จานสี ดินสอ พู่กัน,, รักของฉัน.. เปื้อนสี
เขียนโดย Differ
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.38 น.
แก้ไขเมื่อ 12 กันยายน พ.ศ. 2556 00.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) เด็กกว่า.. แล้วไง!?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4 เด็กกว่า.. แล้วไง!?
___________________
กรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงง กรี๊งงงงงงงงงงงงง กรี๊งงงงงงงงงงงงงง กรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!
ฉันสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ลากสังขารตัวเองไปกดปิดนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง บิดตัวไปมาเล็กน้อย ขับไล่ความงัวเงียออกจากร่างกาย พรางมองไปรอบๆห้อง.. วันนี้ชั่งสงบ ไร้ซึ่งเสียเจื้ยแจ่วของนะโม.. มันหายไปไหน???
#วันนี้ข้าไปเร็วนะ จะไปรับส้มทีบ้าน เอ็งไปโรงเรียนเลยนะ ไม่ต้องรอ แล้วจะส่งคนไปรับนะ จุ๊บๆ#
กระดาษโน้ตแผ่นสีเหลือง ถูกแปะไว้ที่กระจกในห้องน้ำ ข้อความจากคุณนะโมเขานั่นล่ะ วันนี้ที่โรงเรียนแฟนมันมีกิจกรรม มันก็เลยอาสาไปส่ง แล้วฉันล่ะ!!!!
เอ๊ะ? มันบอกว่าจะส่งคนมารับ.. ใคร!!??!!??
ชั่งเถอะ จะเป็นใครก็แล้วแต่ ฉันใจง่าย ไปได้กับทุกคนอยู่แล้ว~
ฉันอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่คนที่ไอ้โมบอกว่าจะมารับ ไม่รู้ผ่านนี้อยู่แห่งหนใด และฉันควรจะมานั้งรออย่างนี้เนี่ยนะ! ไอ้โมไว้ใจได้ซะที่ไหน เหอะ! ฉันไปเองน่าจะดีกว่า
ว่าแล้วฉันก็คว้ากระเป๋าคู่ใจ และกระดาษรองเขียนคู่ชีพเดินออกจากบ้านทันที ฉันเดินออกจากซอยมาเรื่อยๆโดยไม่ง้อบริการของวินมอเตอร์ไซค์แม้แต่น้อย ทางแค่นี้สบายมาก อย่างหวังจะได้แอ้มเงินฉันเลย ฉ้นงก!!!!
ปี๊ดๆ ปี๊ดๆ
ไม่ต้องมาบีบแตรเรียกเลยนะ ฉันไม่หันไปมองเธอหรอกย่ะ!
ปี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“จะบีบหาอะไรวะ ไม่ไปโว้ย!!!!!” ฉันตะโกนอย่างคนบ้า ก็มันน่ารำคาญอ่ะ ถ้าอยากไปก็เรียกเองแหละ
“ไปเหอะนะ” มันตะโกนไล่หลังฉันมาติดๆ เอ๊ะ! ยังไงเนี่ย ยังไงคะ
“เดินเองได้” ฉันพูด พร้อมกับจ้ำฉับๆๆๆๆๆๆๆๆ รำคาญจริงเชียว “เห้ย!!!!!!” ฉันสะดุ้งโหยง เมื่อมอร์ ’ไซค์เจ้ากรรมขับปาดหน้ามาจอดขวางฉันไว้
“ไปเหอะพี่.. ไม่งั้นพี่โมด่าผมตายแน่” ทันทีที่กระจกหมวกกันน็อตถูกเปิดออก ฉันก็รู้สึกเหมือนหน้าแตกออกเป็นเซี้ยวๆ มันไม่ใช่วินมอร์ ‘ไซค์อย่างที่ฉันคิดไว้ แต่เป็นน้องน้ำแข็ง เด็กปี1 ที่นะโมส่งมารับฉันนั่นเอง ฉันแสยะยิ้มเล็กๆโดยไม่พูดอะไร เพราะฉันเพิ่งโชว์โง่ไปเมื่อกี้นี้เอง ฉันเดินไปซ้อนรถของน้ำแข็งแต่โดยดี ไม่อยากจะพูดอะไรต่อ ก็อายสิ่คะ! -///-
“พี่น้ำมนต์จะไปไหนก่อนมั้ยครับ หรือว่าจะไปโรงเรียนเลย” น้ำแข็งเอ่ยถาม
“ไปโรงเรียนเลยแหละ พี่ไม่มีธุระอะไร”
“ครับผม” น้ำแข็งรับคำ แล้วจึงสตาร์ทรถออกไปทันที
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คุณชายนะโม ก็ชอบหนีฉันไปรับคุณหญิงส้มเป็นประจำ ทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสถานะภาระของน้ำแข็งไปโดยปริยาย ทำให้ฉันกับน้ำแข็งเริ่มสนิทกันมากขึ้นๆๆ ต่างกับเพชร เพื่อนของฉัน ที่นับวันก็ยิ่งห่างเหินกันไปเรื่อยๆ นี่ก็ร่วมๆสองอาทิตย์แล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น เพชรก็ไม่ยอมคุยกับฉันอีกเลย ทั้งๆที่ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายผิด แต่ฉันก็เป็นฝ่ายไปง้อ มันก็ยังไม่ยอมคุยกับฉันอยู่ดี เห้อ.. ชั่งเถอะ อีกไม่กี่เดือนก็ต้องจากกันแล้ว ถ้ามันจะไม่คุยกับฉันไปตลอดชีวิต ก็แล้วแต่มัน.. เนอะ!
“เอาล่ะ วันนี้เราจะมาทบทวนดอร์อิ่งคนเหมือนผู้หญิงกันนะ” (Drawing=วาดเส้น ซึ่งก็มีตั้งแต่วาดเส้นพื้นฐานง่ายๆ,ความหมายของเส้น,แสง เงา จนไปถึงการวาดหุ่นนิ่ง หุ่นปูนปาสเตอร์ อดัมโตมี่ คนเหมือน และภาพวิวทิวทัศน์ทั่วๆไป วิชานี้ถือเป็นวิชาที่สำคัญมาก เพราะเป็นเสมือนวิชาพื้นฐานเพื่อต่อยอดเป็นวิชาอื่นๆ เปรียบเทียบง่ายๆก็คือ เป็นเสาหลักของบ้าน ถ้าบ้านไม่มีเสาหลัก หรือเสาหลักไม่แข็งแรง ก็มำให้บ้านหลังนั้นๆไม่สมบูรณ์นั่นเอง) อาจารย์ประจำวิชาวาดเส้น สั้งงานด้วยเสียงดังฟังชัดอยู่หน้าห้องบ้าง กลางห้องบ้าง หลังห้องบ้าง หรือจะพูดง่ายๆ คืออาจารย์เขาเดินพูดไปทั่วห้องเลย จนตอนนี้มาหยุดอยู่ข้างๆฉันแล้ว
“คะ?” ฉันเอ่ยขึ้นเมื่ออาจารย์ใช้ไม่กายสิทธิ์ประจะตัวสะกิดฉัน
“วันนี้น้ำมนต์จะมาเป็นแบบให้พวกเรานะ”
“ฮ๊ะ!!” ที่ตกใจก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็การเป็นแบบมันชั่งทรมานซะเหลือเกิน ต้องนั้งเกร็งเป็นชั่วโมงๆเลยนะ
“ไม่ต้องฮ๊ะเลย ออกมาๆ” ฉันยอมจำนนท์ต้องโชคชะตา เดินทำหน้าเป็นตูดออกไปนั้งบนแท่น ทำตัวให้เสมือนเป็นรูปปั้น.. แข็ง.. ไร้ซึ่งอารมณ์
ขณะที่น้ำมนต์กำลังนั้งเป็นแบบให้เพื่อนๆอยู่นั้น ผม.. อาจารย์สง่า อาจารย์ประจะวิชาวาดเส้น ก็ได้เดินสำรวจตรวจความเรียบร้อยของงานที่ผมได้สั่งไปเมื่อสักครู่
“เส้นตรงนี้เข้มไปหน่อยนะ ลองใช้ทิชชูปัดเบาๆดูสิ่ เส้นจะได้นุ่มขึ้น” ผมแนะนำเจ้าแน๊ก หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่าเป้นั่นแหละ “ระวังนิดนึงนะ ตรงผมน่ะ มันจะต้องดูพลิ้วไหว สวยงาม”
“ค่ะอาจารย์” ลูกศิษย์รับอย่างว่าง่าย
“ของผมเป็นยังไงมั่งครับอาจารย์” แม็กถามขึ้น
“ไหนดูสิ” ผมขยับกระดาษให้พอดีกับมุมมอง “อื้ม.. ดีแล้วๆ เก่งมาก เดี๋ยวก็ลงเงาที่เสื้อได้เลยนะ อย่าลงให้หนักนักนะ”
“ครับ”
“ไหนเพชร.. ให้อาจารย์ดูหน่อย” ผมขอดูผลงานของนายเพชรอย่างพินิจ
“แก้ตรงไหนมั่งครับ” เพชรถามอย่างรู้
“ดีๆๆ สวยมากเลย แหม.. เธอลงแววตาได้สวยจริงๆ ดูภาพรวมแล้วเนี่ยนะ.. ใช้ได้เลยล่ะ ภาพเธอมันซ่อนความหมายอะไรบางอย่างนะฉันว่า.. อืม.. แววตามันดูมีเลศนัย..” ผมไม่สามารถอ่านความหมายที่ซ่อนในภาพของนายเพชรได้จริงๆ ดูเผินๆก็เป็นภาพธรรมดาๆ แต่พอมองลึกๆแล้วมันเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ “โอเคแล้วล่ะ สวยๆ” ผมเดินตรวจงานของลูกศิษย์ผมทุกคนแล้ว เป็นที่น่าพอใจมากๆ เห็นอย่างนี้แล้วก็ชื่นใจจริงๆ ไม่ทำให้ผมผิดหวังกับสิ่งที่ทุ่มเทให้พวกเขามาตลอดสามปีเลย
วันนี้ลูกศิษย์ผมเก่งแล้ว ต่อไปก็คงจะไปมีอนาคตที่ดีกันแล้ว คิดแล้วก็น่าเศร้าไม่น้อย ทุกๆปี ผมต้องบอกลาลูกศิษย์ที่รักของผม เพราะพวกเขาต้องไปสานต่อความฝันให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
แต่ผมก็คิดว่าผมโชคดีนะ ที่ได้มาสอนที่โรงเรียนนี้ เด็กที่นี่จิตใจดี รักเพื่อน รักพี่ รักพวกพ้อง แล้วยังไม่ลืมที่จะรักอาจารย์ ผมที่ความสุขที่ได้เห็นลูกศิษย์ของผมได้ดิบได้ดีแล้วกลับมากราบมาไหว้อาจารย์เคยสอนสั้ง
ชีวิตของคนที่เป็นครูอ่ะนะ ไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย ขอแค่ลูกศิษย์กลับมาเยี่ยม มาแวะเวียนหากันบ้าง ไม่ต้องมีของติดไม้ติดมือมาหรอก มายืมตังค์ผมก็ได้ แค่ให้เขานึกถึงก็พอแล้วล่ะ..
ผมคงพร่ำเพ้อมาเยอะแล้วสิ่นะ ฮ้าๆ ถึงเวลาที่ลูกศิษย์ของผมจะต้องพักกินข้าวกินปลากันแล้วล่ะ หลังจากพักเสร็จ ผมยังมีสอนห้องนี้อีกคาบนึง
“เอาล่ะ นักเรียนทุกๆคน ไปพักกันได้แล้วไป แล้วค่อยขึ้นมาทำต่อให้เสร็จนะ.. ไป”
อาจารย์เดินออกไปแล้ว ฉันลุกมาบิดขี้เกียจไปมา ความเหนื่อยความเมื้อยล้าประดังถาโถมกันมายกใหญ่
“มนต์ ลงไปกินข้าวกัน” ไอ้เป้มาชวนฉันไปกินข้าว
“เอ็งไปเหอะว่ะ ข้าไม่หิวเลย เดี๋ยวกะจะเอางานวิทย์มาทำต่อด้วย” ฉันบอก
“เออๆ งั้นเดี๋ยวขึ้นมาหาเว้ย” เป้พูดจบ ก็เดินจากไป
ในห้องมีเพียงฉันเท่านั้น จริงๆฉันก็หิวนะ แต่การนั้งทับขานานๆมันทำให้ขาฉันล้าไปหมด ไม่อยากจะใช้กำลังตอนนี้เลย ฉันฟลุ๊บลงไปที่โต๊ะ และหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่ตื่นขึ้นมา เพราะเสียงใครบางคนที่เคาะโต๊ะตัวที่นอนอยู่
ฉันขยี้ตาเล็กน้อย จูนสายตาให้เข้าที่ เพ้งมองผู้มาเยือนจนภาพที่พร่ามัวกลับเป็นชัดเจน
“อ้าว.. น้ำแข็ง” ฉันทัก เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาปลุกฉันจากภวังค์คือใคร
“พอดีผมไม่เห็นพี่ที่โรงอาหาร เลยถามพี่เป้ เขาบอกว่าพี่อยู่ที่นี่ ผมเลยมาหา” น้ำแข็งเล่าเหตุการณ์
“อ๋อ แล้ว.. มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมซื้อขนมมาฝากครับ” น้ำแข็งชู้ถุงขึ้นให้ฉันดู ภายในถุงมีแซนวิสหมูหยอง นมรสจืด น้ำดื่ม และของขบเคี้ยวทั่วไป “กินด้วยกันนะพี่” ฉันนั้งกินขนมกับน้ำแข็ง พรางคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย น้ำแข็งเป็นคนที่คุยสนุกมาก ฉันลืมความง่วง ความเมื่อยล้าต่างๆที่มีก่อนหน้านี้ไปซะหมด อาจเป็นเพราะได้พลังงานจากของที่กินไปด้วยล่ะมั้ง
“เราเนี่ย.. พูดเก่งนะ ว่างๆ มานั้งคุยกับพี่อีกนะ”
“ผมอ่ะ เรื่องพูดเยอะ” น้ำแข็งพูดพรางหยิบขนมเข้าปาก เคี้ยวจนละเอียด แล้วจึงพูดต่อ “จะให้ผมพูดให้พี่ฟังตลอดชีวิตยังได้เลย”
“เวอร์ไป!” ฉันผลักหัวน้ำแข็งเบาๆเป็นเชิงหยอกเย้า
“จริงๆนะพี่” น้ำแข็งยืนยัน “ถ้าผมพูดให้พี่ฟังตลอดชีวิตได้ แล้ว.. พี่จะยอมฟังผมไปตลอดชีวิตได้มั้ย”
อึ่ก! แอ่กๆ ๆ
ฉันถึงกับสำลักขนมที่กินไปทันที นี่ฉันกำลังจะเป็นอมตะหรือนี่ แฮ่กๆๆๆๆ
“กินน้ำก่อนครับ” น้ำแข็งยื่นน้ำมาให้ฉัน ฉันซัดเข้าไปจนน้ำแข็งแห้ง แล้วจึงส่งคืน ฮิฮิ
“ขอบใจมากๆ” ฉันแสดงความกตัญญูรู้คุณ
“พี่ยังไม่ตอบผมเลยนะ” น้ำแข็งรั้นจะเอาคำตอบ
“ตอบอะไร! ใครจะฟังเธอได้ตลอดล่ะยะ” ฉันตอบปัดๆแก้เขิน แต่น้ำแข็งกลับทำหน้าซึมขึ้นมาซะงั้นอ่ะ
“...” ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากของน้ำแข็งเลย ฉันจึงรีบกูสถานะการณันที
“ก็.. พี่แก่กว่าน้ำแข็งตั้งสองปีอ่ะ กว่าน้ำแข็งจะเล่าจบพี่คงตายก่อนแน่เลย”
“พี่ไม่ต้องกลัวหรอก..” น้ำแข็งทำเสียงตื่นเต้น มองซ้าย มองขวา ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ฉัน แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เหมือนว่ากลัวใครจะได้ยิน “ผมเคยได้ยินมานะ ว่าคนที่ได้กินเด็กอ่ะ จะเป็นอมตะ ฮ้าๆๆๆๆๆ”
“โห! นี่แข็งจะว่าว่าพี่แก่ใช่ป่ะ” ฉันชี้หน้าน้ำแข็งทำท่าเหมือนจะฆ่าให้ตาย แต่ก็อดขำไม่ได้
“อะไร! ผมไม่ได้ว่าพี่สักหน่อย ผมก็แค่อยากให้พี่ยอมฟังผมไปตลอดชีวิตก็เท่านั้นเอง” น้ำแข็งเริ่มเข้าโหมดจริงจังอีกละ >///< เขินเบย
“ไม่ต้องมาทำหน้าจริงจังเลยนะ วุ๊! อะไรก็ไม่รู้ ไปเลยไป ไปหาเพื่อนเธอเลยนะ” ฉันทำไม่สนใจ แต่ก็ยังยิ้มไม่หุบ น้ำแข็งเนี่ย.. นะ ระ อะ! (น่ารักอ่ะ)
แค่เพียงอึดใจ ฉันก็ต้องหุบยิ้มลงทันที เมื่อได้รับรังสีอัมหิตจากผู้ที่เพิ่งเดินเข้ามา.. เพชร.. มันมองฉันด้วยหางตาเพียงวินาทีสั้นๆ แล้วจึงชายตามองไปทางอื่น ฉันมองหน้าน้ำแข็งก็รู้เลยว่า เขาก็รับรู้ได้ถึงรังสีอัมหิตนั้น
“เอิ่ม.. งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ พี่ยังไม่ต้องตอบผมก็ได้” น้ำแข็งล่วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ฉัน “ผมจะรอนะ.. ไปและ” น้ำแข็งลุกเก็บห่อขนมยัดใส่ถุง แล้วจึงหันไปหาเพชร “พี่เพชรหวัดดีครับ”
“อื้ม.. หวัดดีๆ จะกลับแล้วหรอ” เพชรทักทายรุ่นน้องอย่างอารมณ์ดี
“ครับ” น้ำแข็งตอบสั้นๆ
“ไปเถอะๆ โชคดี” คุยกับทุกคน ยกเว้นฉัน นี่มันอะไรกันอ่ะ T T
# www.youtube.com/abcdefghijklmnopqrstuvwxyz #
ฉันนั้งอ่านกระดาษที่น้ำแข็งให้มาเมื่อกลางวัน มันเป็นลิงค์ของเว็บไซค์ยูทูปที่เราคุ้นเคย ฉันไม่รอช้า รีบเปิดโน๊ตบุ๊คแล้วกลอกลิงค์เข้าไปทันที
“เพลง อาย สิงโต นำโชค โดย... น้ำแข็ง” ฉันนั้งอ่านชื่อคลิบที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่ใสลิงค์ที่น้ำแข็งให้มา จริงๆเพลงนี้ฉันก็เคยฟังแล้วนะ เพลงน่ารักดี แต่ฟังอีกครั้งจะเป็นไรไป น้ำแข็งอุส่าห์ร้องให้ฟัง
“ท้องทะเลท้องฟ้ามีเพียงแค่เรา ท่ามกลางหาดทรายขาว แสงดวงดาวพร่างพราว ประกายสวยงาม ดั่งบนสวรรค์เปิดทาง ให้คนอ้างว้างอย่างฉัน บอกความในใจให้เธอได้ฟัง โอกาสอย่างนี้ ต้องพูดไป~” ฉันอมยิ้มไปกับภาพน้ำแข็งที่นั้งเล่นกีต้าร์ในเพลงนี้
“ว่าทั้งหัวใจ มีแต่เธอนั้น~”
“เห้ย!!!!!” ถึงกับตะลึง เมื่อภาพน้ำแข็งที่นั้งเล่นกีต้าร์ เปลี่ยนเป็นภาพฉันที่ถูกแอบถ่ายทุกกริยาบท ตายๆๆๆๆ
“อยากให้เชื่อกัน พยานคือฟ้าที่เฝ้าดู แล้วเธอคิดอย่างไรเมื่อได้รู้บอกที อยากฟังจากปากเธอ
หากเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆ เหมือนกัน แต่เธอก็เขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา
แค่ร้องว่าอ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา ก็พอ
และฉันจะขอเป็นคนนั้นที่ดูแลหัวใจ ไม่เคยบอกรักใครคนไหนเพิ่งจะมีแค่เธอ
และฉันก็อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา เหมือนเธอ แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ
ฉันไม่เคยพูดความในใจที่มีกับเธอเลยสักครั้ง เพราะฉันเขินจนกลัวที่จะพูดไป
ถ้าปล่อยคืนนี้ผ่านไป เก็บความรักไว้อย่างนั้น ก็คงไม่รู้ว่าใจตรงกัน โอกาสอย่างนี้ ต้องพูดไป
ว่าทั้งหัวใจ มีแต่เธอนั้น อยากให้เชื่อกัน พยานคือฟ้าที่เฝ้าดู
แล้วเธอคิดอย่างไรเมื่อได้รู้บอกที อยากฟังจากปากเธอ
หากเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆ เหมือนกัน แต่เธอก็เขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา
แค่ร้องว่าอ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา ก็พอ
และฉันก็ขอเป็นคนนั้นที่ดูแลหัวใจ ไม่เคยบอกรักใครคนไหนเพิ่งจะมีแค่เธอ
และฉันก็อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา เหมือนเธอ แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ
หากเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆเหมือนกัน แต่เธอก็เขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา
แค่ร้องว่าอ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา ก็พอ
และฉันจะขอเป็นคนนั้นที่ดูแลหัวใจ ไม่เคยบอกรักใครคนไหนเพิ่งจะมีแค่เธอ
และฉันก็อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา เหมือนเธอ แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ~”
ก่อนคลิปนี้จะสิ้นสุดลง มีภาพน้ำแข็งปรากฏขึ้น พร้อมกับประโยคประโยคนึง
“ผมอ่ะ.. อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา แล้วพี่ล่ะ.. ผมรออยู่นะพี่”
“เด็กบ้าเอ้ย^///^” ฉันเขินจนจัดทรงตัวเองไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี มือถูกบังคับด้วยหัวใจ ให้พิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ให้แสดงความคิดเห็น
# พอใจหรือยังเด็กบ้า
ทำไรวะ ดูแต่ละรูปดิ ทุเรสว่ะ
แกเล่นอะไรของแกวะน้ำแข็ง!
เพลงอ่ะ เพราะดีนะ
แล้วที่บอกว่ารออยู่ รออะไรฮะ?
ใช่คำนี้ป่ะ
V
V
V
V
V
อ๊า อิ ยา อิ ยา อ๊า อิ ยา อิ ยา ^^
เขินว่ะ ไปและ เด็กบ้าเอ้ย #
ทันทีที่กดเอ็นเทอร์ไป ฉันก็ค้างอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ทำอะไรลงไป น่าอายชะมัดเลยอ่ะ ><!!
เอ๊ะ! ใครมาตอบกลับความคิดเห็นวะ
# เปิดประตูให้หน่อยดิ่ #
“น้ำแข็ง!!” ไอ้เด็กคนนี้มันจะเล่นไปถึงไหนเนี่ย จะบ้าตาย
“อ๊า อิ ยา อิ ยา”ทันทีที่ฉันเปิดประตูบ้าน ฉันก็พบกับน้ำแข็งที่ยืนตัวตรงอยู่ “พี่ตอบว่าไรนะ”
“เอ้า! ไม่เห็นหรือไง”
“ก็เห็นแหละ แต่ผมอยากได้ยินอ่ะ”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่พูดแล้ว ก็นี้ก็อายจะตายอยู่และ”
“โห~ นะๆ ครั้งเดียวเอง แล้วผมจะพูดให้พี่ฟังไปตลอดชีวิตเลย”
“จริงนะ!?”
“อื้ม ^ ^”
“พี่ก็... อ๊า อิ ยา อิ ยา เหมือนเธอนั่นแหละ”
“ขอบคุณนะพี่..” น้ำแข็งโผเข้ากอดฉันไว้นั้น ฉันกับเขาหัวเราะกันอย่างมีความสุข
หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ.. ความรัก^ ^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ