Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ
8.2
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.
24 ตอน
4 วิจารณ์
30.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) จิตใจที่ตั้งมั่นเป็นหลายส่วน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ความได้เปรียบของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีเหนือกว่าพลังปีศาจนั้นก็เรียกได้ว่าเหมือนผงซักฟอกที่ชำระล้างคราบสกปรกให้หายวับไปกับสายน้ำในพริบตา แต่ในขณะเดียวกันพลังปีศาจนั้นก็เหมือนกับเศษโคลนที่ทำลายกลิ่นหอมและสีขาวใสของผ้าที่ถูกซักจนสะอาดให้มลายไปในพริบตา เปรียบเสมือนกับธาตุสองอย่างที่ได้เปรียบซึ่งกันและกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในลานประลองใต้แสงตะวันครึ่งดวงที่ฉายแสงลงมาราวกับหลอดไฟประดับเวทีการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของสองในสามขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหนือผืนปฐพี นักสู้ผู้ปราบเหล่าอสูรมานับไม่ถ้วนในช่วงชีวิตอันแสนยาวนานที่กำลังกวัดแกว่งศาสตราวุธแห่งทวยเทพตกสวรรค์ "โอลิเบีย" ปะทะ เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวในความขัดแย้งของสามขั้วอำนาจอันประกอบด้วยเทวทูต เทพตกสวรรค์ และปีศาจ ปีศาจสายพันธุ์แวมไพร์สายเลือดไม่บริสุทธิ์ผู้ครอบครองร่างกายที่ทนทานแสงอาทิตย์แห่งพระผู้เป็นเจ้า "เอลรอส ฟรีแมน" เอลรอสนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเสียเปรียบโอลิเบียแทบจะทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านประสบการณ์ต่อสู้ที่เป็นรองเทพตกสวรรค์ปีกคู่เดียวหลายสิบหลายร้อยปี กับพลังที่เป็นรองคู่ต่อสู้อยู่มากแม้จะอยู่ในช่วงสุริยคราสครึ่งดวง และมันจะยิ่งถดถอยลงเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านเลยไป และเมื่อเอาพลังศักดิ์สิทธิ์ของโอลิเบียมาเทียบกับเรอาที่เป็นเทพตกสวรรค์ด้วยกันแล้ว พลังของเรอานั้นมีน้อยกว่าโอลิเบียถึงหนึ่งในสอง เช่นนั้นเองที่ทำให้เอลรอสที่พลิกมาเป็นฝ่ายได้เปรียบเธอในช่วงสุริยคราสเต็มดวงต้องต่อสู้ด้วยความยากลำบาก เด็กหนุ่มที่มีสายเลือดของปีศาจชนชั้นสูงไหลเวียนอยู่ภายในร่างครึ่งหนึ่งรวบรวมพลังปีศาจทั้งหมดเอาไว้ในมือข้างเดียวเพื่อปล่อยออกไปทำร้ายเทพตกสวรรค์ที่เอาแต่เฝ้ามองทั้งปีศาจและมนุษย์คืบคลานอยู่บนพื้นดินเป็นการล้างอายให้กับบรรพบุรุษ แต่พลังปีศาจที่รวบรวมเอาไว้ก็ถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดายเพียงการปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเอง "อย่าคิดลองดีกับเราจะดีกว่า เจ้าปีศาจชั้นต่ำ ไม่เช่นนั้นชีวิตของเจ้าจะจบลงโดยเร็วพลัน" โอลิเบียไม่เพียงพูดเป็นเชิงขู่เท่านั้น แต่สายตาและท่วงท่าของเธอนั้นแฝงความตั้งใจจะปลิดชีพของเอลรอสที่ทำสายตาขัดขืนอย่างมุ่งมั่น ถึงแม้ว่าอันที่จริงแล้วเทพตกสวรรค์ระดับโอลิเบียสามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย และถึงเอลรอสจะยกมือยอมแพ้ เธอก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะจัดการเขาในการปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงครั้งเดียว ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มผู้ได้ลืมตาดูโลกได้เพียงไม่ถึงหนึ่งในร้อยของช่วงชีวิตเทพตกสวรรค์สายเลือดแท้ก็ยังมีแววตาที่ไม่คิดจะยอมแพ้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน และความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้าก็กลับจะยิ่งทวีคูณมากขึ้นด้วยซ้ำ หรือว่านี่เองที่เขาเรียกกันว่า "การต่อสู้ของสุนัขจนตรอก" กลับมายังการประลองรอบที่สองระหว่างมือปราบมารสองคนที่เริ่มการต่อสู้เกือบจะพร้อมกับที่"ฉากการกระทบกระทั่ง"ระหว่างสองขั้วอำนาจได้เริ่มขึ้น ฝ่ายเรอาที่เป็นผู้หญิงบอบบางนั้นไม่มีทางเลยที่จะทานพละกำลังที่มากกว่าของผู้ชายที่ฝึกฝนร่างกายให้พร้อมกับการต่อสู้มานานกว่าอย่างอาเดลได้ เห็นจะมีเพียงเพลงดาบเท่านั้นที่อยู่ในระดับพอฟัดพอเหวี่ยงกันได้ แต่ความทัดเทียมด้านดาบนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าปลายกระบอกปืนที่ชี้ตรงมายังกลางลำตัวพร้อมจะลั่นไกได้ทุกเมื่อ ถึงเธอจะสามารถปัดป้องกระสุนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ชั่วร้ายออกไปได้ ทุกๆครั้งก็จะตามมาด้วยคมดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดฟันลงมาโดยไม่ให้ทันตั้งตัวจนเสียท่าทุกครั้งไป ถึงอย่างนั้นเรอาก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับเอลรอส... เรอามีใจสู้ที่แรงกล้าไม่แพ้นักรบอาสาเมื่อครั้งมนุษย์ให้การสนับสนุนฝ่ายเทวทูตในการทำสงครามกับสองขั้วอำนาจเลยทีเดียว "ก๊าก ฮ่าๆๆ! เป็นอะไรไปล่ะคุณนางฟ้าตกสวรรค์ ทำไมถึงไม่บินขึ้นท้องฟ้าแบบเดียวกับท่านโอลิเบียล่ะ โอ๊ะ! ลืมไปๆ... เธอไม่มีปีกนี่นะ" อาเดลเริ่มเปิดฉากคำพูดเสียดสีใส่เรอาที่ปัดป้องการโจมตีอย่างสุดกำลังจนความอดทนเริ่มจะปริขาดทีละนิด ถึงเรอาจะไม่เคยคิดโกรธเวลามีใครพูดเรื่องปีกที่แผ่นหลังของเธอถูกกระชากทึ้งไป แต่กับมือปราบมารนอกรีตที่ยกเอาเรื่องนี้มาสาดเสียเทเสียแบบนี้มันสุดจะทนจริงๆ "แล้วไอ้เรื่องที่ฉันไม่มีปีกมันจะทำให้ขาของแกขาดหายไปหรือไง ถ้ายังไงจะให้ฉันตัดขามือปราบมารที่หันมาฝักใฝ่ฝ่ายเทพตกสวรรค์อย่างแกเอาไปทำอาหารเลี้ยงปีศาจแถวๆนี้หน่อยก็จะดีกว่านี้นะ!" เด็กสาวอายุสิบหกกวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือทั้งสองข้างเป็นวังวนวายุลมเฉือนวิ่งเข้าใส่อาเดลอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนกระสุนที่พุ่งเข้ามาแม้แต่น้อย หรือถ้าให้พูดกันจริงๆก็คือดาบที่เรอาฟาดฟันอย่างบ้าคลั่งนั้นเองที่เป็นเหมือนม่านกำบังจากอันตรายที่กำลังตรงเข้ามาให้ปลอดภัยทุกส่วน ผิดกับฝ่ายตรงข้ามที่มองดูเพลงดาบที่ตรงเข้ามาอย่างบ้าคลั่งนั้นด้วยท่าทีสบายๆราวกับกำลังมองดูพายุขนนกที่เบาหวิวจนยากจะสร้างบาดแผลให้ได้ "อ่อนหัดจริงๆ เพราะอย่างนี้ฉันถึงไม่อยากจะเอาจริงกับการต่อสู้กับมือใหม่น่ะ" --- เพล้ง! อาเดลกำดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายแสงเรืองรองผิดพลังจากมนุษย์ทั่วไปแน่นก่อนจะเล็งไปยังจุดๆหนึ่งในวังวนคมดาบอย่างใจจดใจจ่อ เพียงการลงดาบกวาดจากซ้ายไปขวาครั้งเดียวก็สามารถทำลายดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือทั้งสองข้างของเรอาได้ราวกับเป็นกระจกที่บอบบางเท่านั้น แต่เรอาที่ถูกทำลายอาวุธลงอย่างง่ายดายนั้นก็ไม่ได้ทำสีหน้าอ้ำอึ้งสักเท่าไหร่ เมื่อดาบศักดิ์สิทธิ์ด็อกมาตาร์ในการครอบครองของเธอสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อหากดาบจริงยังคงอยู่ และตัวดาบที่ว่านั้นก็ถูกปักลงที่พื้นด้านหลังเธอก่อนจะร่ายพายุลมเฉือนนั้น "เก่งผิดคาดเลยแฮะ... สมแล้วจริงๆที่มีชีวิตรอดอยู่กลางพื้นที่รกร้างได้ด้วยตัวคนเดียว แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ดาบเมื่อกี้คงเป็นส่วนแบ่งของโอลิเบียนั่นสินะ ไม่อย่างนั้นคงทำลายดาบศักดิ์สิทธิ์ของฉันไม่ได้หรอก" พลังความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิทธิ์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยสองอย่าง สิ่งแรกที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือ พลังจิตที่เชื่อมั่นในตัวเองของผู้ใช้ซึ่งสิ่งนี้เรอามีอยู่พร้อม เว้นเสียแต่ว่าเรื่องที่ปีกแห่งเทพตกสวรรค์ขาดไปนั้นจะกลายมาเป็นแผลฝังใจ และอีกอย่างที่จะเป็นเหมือนดาบที่สองที่จะเสริมให้ผู้ใช้ได้รับชัยชนะได้อย่างง่ายดายกว่าก็คือ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ประจุอยู่ภายในตัวผู้ใช้เอง ตรงจุดนี้ที่เรอาซึ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์ในระดับคงที่มีด้อยกว่าอาเดลที่มีพลังเติมได้ตลอดในระดับที่เหนือกว่ามาก ถึงอย่างนั้นเรอาก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้ต่อไปแม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าได้ แต่จะทำได้เยี่ยงไรในเมื่อพลังของดาบคู่ศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่มีพลังพอที่จะต่อกรกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ต่างระยะโจมตีของอาเดล และพลังศักดิ์สิทธิ์กระแสตรงจากร่างของเธอก็ยังไม่เสถียรดีพอจะใช้ในการเล่นงานฝ่ายตรงข้าม แต่ในการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตนั้นไม่มีเวลาจะมาคำนึงถึงเรื่องพวกนี้อีกแล้ว... ฝ่ายเรอารวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพตกสวรรค์เอาไว้ในฝ่ามือเป็นกลุ่มละอองแสงสีม่วงที่จับตัวกับมั่นคงกว่าเดิมนิดหน่อย ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ในระดับที่มากเกินกว่าร่างของมนุษย์จะทานรับเอาไว้ได้นั้นคงจะเพียงพอในการเปิดช่องว่างให้เข้าไปซ้ำได้ พลังศักดิ์สิทธิ์ในมือของเทพตกสวรรค์สาวถูกปล่อยออกไปด้านหน้าเป็นละอองแสงที่กินอาณาบริเวณกว้างจนการหลบนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่แล้วกลุ่มละอองแสงเหล่านั้นก็ถูกอะไรบางอย่างกั้นเอาไว้จนสะท้อนกลับในสภาพคล้ายกับสะเก็ตดาวเล็กๆ "แหมๆ น่าเสียดายนะแม่สาวน้อย แต่ตราบเท่าที่ท่านโอลิเบียยังอยู่ก็ไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพตกสวรรค์ระดับต่ำคนไหนทำอะไรฉันได้หรอกน่า แต่การที่พวกระดับต่ำอย่างเธอจะเอาชนะท่านได้น่ะ ขอบอกเอาไว้เลยว่ายากส์" ฝ่ายมือปราบมารที่ดูเหมือนจะได้เปรียบเชิงยุทธภูมิออกปากเป็นเชิงท้าทายให้เรอาอารมณ์เสียจนคุมสติของตนไม่อยู่ทำให้อาวุธศักดิ์สิทธิที่จะทีพลังแปรผันตรงกับพลังใจของผู้ใช้ลดประสิทธิภาพลงเพื่อที่จะทำลายมันลงโดยง่าย แต่ดูเหมือนว่าเรอาจะไม่ยอมเดินไปตามเกมของเขา "ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ... ถึงยังไงต่อให้เทพตกสวรรค์ระดับล่างๆอย่างฉันพยายามไต่เต้าขึ้นไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีทางเทียบชั้นกับพวกปีกสองคู่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะเปล่งประกายให้ไอ้พวกระดับสูงนั่นได้ชมเป็นบุญตาสักครั้ง! แล้วจากนั้นฉันก็จะฆ่าแก ในฐานะของมือปราบมารที่หันหลังให้กับเหล่าเทวทูต!" เด็กสาวผมดำคว้าดาบที่ปักอยู่บนพื้นดินที่ถูกถางจนโล่งเตียนขึ้นมาประทับในท่าที่จะตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้ดีที่สุดด้วยสานตาที่มองตรงไปด้านหน้าอย่างไร้ความลังเล ในขณะเดียวกับที่ปีศาจหนุ่มผู้ยืนหยัดต่อสู้กับเทพตกสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังจะกลับมาอยู่ในสภาพเต็มดวงในไม่ช้ากำลังเพลี้ยงพล้ำ ศีรษะของเอลรอสมีเลือดไหลออกมาอาบดวงตาเป็นสายย้อมผิวหนังที่เป็นสีเหลืองอ่อนๆให้กลายเป็นสีแดงสด และด้วยกลิ่นเลือดที่แสนหอมหวานนี้เองที่ทำให้โอลิเบียรู้สึกประทับใจในเสน่ห์ที่ปีศาจตนอื่นๆไม่มี "ช่างน่าลุ่มหลงยิ่งนัก กลิ่นเลือดที่ผสมระหว่างกลิ่นของปีศาจและมนุษย์ ช่างเป็นความโสมมที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ ถ้าไม่ว่าอะไรข้าจะรีดโลหิตหอมๆนั่นออกมาในคราวเดียวเลย!" โอลิเบียกางฝ่ามือปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สั่งสมเอาไว้มาเป็นเวลานานเข้าทำร้ายร่างกึ่งปีศาจของเอลรอสอย่างร้ายแรงจนไม่สามารถปัดป้องอะไรได้ ด้วยพลังที่ต่างขั้วกันอย่างมหาศาลนั้นเองที่ทำให้เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างทรมานก่อนจะทรุดลงไปกับพื้นไม่ขยับเขยื้อนอะไรอีก ยกเว้นดวงตาที่ยังยืนยันว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุดเท่านั้น... "ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังมีใจสู้ดีอยู่นี่นา... แบบนี้สิที่ข้าประทับใจล่ะ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานกี่ร้อยปีแล้วล่ะนี่ น่าเสียดายที่มันกำลังจะเลือนหายไปอีกครั้งพร้อมกับประกายแสงในมือของข้า" เทพตกสวรรค์ผู้มีปีกอยู่กลางหลังยิ้มเหยาะให้กับดวงตาที่แข็งกร้าวของปีศาจที่มีพลังด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดซึ่งยังไม่ยอมสลายไปพร้อมกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปล่อยออกมาไม่รู้กี่ครั้งเสียที และยิ่งประกอบกับรอยแผลที่เหมือนกับถูกของมีคมบาดที่ปลายนิ้วก้อยขวาของเธอแล้วก็ทำให้จิตสังหารที่แผ่ออกมานั้นมีความเข้มข้นสูงขึ้นมาก "ดูเหมือนว่าเจ้าจะสร้างกรรมสถานหนักเข้าซะแล้วนะ ช่างมันเถอะ! เพราะฉันคงไม่ถือสาเรื่องที่เศษโคลนกระเด็นเปื้อนผิวกายหรอกมั้ง" สิ้นเสียงที่เหมือนกับจะพูดล้อเล่นทั้งสีหน้าที่หัวเราะอยู่นั้นก็ปรากฏมวลพลังศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ขึ้นที่มือขวาของโอลิเบีย ด้วยแรงกดดันมหาศาลนั้นได้ทำให้เอลรอสรู้สำนึกในความอ่อนหัดของตนที่จะต่อกรกับเทพตกสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่ามาก จากนั้นเขาก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลยนอกจากจะเตรียมคำพูดเอาไว้พูดกับนายทวารนรกอย่างไร ต่างจากโอลิเบียที่ตีหน้ายิ้มได้ทั้งๆที่กำลังจะลงมือปลิดชีวิตผู้อื่นอย่างหน้าตาเฉย "อโหสิ... ลาขาดเลยนะ!" ลูกพลังศักดิ์สิทธิ์ความเข้มข้นสูงถูกเหวี่ยงออกมาจากตฝ่ามือที่ตึงแน่นของเทพตกสวรรค์สายเลือดแท้ตรงไปยังร่างของเอลรอสที่นอนแผ่อยู่บนพื้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะขยับหลบแม้แต่น้อย และเมื่อนำเอาการต่อสู้ระหว่างมือปราบมารอีกด้านหนึ่งมาเปรียบเทียบ ทางฝั่งนั้นก็ดูกลายเป็นการทะเลาะกันของเด็กน้อยไปเลย 'รอก่อนนะ ผมกำลังจะไปหาแล้ว... คุณแม่' เอลรอสหลับตาลงรอรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าร่างของเขาเมื่อสัมผัสกับพลังศักดิ์สิทธิ์แก่กล้านั้นจะสลายกลายเป็นผงธุลีทันทีเลยก็ตาม จนเมื่อมารู้ตัวอีกครั้งก็เมื่อแสงสว่างจ้าได้ปรากฏอยู่ต่อหน้า พร้อมกับเงามืดของอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับเข้ามาขวางระยะโจมตีของพลังสังหารนั้น "อ๊าก!!!!" ชั่วพริบตานั้นเองที่เอลรอสได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กสาวดังทะลุเข้ามายังโสตประสาทจนไม่สามารถทนหลับตาอยู่ได้อีกแล้ว และเมื่อเขาเปิดตาขึ้นมองไปยังเบื้องหน้านั้น เขาก็ต้องพบกับภาพที่จะกลายมาเป็นความหลังฝังใจในภายภาคหน้า ถ้าเขายังจะมีเวลาภายภาคหน้าให้รำลึกถึงแล้วละก็... "เรอา!!!" เอลรอสตะโกนอย่างลืมตัว ผู้ที่กระโดดเข้ามาขวางพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพตกสวรรค์ผู้แข็งแกร่งนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจากเทพตกสวรรค์ที่เข้าใจความรู้สึกของมนุาย์เป็นอย่างดีจากการช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนับตั้งแต่จำความได้ ร่างของเรอาลอยคว้างอยู่ต่อหน้าเขาก่อนจะถูกดีดกระเด็นเข้าซองจนไถลไปกับนอนจมกองเลือดทั้งสองคน และสิ่งที่เอลรอสเห็นหลังจากที่ดันตัวขึ้นรับร่างของเด็กสาวผู้มีใจกล้าผิดผู้หญิงธรรมดานั้นก็ทำให้เขาถึงกับน้ำตาคลอ เรอากำลังหันมามองที่เขาพร้อมกับหลั่งน้ำตาให้กับสิ่งที่เธอสัมผัสได้เมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นการเสแสร้งหรืออย่างไร แต่เรอากำลังร้องไห้อยู่จริงๆ... "นาย...ไม่เป็นไรใช่ไหม" สภาพของเรอาตอนนี้มีบาดแผลฉกรรจ์ที่แผ่นหลังเหมือนกับถูกคว้านผิวหนังออกไปส่วนหนึ่งจนเลือดไหลอาบชะโลมไปทั่วทั้งแขนของเอลรอสที่เอามารับปรงกระแทกตอนพุ่งเอาไว้ เส้นผมดำเงางามของเธอนำตอนนี้ถูกแรงฉีกกระชากของพลังศักดิ์สิทธิ์ดึงจนขาดเหลือเพียงส่วนสั้นจรดต้นคอเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันสภาพร่างกายของเอลรอสก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ประเภทที่ว่าเขาจะต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอนหากรับการโจมตีเมื่อครู่เข้าไปเต็มๆ "เธอทำบ้าอะไรของเธอกันเนี่ย! ไม่ได้กลัวตายเลยหรือไง!!" เอลรอสตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง ในขณะทีเรอาทำได้เพียงยิ้มให้เท่านั้น "ใครบอกล่ะว่าฉันไม่กลัวตาย... แต่ฉันก็ปล่อยให้คนที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างทรมานตายไปโดยไม่รู้จักคำว่า'เพื่อน'ไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นแหละ-" เรอากระอักเลือดออกมาเป็นการแสดงให้เห็นว่าร่างกายของเธอมาถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการแบบร่างกายที่บอบช้ำทางจิตใจมาถึงหมู่บ้านที่แสนห่างไกลเช่นนี้ ได้รับพลังปีศาจเข้าสู่ร่างในการต่อสู้กับเอลรอส และยังถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งทำร้ายถึงสองครั้งอีก ถึงจะเป็นคนนอกก็ดูออกว่าเรอาทนรับความเจ็บปวดมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว "แต่ว่านะ... ฉันก็ไม่มีความคิดที่จะตายทั้งๆที่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับเมโรเน่เหมือนกัน เพราะงั้นฉันจะ...มีชีวิตรอดกลับไปหายัยนั่นให้ได้" เด็กสาวพยายามดันตัวลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะล้มลงไปหลายต่อหลายครั้งจนเอลรอสรู้สึกเวทนาจับจิต แต่เขาเองก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้เช่นกัน เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้ทั้งสองตกเป็นเป้าให้ฆ่าของศัตรูอย่างถาวร "ก็ผิดคาดไปหน่อยนะที่มีคนมาขวางพลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าเอาไว้ แต่ก็...ไม่เป็นไร" ฝั่งโอลิเบียที่รู้สึกอึ้งไปเหมือนกันที่เห็นเรอากระโดดเข้ามารับการโจมตีของเธอเอาไว้อย่างไม่รู้จักกลัวตายจนไม่ลงมือกับทั้งสองในช่วงที่กำลังพูดคุยตามประสาคนที่บาดเจ็บจนใกล้สิ้นลม แต่ถึงอย่างนั้นมวลพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมก็ถูกรวบรวมขึ้นมาอีกครั้งบนฝ่ามือทั้งสองข้างที่ชูขึ้นฟ้า ขนนกสีดำพริ้วสะบัดไปตามแรงลมที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นเค้าลางของความตายปรากฏอยู่ตรงหน้า เอลรอสก็ได้ตัดสินใจที่จะลงมือทำในสิ่งที่ปีศาจทั่วไปไม่มีทางที่จะบ้าบิ่นได้ถึงเพียงนี้ เขาเลือกที่จะฝังคมเขี้ยวลงไปในลำคอของเทพตกสวรรค์เลือดผสมอีกครั้งก่อนจะดูดเลือดของเธอออกมาจริงๆ ในปริมาณที่น้อยมากจนเหยื่อของเขาไม่มีวันสิ้นลมเพียงแค่นั้นอย่างแน่นอน... ทันใดนั้นเองร่างของเอลรอสที่แทบจะไม่มีพลังปีศาจเหลืออีกต่อไปแล้วก็มีออร่าที่รุนแรงกระจายออกมาจนกลบแสงจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพตกสวรรค์ไปจนหมดสิ้น พร้อมกับร่างกายที่ได้รับพละกำลังกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งที่ลุกขึ้นยืนโดยไม่สะทกสะท้านกับบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะชั่วพริบตาที่กระเพาะของเอลรอสได้รับโลหิตจากเทพตกสวรรคเลือดผสม บาดแผลที่เกิดจากพลังศักดิ์สิทธิ์ก็สมานเข้าหากันแนบสนิทราวกับไม่เคยมีบาดแผลใดๆเกิดขึ้น "นอกจากจะทำร้ายฉันแล้ว พวกแกยังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเรอาอีกด้วย... โทษทัณฑ์ของพวกแกมีเพียงอย่างเดียว" เอลรอสพูดด้วยน้ำเสียงเรียบจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาปีศาจที่เป็นคู่อาฆาตของเทพตกสวรรค์ที่เขากำลังปกป้องอยู่เลย เขาก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อใช้ร่างกายที่ได้รับพลังปีศาจกลับคืนมาเป็นโล่กำบังสาวน้อยจากลูกหลงที่จะเกิดขึ้นพร้อมประกาศศึกกับเทพตกสวรรค์และมือปราบมารผู้ชั่วร้าย "ฉันจะจัดการพวกแกซะ! แล้วจากนั้นก็จะถวายดวงวิญญาณของพวกแกแด่ท่านจอมมารลูซิเฟอร์พิพากษาต่อในนรก!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ