Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  30.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) เมื่อสุริยคราสเริ่มเลือนหาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     {{จำกัดเวลาสิบวินาที หมดลง}}

 

 

     สายตาของเรอาที่เบนออกไปจากหมัดที่ชะโลมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกำลังจะเข้าปะทะกับพลังปีศาจที่หักล้างกันเองของเอลรอสนั้นทำให้เธอมองเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลกำลังยืนดูการต่อสู้ในครั้งนี้อยู่ ท่าทางของมันนั้นช่างดูสงบเงียบจนทั้งเธอและอาจรวมถึงเอลรอสไม่อาจจับการดำรงอยู่ของสิ่งๆนั้นได้เลย

 

 

     จนกระทั่งแสงอาทิตย์ได้ถูกความมืดกลืนกินไปจนหมด เชื้อเพลิงระดับสุดยอดที่ขับเคลื่อนพลังของปีศาจให้โชติช่วงจนถึงขีดสุดได้ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า จังหวะนั้นเองที่เรอาสัมผัสได้ถึงอันตรายสุดคาดเดาในระยะใกล้เกินหลบหลีก

 

     พลังปีศาจในมือของแวมไพร์หนุ่มลุกโชนกลายเป็นลูกเพลิงยักษ์กลืนกินพลังของเธอไปจนหมด และเข้าทำร้ายเธออย่างรุนแรงจนพลังอัดทำลายได้ฉีกเสื้อด้านหลังของเรอาจนขาดไปทั้งแผ่นหลังล้มกลิ้งไปกับพื้น

 

 

     "ก็เพราะเลินเล่อเกินเหตุไง ผลลัพธ์ถึงได้ออกมาเป็นอย่างนี้" เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้นหลังจากที่การโจมตีของเขาเข้าถึงตัวเด็กสาว

 

 

     ร่างของเรอานอนสั่นระริกจากพลังปีศาจที่ถูกฉีดเข้ามาผ่านทางกรงเล็บที่ฝังลงบนกะบังลมจนหายใจไม่ถนัด ทำให้เอลรอสที่สบโอกาสทองในการปลิดชีพเทพตกสวรรค์คู่แค้นสะบัดปีกแห่งปีศาจพุ่งเข้ามาปิดบัญชีก่อนที่สุริยคราสเต็มดวงจะหายไปจนกลับมาเป็นเรอาที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

     แต่แล้วสิ่งที่เขาสังเกตเห็นหลังจากที่บินตรงเข้าไปหาเด็กสาวที่เสื้อด้านหลังขาดวิ่นจนมองเห็นผิวสีขาวนวลขึ้นมาภายใต้ความมืดที่มีแสงจากโคโรน่าส่องมาให้พอจับตำแหน่งบนพื้นดินได้นิดหน่อยก็ทำให้การโจมตีของเอลรอสชะงัก

 

     นั่นก็คือ... แผ่นหลังที่มีปีกสีดำซึ่งมีร่องรอยถูกกระชากอย่างแรงจนเหลือแต่โคนของเทพตกสวรรค์สาวนั่นเอง

 

     "นี่เธอ ต่อสู้กับฉัน ทั้งๆที่ไม่มีปีกงั้นเหรอ!?"

 

     เอลรอสกลับตัวกลางอากาศเอาส้นเท้าลงพื้นในตำแหน่งที่เลยร่างของเรอาไปนิดหน่อยจนกลายเป็นร่องจากการถูกกะเทาะด้วยเท้าที่แข็งแรงดุจเหล็กกล้า และขณะนั้นเอลรอสเริ่มมีความรู้สึกลังเลและสำนึกผิดปรากฏขึ้นในใจ

 

     เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขาที่เป็นเทพตกสวรรค์จะต้องสู้กับเขาที่สามารถบินได้ในสภาพที่ไม่มีปีก และเขาเองก็ได้พูดจาหยาบคายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งยังพูดจาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าอีกด้วย

 

     และสิ่งที่เขาเลือกจะทำเพื่อชดใช้ความผิดที่ยากเกินกว่าจะได้รับการให้อภัยนี้นั้นก็ทำให้เรอาที่กำลังมองเขาด้วยสายตาที่เจ็บแค้นถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ

 

 

     "นั่นนายจะ…ทำอะไร"

 

     “ฉันพูดจาแย่ๆกับเธอ แถมยังใช้วิธีต่อสู้ที่ขี้ขลาดกับเธออีก ต่อให้ใช้วิธีขอโทษแบบไหนก็ไม่มีทางชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำลงไปได้หมดหรอก”

 

     สิ่งที่ปรากฏตรงหน้านัยน์ตาที่เลือนลางของเรอานั้นคือ เอลรอสที่น่าจะเป็นผู้ปลิดชีพเธอไปตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้กำลังนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าเธอราวกับท่าสำนึกผิดของนักรบ แต่ทำไมปีศาจที่ไม่น่าจะรู้เรื่องนี้กลับต้องมาทำแบบนี้ด้วย

 

     “ลุกขึ้นเถอะเอลรอส ทำแบบนี้ไปฉันก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นหรอกนะ อีกอย่างนายต้องการจะล้างแค้นให้พ่อของนายด้วยไม่ใช่เหรอ ฆ่าฉันเลยสิ”

 

     เรอาที่ทนดูการกระทำที่เกินกว่าสายตาเธอจะรับได้เค้นเสียงจากลำคอพูดออกมาให้ปีศาจที่กำลังทำเรื่องที่พวกปีศาจด้วยกันไม่น่าจะยอมทำเรื่องพวกนี้เลิกพูดขอโทษเธอเสียที เพราะหากว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเธอ เธอคงจะปลิดชีวิตของเอลรอสไปโดยไม่พูดพล่ามใดๆทั้งสิ้น

 

     แต่ในระหว่างที่ความคิดของเรอากำลังกลายเป็นสีขาวเพราะความสับสนที่ตีกันเอง คำถามหนึ่งก็ถูกพ่นออกมาจากปากของแวมไพร์ที่กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าเธอ…

 

     “จะว่าไปแล้ว ช่วงแรกๆที่ฉันเล่นเธอนี่จำได้ว่าเธอแทบจะไม่ตอบโต้อะไรเลยนี่นา ทำไมถึงได้ปล่อยให้ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ”

 

     เรอาแสดงสีหน้าเรียบเหมือนคนที่ถูกทำลายอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดมองไปยังเอลรอสราวกับจะบอกว่า‘เรื่องมันก็รู้ๆกันอยู่ไม่ใช่เหรอ’อย่างนั้น เธอค่อยๆดันตัวขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเลแม้ว่ากำลังถูกพลังปีศาจแผดเผาภายในร่างอยู่ก็ตาม

 

 

     “….เพราะเหมือนกันมาก นายน่ะเหมือนยัยนั่นมาก” เรอาพูดเสียงเบาจนแทบจะถูกคลื่นสุริยกลบได้ทุกเมื่อ แต่เธอก็ยังขยับปากต่อไปถึงจะมีน้ำตาไหลเข้าช่องปากอยู่ตลอดเวลา

 

 

     “นายน่ะเหมือนกับเทวทูตคนนั้นมาก… เหมือนกับตอนที่ฉันเจอเมโรเน่ครั้งแรกราวกับถ่ายเอกสารมาเลย แววตาของนายเหมือนกับดอกกุหลาบที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวมาตลอดชีวิต เพราะอย่างนั้นฉัน…เลยไม่อยากทำร้ายคนที่เหมือนกับเพื่อนสนิทของฉันเด็ดขาด ต่อให้คนๆนั้นจะเป็นปีศาจหรือเทวทูตก็ตาม”

 

 

     เรอาขยับขาลุกขึ้นจากพื้นหินเป็นผลสำเร็จ เธอพาร่างที่เต็มไปด้วยคราบสกปรกเดินไปยังลานน้ำพุที่อยู่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเธอต่อสู้กันไม่กี่ก้าวก่อนจะทรุดลงที่โขดหินกั้นน้ำออกอย่างคนหมดแรง และด้วยแสงจากวงสุริยคราสที่ส่องลงมากระทบผิวน้ำเข้าสู่นัยน์ตาของเรอานั้นเองที่ทำให้เธอมองเห็นเงาสะท้อนจางๆของตัวเอง

 

     ใบหน้าของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยเศษฝุ่นที่เปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มทั้งสองราวกับลายทหารพราง ดวงตากับเส้นผมสีดำสนิทซึ่งกลายมาเป็นเงาดำบนผิวน้ำนั้นดูเป็นเหมือนกับเครื่องย้ำเตือนถึงชาติกำเนิดของบุตรสาวแห่งเทพตกสวรรค์ที่ไม่มีปีกโบยบินอย่างเสรีภายใต้ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ เอลรอสหันหน้ามองตามเธอไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

 

 

     “ฉันลองมาคิดๆดูแล้วนะ… ถ้าหากว่าฉันเกิดมาโดยไม่มีโซ่ตรวนแห่งเทพตกสวรรค์พันธนาการชะตาชีวิตเอาไว้ให้ต้องต่อสู้กับนายแล้วมันจะเป็นยังไง ตอนนี้ฉันคงจะยังเล่นสนุกอยู่กับยัยเทวทูตอ่อนหัดนั่นได้โดยที่ความลับของยัยนั่นยังไม่แตก คงจะไม่ต้องกลายมาเป็นต้นเหตุให้แม่ของฉันต้องเสียสละชีวิตเพื่อฉัน แล้วก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆอย่างร่างจำแลงของจอมมารลูซิเฟอร์อีกด้วย”

 

     เรอาก้มมองเงาสะท้อนของตัวเองภายใต้แสงตะวันที่จางลงมากจากการบดบังของดวงจันทร์พร้อมกับขบฟันแน่นจนแทบจะหักเป็นเสี่ยงๆ เธอกำหมัดแน่นจนร่างกายของเธอสั่นไปโดยทั่วทำให้เป็นที่สงสัยของแวมไพร์ที่กำลังมองแผ่นหลังของเธออยู่ ประกอบกับเสียงที่สั่นเครือซึ่งดังออกมาจากริมฝีปากของเธอเองจึงไม่ต้องเดาเลยว่าในขณะนี้ เรอากำลังร้องไห้อยู่

 

     เอลรอสทำได้เพียงมองไปยังแผ่นหลังที่สั่นขึ้นลงตามเสียงที่สั่นเทาของเทพตกสวรรค์ที่ควรจะเป็นคู่อาฆาตตราบฟ้าดินสลายด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากเดิม

 

     ถึงแม้ว่าสำหรับเขาแล้วเรอาจะเป็นคนที่เขาจะต้องจบชีวิตลงด้วยตัวของเขาเอง แต่เพราะสภาพที่ดูอ่อนแอจนไม่น่าเชื่อนั้นก็ทำให้เอลรอสรู้สึกอยากจะปกป้องเธอขึ้นมาทันตา ซึ่งผิดกับความตั้งใจส่วนลึกของเขาเอง

 

 

     จนในที่สุดเมื่อสะบัดหัวสองทีจนตั้งจิตให้มั่นคงได้แล้ว เด็กหนุ่มสายเลือดครึ่งปีศาจก็รู้แล้วว่าขณะนี้เขาควรจะทำอะไรที่สุด

 

 

     ตุบ---

 

     เหมือนกับความร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายซีกขวาก็ไม่ปาน ไหล่ขวาที่เกร็งแน่นเพื่อข่มความรู้สึกที่อัดอั้นมาโดยตลอดให้กลับเข้าสู่ข้างในลึกๆของเรอาก็ถูกฝ่ามือหยาบๆของปีศาจหนุ่มวางลงอย่างนุ่มนวลราวกับต้องการถนอมผิวพรรณที่งดงามของเธอให้คงอยู่ตลอดไป แม้ว่าเขาเองที่เป็นคนทำให้ผิวของเธอมีรอยถูกบาดจนเสียรูปไปก็ตาม...

 

     “เอล…รอส”

 

     “ไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะ เธอน่ะไม่ใช่คนผิดหรอก แล้วก็ไม่สมควรจะมาร้องไห้อยู่แบบนี้ด้วย”

 

     “ฉันน่ะนะร้องไห้… ฉันน่ะ…ไม่มีทาง”

 

     “ในวันที่เธอเกิดขึ้นมา ผู้นำเทพตกสวรรค์ก็ได้หารือกันแล้วว่าจะกวาดล้างเหล่าผู้ทรยศให้หมดสิ้นไป แล้วก็เพราะเธอคือบุตรสาวแห่งเทพตกสวรรค์ไม่ใช่เหรอที่ทำให้เธอได้พบกับเพื่อนของเธอที่เป็นเทวทูต ได้มีความรู้สึกดีๆให้กัน ได้เป็นเพื่อนรักกัน แล้วถ้าคนที่ต่อสู้กับฉันไม่ใช่เธอแต่เป็นมือปราบมารคนอื่น ฉันก็คงถูกฆ่าไปแล้ว… เธอน่ะ…ไม่ผิดหรอกนะ”

 

     เอลรอสจี้ได้ถูกจุดพอดี ถึงแม้ว่าเขาเพิ่งจะรู้ว่าเรอามีเพื่อนเป็นเทวทูตเมื่อครู่นี้เองก็ตาม…และถึงแม้ว่าเรอาจะเป็นคนที่เขาต้องฆ่าให้ตายกับมือก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ปล่อยให้เธออยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้อยู่ดี เขาจึงโอบกอดเรอาเอาไว้จากด้านหลังเพื่อให้เธอพอคลายความโศกเศร้าลงไปได้บ้าง ถึงแม้ว่าเมื่อเรอาหยุดร้องไห้แล้วเขาจะถูกเธอฆ่าตายทันทีเลยก็ตาม

 

     ซึ่งในขณะนี้สุริยคราสเต็มดวงก็ได้เคลื่อนตำแหน่งจนกลายเป็นพระอาทิตย์เสี้ยวไปแล้ว เหลือเวลาอีกราวๆสามนาทีก่อนที่พระอาทิตย์จะปรากฏขึ้นเต็มดวงอีกครั้งหนึ่ง

 

     แต่เพราะสิ่งที่เทพตกสวรรค์ขี้แยตรงหน้าต้องการนั้นไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือชั้นจากแสงจันทร์หรือแสงอาทิตย์ เพราะอย่างนั้นเอลรอสจึงเลือกที่จะปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนกว่าเด็กสาวในอ้อนแขนของเขาจะระบายความเศร้าในใจออกมาได้ทั้งหมด เอาไว้จนถึงตอนนั้นแล้วเขาจะถูกฆ่าหรือทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง

 

 

     “ปล่อยฉันเถอะ… นายน่ะไม่ได้อยากจะฆ่าฉันหรอกเหรอ ถ้าจะทำแบบนั้นตอนนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ” เสียงเบาๆเหมือนพูดในลำคอดังออกมาจากเด็กสาวผมดำอย่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร

 

 

     “มันก็ใช่ แต่ว่านะ…เรื่องของพ่อน่ะจะเป็นยังไงก็ช่างมันแล้ว ก็เธอน่ะไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นใช่ไหมล่ะ แล้วจะให้ปล่อยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้มีแผลในใจต่อไปได้ยังไง”

 

     “หึๆ พูดเหมือนกับพวกขี้หลีเลยนะ ยิ่งฟังก็ยิ่งดูเหมือนละครน้ำเน่าเข้าไปทุกคำจริงๆ แต่เอาเถอะ”

 

     เรอาหลับตาพริ้มพร้อมกับยกมือขึ้นกุมมือสีขาวแกมน้ำผึ้งของเอลรอสเอาไว้อย่างอ่อนโยนราวกับต้องการจะบอกว่า’อย่าเพิ่งปล่อยตอนนี้นะ’ แน่นอนว่าความรู้สึกที่เรอามีให้กับเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงกับหมอนข้าง

 

 

     “ครั้งนี้ฉันจะปล่อยนายให้มีชีวิตอยู่ต่อ แต่ถ้านายยังจะสานต่อตำนานของหม่บ้านนี้ต่อไปละก็ มือปราบมารที่จะปรากฏตัวในหมู่บ้านนี้จะไม่ใช่ฉันอีกต่อไปแล้ว”

 

     “ใช่ครับๆ เพราะคนที่จะปรากฏตัวเป็นรายต่อไปก็คือกระผมเองขอรับ”

 

     เสียงแหลมๆที่เหมือนกับดัดให้เหมือนการเล่นตลกดังขึ้นขัดจังหวะจนเรอากับเอลรอสต้องแยกวงออกจากท่าคู่รักประกอบพันธสัญญามองไปยังต้นเสียงที่อยู่ด้านบนของทั้งสองไปอีก ตรงนั้นเองที่สายตาของทั้งคู่มองเห็นร่างใครคนหนึ่งกำลังยืนเท้าเอวเหมือนพวกชนชั้นสูงพร้อมทำสายตาที่เหมือนกำลังมองสิ่งที่สกปรกจนไม่สมควรมีอยู่บนโลกใบนี้ให้กับลูกครึ่งปีศาจกับลูกครึ่งเทพตกสวรรค์ ก่อนที่ร่างนั้นจะกระโดดลงมาจากหลังคากระเบื้องที่แตกหักจากน้ำหนักตัวของเขาลงมาที่พื้นอย่างนิ่มนวล

 

     “แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นนอกจากจะเป็นลูกของรุ่นพี่มือปราบมารของฉัน มันยังเป็นถึงลูกสาวของเทพตกสวรรค์ที่ทรงพลังอำนาจอีกด้วย แต่ยังไงก็สู้กระผมไม่ได้หรอกคร้าบ!”

 

     ร่างนั้นสะบัดชายผ้าคลุมสีน้ำเงินออกเผยให้เห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้นตาเรอามากพร้อมกับทำหน้าเหยเกผิดกับคำพูดคำจาใส่เธอ ทรงผมสีเงินที่จัดเข้าทรงเหมือนหูสุนัขจิ้งจอกพริ้วไปตามแรงลมระหว่างที่กระโดดลงมายังพื้นด้านล่าง ความรู้สึกหมั่นไส้ระคนรังเกียจของเด็กสาวที่มีต่อเขาคนนั้นได้ดำเนินมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

 

     “อาเดล เรสเตอร์!”

 

     เรอาขานชื่อมือปราบมารคนใหม่ที่ตามกลิ่นแวมไพร์ออกมาด้วยสายตาที่แฝงความเกลียดชังอย่างสุดหัวใจ ชายคนนั้นเองที่เคยเสนอตัวว่าจะช่วยเหลือหมู่บ้านของเธอจากบรรดาปีศาจที่ยึดครองที่ดินทำกินก่อนจะจากไปอย่างไม่แยแส เว้นแต่เพราะเรอาได้ขัดขวางเขาเอาไว้จนต้องหลบหนีไปด้วยตัวเปล่าๆทำให้แผนของอาเดลต้องล้มเหลว

 

     แต่มันก็น่าสนใจอยู่ที่ว่าทำไมชายคนนี้ถึงได้ยังมีชีวิตอยู่ทั้งๆที่หมู่บ้านของเรอานั้นอยู่ห่างจากเมืองหลวงมากจนถ้าไม่มีม้าช่วยในการเดินทางก็ไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่ๆ

 

     ถ้าอย่างนั้นเพราะอะไรกัน…

 

 

     “โอ๊ะๆ! แววตาแบบนั้นดูเหมือนจะสงสัยนะครับว่าทำไมผมถึงมีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมกลางทะเลทรายนรกนั่นได้ทั้งๆที่ไม่มีม้า จำที่กระผมพูดเอาไว้เมื่อครั้งนั้นไม่ได้เหรอว่าผมได้รับความช่วยเหลือจาก---”

 

     การแนะนำตัวที่เหมือนกับจะหยอกล้อของมือปราบมารหนุ่มถูกขัดเอาไว้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเป็นเส้นตรงไปยังพื้นใกล้เท้าของเขาจนต้องยกเท้าหลบด้วยท่าทีตกใจจนเส้นผมหลุดร่วงไปหลายแสนเกือบจะล้าน แต่เรอาก็รู้ว่านั่นเป็นเพื่อการแสดงบ้าๆของเขาเท่านั้นเอง

 

   ผิดกับเอลรอสที่มองเชาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร กำปั้นของเขาจะเป็นเครื่องวัดทุกสิ่ง

 

     “โอ้ๆ อย่าเพิงใจร้อนสิพ่อปีศาจหนุ่ม ทำสายตาแบบนั้นใส่ฉันน่ะถึงตายเชียวนะ หรืออยากจะให้ฉันทำให้แกเป็นอย่างสาวน้อยเทพตกสวรรค์ไม่สมภาคภูมิที่แกกอดด้วยความ… โอ๊ว!”

 

     อาเดลแลบลิ้นใส่เอลรอสก่อนจะกอดอกส่ายไปมาราวกับจะยั่วประสาทของเขาให้แตกซ่าน ซึ่งถ้าไม่ได้สัมผัสที่ฝ่ามือของเรอาช่วยระงับเอาไว้ เขาก็คงพุ่งเข้าไปบวกกับมือปราบมารแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเสียแล้ว

 

 

     “จากตอนนั้นกระผมยังพูดไม่จบสินะว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพลังศักดิ์สิทธิ์ของกระผม ถ้าอย่างนั้นผมจะแนะนำท่านผู้นั้นให้ได้รู้จักเดี๋ยวนี้แหละ”

 

     อาเดลชูมือขวาขึ้นฟ้าราวกับกำลังอัญเชิญเทพโอซิริส พริบตานั้นเองที่ท้องฟ้าเหนืออาเดลขึ้นไปมีกลุ่มเมฆสีดำปรากฏขึ้นบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาถึงครึ่งดวง พร้อมกันนั้นลางสังหรณ์ของเรอาก็รู้สึกได้ถึงขุมพลังที่มีคุณสมบัติคล้ายๆกันผสมอยู่ภายในเมฆดำเหล่านั้นด้วย จนในที่สุดพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นก็เพื่มความเข้มข้นถึงขีดสุดก่อนจะก่อรูปร่างเป็นเทวทูตคนหนึ่งกำลังลอยลงมาจากท้องฟ้าด้วยท่าทีสง่างาม

 

     เพียงแต่ปีกของเทวทูตตนนั้นเป็นสีดำสนิทเท่านั้นเอง…

 

     “จะแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับหัวหน้าของกระผม… ผู้ทรงพลังที่สุดในบรรดาเทพตกสวรรค์ระดับปีกหนึ่งคู่ ท่านโอลิเบีย!”

 

 

     ต่างกันมาก! ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากร่างของเทพตกสวรรค์ตนนั้นต่างออกไปจากที่รู้จักมาก

 

     ผิวสีขาวน้ำนม รูปหน้าเข้าทรงกับเส้นผมสีดำดุจถ่านหินบริสุทธิ์ อีกทั้งสัดส่วนร่างกายอันเป็นที่หลงใหลของชายหนุ่มจนสรรหาคำนิยายไม่ถูก เพียงแค่คำว่า”สวย” “งดงาม” “น่ารัก”ไม่เพียงพอที่จะบรรยายลักษณะของเธอได้เป็นแน่

 

     ต่างจากเรอาที่มีเพียงบรรยากาศของความสดใส ต่างจากเมร่าและเทสล่าที่เคยปรากฏตัวเมื่อก่อนหน้านี้… เทพตกสวรรค์ตนนี้มีเพียงแรงปรารถนาที่จะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหูขวางตาทิ้งไปเท่านั้น นั่นเองจึงทำให้ปีศาจซึ่งเป็นศัตรูของเหล่าเทพตกสวรรค์ และเทพตกสวรรค์ที่ประพฤติตนผิดแปลกจากเทพตกสวรรค์โดยทั่วไปกลายเป็นเป้าหมายอันดับแรกๆของเธอไปโดยปริยาย

 

     นอกจากนั้นความแตกต่างระหว่างเทพตกสวรรค์ทั้งสามคนก็ยังปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด เหนือกว่าเรอาที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพตกสวรรค์ เหนือกว่าเมร่าที่ชำนาญในการต่อสู้ประชิดตัว เหนือกว่าเทสล่าที่ถนัดการต่อสู้ระยะไกล เพียงการยกมือขึ้นทำปางค์ห้ามญาติของเทพตกสวรรค์คนนั้นก็ทำให้เกิดเป็นคลื่นอัดกระแทกรุนแรงเข้าทำร้ายทั้งสองอย่างรุนแรงแล้ว

 

     “เหวอ..!”

 

     “กรี๊ด..!”

 

     เรอากับเอลรอสที่ไม่สามารถต้านทานพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดของเทพตกสวรรค์ผู้เป็นเจ้านายของมือปราบมารนอกรีตนั้นได้ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เจือจางคล้ายกับเป็นเพียงม่านพลังอ่อนๆอัดกระแทกเข้าไปจนลอยไปกระแทกกับกำแพงบ้านที่อยู่ห่างจากตรงนั้นไปหลายสิบเมตรจนพังทลายลง ขณะนั้นไม่มีชาวบ้านคนไหนทนอยู่ภายในที่กำบังได้อีกต่อไปแล้ว

 

     โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพื้นหินบริเวณใต้เทพตกสวรรค์คนนั้นไปเป็นรัศมีสองเมตรถูกพลังของเธอกวาดล้างจนหายไปสิ้น

 

     “ฮะๆๆ! เป็นยังไงล่ะ รู้สึกเป็นยังไงบ้างเวลาที่เผชิญหน้ากับเจ้านายผู้สูงศักดิ์ ถึงจะเป็นเทพตกสวรรค์ปีกคู่เดียวเหมือนกันแต่พลังต่างกันลิบลับเลยใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะกับเทพตกสวรรค์ที่ไม่มีปีกด้วยแล้ว”

 

     อาเดลหัวเราะลั่นอย่างสะใจเมื่อได้เห็นเด็กสาวที่เคยสร้างความอับอายให้เขาถูกเจ้านายของตัวเองเล่นงานจนถึงกับหน้าถอดสี แต่แล้วเสียงหัวเราะของเขาก็ได้หยุดลงเมื่อเทพตกสวรรค์ที่ค่อยๆลงมายังพื้นด้านล่างได้หันมามองเขาด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก

 

 

     “มีอะไรหรือเปล่าครับ ท่านเจ้านาย” อาเดลเข้าประจบสอพลอเจ้านายของตัวเองเหมือนอยากได้เงินเดือนเพิ่ม ซึ่งดูจากสีหน้าของโอลิเบียนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

 

     “นี่เจ้าถึงกับขอร้องให้ข้าช่วย กับอีแค่ปีศาจจะตายไม่ตายแหล่กับเทพตกสวรรค์กระจอกงอกง่อยอย่างนี้น่ะเหรอ เจ้าชักจะดูถูกข้าเกินไปแล้ว”

 

     “อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิขอรับท่านโอลิเบีย ผมสัญญาครับว่าจะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างงามแน่นอน”

 

 

     สังเกตได้ว่าอาเดลเริ่มมีสีหน้าตระหนกนิดหน่อยหลังจากที่ได้ยินเทพตกสวรรค์เจ้านายของตนพูดเชิงไม่พอใจกับการเรียกตัวเองออกมาสู้ในสังเวียนที่เหมือนเด็กท้าชกผู้ใหญ่ เหมือนกับว่าขณะนี้โอลิเบียกำลังเป็นเจ้าชีวิตของเขาอยู่

 

     “เอาเถอะ ข้าจะเว้นโทษเจ้าสักครั้งที่ทำให้ข้าได้มาเห็นอะไรดีๆแบบนี้ ข้าขอจัดการกับปีศาจนั่นเอง ส่วนเจ้าคงจะมีหนี้ค้างชำระเทพตกสวรรค์คนนั้นอยู่ใช่ไหมล่ะ ไปจัดการตามสบายเถอะ”

 

     “รับทราบ องค์หญิง”

 

     อาเดลแสยะยิ้มอย่างพอใจเมื่อรู้ว่ากำลังจะได้เอาคืนเรื่องที่เรอาทำให้เขาต้องเสียหน้ามาแล้วครั้งหนึ่งเสียที ในขณะที่เขากำลังชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาไว้ในมือทั้งสองข้างนั้นเอง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เรอาและเอลรอสดันตัวขึ้นมาจากซากบ้านที่ถล่มลงมาพอดี

 

 

     “เอาล่ะ… ถึงเวลาชำระแค้นแล้วนะ ยัยเทพตกสวรรค์ชั้นต่ำ” อาเดลแกลมเสียงในลำคอก่อนจะชี้ปลายดาบศักดิ์สิทธิ์ใส่เรอาอย่างเลือดเย็น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา