นเป็นทางเดินที่แกเลือกเองฉันก็จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ถ้าแกกลับมาก่อนที่ปีศาจจะถูกกำจัดหมดแล้วละก็...ไว้ถึงตอนนั้นฉันจะจัดให้แกอย่างงามเลย!"



"ก็หวังว่าในตอนนั้นพ่อจะได้เล่นหนูนะคะ แล้วหนูจะกลับมาอีกทีเมื่อนามของ'เรอา เวอร์ริเออร์'โด่งดังไปทั่วแว่นแคว้นต่างๆแล้วค่ะ!!"




บทสนทนาระหว่างพ่อลูกได้จบลงแล้ว เรอารับม้าที่พ่อของตนนำมาให้เอาไว้ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก่อนจะขี่ออกไปพร้อมกับเมโรเน่ เธอเอาดาบและโล่ศักดิ์สิทธิ์เสียบเอาไว้ที่ช่องเก็บของตรงข้างตัวม้าที่พ่อของเธอจัดเอาไว้ก่อนจะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน ในขณะนี้เรอาและเมโรเน่รู้เพียงอย่างเดียวคือ...สถานที่ที่พวกเธอจะเดินทางไปนั้นจะต้องเป็นที่ๆมีปีศาจปรากฏตัวเท่านั้น!!









"แล้วพวกเราจะไปที่ไหนเหรอ...อย่าบอกฉันนะว่าเธอจะออกเดินทางโดยไม่มีแผนการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วบุกบิ่นเข้าไปเจอกับนักแจวเรือแห่งแม่น้ำนรกน่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับเมืองแล้วนะ!"



เมโรเน่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆเกี่ยวกับใบหน้าที่เหมือนกับกำลังใจลอยครุ่นคิดถึงจุดหมายที่เธอด้นสดอยู่ภายในหัวพร้อมจะพาเธอไปตายด้วยทุกเมื่อ ดวงตาสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้าในคืนเดือนมืดของเรอาที่มองไปยังทางข้างหน้านั้นดูไม่เหมือนกับพวกนักเดินทางที่กำหนดเป้าหมายเอาไว้แน่นอน และยิ่งเรอาดูเหมือนกับครุ่นคิดคำแก้ตัวที่ฟังขึ้นที่สุดอยู่มากกว่าจะคิดหาจุดหมายเสียอีก...



"ก็ไอ้การเดินทางอย่างไร้จุดหมายล่วงหน้านี่แหละที่มือปราบมารเขาเป็นกัน!"



"นั่นแหละ!! ฉันจะกลับเมืองแล้วนะ!!"


"ล้อเล่นน่า... ที่จริงฉันก็มีจุดหมายอยู่แล้วล่ะ ผู้หญิงที่วันๆเอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกมาพบเจอกับใครๆอย่างเธอน่ะคงไม่เข้าใจแนวทางของมือปราบมารหรอกมั้ง!?"



เมโรเน่ที่ได้ฟังคำแก้ตัวรอบที่สองของเรอาเข้าไปก็ถึงกับสงบอารมณ์ลงชั่วขณะ เธอรู้อยู่แล้วว่าเรอานั้นไม่ใช่พวกที่จะทำอะไรโดยไม่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นในการเดินทางไกลโดยมีเพียงผู้หญิงวัยแรกแย้มสองคนเท่านั้นโดยไม่มีผู้ชายให้ความช่วยเหลือเลยนั้น...หากพวกเธอไม่มีการเตรียมการที่ดีพอแล้วก็เท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งในพื้นที่รกร้างที่เต็มไปด้วยความร้อนช่วยระบายน้ำออกจากร่างจนกลายเป็นมัมมี่ในครึ่งวันเท่านั้น








"ที่นี่แหละ...จุดหมายของฉัน!"



สองสาวพิจารณาไปยังทางเดินหินรอบๆที่เต็มไปด้วยผู้คนที่แทบจะไม่รู้จักความน่ากลัวของพวกปีศาจกำลังดำเนินกิจประจำวันอย่างขยันขันแข็ง ในเมืองใหญ่ที่อยู่ภายใต้การรักษาความปลอดภัยของเหล่ากองกำลังทหารติดอาวุธที่จงรักภักดีต่อเจ้าเมืองผู้ปกครองบ้านเมืองและประชาชนใต้อาณัติทั้งในเมืองใหญ่และเมืองบริวารที่พวกเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีศัตรูหน้าไหนจะฝ่าการคุ้มกันที่แข็งแกร่งเหล่านี้มาได้




"เมืองนี้น่ะนะ...จุดหมายของเธอ!? ก็ไหนเธอเป็นคนบอกเองว่าที่ๆพวกเราจะเดินทางไปน่ะมีเฉพาะ..."



"ใช่...ฉันบอก! แต่ว่านะ...ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนจากต่างดินแดนเดินทางเข้าออกตลอดเวลานี่แหละคือแหล่งข้อมูลข่าวสารชั้นยอด เธอไม่คิดเหรอว่าในบรรดาผู้คนที่เดินทางเข้าออกประตูเมืองทุกๆวันนี้จะต้องมีสักหนึ่งในสิบคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพวกปีศาจที่อยู่นอกกำแพง ทีนี้ก็แค่ให้พวกเราหาคนที่ว่านั่นให้เจอเท่านั้นเอง..."



"ก็เข้าท่าดีนี่นา..! ฉันนึกว่าเธอเป็นแค่พวกที่วันๆเอาแต่ใช้ชีวิตอยู่กับการถลุงอัญมณีหน้าเตาถ่านร้อนๆแล้วเอาแต่เล่นสนุกไปวันๆโดยไม่สนโลกภายนอกซะอีก ที่แท้เธอก็มีความรู้พอตัวนี่นา!!"



เมโรเน่กล่าวชมเชยที่เรอารู้ถึงสิ่งที่เธอไม่เคยรู้มีก่อนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่สำหรับเรอาแล้วนั่นถือเป็นการแขวะไส้ตรงมากกว่า...





"แล้วก็นะ... ในเมืองใหญ่ๆอย่างนี้จะต้องมีสถานที่สำหรับฝึกซ้อมการต่อสู้เอาไว้สำหรับพวกที่อยากจะเป็นมือปราบมารรุ่นใหม่ๆแล้วก็พวกที่ฝึกฝีมือเอาไว้ป้องกันตัวเองจากพวกปีศาจด้วย เธอสนใจจะเข้าร่วมการฝึกนั่นไหมล่ะ!?"



เมโรเน่ส่ายหัวกับคำแนะนำเกี่ยวกับเมืองหลวงแห่งเมืองลับแลของพวกเธอในทันทีที่เรอาพูดถึงการฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ที่เรอาชื่นชอบเป็นอย่างยิ่งเป้นการตัดโอกาสในการที่น้ำลายในปากของสาวน้อยจะแตกออกมาเป็นฟองสบู่ขนาดเล็ก แต่ถึงอย่างนั้นเรอาก็ยังคงแนะนำสถานที่สำคัญแห่งนี้ต่อไป...





"นอกจากนี้ยังมีอีกนะ...พวกเราสามารถเดินทางมาซื้อเสบียงอาหาร,อาวุธ,ชุดเกราะแล้วก็ม้าเร็วได้ที่นี่ด้วย ส่วนพวกที่ว่าอาหารที่นี่จะขาดแคลนก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะว่าในทุกๆวันจะมีชาวนาในหมู่บ้านรอบนอกเอาผลผลิตที่ได้จากการเกษตรมาขายที่นี่ แน่นอนว่าพวกเราเองก็สามารถเอาชิ้นส่วนร่างกายของพวกปีศาจที่กำจัดได้มาขายในราคางามๆเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กระเป๋าได้อีกด้วย เป็นความคิดที่ดีใช่ไหมล่ะ!?"



เรอายังคงพล่ามน้ำลายแตกฟองต่อไปจนเมโรเน่เริ่มจะคิดหนักแล้วว่าเธอเลือกคบเพื่อนคนแรกผิดคนหรือเปล่า ด้วยนิสัยเป็นคนเงียบๆของเมโรเน่นั้นตรงกันข้ามกับนิสัยบ้าๆบอๆรวมทั้งเป็นพวกพูดไม่หยุดของเรอาจนแทบจะเข้ากันไม่ได้ และยิ่งประกอบกับความรู้สึกที่เหมือนกับจะทนอยู่ด้วยกันไม่ได้ระหว่างเธอและเรอาด้วยแล้ว...





'นี่เราเป็นเพื่อนกับยัยนี่ได้ยังไงเนี่ย...ยัยเรอาใช้ยาเสน่ห์กับเราให้มาเป็นเพื่อนกันหรือไง!?'






"เราใช้จริงๆนะ!!"



เมโรเน่ลืมตาค้างขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนแหบๆของใครคนหนึ่งที่เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินตัวเป็นๆ ในตอนนั้นเองเรอาที่ปิดปากลงได้เป็นครั้งแรกหลังจากที่สร้างความรำคาญอย่างสุดจะทนให้กับเพื่อนคนสำคัญของเธอจนถึงเมื่อครู่นี้ก็เดินเข้าไปยังต้นกำเนิดเสียงที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งทางแยกอย่างสนใจมาก




"พวกเราใช้ทุกวิถีทางแล้วนะ!! ทั้งกินกระเทียมเป็นกำๆจนพ่นลมทีพวกสัตว์ที่เลี้ยงไว้ทยอยล้มตายเป็นแถบๆ...ทั้งสาดน้ำมนต์ปลุกเสกใส่เป็นโอ่งๆจนพวกผู้ชายแข็งแรงๆในเมืองจับไข้เป็นแถบๆ...ทั้งอัญเชิญหลวงพ่อจากโบสถ์มาขับไล่แล้วนะ!! เจ้าอสุรกายบ้านั่นก็ยังไม่ยอมออกไปจากหมู่บ้านพวกเราสักที นี่ขนาดพวกเราเอาหมุดไปตอกที่หัวใจของศพมันแล้วนะ...หมุดที่ตอกไปยังเด้งออกจากตัวมันเลย!!"





"ศพมันยัดซิลิโคนเสริมอึ๋มหรือเปล่า...ลิ่มของแกถึงได้ตอกไม่เข้า!?"



"ไม่ใช่เฟ้ย!! เจ้านั่นเป็นผู้ชายจะเสริมไปเพื่ออะไร... แล้วยิ่งออกมาเฉพาะตอนกลางคืนก็ว่าหนักแล้วนะ! เจ้าปีศาจกระหายเลือดนั่นยังบุกทำร้ายผู้หญิงในหมู่บ้านได้แม้กระทั่งตอนกลางวัน!! พวกเราถึงขนาดต้องปิดบ้านหลบอยู่ในนั้นทั้งกลางวันกลางคืนจนไม่มีปัญญาออกไปทำมาหากินอะไรแล้ว... แกรู้จักมือปราบมารเก่งๆแถวนี้บ้างหรือเปล่า!!"





"มีอะไรหรือเปล่าคะ..!? เห็นพูดถึงปีศาจแล้วก็มือปราบมารอะไรนั่นด้วย..."


เรอาที่ได้ยินการพูดคุยทั้งหมดตั้งแต่ต้นเข้าร่วมวงสนทนาที่ตึงเครียดของชายหนุ่มที่ดูหอบๆจากการควบม้าเดินทางมาตลอดทั้งวันด้วยท่าทางเหมือนหญิงสาวที่ไร้เดียงสา ซึ่งสายตาที่ชายคนนั้นมองมายังเธอราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่...





     "หมู่บ้านของพวกเราถูกปีศาจกระหายเลือดเข้าจู่โจมอย่างกะทันหันมาตั้งแต่สมัยปู่ทวดแล้วล่ะ..! เจ้าปีศาจตัวนั้นจะออกหาเหยื่อตอนกลางคืนเพื่อดื่มกินเลือดสดๆจากซอกคออันแสนหอมหวลและน่าอิจฉาของพวกผู้หญิงสาวๆที่เดินอย่างไม่ระมัดระวัง ตอนแรกพวกเธอก็ไม่รู้สึกตัวหรอก...แต่ทันทีที่พวกเธอสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองอยู่จากด้านบนแล้วเผลอมองขึ้นไป"


เสียงลมหายใจสูดเข้าไปชดเชยดังขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่การพูดคุยจะดำเนินต่อไปได้โดยไม่ติดขด



     "ปีศาจตนนั้นก็จะพุ่งลงมาตามล่าเหยื่อของมันด้วยความกระหายใคร่ดูดไปจนกว่าพวกเธอจะหมดแรงก่อนจะใช้เขี้ยวที่แหลมคมของพวกมันเจาะลงไปบนเส้นเลือดลำคอเพื่อดื่มโลหิตสีเลือดจนหมดตัวก่อนจะจากไปหาเหยื่อรายใหม่"




     "มีเพียงวิธีเดียวที่จะหลบอสุรกายผิวซีดคนนั้นพ้นก็คือ... ทันทีที่เธอเห็นมันกำลังตรงเข้ามาหาเธอ ให้เธอ'สับขาหลอก'ไปให้ไกลที่สุดจนกว่ามันจะเลิกสนใจเธอไปเอง แต่ก็นะ...วิธีนั้นก็ใช้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่หรอก"



     เรอาและเมโรเน่สังเกตเห็นท่าทางของชายหนุ่มที่ให้ข้อมูลสำคัญกับพวกเธอมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนไป ก่อนที่ชายคนนั้นจะแยกเขี้ยวออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวแล้วเปิดปกเสื้อที่ซ่อนรอยแผลอันน่าสยดสยองเอาไว้ให้ทั้งสองได้เห็น





     "เพราะขนาดคนที่สับขาหลอกเก่งๆอย่างฉัน...ยังโดนเจ้านั่นรุกรานซอกคอมาแล้วเลย!!"




     ทันทีที่ชายคนนั้นพูดจบ เขาก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างแสบแก้วหูก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมเรอาที่อยู่ใกล้ที่สุดจนเธอทำได้เพียงดันร่างของชายคนนั้นให้พ้นจากท่าขึ้นคร่อมไปให้เร็วที่สุดเท่านั้น....





               "เมโรเน่..!! หยิบโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอออกมา!!"



     เรอาออกคำสั่งกับเพื่อนผู้ติดตามให้หยิบอาวุธที่สามารถจัดการเหล่าปีศาจให้พินาศสิ้นออกมาใช้จัดการอสุรกายดูดเลือดไปให้พ้นจากท่วงท่าอันน่าอิจฉาในหลายๆความหมาย ซึ่งเมโรเน่ก็ไม่รอช้ารีบวิ่งไปยังม้าของเรอาเพื่อหยิบเอาโล่และดาบศักดิ์สิทธิ์มากำจัดปีศาจที่กำลังจับเพื่อนสาวของเธอกดลงบนพื้นเตรียมจะดูดซอกคอเพื่อสืบสานสายพันธุ์แห่งปีศาจชนชั้นสูงต่อไป





                                           แฮ่..!!!!!!




     ซึ่งดูเหมือนว่าปีศาจจะไม่ยอมให้เธอได้ทำแบบนั้นได้โดยง่าย ในระหว่างที่เมโรเน่กำลังหันหลังให้มันนั้นเอง...มันก็กระดดออกจากร่างของเรอาตรงไปยังร่างของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็วจนเรอาไม่มีโอกาสตธดกนเตือนแต่อย่างใด


     ร่างน้อยๆของเมโรเน่ถูกอสุรกายกระหายเลือดตนนั้นกระแทกจนล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงก่อนจะถูกฝังคมเขี้ยวลงไปอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องแม้แต่แอะเดียว... จะมีก็เพียงเสียงคมเขี้ยวที่แหลมคมกดลงบนกล้ามเนื้อต้นคอดังกร้วมเท่านั้น





"เมโรเน่!!!!"




     ร่างของเมโรเน่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นก่อนจะเกิดการดิ้นรนอย่างรุนแรงราวกับจะต่อต้านอำนาจแห่งปีศาจที่พยายามจะเข้าแทนที่ความเป็นมนุษย์ของเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้กล่าวประโยคสุดท้ายกับเพื่อนของเธอแม้แต่น้อย และหลังจากที่การดิ้นอันรุนแรงของเมโรเน่ได้สิ้นสุดลง... เธอก็ลุกขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆก่อนจะค่อยๆเดินเข้าหาตัวของเรอาที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างช้าๆ





"เมโรเน่... เธอยอมแพ้ให้กับปีศาจแล้วงั้นเหรอ!? ความเป็นเพื่อนของพวกเรายอมแพ้สายเลือดปีศาจแล้วอย่างนั้นเหรอ..!?"




     จังหวะลงเท้าของเมโรเน่ค่อยๆขยับช้าลงราวกับสมองสั่งการกำลังทำงานช้าลงเรื่อยๆ และทันทีที่เมโรเน่เงยหน้าขึ้นมาจนเรอาสามารถมองเห็นใบหน้าส่วนที่ถูกเส้นผมสีเหลืองของเธอปิดเอาไว้อย่างชัดเจน... เรอาก็สามารถมองเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเมโรเน่เป็นความรู้สึกหนาวเหน็บราวกับละลายออกมาจากธารน้ำแข็งจากทวีปหิมะได้อย่างเด่นชัดเช่นกัน





               "ลาก่อนนะ...เรอา"



ประโยคที่แผ่วเบาที่หลุดออกมาจากความรู้สึกเบื้องลึกของเมโรเน่ตอกย้ำเข้าไปในจิตใจที่บอบช้ำอย่างรุนแรงของเรอาที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรทั้งนั้นจนสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้เพียงน้ำตาที่ตอบสนองต่อความโศกเศร้าที่เพื่อนที่ของเธอต้องแบกรับเอาไว้ก่อนที่ร่างของเธอจะเปลี่ยนสภาพไปจากความเป็นมนุษย์โดยถาวร






และหลังจากที่เมโรเน่เผยยิ้มครั้งสุดท้ายออกมาให้เพื่อนคนสำคัญที่สุดของเธอได้เชยชมแล้ว หมัดของเธอก็กำแน่นพุ่งเข้าใส่แก้มซ้ายของอสุรกายกระหายเลือดที่จับเธอกระแทกลงกับพื้นเมื่อสักครู่นี้อย่างรุนแรงจนล้มไถลไปกับพื้นเป็นระยะทางยาวหลายเมตร

     
     พร้อมกับเลือดสีแดงสดที่กระเซ็นออกมาจากช่องปากที่ถูกชกจนเบี้ยวเหมือนผีดิบจากป่าช้าที่กระดูกขากรรไกรไม่มีแรงดึงฟันล่างได้ดังครั้งที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่เปราะเปื้อนไปบนมือขวาและกำแพงอิฐสีน้ำตาลจนเหมือนกับฝีมือการประดับของช่างสีจากนรก!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา