Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  30.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) ทำลายกฏที่มีอยู่ไปซะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากผ่านการต่อสู้ที่ต้องแลกมาด้วยสิ่งสำคัญที่สุดที่หนึ่งชีวิตจะสามารถมีได้แค่ครั้งเดียวและศักดิ์ศรีภายใต้สายเลือดอันไม่บริสุทธิ์ของเหล่าเทพตกสวรรค์มานับหลายครั้งจนร่างกายและจิตใจบอบช้ำจนไม่สามารถลุกยืนขึ้นมาได้อีกต่อไป ในที่สุด...จุดมุ่งหมายของสาวน้อยที่ต้องมั่นเอาไว้เป็นอย่างแรกและสิ่งสุดท้ายในการเดินทางอันแสนยาวนานก็กำลังดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด




     เมื่อเสียงฝีเท้าของอาชานรกได้มาหยุดลงบนทางเดินหินประดับที่ถูกจัดเรียงเอาไว้สำหรับต้อนรับนักเดินทางที่สู้สละเวลามาเยี่ยมชมความงดงามของเมืองลับแลท่ามกลางขุนเขาที่รายรอบเป็นกำแพงป้องกันศัตรูทางธรรมชาติของเหล่ามนุษย์โดยมีเรอาที่แทบจะหมดสติเพราะพลังใจไม่มีเหลือนั้นเอง... ร่างของมันก็เลือนหายไปในอากาศราวกับเป็นเพียงภาพลวงตาที่มีอยู่จริงของเธอเท่านั้น และเพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้ร่างของเทพตกสวรรค์ไร้ปีกตกลงสู่พื้นหินด้านล่างโดยไม่มีการยื่นแขนออกไปรับการกระแทกแม้แต่น้อย


แต่ถึงอย่างนั้นเรอาก็ยังมีแรงเหลือมากพอที่จะเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นดินพร้อมกับคราบน้ำตาเพื่อสำรวจบรรยากาศรอบๆตัวราวกับเก็บทุกรายละเอียดทุกฉากเอาไว้เล่าให้ผู้คนในหมู่บ้านของเธอฟังหลังจากที่เสร็จภารกิจกำจัดปีศาจระดับสูงเรียบร้อยแล้ว



ซึ่งสิ่งที่เรอาเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ... หน้าต่างเกือบทุกบานของบ้านไม้แต่ละหลังนั้นปิดตายสนิทด้วยแผ่นไม้ที่ถูกตอกด้วยตะปูหลายสิบดอก ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหน้าต่างอย่างน้อยหนึ่งบานที่เปิดออกมาในทางเดียวกับทางเข้าหมู่บ้านราวกับมีคนกำลังมองดูต้นกำเนิดเสียงฝีเท้าม้าที่ขาดหายไปเมื่อสักครู่นี้ไม่มีผิด




     'แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างมันเถอะ! ตอนนี้ฉันง่วงมาก...ไม่อยากจะสนแล้วว่าเมืองนี้จะยังมีใครอาศัยอยู่หรือเปล่า ฉันขอนอนพักสักเดี๋ยวแล้วกัน...'








                    "คุณแม่คะ! พี่สาวยังไม่ตื่นขึ้นมาเลยค่ะ... จะทำยังไงดีล่ะคะ!?"


               "อย่าไปส่งเสียงดังข้างๆพี่เขาสิลูก..! พี่สาวเขาต้องนอนพักผ่อนให้เยอะนะ! ลูกมาช่วยแม่เตรียมน้ำกับอาหารให้พี่เขาทานตอนตื่นขึ้นมาจะดีกว่านะ"


          "แต่พี่สาวเขาสลบไปนานมากแล้วนะคะ! แถมไม่รู้ว่าจะโดนเจ้าแวมไพร์นั่นกัดเข้าหรือเปล่า... แล้วก้อนเนื้อสีดำๆสองก้อนบนหลังพี่สาวคิออะไรกันคะ! หนูไม่เห็นมีของแบบนั้นเลยนี่นา..."




เปลือกตาที่ปิดสนิทมาเป็นเวลานานเริ่มสั่นอย่างช้าๆก่อนจะค่อยๆแยกตัวออกจากกันเผยให้เห็นดวงตาสีดำสนิทข้างในที่ไม่ได้รับแสงตะวันอย่างเต็มๆตามาเป็นเวลานาน ภายในดวงตาที่สามารถมองเห็นภาพของทุกสิ่งรอบด้านที่ต่างออกไปจากสิ่งที่เห็นก่อนที่จะหมดสติไปได้อย่างชัดเจนนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่กังวลใจอย่างบอกไม่ถูกเกี่ยวกับความผันแปรที่ไม่อาจประเมินเป็นค่าตัวเลขได้



ราวกับว่าสาวน้อยคนนี้ต้องมนต์เคลื่อนย้ายมิติของจอมมารลูซิเฟอร์ให้ต้องถวายดวงวิญญาณแด่เขาอย่างไม่มีทางเลี่ยงซะแล้ว!?




               "ที่นี่...คุกอัลคาทราซเหรอ!!"



เรอากวาดสายตาไปรอบๆกำแพงสี่เหลี่ยมที่มีหลังคาปิดเอาไว้เหมือนกับเพิงกันแดดกันฝนหลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นก่อนที่ดวงตาจะปิดสนิทลงก็คือ ท้องฟ้ากว้างที่ไร้สิ่งกีดกั้นจากอิสระในการเดินเหินไปทั่วทุกที่ และในจังหวะนั้นเองที่บานประตูไม้เก่าๆที่ปิดสนิทอยู่ทางด้านซ้ายของสาวน้อยก็ถูกแง้มออกอย่างช้าๆจนเกิดเป็นเสียงดังสะท้านประสาทอย่างที่สุด 





"อ๊ะ! พี่สาวตื่นแล้ว..! อรุณสวัสดิ์ค่ะ!!" เด็กสาวอายุราวๆ6ขวบคนหนึ่งก้าวออกมาจากบานประตูที่เปิดออกเข้ามานั่งอยู่ข้างๆเตียงที่เรอากำลังลุกขึ้นนั่งด้วยจังหวะเท้าที่เร็วผิดเด็กผู้หญิงธรรมดา



"อรุณสวัสดิ์... ที่นี่คือ..!?" เรอามองหน้าเด็กสาวที่เข้ามาดูอาการเธอด้วยความรู้สึกสงสัย และในที่สุดสิ่งที่เธออยากจะได้ยินมาตลอดก็ดังลอดแก้วหูที่อ่อนแรงเข้ามายังประสาทรับรู้จนเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง



"ที่นี่คือ'หมู่บ้านฟิโอลี่'จ้ะ! ฉันเห็นแม่หนูล้มลงไม่ขยับที่ทางเข้าหมู่บ้านก็เลยรีบเดินไปพาตัวหนูมาที่บ้านนี้นั่นแหละ... แต่ดูเหมือนว่าเธอจะผ่านอะไรมามากที่ระหว่างการเดินทางนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเดี๋ยวนี้พวกผู้หญิงสาวๆอย่างเธอจะประดับร่างกายด้วยรอยแผลเป็นกันแล้ว"





               หมู่บ้านฟิโอลี่... หมู่บ้านที่มีแวมไพร์อาละวาด หมู่บ้านที่เป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางของเรา!




ในตอนที่หญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะมีอายุมากกว่า30ตอนปลายเดินเข้ามาให้คำตอบกับเธอนั้น เรอาก็รู้สึกตัวได้ว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่เมื่อก่อนจะหมดสติไปนั้นถูกแขวนเอาไว้ตรงราวลวดนอกหน้าต่างเพื่อรับแสงแดดอันแรงกล้าอย่างเต็มที่สำหรับการฆ่าเชื้อโรคที่สะสมเอาไว้ตลอดการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ


และเมื่อสาวน้อยก้มลงมองร่างกายที่ควรจะมีเสื้อผ้าชุดอื่นปกปิดส่วนเร้นลับเอาไว้ก็ต้องตะลึงในสิ่งที่เห็น... บนร่างกายของเธอไม่มีชุดอะไรสวมคลุมเอาไว้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว!!




"เดี๋ยวก่อนนะคะคุณผู้หญิง... เมื่อกี้คุณบอกว่าเดินออกไปช่วยพาตัวหนูเข้ามาในบ้านหลังนี้ใช่ไหมคะ!? คุณผู้หญิงไม่กลัวอสูรดูดเลือดที่พร้อมจะฆ่าคุณได้ตลอดเวลาเลยเหรอคะ!? แล้วหนูหมดสติไปกี่วันแล้ว... อูย!!"




เรอาขดตัวลงด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ถาโถมเข้าใส่ช่องท้องของเธอจนกลายเป็นรอยช้ำสีม่วงที่ขยายวงกว้างไปทั่วทั้งช่องท้องด้านขวา ซึ่งเธอจำได้ในทันทีว่ารอยช้ำนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่มีเรื่องกับเมโรเน่เมื่อไม่นานมานี้ แต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้ไม่สามารถเก็บเอาไว้เป็นความลับได้อีกแล้วจากการที่เสื้อผ้าของเธอถูกยึดอำนาจไปทั้งหมด




"อย่าเพิ่งขยับตัวตอนนี้เลยนะ แผลทั่วร่างของเธอยังไม่หายสนิทดี...แถมที่ท้องของเธอเหมือนกับแผลเลือดตกในด้วยนะ! ทางที่ดีอย่า..."



"กรุณาตอบคำถามฉันก่อนจะได้หรือเปล่า!? ไม่อย่างนั้นฉันจะขยับให้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่นี้ทำลายอวัยวะของฉันให้ตายไปเลย!!"


เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่น รวมทั้งเจ้าตัวเป็นฝ่ายขอร้องทั้งน้ำตา... ทำให้ผู้ที่ช่วยชีวิตสาวน้อยขี้หงุดหงิดนั้นต้องยอมทำตามในคำร้องของเธออย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรเลยก็ตาม





"เอาอย่างนั้นก็ได้... แม่หนูน้อย เธอหมดสติไปตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ตอนนั้นร่างกายเธอซีดมากเหมือนกับขาดน้ำมานานจนฉันไม่มีทางอื่นนอกจากเอาผ้าชุบน้ำโปะริมฝีปากเอาไว้ชดเชยความชื้นในตัวเธอ ตอนนั้นฉันเองก็กลัวเหมือนกันว่าเจ้าปีศาจนั่นจะออกมาเมื่อไหร่จนไม่กล้าออกไปช่วยเธอเหมือนกัน แต่ถึงฉันจะไม่ออกไปมันก็จะดื่มเลือดเธอเป็นอาการอยู่ดี...เพราะงั้นฉันก็เลย"




"แล้วเจ้าปีศาจตัวนั้น... เจ้าตัวที่ชื่อว่า'เฮนรี่ ฟรีแมน'นั่นมีลักษณะเด่นเป็นยังไง! ถ้าคุณอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดก็น่าจะเคยเห็นมันมาครั้งสองครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ!?"




เรอามีแววตาเป็นประกายมากขึ้นกว่าตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมามากจนเด็กสาวและแม่ของเธอรู้สึกได้ แต่เพราะร่างกายของเธอยังมีอาการขาดน้ำอยู่จึงทำให้ทั้งสองเลือกที่ไม่ตอบคำถามเธอในตอนนี้ และยังชวนให้มาทานอาหารด้วยกันเพื่อสร้างบรรยากาศของบ้านที่แสนอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง


และนอกจากนั้นก็เพื่อให้เรอาที่เพิ่งได้สติคืนมาได้รับสารอาหารบำรุงบาดแผลอีกด้วย ซึ่งในขณะนั้นเรอาก็เริ่มรู้สึกสงสัยมากในสิ่งที่เห็นในวงอาหารนั้นถึงภาพที่เด็กสาวกำลังหัวเราะมีความสุขระหว่างกำลังทางอาหารร่วมกับแม่ของเธอ จนทำให้สาวน้อยเริ่มจะอิจฉาในความอบอุ่นของบุพการีที่เรียกว่า "แม่" ขึ้นมานิดหน่อย...





                    "ถ้าตอนนั้นแม่เลือกที่จะอยู่กับพวกเรา...ก็คงจะดีไม่ใช่เล่นนะ!"





"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ...พี่สาว!? ทำไมถึงร้องไห้ล่ะคะ"



เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กสาวถูกขัดจังหวะลงเมื่อเรอาเริ่มทำเสียงแปลกๆที่ไม่ค่อยจะเหมือนกับตัวเธอตามปกติ เรอาก้มหน้าลงพร้อมกดริมฝีปากแน่นราวกับกำลังได้รับความบอบช้ำทางจิตใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งดวงตาที่สะท้อนแสงออกมาเป็นประกายนั้นราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ไม่มีผิด แต่เธอก็เช็ดคราบน้ำตาออกอย่างแนบเนียนเพื่อไม่ให้เด็กสาวรู้สึกเป็นกังวลไปมากกว่านี้




"ไม่...ไม่มีอะไรหรอกแม่หนูน้อย! พี่ก็แค่นึกถึงเรื่องในอดีตที่ไม่น่าจำเกี่ยวกับแม่ของพี่ขึ้นมาก็เท่านั้น..."



"มีอะไรไม่สบายใจแน่ๆใช่ไหมคะ!? แม่ของพี่สาวเป็นคนไม่ดีเหรอคะ!"



"เปล่าหรอกจ้ะ! แม่ของพี่น่ะเป็นคนดีที่สุดเลย...เป็นผู้หญิงที่กล้าที่จะสลัดความกลัวเข้าเผชิญหน้ากับเทพตกสวรรค์โดยไม่คิดหันหลังกลับเพื่อจะปกป้องพี่จากความตายที่กำลังรออยู่ เป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลกนี้เลยล่ะ!"




เรอาหลุดปากเรื่องความทรงจำในอดีตที่เธอในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กแรกเกิดไม่รู้ประสีประสาออกมาให้เด็กสาวที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องราวภายนอกได้รับรู้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว และกว่าที่เรอาจะรู้สึกตัวว่าพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกมาก็ในตอนที่ไม่สามารถกลับลำได้อีกแล้ว





               "ไม่มีอะไรหรอก... ลืมเรื่องที่พี่พูดเมื่อกี้ไปซะเถอะนะ"




ทั่วทั้งบ้านได้ตกอยู่ภายใต้ความเงียบที่ไร้จุดสิ้นสุดทันทีหลังจากที่เรอาเผลอพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกมา ซึ่งในขณะนี้เรอาไม่มีเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งนี้อีกต่อไปแล้วจึงเลือกที่จะเดินออกจากบ้านหลังนั้นไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่แห้งสนิทดีแล้วก่อนจะเดินไปยังใจกลางหมู่บ้านที่ไม่มีใครกล้าเดินออกมาเลยแม้กระทั่งในตอนกลางวัน



แต่ก่อนที่เรอาจะออกจากบ้านที่ให้การต้อนรับเธออย่างอบอุ่นนั้นก็ได้ให้สัญญาแล้วว่าจะต่อสู้เพื่อนำเอาความสงบสุขกลับมายังหมู่บ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความเป็นห่วงเป็นใยของทุกคนที่อาศัยอยู่ในฐานะของมือปราบมารที่ไม่มีอาวุธใดๆติดตัวมาเลย แต่ก็เพราะโชคช่วยอย่างหนึ่งที่ทำให้เรื่องที่ทั้งเธอและแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นเป็นเทพตกสวรรค์ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา





          'การที่แวมไพร์ตัวนั้นจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นนั้นน่ะ... มีอยู่สองอย่างที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ความกระหายเลือดของมันพุ่งขึ้นถึงขีดสุด อย่างแรกก็คือให้เปิดหน้าต่างนอนเวลากลางคืน เพราะแวมไพร์อย่างมันจะลอบเข้าไปสังหารเหยื่อตอนเวลากลางดึกที่เงียบสงัดโดยที่เหยื่อไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ แต่โอกาสที่จะได้เจอก็ไม่แน่นอน...แถมดีไม่ดีมันอาจจะลอบเข้ามาทางข้างหลังด้วยก็ได้'



          'ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งก็คือ... ให้แหวกกฏที่หมู่บ้านนี้ตั้งเป็นกลอนเอาไว้ที่หน้าหมู่บ้าน ถ้าเมื่อไหร่ที่ผู้คนเผลอแหงนหน้ามองท้องฟ้าไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากมองท้องฟ้าหรือเพราะปวดเอวก็ตาม สัญชาตญาณนักล่าของแวมไพร์ก็จะปรากฏแล้วบินลงมาไล่ล่าเธอเอง แต่ต้องระวังเอาไว้อย่างนึง...'





"สับขาหลอกเนียนๆ...งั้นสินะ!"



หลังจากที่เดินเท้ามาเป็นเวลากว่านาทีหนึ่งแล้ว เรอาที่อดรนทนห้ามใจไม่ได้ที่จะแหกกฏเกณฑ์ที่มีเอาไว้เพื่อปกป้องทุกชีวิตในหมู่บ้านฟิโอลี่ก็จัดการเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในทันที โดยเรอาคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าในเวลานี้ย่อมไม่มีใครกล้าที่จะแง้มหน้าต่างออกมาดูเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้เป็นแน่... ซึ่งนั่นเองที่ทำให้เรอาสามารถสวมชุดเกราะเทพตกสวรรค์ได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นระหว่างการต่อสู้





            "เจ้าแวมไพร์นั่นปวดท้องขึ้นมากะทันหันหรือไงฟะ! นี่มันกะจะให้ฉันมองท้องฟ้าอีกนานสักแค่ไหนกันเนี่ย!!"




แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็ได้บังเกิดขึ้นหลังจากที่การท้าทายอำนาจมืดของเทพตกสวรรค์ได้เริ่มต้นขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เมื่อเรอาที่เงยหน้ามองท้องฟ้าเป็นเวลากว่านาทีแล้วแต่ยังไม่มีแม้กระทั่งลางสังหรณ์แห่งการต่อสู้เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอเลย จนในที่สุดเรอาที่ทนไม่ไหวก็ได้เร่งเร้าความรู้สึกอยากฆ่าของปีศาจที่ช่องปากเต็มไปด้วยกลิ่นสนิมเหล็กด้วยถ้อยคำหยาบคายตามที่เทพตกสวรรค์จะนึกขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง



และแม้จะยอมลงทุนทำถึงขนาดนั้นก็ยังไม่มีปีศาจตัวไหนปรากฏตัวออกมาให้เห็นเลยแม้แต่เงา... จนเรอาที่ทนไม่ไหวกับความบ้าของตัวเองเริ่มมีความคิดที่จะหันหลังกลับไปยังปากทางเข้าหมู่บ้านและไม่คิดย้อนกลับมาอีกเลย






ซึ่งในขณะนั้นเองที่ทางเดินด้านหลังของเธอก็มีเงาของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับบดเท้าลงบนก้อนกรวดที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นจากสายลมที่พัดเข้ามายังหมู่บ้านตลอดเวลาจนเกิดเป็นเสียงเตือนถึงการมาเยือนของบุคคลอันตรายคนหนึ่ง และเมื่อเรอาหันกลับไปนั้นเอง...เธอก็ได้เผชิญหน้ากับคนที่เธอปรารถนาจะเอาชนะมาตลอดในที่สุด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา