Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ
8.2
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.
24 ตอน
4 วิจารณ์
30.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ข้อมูลจากเทพตกสวรรค์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ กลุ่มมือปราบมารหญิงที่ได้รับรู้ถึงความเสี่ยงในการเดินทางเพื่อกำจัดปีศาจเพียงแค่สองคนได้เตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้งหนึ่งโดยในครั้งนี้พวกเธอได้เปิดรับสมาชิกใหม่เข้ามาเป็นแนวร่วมต่อสู้กับความชั่วร้ายเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง และใครคนนั้นก็ไม่มีทางเป็นใครอื่นไปได้เลยนอกเสียจากชายหนุ่มรูปงามดุจจอมปีศาจลูซิเฟอร์เมื่อครั้งก่อนที่จะถูกขับไล่ออกจากแดนสวรรค์ "ลูซาริส" พร้อมทั้งตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะไม่ทอดทิ้งกันจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่เพราะเหตุการณ์การต่อสู้กับเหล่าไซคลอปส์ที่เรอากับเมโรเน่เพลี้ยงพล้ำอย่างง่ายดายนั้นก็ได้ทำให้เรื่องที่พวกเธอทั้งสองไม่ใช่มนุษย์ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน "ช่วยเล่าเรื่องของพวกเธอให้พวกอีกสักรอบซิ..! ฉันยังงงๆอยู่เลยว่าพวกเธอเป็นอะไรกันแน่" "ก็อย่างที่ฉันบอกให้นายฟังซ้ำๆตั้งห้ารอบนั่นแหละ ฉันคือบุตรสาวแห่งเทพตกสวรรค์นาม 'เรอา' ส่วนยัยนี่ก็เป็นบุตรสาวแห่งเทวทูตนาม 'เมโรเน่' ที่พวกเรามาเป็นมือปราบมารก็เพราะที่หมู่บ้านของเราโดนมือปราบมารนอกรีตคนนึงใช้กำลังขูดรีดทุกคนในหมู่บ้านโดยใช้พวกปีศาจเป็นเครื่องต่อรอง เพราะงั้นพวกเราถึงได้ตัดสินใจที่จะผันตัวเองมาเป็นมือปราบมารเพื่อลบล้างข้อครหาของทุกคนในหมู่บ้านไงล่ะ!" "ยิ่งฟังยิ่งงงแฮะ! เอาเป็นว่าพวกเธอมาเป็นมือปราบมารทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหน้าที่นี้เลยสินะ... ถ้างั้นฉันจะสอนให้เอาไหมเกี่ยวกับสิ่งที่พวกมือปราบมารทุกคนควรจะทำ" ลูซาริสได้โอกาสอธิบายทุกเรื่องที่มือปราบมารควรจะรับรู้ทั้งหมดเท่าที่เขาเข้าใจให้เรอาและเมโรเน่ได้รับรู้ แต่ถึงอย่างนั้นสมาธิของเมโรเน่กลับไม่ได้จดจ่ออยู่ในเนื้อความของคำพูดเหล่านั้นเลย เพราะเธอเน้นความสนใจไปที่เสียงอันไพเราะที่ชวนลุ่มหลงของลูซาริสมากกว่า หรือบางทีอาจเป็นเพราะความรู้ที่มากเกินกว่าชายหนุ่มรูปร่างไม่น่าจะเกินช่วงสามสิบเป็นต้นไปนั้นจะมีได้ที่เป็นตัวแปรสำคัญให้ความสนใจในตัวชายหนุ่มมีมากขึ้นก็ว่าได้ "เรอา... เธอคิดว่าอย่างฉันกับหมอนี่จะไปได้รอดไหม!?" "ก็ไม่รู้สินะ... เพราะปกติเธอก็ไม่ใช่พวกที่จะเปิดปากพูดคุยกับใครได้ง่ายๆนี่นา แต่ฉันเชื่อนะว่าเธอกับลูซาริสจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีได้แน่ๆ" "เปล่า..! ไม่ใช่เรื่องย่อยๆอย่างนั้นหรอก..." เมโรเน่เริ่มมีสีหน้าที่ออกอาการเขินมากขึ้นราวกับติดลมในถ้อยคำที่ฉะฉานของลูซาริสซึ่งพล่ามออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจเลยว่าคนที่เขากำลังจับเทศน์อยู่นั้นจะสนใจฟังหรือไม่ จนในที่สุดเมโรเน่ก็เริ่มก้มหน้าทำมือยุกยิกไปมาราวกับท่าทีของคนที่กำลังเขินอายเวลาคนที่ตัวเอง....กำลังอยู่ตรงหน้า "เธอคิดว่า...มนุษย์คนนั้นจะสนใจลูกครึ่งเทวทูตอย่างฉันหรือเปล่า!?" เพียงคำพูดประโยคเดียวของเมโรเน่ทำให้เรอาพูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง เรอาเข้าใจว่าในขณะนี้พวกเธอทั้งสองกำลังติดบุญคุณที่ลูซาริสช่วยชีวิตพวกเธอจากความตายเอาไว้ได้ทันเวลาอยู่ แต่ความรู้สึกที่เมโรเน่มีให้กับชายหนุ่มคนนั้นรุนแรงกว่าเธอมากจนเรอาไม่อยากจะทำความเข้าใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากการรวมกลุ่มของพวกเธอทั้งสามนั้นเป็นเพียงเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่จะกำจัดปีศาจที่กำลังครอบครองดินแดนทั่วทวีปให้หมดไปเท่านั้น ซึ่งเพื่อเหตุนั้นเองเรอาจึงต้องตัดความรู้สึกอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปกป้องเพื่อนและคนอื่นๆออกไปให้หมด แต่เพราะเรอารู้ว่าเมโรเน่นั้นสามารถถูกกระตุ้นได้ง่ายจากการที่ไม่ค่อยจะมีใครพูดคุยกับเธอสักเท่าไหร่... เช่นนั้นเองจึงทำให้เธอรู้สึกดีๆกับลูซาริสที่ไม่เพียงพูดคุยแต่ถึงกับช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ง่ายกว่าเรอาหลายเท่า จนเรอาต้องสงบคำลงเพื่อจิตใจที่สั่นไหวได้ง่ายของเมโรเน่เอง "ฉันจะไปรู้เธอเหรอ..!? เลือกทำในสิ่งที่เธออยากทำเถอะ!" เพียงช่วงเริ่มต้นของการเดินทางสามคนนั้นก็เกิดปัยหาขึ้นทันที เพราะลูซาริสนั้นแข็งแกร่งมากจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีพรรคพวก เขาจึงนำม้ามาเพียงตัวเดียวเพื่อความสะดวกในการเดินทางปราบเหล่าปีศาจที่แข็งแกร่งโดยไม่ต้องมีทรัพย์สินให้กังวลอะไรนัก ส่วนเมโรเน่ก็ไม่ค่อยจะลำบากสักเท่าไหร่เพราะเธอมีปีกแห่งเทวทูตสำหรับการบินที่สะดวกสบายกว่าการเดินท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ แต่เรอากลับต้องพบกับความลำบากเพียงคนเดียว เพราะปีกที่เธอมีถูกกระชากออกไปจนขาดทั้งสองข้างจึงไม่สามารถบินได้อีกต่อไป แต่เพราะความใจดีของลูซาริสนั้นทำให้เธอสามารถขึ้นซ้อนม้าของเขาได้โดยไม่ห้าม และในระหว่างนั้นเอง... ความไม่พอใจของเมโรเน่ที่เห็นเรอาใกล้ชิดกับชายหนุ่มมากจนเกินไปก็ได้ปรากฏขึ้นมาในใจของเธอทีละน้อยโดยไม่รู้สึกตัว "ว่าแต่...ที่พวกเธอเดินทางมานี่มีที่หมายเป็นเมืองไหนเหรอ!?" ลูซาริสถามเรอาที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังม้าของเขาหลังจากที่ออกเดินทางตามการชี้นำของเธอมาได้สักพัก เพราะเขารู้ดีว่ามือปราบมารที่มีประสบการณ์นั้นไม่มีทางที่จะออกมาเพ่นพ่านนอกกำแพงเมืองในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงดังเช่นเมื่อคืนวานอย่างแน่นอน และเพราะเรอานั้นได้บอกทางให้เขาอย่างไม่ต้องใช้ความคิดอะไร ทำให้เขารู้ในทันทีว่าพวกเธอได้ตกลงเส้นทางกันมาก่อนหน้าที่พวกเขาจะพบกันแล้ว "อ๋อ..! ที่ๆเราจะไปน่ะไม่ใช่เมืองใหญ่ๆหรอกนะ แต่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อ 'ฟิโอลี่ 'ต่างหาก" เรอาตอบคำถามไขข้อสงสัยในใจของชายหนึ่มอย่างรวดเร็วราวกับเธอรอเวลาที่เขาจะเอ่ยปากถามมานานแล้ว ซึ่งปฏิกิริยาหลังจากที่ได้ยินชื่อหมู่บ้านที่เป็นจุดหมายของเธอของลูซาริสนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากคนขับรถม้าที่ได้ยินชื่อสถานที่ที่ไม่รู้จักมาก่อนที่ลูกค้าให้พาไปส่ง ซึ่งเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธการเดินทางครั้งนี้ของนางฟ้าทั้งสองได้อยู่แล้ว "ที่หมู่บ้านแห่งนั้นมีตำนานที่เล่าขานเกี่ยวกับอสุรกายที่ออกหาเหยื่อตอนกลางคืนที่มีพฤติกรรมการล่าเหมือนกับเสือดาว เพราะงั้นผู้คนในเมืองเลยตั้งกฏว่าห้ามแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพราะจะเป็นการเรียกมันเข้ามาหา แล้วก็พักหลังๆมานี่ได้ยินว่ามันก็ออกหากินตอนกลางวันเหมือนกัน เพราะงั้นพวกเราถึงได้ต้องเดินทางไปกำจัดมันไงล่ะ!" "เอ่อ...ว่าแต่! ชื่อของปีศาจที่พวกเธอบอกว่าจะไปกำจัดน่ะ...มันชื่ออะไรงั้นเหรอ!?" เรอาอ้าปากเตรียมจะเปล่าเสียงออกมาให้ชายหนุ่มช่างสงสัยข้างหน้าเธอได้รู้ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดพยางค์แรกออกมานั้นก็มีมือข้างหนึ่งของเมโรเน่ยื่นเข้ามาปิดปากของเธอเอาไว้จนออกเสียงไม่ได้ ก่อนที่เมโรเน่จะเป็นคนตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง "เจ้านั่นเป็นปีศาจที่ว่ากันว่ามีชื่อเสียงมากว่า130ปี ชื่อ'เฮนรี่ ฟรีแมน'ไงล่ะ! นายเคยได้ยินชื่อนี้หรือเปล่า!?" เมโรเน่คลายมือออกจากริมฝีปากของเรอาทันทีที่พูดจบจนเรอาต้องสูดหายใจเข้าถี่มากเพราะฝ่ามือที่ปิดลงมาจนถึงจมูกของเธอนั้นแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ซึ่งสายตาที่เมโรเน่มองมายังเธอหลังจากที่ปล่อยมือออกจากเรอาแล้วแฝงไปด้วยความสะใจของคนที่ได้เอาคืนคนที่ขัดจังหวะการพูดคุยของเธออย่างไร้มารยาทที่สุดจนสาแก่ใจ "เฮนรี่... เฮนรี่ไหนหว่า? ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่เคยได้ยินแวมไพร์ที่มีชื่อนี้มาก่อนจริงๆ... แต่ถ้าพวกเธอสองคนอยากจะเดินทางสู้กับมันจริงๆยังไงขอให้ฉันได้ตามไปด้วยแล้วกัน เพราะฉันเคยได้ยินมาว่าในตระกูลแวมไพร์ระดับสูงนั้นมีหลายคนที่สามารถต่อสู้กับทูตสวรรค์ได้อย่างสูสี" "เป็นไงล่ะ เรอา... ตอนนี้หมอนั่นคุยกับฉันแล้วนะ เขาคุยกับฉันแล้ว กรี๊ด..!" "อย่าบิดตัวไปมาแล้วทำเสียงเขินเหมือนพวกติ่งศิลปินเจอนักร้องคนหล่อได้หรือเปล่า... ภาพพจน์แห่งเทวทูตกำลังค้ำคอเธออยู่นะ" "จะเทวทูตหรืออะไรฉันก็ไม่สนแล้วล่ะ เพราะฉันคิดว่าฉันเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของแม่ฉันที่ตกหลุมรักคุณพ่อที่เป็นมนุษย์ขึ้นมาบ้างแล้วล่ะนะ..!" หลังจากนั้นเมโรเน่ก็เริ่มถูกกลืนเข้าไปในห้วงความคิดของตัวเองมากขึ้นจนเรอาเริ่มจะตามเธอเข้าไปไม่ถึง ซึ่งเพราะเหตุนั้นเองที่ทำให้ลูซาริสเริ่มมีความคิดบางอย่างบังเกิดขึ้นในใจของเขา และนั่นเองที่เปลี่ยนแววตาของลูซาริสที่มองไปยังเรอากับเมโรเน่จากผู้ชายที่กำลังมองดูหญิงสาวที่ตัวเองเพิ่งปกป้องจากอันตรายให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บไปเป็นอย่างอื่น แววตาของเขาในตอนนี้นั้นสามารถถูกใช้เป็นพลังงานของเหล่าเทพตกสวรรค์อย่างเรอาได้เลย..."จะว่าไปแล้ว แถวนี้มันเงียบแปลกๆนะ... ว่างั้นไหม!?" เรอาเริ่มสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของบริเวณทะเลทรายที่พวกเธอกำลังเดินทางผ่านอยู่นั้นในระหว่างที่กำลังชายตามองท่าบินที่ผิดธรรมชาติของทูตสวรรค์ที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน บริเวณทางเดินรอบๆนั้นไม่มีเสียงแปลกปลอมอย่างอื่นเลยนอกจากเสียงลมที่พัดเอาทรายขึ้นมาจากพื้นจนเกิดเสียงดังเหมือนกลองเล็กที่ตีอยู่ตลอดเวลาเป็นเสียงที่เบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเท่านั้น ไม่มีเสียงนกบินหาเหยื่อบนท้องฟ้าง ไม่มีเสียงงูที่คลานบนพื้นราบเพื่อหาอาหาร ไม่มีแม้กระทั่งเสียงสายลมที่พัดผ่านซอกหินเลยแม้แต่ครั้งเดียว จัวหวะนั้นเองเรอาได้หันไปสบตาเมโรเน่พร้อมกับพยักหน้าอย่างรู้ใจ และเมื่อการวางแผนผ่านดวงตาเสร็จสิ้น... "ดาบศักดิ์สิทธิ์...ด็อกมาตาร์! ดูอัล คอนทรารี่!!" "โล่ศักดิ์สิทธิ์... เอลเกีย!!" เมื่อได้สัญญาณมือที่ยกขึ้นมาในท่าเหมือนกำลังถืออะไรเอาไว้ภายในหลวมๆจากเรอาที่กำลังขี่ม้าที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์จนสามารถเดินทางกลางทะเลทรายได้อย่างทรหดของลูซาริสแล้ว นางฟ้าทั้งสองก็กระโดดออกจากการเดินทางที่มุ่งไปยังเป้าหมายเรียกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาในมือพร้อมกับชี้ไปหลังโขดหินที่ตั้งอยู่ข้างทางเดินด้านหลังอย่างรวดเร็ว ซึ่งในขณะที่ลูซาริสสั่งม้าให้หยุดเดินแล้วก็ไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากนั่งอย่างสงบบนหลังม้าราวกับกำลังดูละครหลังข่าวฉากมหาวิบัติสงครามซีอย่างนั้น แม้ว่าทั้งเรอากับเมโรเน่จะอยู่ในระดับ"บี"เท่านั้นก็ตาม "ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา...เรอา!? หรือว่าลางสังหรณ์ของเธอจะพลาดเพราะโดนฉีกปีกทิ้งไปแล้วล่ะ" "ใครบอกว่าไม่มีเล่า... มันก็เห็นกันอยู่ชัดๆไม่ใช่เหรอ!!" เรอากุมดาบคู่ในมือพุ่งเข้าหาโขดหินที่เธอเป็นผู้นำจุดสนใจนั้นอย่างรวดเร็วก่อนจะหมุนตัวสาดประกายแสงที่สะท้อนจากดวงอาทิตย์เข้าใส่มันทันที ซึ่งในชั่วพริบตาที่คมดาบศักดิ์สิทธิ์ของเรอาถูกกลืนกินเข้าไปในเนื้อของหินก้อนนั้น มันก็ได้เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นใครบางคนที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และปีศาจทันทีราวกับรู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของมันหากปล่อยให้คมดาบเฉือนไปถึงอีกฟากของลำตัว "อย่างที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆด้วย..! ในที่สุดวันที่แกต้องปรากฏตัวออกมาให้ฉันฆ่าก็มาถึงจนได้...หนึ่งในสองนางฟ้าตกสวรรค์ที่เคยลอบสังหารฉัน เมร่า!!" นางฟ้าตกสวรรค์ที่ต้องคมดาบของเรอาเข้าไปกระโดดหลบการโจมตีซ้ำของดาบที่สองไปด้านหลังอย่างคล่องแคล่วราวกับไม่ใช่คนเดียวกับที่ถูกเรอาเอาชนะได้โดยง่ายเมื่อครั้งก่อน เมร่าแสยะยิ้มให้กับการมีสมาธิระบุตำแหน่งของเธอที่สู้อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นโขดหินริมทางเพื่อชำระแค้นที่เรอาก่อเอาไว้เมื่อครั้งก่อนนี้ให้ลุล่วงก่อนจะกลับไปหาอาซาเซลพร้อมกับชัยชนะอันหวานหอม แต่แล้วสิ่งที่ทำให้เมร่ารู้สึกขำจนกลั้นหัวเรอาเอาไว้ไม่อยู่ก็คือ... ความเปลี่ยนแปลงของคู่ต่อสู้ของเธอนั่นเอง! "ก็นั่นน่ะสินะ..! ครั้งก่อนนี้ฉันพลาดเพราะประมาทฝีมือเธอเกินไปจนลืมคิดไปว่าเธอเองก็เป็นเทพตกสวรรค์เหมือนกัน แต่คราวนี้มันจะเป็นยังไงกันนะ...ในเมื่อเธอไม่มีปีกสำหรับบินต่อสู้กับฉันอีกต่อไปแล้ว!!" "ถึงฉันจะไม่มีปีกแห่งเทพตกสวรรค์อยู่ แต่ก็ช่วยจำเอาไว้ด้วยนะว่าไม่มีหินก้อนไหนหรอกที่กลมดิ๊กจนไม่มีรอยขรุขระเลย ยัยนางฟ้าตกสวรรค์ผู้มีสมองกึ่งหนึ่ง" เมร่ากล่าวย้ำถึงความไม่สมประกอบของเรอาอย่างสะใจเมื่อได้รู้ว่าพวกไซคลอปส์ทำหน้าที่ในส่วนของมันได้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งเรอาก็ได้เอามือซ้ายกุมไปที่กลางแผ่นหลังของเธอซึ่งเคยมีปีกแห่งเทพตกสวรรค์ประดับเอาไว้จนถึงเมื่อคืนก่อนนี้เอง แต่แล้วเรอาก็ต้องประทับใจมากขึ้นไปอีกเมื่อปลายนิ้วของเธอสัมผัสได้ว่าพวกยักษ์อารมณ์ดีพวกนั้นได้เหลือโคนปีกที่ไม่มีขนติดอยู่เอาไว้ให้เธอระลึกความเป็นจริงเล่นนิดหน่อย "ก็จริงอยู่นะที่ฉันไม่มีปีกอีกต่อไปแล้ว...แต่ฉันก็ได้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่พัฒนาขึ้นมาระดับหนึ่งเป็นของตอบแทน! และคราวนี้แหละที่ฉันจะฆ่าเธอซะเพื่อเอาปีกของเธอมาเป็นของฉัน!!" เรอาประกาศความตั้งใจของตัวเองออกมาดังก้องก่อนจะกระโดดพุ่งเข้าหาเมร่าที่ถอยไปตั้งหลักอย่างรุนแรงจนเศษทรายกระเด็นถูกร่างของเมโรเน่ที่อยู่ข้างๆ แต่แล้วเมร่าก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่คมดาบของเรอาจะสัมผัสถูกตัวเป็นครั้งที่สองสร้างความรำคาญให้กับเรอาที่ไม่มีปีกบินเป็นอย่างมาก "เข้าใจแล้ว...ทีใครทีมันสินะ! ถ้างั้นฉันจะสอยเธอลงมาเอง!!!" "งั้นเหรอ!? ถ้าอย่างนั้นฉันจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์จัดการเธอจากตรงนี้ซะเลย!!" เมร่าหัวเราะในลำคอก่อนจะรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ที่มือขวาเพื่อปล่อยลงมายังคู่ต่อสู้ของเธอที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเรอาที่ไม่สามารถตามเมร่าขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ปักดาบลงกับพื้นเพื่อรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ในมือเช่นกันก่อนจะปล่อยออกไปปะทะกันกลางอากาศ แรงปะทะของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่รุนแรงนั้นได้พัดกระหน่ำจนเศษทรายบริเวณรอบด้านถูกกระแสลมพัดลอยออกไปเป็นวงกว้าง แต่ในที่สุดพลังศักดิ์สิทธิ์ของเรอาที่ยังไม่อัดแน่นเป็นลูกกลมก็พ่ายแพ้ให้กับพลังของนางฟ้าตกสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจนสลายไป ทำให้ลูกพลังของเมร่าตกลงระเบิดใส่พื้นทรายข้างๆเท้าของเรอาจนได้รับบาดเจ็บ และเมร่าก็ยังคงปล่อยพลังใส่ต่อไปจนเรอาไม่มีเวลาวิ่งเข้าไปหยิบดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาปัดป้องการโจมตีครั้งนั้นได้เลยทำให้คู่ต่อสู้ของเธอรู้สึกสะใจมากที่สามารถไล่ต้อนคนที่เคยสร้างอาการบาดเจ็บให้เธอได้กำลังถูกเอาคืนอย่างสาสม แม้ว่าในขณะนั้น...คู่ต่อสู้ของเธอจะไม่ได้มีเพียงคนเดียวก็ตาม "อย่าเพิ่งลืมฉันสิ... คุณนางฟ้าตกสวรรค์.!!.." เมโรเน่อาศัยจังหวะที่เมร่ากำลังมุ่งเน้นความสนใจไปยังเรอาที่ถูกปล่อยพลังใส่อย่างต่อเนื่องในการเข้าประชิดตัวได้โดยที่เธอไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเทวทูตคนนั้นแม้แต่น้อย เมโรเน่รวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เสถียรกว่าของเรอาจู่โจมใส่เมร่าที่สามารถหลบหลีกได้อย่างว่องไวอย่างจดจ่อจนทั่วทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่างสีเหลืองและดำไปทั่วบริเวณ ทั้งสองคนนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างหมดจดจนอีกฝ่ายต่างอ่านทางกันไม่ออก และสิ่งเดียวที่ทำให้ทั้งเมโรเน่และเมร่าสามารถป้องกันการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้ก็มีเพียงการโจมตีใส่กันเท่านั้น "เมโรเน่..!! ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์!!!" และในจังหวะที่เมโรเน่ยกโล่ขึ้นมาป้องกันการโจมตีของเมร่าพร้อมทั้งสวนออกไปนั้น เรอาก็ได้ใช้กำลังทั้งหมดในการโยนดาบขึ้นไปให้เธอรับเอาไว้เพื่อใช้ในการต่อสู้ถัดจากนี้ เพราะเรอารู้ดีว่าขณะนี้มีเพียงเมโรเน่เท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างช่ำชองและเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถตอบโต้กับศัตรูที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ ซึ่งหลังจากที่เมโรเน่ได้รับดาบมาแล้วก็ประจุพลังศักดิ์สิทธิ์เท่าที่มีอยู่เข้าไปในดาบจนเปล่งประกายแสงสีเหลืองออกมา "ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพตกสวรรค์ ด็อกมาตาร์... 'ดูอัล คอนทรารี่ ' มันเรียกอย่างนั้นเปล่าหว่า!?" เมโรเน่นั้นมีพลังที่สามารถควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้เหนือกว่าเรอามากจากการที่รู้สึกถึงพลังในตัวได้ก่อนเธอคนนั้น ทำให้เมโรเน่สามารถดึงเอาพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในอาวุธแต่ละชิ้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงพลังที่แฝงอยู่ภายในโล่แห่งอาสทารอธที่เรอายังไม่รู้วิธีใช้นอกจากเปลี่ยนเป็นจักรอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่เมโรเน่เปลี่ยนดาบมือเดียวในมือขวาให้กลายเป็นดาบคู่ที่มีเนื้อโลหะเป็นสีเหลืองได้แล้ว เธอก็จัดการประจุพลังเข้าไปในโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเธออีกเช่นกัน... "โล่ศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพสวรรค์ เอลเกีย... 'เฟรลตี้ แลนกัวร์' " ชั่วพริบตาที่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ประจุเข้าไปในโล่ศักดิ์สิทธิ์ที่แขนซ้ายของเมโรเน่ได้รับพลังจากทั่วทั้งร่างของผู้ใช้เข้าไปแล้ว โล่ชิ้นนั้นก็ประสานเข้ากับดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือซ้ายจนกลายเป็นชิ้นเดียวกัน รูปร่างของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ดูเหมือนกับจักรที่มีปลายมีดยื่นออกมาจากทั้งสี่ด้านเพื่อเพิ่มระยะโจมตีและอำนาจทำลายล้าง รวมทั้งโซ่ที่ต่อพ่วงอยู่กับด้ามจับที่ร้อยรึงมันเอาไว้กับลำแขนของเมโรเน่ก็เปลี่ยนเป็นลำแสงสีเหลืองที่มีอำนาจคล้ายแม่เหล็กดึงดูดตัวโล่กลับเข้ามาในมือ และพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เมโรเน่มีหลังจากที่สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใหม่ได้นั้นก็เทียบได้กับเทวทูตแห่งสวรรค์ที่ไม่มีวันแห้งเหือดอีกต่อไป ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ได้ทำให้ทั้งเรอาและเมร่ารู้สึกประหลาดใจจนทำได้เพียงอ้าปากค้างเท่านั้น "เป็นไปได้ยังไง... ในเมื่ออาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางหลอมรวมเป็นอาวุธชิ้นเดียวได้นี่นา!! แล้วทำไม..." "เธอเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดบรรดาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันหรือเปล่า ดาบ'เอ็กซ์คาลิเบอร์'ที่แข็งแกร่งจนเป็นตำนานนั้นเมื่อครั้งก่อนได้ถูกทำลายเป็นหลายชิ้นส่วน แต่ก็ได้ท่านอัครเทพช่วยกันหลอมมันขึ้นมาเป็นอาวุธชิ้นใหม่ที่มีพลังของดาบที่แยกออกเป็นเจ็ดชิ้น ตามตำนานว่าไว้ว่าเมื่อดาบเจ็ดเล่มนั้นได้กลับมารวมอยู่ที่จุดๆเดียวก็จะก่อกำเนิดเป็นดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ดังเดิม..." "แต่นั่นมันก็แค่ตำนาน..! แล้วดาบเล่มนั้นก็ได้หายสาปสูญไปในการต่อสู้ของเทพ เทพตกสวรรค์และปีศาจครั้งก่อนแล้วนี่!!" "จะตำนานหรือเป็นเรื่องจริงก็ช่างมันเถอะน่า... ถ้าหากว่าเราเชื่อมั่นในความศรัทธาที่เรามีอย่างไม่หวั่นไหว ต่อให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สักแค่ไหนก็ย่อมมีวันที่จะเกิดขึ้นจริงได้อย่างแน่นอน!! ยัยบ้าที่ไหนก็ไม่รู้เคยบอกฉันว่าอย่างนั้น!!!" เมโรเน่รวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ครั้งสุดท้ายประสานเข้ากับโล่ดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือซ้ายก่อนจะฟาดฟันฉีกร่างของเมร่าเป็นรอยแผลลึกจนเลือดไหลออกมาจากปากแผลไม่หยุด และก่อนที่ร่างของเมร่าจะตกลงถึงพื้นดินนั้น เธอก็ได้บอกกับเมโรเน่ถึงความหรรษาที่กำลังจะเกิดขึ้นถัดจากนี้ให้ได้รู้ แต่เพราะเสียงของเมร่าที่แบกรับอาการบาดเจ็บเอาไว้นั้นเบามากจนถูกกลืนกินเข้าไปในสายลม "เรอา... เมื่อกี้ยัยเทพตกสวรรค์นี่พูดว่าอะไรงั้นเหรอ!?" หลังการต่อสู้ระหว่างทูตสวรรค์กับนางฟ้าตกสวรรค์ได้จบสิ้นลงด้วยชัยชนะของฝ่ายที่คุณเองก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าใคร โล่ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เมโรเน่อาศัยพลังจากทั้งร่างในการหลอมขึ้นมาก็แยกชิ้นส่วนออกจากกันเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์และโล่ศักดิ์สิทธิ์ตามเดิมราวกับจะเยาะเย้ยเรื่องที่เมโรเน่ใช้พลังเกือบทั้งหมดในการสร้างอาวุธที่ทรงอานุภาพขึ้นมาต่อสู้กับเทพตกสวรรค์ระดับล่างๆ ส่วนอาวุธที่แยกตัวออกเป็นสองชิ้นนี้ก็ได้สลายตัวกลับคืนสู่ร่างเจ้าของเดิมของมันในทันทีที่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นตัวหล่อเลี้ยงหมดเชื้อไฟลง แต่สิ่งเดียวที่พวกเรอาสนใจในขณะนี้นั้นคือถ้อยคำที่ขาดหายไปของคู่ต่อสู้ที่กำลังจะสิ้นลมมากกว่า "ขอโทษนะ ฉันเองก็ได้ยินที่ยัยนี่พูดไม่ชัดหรอก... ถ้าจะให้ถอดออกมาก็คงเป็นประมาณ 'จอมปีศาจ' ประมาณนี้ล่ะมั้ง!?" "เฮอะ..! อย่างพวกแกน่ะ..ไม่มีทาง...ต่อกรกับมันได้หรอกน่า!" ในระหว่างที่ความอยากรู้อยากเห็นพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ริมฝีปากของเมร่าที่ขยายเข้าออกเป็นจังหวะของการหายใจที่รวยรินก็เปล่งเสียงที่ขาดๆหายๆออกมาเพื่อเป็นการย้ำถึงความน่าสมเพชของนางฟ้าทั้งสองคน "เมื่อกี้แก...หมายความว่ายังไง!?" "หึๆ..! จะบอกให้เอาบุญก็แล้วกัน... หัวหน้าของพวกเรา...ท่านอาซาเซล...ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของพวก...ปีศาจ ท่านสงสัยว่า...พวกมันจะ สะสม...กำลังพล" เมร่ายิ้มเหยาะในใบหน้าที่ราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดออกมาแม้แต่นิดเดียว แต่แล้วดวงตาของเธอก็เบิกโพลงขึ้นมาเพราะเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามายังร่างของเธอที่หมดสภาพการต่อสู้ไปนานแล้วที่ไม่ใช่พวกเรอาที่กำลังย่อเข่าฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดอย่างใจจดใจจ่อ แต่ถึงอย่างนั้นเมร่าก็พยายามยืดลมหายใจต่อไปให้ได้นานที่สุดเพื่อที่จะบอกอะไรอีกอย่างให้ทั้งสองได้รับรู้ "อีกอย่างนึง...นะ! ฉันไม่อยากจะเชื่อ...เลยว่าเทวทูต...กับเทพตกสวรรค์...จะร่วมมือกันอย่างนี้ แค่ก!! แต่ถ้าจะให้ดี...ช่วยจัดการ...จอมปีศาจให้หน่อย...เพื่อท่านอาซาเซล และ...ทุกชีวิตบนโลก!" ฉึก....!!!! ยังไม่ทันที่เมร่าจะพูดจบ เสียงดังที่เหมือนกับมีอะไรบางอย่างเสียบทะลุเข้าไปในร่างของใครคนหนึ่งพร้อมกับแท่งเหล็กแหลมคมชิ้นหนึ่งก็ดังขึ้นมาทันที พร้อมกันนั้นร่างของนางฟ้าตกสวรรค์ก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเงียบลงไปราวกับไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นจากตัวเธอได้อีกแล้ว และสิ่งที่จะเป็นไปได้ในขณะนั้นก็ไม่ใช่อย่างอื่นเลยนอกเหนือจาก... "ลูซาริส!!!!" พวกเรอาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ชายหนุ่มรูปงามที่น่าจะมาจากชนชั้นสูงของพวกมนุษย์ได้ฝังปลายดาบลงบนร่างของเมร่าอย่างรวดเร็วจนทั้งเรอาและเมโรเน่ห้ามเอาไว้ไม่ทัน และเพราะเรื่องนั้นเองที่ทำให้แหล่งข้อมูลของเหล่าเทพตกสวรรค์ที่น่าจะเกี่ยวพันกับความเป็นความตายของผู้คนทั่วโลกได้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายที่สุด และสิ่งที่น่าเสียดายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ... ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นจะเป็นผู้ลงมือสังหารคนอื่นได้อย่างเลือดเย็นถึงเพียงนี้!! "นายทำอะไรลงไปน่ะ ลูซาริส!!! นายเพิ่งจะทำให้พวกเราพลาดข้อมูลสำคัญของพวกเทพตกสวรรค์เลยนะ!!!" "แล้วมันยังไงล่ะ..! กับอีแค่เทพตกสวรรค์กระจอกๆคนเดียวจะหาใหม่ตอนไหนก็ยังได้...แล้วจะมามัวเสียใจอะไรกับแค่ฉันฆ่าศัตรูที่อาจจะกำลังหลอกลวงพวกเธออยู่ก็ได้ไปน่ะ รีบออกเดินทางต่อได้แล้ว!" ลูซาริสหันหลังจากไปก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าอย่างเยือกเย็นราวกับลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะลงมือสังหารเทพตกสวรรค์ไปคนหนึ่งก่อนจะเรียกเรอาขึ้นไปบนหลังม้าด้วยกันกับเขา ซึ่งเรอาก็ยืนมองร่างที่ไร้การตอบสนองของเมร่าอยู่ตรงนั้นพักหนึ่งก่อนจะแตะบ่าของเมโรเน่เพื่อเรียกเธอกลับไปบนเส้นทางเดิมเพื่อการบรรลุเป้าหมายของพวกเธอ ซึ่งเมโรเน่นั้นกำลังยืนกำหมัดอย่างโกรธเกรี้ยวถึงความเย็นชาของเรอาที่มีต่อเพื่อนร่วมสายพันธุ์เดียวกันที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรอาเอง "เดี๋ยวสิเรอา... เธอไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ!? เธอไม่รู้สึกเสียใจกับเทพตกสวรรค์ร่วมสายพันธุ์กับเธอเลยเหรอ...ทั้งๆที่ก่อนตายยัยนี่เพิ่งจะบอกข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์กับพวกเราเองนะ!" ด้วยน้ำเสียงโกรธที่เคล้าน้ำตาของเมโรเน่ที่ก้มมองร่างของเทพตกสวรรค์ที่เป็นคู่ต่อสู้ของเธอจนถึงเมื่อสักครู่นี้ซึ่งต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของชายหนุ่มมือปราบมารอย่างไร้ความลังเลทำให้เรอาหยุดเดินไปข้างหน้าพร้อมกับหันมามองเมโรเน่ด้วยสายตาที่เหมือนกับเห็นตัวประหลาด สิ่งเดียวที่เรอาคิดอยู่ในขณะนี้นั้นต่างจากเมโรเน่โดยสิ้นเชิง "ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ...ก็ถ้าเมื่อกี้เราไม่ฆ่ายัยนี่ อีกเดี๋ยวยัยนี่ก็ต้องลุกขึ้นมาฆ่าเราอยู่ดี เลิกโลกสวยแล้วเดินทางต่อได้แล้ว! ไม่งั้นฉันจะทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่แน่...เมโรเน่" เรอาที่ให้คำตอบกับเพื่อนสาวของเธอจบแล้วก็ก้าวเดินต่อไปเพื่อขึ้นซ้อนม้าของลูซาริสเพื่อออกเดินทางต่อ แต่เมโรเน่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมต่อสักพักเพื่อสวดไว้อาลัยให้กับเมร่าที่อย่างน้อยเธอก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าจะได้รับความเจ็บปวดจากการต่อต้านของเหล่าอัครเทพก็ตาม... แต่เมโรเน่ก็ข่มใจยอมรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้จนสามารถสวดภาวนาได้จนจบ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปยังพวกเรอาที่นั่งอยู่บนม้ารอเธอเพียงคนเดียว ในระหว่างนั้น เมโรเน่ก็ใช้เวลาช่วงที่ยังเดินไปไม่ถึงตัวทั้งสองคนในการใช้ความคิดถึงสิ่งที่นางฟ้าตกสวรรค์ตนนั้นทิ้งเอาไว้ให้พวกเธอพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จนในที่สุดก็ได้คำตอบออกมาอย่างหนึ่ง แม้ว่ามันแทบจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเป็นจริงเลยก็ตาม... "ลูซาริส... นายน่ะ...น่าสงสัยที่สุด!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ