เหมียวสื่อรัก กับดักหัวใจ
9.0
เขียนโดย ชม้อยศรี
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.18 น.
3 chapter
4 วิจารณ์
6,261 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 16.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) หลงรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลงรัก
“มานี่สิ เร็วๆได้มั้ย ” ฉันส่งเสียงเร่งเพื่อนอย่างรีบร้อนกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงไปข้างหน้า ถ้าไม่เกรงใจพี่ยามที่ยื่นมองหน้าเหี้ยมกะว่าจะวิ่งแล้วล่ะ
“ช้าหน่อยก็ได้มั้ง เธอจะวิ่งทำไมฉันเหนื่อย =_= ” ฉันได้ยินเสียงตอบรับส่งมาจากระยะทางไกลๆ
ทำให้ฉันต้องหยุดและหันกลับไปมอง ปรากฏว่าไอ้เพื่อนเวรที่อยู่ห่างออกไปเกือบห้าเมตรกลับเดินแบบสบายๆคล้ายๆเดินตามเต่า หยุดมองสาวข้างทางพรางส่งยิ้มให้พนักงานขายหน้าสวย
ให้มันได้แบบนี้สิ!!!
ด้วยความหมันไส้และโมโหทำให้ฉันพุ่งตรงไปหาเพื่อนตัวดีก่อนจะยกมือขึ้นบิดหูแรงๆ พร้อมทั้งพูดขึ้นเสียงดังอย่างจงใจ
“ที่รัก ปล่อยให้ฉันเดินคนเดียวได้ไง ถ้าลื่นล้มแล้วเกิดลูกในท้องเป็นอะไรไปขึ้นมาจะว่ายังไงคะ”
“ โอ๊ย! เจ็บๆๆ O.o ” แม้จะร้องโอดโอยแต่ฟินน์ก็ยังอึ้งๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สาวๆที่เผลอหลงรอยยิ้มกับหน้าหล่อๆเมื่อครู่หลบสายตามุดหายหลบหนีไปหมด
“นี่!! ปล่อยได้แล้ว ดูสิ สาวๆหายหมดเพราะเธอคนเดียว”
“พาฉันมาช้าแล้วยังจะถ่วงเวลาอีกหรอ!”
“อะไร! มันเหตุสุดวิสัยต่างหาก”
“ที่นายขี้แตกหลายๆรอบ...อุ๊บ OxO” ฟินน์กระโจนตะครุบปากฉันไว้พรางมองรอบตัวก่อนรีบลากฉันไปทันที
และแล้วก็ถึงที่หมาย งานนี้ที่รอคอย >..<
งาน Cat Expo and Cat Show ^w^
ใช่แล้วล่ะ! มันคืองานแสดงและประกวดแมว ที่นี้จะเต็มไปด้วยบรรดาน้องเหมียวนานาพันธุ์จากผู้เข้าประกวดหรือผู้คนที่พาน้องเหมียวมาเดินเล่นและชมงาน ในงานจะแบ่งมีการเป็นโซนต่างๆ ทั้งโซนประกวดแมว โซนช้อปปิ้ง โซนหาบ้านให้แมวและสุนัขไร้บ้าน โซนการแสดงแมวแสนรู้หรือแม้กระทั้งโซนสวนสนุกแมว กรี๊ดดดด!!! ที่นี่เต็มไปด้วยแมว แมว และแมว *w*
“ยัยผู้หญิงบ้าแมว =_=” เสียงลอยๆของไอ้คนที่ทำให้มาช้าดันมาคัดจังหวะความฟินของฉัน ด้วยความหมันไส้สุดพลังฉันเลยโต้ตอบเล็กน้อยกลับไปเบาๆแบบที่ผู้หญิงพึ่งกระทำ
“โอ๊ย! ยัยบ้า เธอมาตบหัวฉันทำไม เธอมัน[]@$%^&*())”
เสียงโวยวายของฟินน์ดังขึ้นว่าอะไรฉันไม่สนใจหรอกนะ ฉันรู้แต่ว่าเมื่อเกิดการกระทำต่างๆขึ้นย่อมต้องมีผลตอบแทนกลับจากการกระทำนั้นๆ ฉันไม่สนว่าใครจะมองฉันยังไงฉันขอแค่คนรอบตัวเข้าใจฉันก็พอแล้ว แม้การกระทำบางอย่างฉันอาจจะทำเกินเหตุไปบ้างแต่ฟินน์เองก็เป็นอีกคนที่ไม่เคยโกรธและเข้าใจฉันเสมอมาตลอด
ฉันกับฟินน์เราเคยเป็นเพื่อนบ้านกันตอนเด็กๆเลยทำให้เราคุ้นเคยกันดีและด้วยความที่เราโตมาด้วยกันทำให้เราผูกพันกันเหมือนพี่น้องคู่หนึ่งเลยก็ว่าได้ แม้ตอนนี้ฉันได้ย้ายบ้านมาอยู่กับแม่เพราะเหตุผลบางอย่างแต่เรายังคงสนิทกันเหมือนเดิม คอยติดต่อหากันเสมอและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด อย่างเช่นวันนี้ เชื่อมั้ย...ว่าฉันหลงรักสัตว์ที่หน้าตาร้ายกาจและอาจมีความคิดที่จะครองโลกอย่างแมวตั้งแต่จำความได้ ด้วยความผูกพันและความทรงจำจากพ่อตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง ฉันคลุกคลีกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นแมว...แต่เป็นแมวที่ไม่มีชีวิตนะ =_= ทั้งรูปปั้น ภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเป็นรูปแมวทั้งหมด พ่อของฉันชอบแมวมากแต่ก็แพ้ขนแมวมากเช่นกัน จึงทำได้แต่ให้ทุกอย่างในบ้านกลายเป็นแมวแทน แต่ตอนนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับแมว กลับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับบ้านหลังใหม่ที่ฉันอยู่ เลยทำให้ฉันต้องออกมาตามสถานที่ต่างๆที่มีแมวแบบนี้แทน
เหมี้ยววววว~
ฉันก้มลงมองบริเวณรอบขาที่มีสัมผัสนิ่มๆวนอยู่รอบๆ ก็พบกับเจ้าของเสียงเล็กๆตัวสีขาวสะอาดที่อยู่ในชุดซุปเปอร์ฮีโร่ผ้าคลุมสีแดงยาวถึงพื้น ตากลมโตสีฟ้าสดในจ้องมองฉันตาแบ๋วก่อนจะเอียงคอนิดๆ หูเล็กจิ๋วที่พับลงเข้าหาใบหน้าทำให้ดูเหมือนไม่มีใบหูหัวจึงกลมดิ๊กเหมือนนกฮูกเลย
>/////< อร๊ายยยยย น่ารักชะมัด นี่มันแมวสก็อตทิช โฟลด์นี่!
“สวัสดีจ้า ลูกใครเนี้ยมาเดินเล่นคนเดียว >w<” มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะเข้าไปนั่งคุยและอุ้มขึ้นมาฟัดพุงพลุ้ยๆแถมเจ้าแมวเหมียวยังทำท่ายินยอมพร้อมเอาหัวกลมๆมาถูหน้าฉันด้วย
“ยัยเพี้ยน ระวังมันจะกันหน้าเอาเถอะ” ฟินน์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆส่งเสียงเตือนไว้ เป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้คุ้นเคยกับเราอาจทำอันตรายเราได้เพราะเขาอาจไม่ชินกลิ่นเราหรือระแวงและไม่ไว้ใจเรา แต่ฉันกลับคิดว่า แมวนี้ตัวนี้คงชอบฉันแน่ๆ ถึงยอมให้ฉันฟัดแถมยังอ้อนฉันซะขนาดนี้ >.< ฉันเลยเลือกที่จะไม่สนใจฟินน์แทน
“ไหนให้แม่ดูสิ.....นี่ไง! มีป๋องแป๋ง เป็นผู้ชายสินะลูก >w< ”
“ยัยโรคจิต =0=* ”
“ชื่ออะไรครับสุดหล่อ >w< ”
“เหมี้ยววววว!” เจ้าแมวน้อยร้องตอบเบาๆก่อนที่ฉันจะเหลือบไปเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนแผ่นอะลูมิเนียมเล็กๆติดอยู่กับปลอกคอ
“ชื่อ’ฮะจิ’สินะครับ >w< ”
“เหมี้ยวเหมี้ยว!” เจ้าของชื่อส่งเสียงเหมือนตอบรับทันทีที่พูดชื่อถูก
“เธอมันบ้าไปแล้วชาเบล โอ่ววววชีวิต คนนี้ไม่ใช่เธอแน่ๆ เธอมันเป็นพวกเลือดเย็นไร้ความรู้สึก เธอเหมาะกับการถือมีดมากกว่าอุ้มแมวนะ ม่ายยยย~” ฟินน์ทำท่าเหมือนเสียสติทันที
พวกเสียสติมักคุยไม่รู้เรื่องฉันเลยเลือกนั่งคุยและนั่งเล่นกับฮะจิอยู่กับพื้น พื้นที่ว่าไม่ใช่พื้นที่ที่หลบมุมหรือมีที่สำหรับนั่งเล่น แต่เป็นพื้นทางเดินของกลางงานนี่ล่ะนะ แต่กลับไม่มีใครว่าอะไรแถมยังหยุดดูและเล่นกับฮะจิด้วยซ้ำ ก็ที่นี่มันงานแมวจึงมีแต่คนรักแมวนิเนอะ ^w^
หลังจากนั่งเล่นมาสักพักโดยมีฟินน์คอยแอบมองและยืนหลบหลังป้ายพร้อมทำหน้าเหมือนเห็นผี ฉันก็ยังไม่พบเจ้าของฮะจิ พอฉันลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปหาฟินน์ฮะจิก็เดินตามมา พอฉันนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้นั่งพักฮะจิก็กระโดดขึ้นตักพรางถูหน้ากับหน้าท้องฉันก่อนจะหลับตาอย่างมีความสุข
“ฮะจิ อย่าพึ่งหลับเลยนะ เดินตามแม่มาแบบนี้เดี๋ยวได้หลงกับพ่อแม่ที่แท้จริงหรอก”
“-w-“ ฮะจิทำเหมือนไม่ได้ยินพร้อมหลับตาลงซุกตัวบนตักฉันทันที
“เธอไปเป็นแม่ของได้แมวอ้วนนี่ตอนไหน หาพ่อได้แล้วหรอ ^^” เสียงที่ดังขึ้นชั่งกวนประสาทจนฉันอดไม่ได้ที่ต้องส่งสายตาอำมหิตให้
“ถ้าลุกไปได้เมื่อไหร่ฉันจะซ้อมนายแล้วเอาไปปลูกข้าวสาลีอ่อนให้แมวกินยังมีประโยชน์กว่ามาเห่าหอนแบบนี้อีก”
“ทำไม! ก็ฉันพูดเรื่องจริง หาพ่อให้ได้ก่อนเถอะค่อยเรียกตัวเองว่าแม่”
“เงี้ยววว!” อยู่ดีๆ ฮะจิก็ตื่นขึ้นพร้อมส่งเสียงคำรามก่อนจะขู่ฟ่อๆใส่ฟินน์ทันที
“เอาเลยลูก ข่วนหน้ามันเลย มันว่าแม่” ฉันยุยงเสริมทันที แต่ฮะจิเองก็ใช่ย่อยกางเล็บแหลมๆขึ้นสูงพร้อมจู่โจม
“น่ารักจริงๆลูกแม่ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวแม่หาพ่อให้” ฉันหยุดพูดก่อนจะส่งสายตาไปหาฟินน์พร้อมกับเน้นเสียงอย่างชัดเจน “จะได้ไม่มี’หมา’ตัวไหนมาว่าฮะจิเนอะ” เมื่อพูดจบ ฉันหันไปยิ้มให้ฮะจิพรางลูบหัวกลมที่ตอนนี้ทำท่าออดอ้อนแทนแล้ว
“ชาตินี้ไม่มีใครเอาหรอกโว๊ย! ขึ้นคานจนยานหมดแหละเธอน่ะ?!”
“เมี้ยวววววววว!!!” ฮะจิกระโจนสุดตัวออกจากตักฉันเข้าหาหน้าฟินน์ ทั้งเสียงขู่ของฮะจิและเสียงโวยวายของฟินน์จึงเกิดการจารจลของคนและแมวขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้ามายุติ แยกตัวฮะจิออกจากหน้าฟินน์ทันที
“อ๊ากกกก! ไอ้แมวอ้วน แกทำหน้าฉันเป็นรอยแผล” อาการเจ็บและแสบบนใบหน้าทำให้ฟินน์รู้ได้ทันทีว่าใบหน้าที่ตัวเองภาคภูมิใจมีแผลสดเลือดซิบๆจากรอยเล็บแมวเป็นทางแน่ๆ
“แม้ววววแง้วๆๆๆ แม๊วววววว!” แต่ฮะจิเองก็ส่งเสียงตอบโต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้พร้อมดิ้นอยากสุดกำลังท่าทางเหมือนอยากจะกระโดดเข้าข่วนหน้าฟินน์อีกรอบ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำฮะจิเข้ากรงก่อนจะรีบขอโทษขอโพยฉันกับฟินน์และขอตัวไปพร้อมกับฮะจิที่ส่งสายตาอ้อนวอนและร้องเรียกฉันให้ฉันช่วย T^T ตัวฉันเองก็ได้แต่ยืนมองฮะจิอยู่นอกเขตห้ามเข้าของโซนประกวดแมวที่อนุญาติให้เจ้าของแมวและผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น ฉันรู้จากเจ้าหน้าที่ว่าฮะจิเป็นแมวเข้าประกวดที่แอบออกนอกกรงตอนเจ้าหน้าที่เผลอและโชคดีที่ตามตัวเจอเพราะเจ้าของของฮะจิเป็นคนฝากไว้
“เข้ากรงซะได้ก็ดี แมวบ้าแบบนั้นขังลืมเลยเถอะ”
“TT^TT” ฉันอยากจะร้องไห้
“แมวผีแบบนั้นเธอยังชอบมันอีกหรอ”
“ฉันไม่ได้แค่ชอบนะ แต่ฉันหลงรักฮะจิเลยล่ะ ToT”
“อืม” อยู่ดีๆฟินน์กลับเงียบไปซักพักก่อนจะหันกลับมาพูด “จะว่าไปเธอกับมันก็เหมาะที่จะเป็นแม่ลูกกันดีนะ”
“จริงหรอ *0*” ฉันตาเป็นประกายและรู้สึกดีใจลึกๆใจอก ฟินน์คงเข้าใจฉันจริงๆและเห็นว่าฉันรักฮะจิมากสินะ
“ใช่ที่สุด ^^” ฟินน์ยิ้มให้ก่อนจะพูดต่อทันที “ก็เพราะเธอกับมันนิสัยแย่พอกันและนั่นไงตาลุงอ้วนหัวเหม่งที่ยืนหน้ากรงแมวผีนั่นน่ะเหมาะเลยที่จะเป็นสามีเธอ”
ฉันเสียรู้เต็มๆ ไอ้บ้าเอ๊ย! แบบนี้มันหลอกด่ากันชัดๆ
“ถ้าตาลุงนั่นเป็นเจ้าของฮะจิจริงๆฉันจะยอมให้เป็นพ่อ...แต่พอฉันได้เป็นแม่ฉันจะวางแผนฆ่าตาลุงแล้วไปหมกไว้บ้านนายพร้อมป้ายความผิดว่าเกิดจากพิษรักแรงหึงของคู่ขาอย่างนาย”
เมื่อฉันพูดจบ ฟินน์ทำท่าตกใจสุดขีดก่อนจะรีบพนมมือขึ้นและพูดว่า
“สัตเพสัตตา จงอยู่บนคานต่อไปเถอะ อย่างได้ไปสร้างเวรสร้างกรรมกับใครอีกเลย”
อ๊ากกกกก! คอยดูนะงานนี้ถ้าไม่มีใครตายอย่ามาเรียกฉันว่าชาเบลเลย
“แกต้องตาย ย๊ากกกกกกก!”
การทำสงครามแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆหรืออภิมหาบิ๊กบึ้มย่อมต้องบาดเจ็บและล้มตาย ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเป็นผู้ชนะ ฝ่ายที่พลาดท่าเสียทีทำได้เพียงส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บใจที่ผู้ชายตัวใหญ่ๆที่ได้เปรียบในทุกด้านทำอะไรผู้หญิงตัวเล็กๆไม่ได้เลย
แม้สงครามที่เกิดขึ้นกลางงานแมวที่ทำให้บรรดาผู้คนและบรรดาแมวทั้งหลายหวาดกลัวและตกใจจนไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามศึก ภาพที่เห็นโหดร้ายถึงขนาดให้เรท ฉ. ได้ แต่ใครจะเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเรียกรอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนใบหน้าของชายคนหนึ่งผู้ที่ยืนชมเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น รอยยยิ้มที่แสดงถึงความขบขันฉายชัดบนใบหน้าและนึกเอ็นดูผู้หญิงแปลกๆคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด
“มานี่สิ เร็วๆได้มั้ย ” ฉันส่งเสียงเร่งเพื่อนอย่างรีบร้อนกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงไปข้างหน้า ถ้าไม่เกรงใจพี่ยามที่ยื่นมองหน้าเหี้ยมกะว่าจะวิ่งแล้วล่ะ
“ช้าหน่อยก็ได้มั้ง เธอจะวิ่งทำไมฉันเหนื่อย =_= ” ฉันได้ยินเสียงตอบรับส่งมาจากระยะทางไกลๆ
ทำให้ฉันต้องหยุดและหันกลับไปมอง ปรากฏว่าไอ้เพื่อนเวรที่อยู่ห่างออกไปเกือบห้าเมตรกลับเดินแบบสบายๆคล้ายๆเดินตามเต่า หยุดมองสาวข้างทางพรางส่งยิ้มให้พนักงานขายหน้าสวย
ให้มันได้แบบนี้สิ!!!
ด้วยความหมันไส้และโมโหทำให้ฉันพุ่งตรงไปหาเพื่อนตัวดีก่อนจะยกมือขึ้นบิดหูแรงๆ พร้อมทั้งพูดขึ้นเสียงดังอย่างจงใจ
“ที่รัก ปล่อยให้ฉันเดินคนเดียวได้ไง ถ้าลื่นล้มแล้วเกิดลูกในท้องเป็นอะไรไปขึ้นมาจะว่ายังไงคะ”
“ โอ๊ย! เจ็บๆๆ O.o ” แม้จะร้องโอดโอยแต่ฟินน์ก็ยังอึ้งๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สาวๆที่เผลอหลงรอยยิ้มกับหน้าหล่อๆเมื่อครู่หลบสายตามุดหายหลบหนีไปหมด
“นี่!! ปล่อยได้แล้ว ดูสิ สาวๆหายหมดเพราะเธอคนเดียว”
“พาฉันมาช้าแล้วยังจะถ่วงเวลาอีกหรอ!”
“อะไร! มันเหตุสุดวิสัยต่างหาก”
“ที่นายขี้แตกหลายๆรอบ...อุ๊บ OxO” ฟินน์กระโจนตะครุบปากฉันไว้พรางมองรอบตัวก่อนรีบลากฉันไปทันที
และแล้วก็ถึงที่หมาย งานนี้ที่รอคอย >..<
งาน Cat Expo and Cat Show ^w^
ใช่แล้วล่ะ! มันคืองานแสดงและประกวดแมว ที่นี้จะเต็มไปด้วยบรรดาน้องเหมียวนานาพันธุ์จากผู้เข้าประกวดหรือผู้คนที่พาน้องเหมียวมาเดินเล่นและชมงาน ในงานจะแบ่งมีการเป็นโซนต่างๆ ทั้งโซนประกวดแมว โซนช้อปปิ้ง โซนหาบ้านให้แมวและสุนัขไร้บ้าน โซนการแสดงแมวแสนรู้หรือแม้กระทั้งโซนสวนสนุกแมว กรี๊ดดดด!!! ที่นี่เต็มไปด้วยแมว แมว และแมว *w*
“ยัยผู้หญิงบ้าแมว =_=” เสียงลอยๆของไอ้คนที่ทำให้มาช้าดันมาคัดจังหวะความฟินของฉัน ด้วยความหมันไส้สุดพลังฉันเลยโต้ตอบเล็กน้อยกลับไปเบาๆแบบที่ผู้หญิงพึ่งกระทำ
“โอ๊ย! ยัยบ้า เธอมาตบหัวฉันทำไม เธอมัน[]@$%^&*())”
เสียงโวยวายของฟินน์ดังขึ้นว่าอะไรฉันไม่สนใจหรอกนะ ฉันรู้แต่ว่าเมื่อเกิดการกระทำต่างๆขึ้นย่อมต้องมีผลตอบแทนกลับจากการกระทำนั้นๆ ฉันไม่สนว่าใครจะมองฉันยังไงฉันขอแค่คนรอบตัวเข้าใจฉันก็พอแล้ว แม้การกระทำบางอย่างฉันอาจจะทำเกินเหตุไปบ้างแต่ฟินน์เองก็เป็นอีกคนที่ไม่เคยโกรธและเข้าใจฉันเสมอมาตลอด
ฉันกับฟินน์เราเคยเป็นเพื่อนบ้านกันตอนเด็กๆเลยทำให้เราคุ้นเคยกันดีและด้วยความที่เราโตมาด้วยกันทำให้เราผูกพันกันเหมือนพี่น้องคู่หนึ่งเลยก็ว่าได้ แม้ตอนนี้ฉันได้ย้ายบ้านมาอยู่กับแม่เพราะเหตุผลบางอย่างแต่เรายังคงสนิทกันเหมือนเดิม คอยติดต่อหากันเสมอและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด อย่างเช่นวันนี้ เชื่อมั้ย...ว่าฉันหลงรักสัตว์ที่หน้าตาร้ายกาจและอาจมีความคิดที่จะครองโลกอย่างแมวตั้งแต่จำความได้ ด้วยความผูกพันและความทรงจำจากพ่อตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง ฉันคลุกคลีกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นแมว...แต่เป็นแมวที่ไม่มีชีวิตนะ =_= ทั้งรูปปั้น ภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเป็นรูปแมวทั้งหมด พ่อของฉันชอบแมวมากแต่ก็แพ้ขนแมวมากเช่นกัน จึงทำได้แต่ให้ทุกอย่างในบ้านกลายเป็นแมวแทน แต่ตอนนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับแมว กลับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับบ้านหลังใหม่ที่ฉันอยู่ เลยทำให้ฉันต้องออกมาตามสถานที่ต่างๆที่มีแมวแบบนี้แทน
เหมี้ยววววว~
ฉันก้มลงมองบริเวณรอบขาที่มีสัมผัสนิ่มๆวนอยู่รอบๆ ก็พบกับเจ้าของเสียงเล็กๆตัวสีขาวสะอาดที่อยู่ในชุดซุปเปอร์ฮีโร่ผ้าคลุมสีแดงยาวถึงพื้น ตากลมโตสีฟ้าสดในจ้องมองฉันตาแบ๋วก่อนจะเอียงคอนิดๆ หูเล็กจิ๋วที่พับลงเข้าหาใบหน้าทำให้ดูเหมือนไม่มีใบหูหัวจึงกลมดิ๊กเหมือนนกฮูกเลย
>/////< อร๊ายยยยย น่ารักชะมัด นี่มันแมวสก็อตทิช โฟลด์นี่!
“สวัสดีจ้า ลูกใครเนี้ยมาเดินเล่นคนเดียว >w<” มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะเข้าไปนั่งคุยและอุ้มขึ้นมาฟัดพุงพลุ้ยๆแถมเจ้าแมวเหมียวยังทำท่ายินยอมพร้อมเอาหัวกลมๆมาถูหน้าฉันด้วย
“ยัยเพี้ยน ระวังมันจะกันหน้าเอาเถอะ” ฟินน์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆส่งเสียงเตือนไว้ เป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้คุ้นเคยกับเราอาจทำอันตรายเราได้เพราะเขาอาจไม่ชินกลิ่นเราหรือระแวงและไม่ไว้ใจเรา แต่ฉันกลับคิดว่า แมวนี้ตัวนี้คงชอบฉันแน่ๆ ถึงยอมให้ฉันฟัดแถมยังอ้อนฉันซะขนาดนี้ >.< ฉันเลยเลือกที่จะไม่สนใจฟินน์แทน
“ไหนให้แม่ดูสิ.....นี่ไง! มีป๋องแป๋ง เป็นผู้ชายสินะลูก >w< ”
“ยัยโรคจิต =0=* ”
“ชื่ออะไรครับสุดหล่อ >w< ”
“เหมี้ยววววว!” เจ้าแมวน้อยร้องตอบเบาๆก่อนที่ฉันจะเหลือบไปเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนแผ่นอะลูมิเนียมเล็กๆติดอยู่กับปลอกคอ
“ชื่อ’ฮะจิ’สินะครับ >w< ”
“เหมี้ยวเหมี้ยว!” เจ้าของชื่อส่งเสียงเหมือนตอบรับทันทีที่พูดชื่อถูก
“เธอมันบ้าไปแล้วชาเบล โอ่ววววชีวิต คนนี้ไม่ใช่เธอแน่ๆ เธอมันเป็นพวกเลือดเย็นไร้ความรู้สึก เธอเหมาะกับการถือมีดมากกว่าอุ้มแมวนะ ม่ายยยย~” ฟินน์ทำท่าเหมือนเสียสติทันที
พวกเสียสติมักคุยไม่รู้เรื่องฉันเลยเลือกนั่งคุยและนั่งเล่นกับฮะจิอยู่กับพื้น พื้นที่ว่าไม่ใช่พื้นที่ที่หลบมุมหรือมีที่สำหรับนั่งเล่น แต่เป็นพื้นทางเดินของกลางงานนี่ล่ะนะ แต่กลับไม่มีใครว่าอะไรแถมยังหยุดดูและเล่นกับฮะจิด้วยซ้ำ ก็ที่นี่มันงานแมวจึงมีแต่คนรักแมวนิเนอะ ^w^
หลังจากนั่งเล่นมาสักพักโดยมีฟินน์คอยแอบมองและยืนหลบหลังป้ายพร้อมทำหน้าเหมือนเห็นผี ฉันก็ยังไม่พบเจ้าของฮะจิ พอฉันลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปหาฟินน์ฮะจิก็เดินตามมา พอฉันนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้นั่งพักฮะจิก็กระโดดขึ้นตักพรางถูหน้ากับหน้าท้องฉันก่อนจะหลับตาอย่างมีความสุข
“ฮะจิ อย่าพึ่งหลับเลยนะ เดินตามแม่มาแบบนี้เดี๋ยวได้หลงกับพ่อแม่ที่แท้จริงหรอก”
“-w-“ ฮะจิทำเหมือนไม่ได้ยินพร้อมหลับตาลงซุกตัวบนตักฉันทันที
“เธอไปเป็นแม่ของได้แมวอ้วนนี่ตอนไหน หาพ่อได้แล้วหรอ ^^” เสียงที่ดังขึ้นชั่งกวนประสาทจนฉันอดไม่ได้ที่ต้องส่งสายตาอำมหิตให้
“ถ้าลุกไปได้เมื่อไหร่ฉันจะซ้อมนายแล้วเอาไปปลูกข้าวสาลีอ่อนให้แมวกินยังมีประโยชน์กว่ามาเห่าหอนแบบนี้อีก”
“ทำไม! ก็ฉันพูดเรื่องจริง หาพ่อให้ได้ก่อนเถอะค่อยเรียกตัวเองว่าแม่”
“เงี้ยววว!” อยู่ดีๆ ฮะจิก็ตื่นขึ้นพร้อมส่งเสียงคำรามก่อนจะขู่ฟ่อๆใส่ฟินน์ทันที
“เอาเลยลูก ข่วนหน้ามันเลย มันว่าแม่” ฉันยุยงเสริมทันที แต่ฮะจิเองก็ใช่ย่อยกางเล็บแหลมๆขึ้นสูงพร้อมจู่โจม
“น่ารักจริงๆลูกแม่ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวแม่หาพ่อให้” ฉันหยุดพูดก่อนจะส่งสายตาไปหาฟินน์พร้อมกับเน้นเสียงอย่างชัดเจน “จะได้ไม่มี’หมา’ตัวไหนมาว่าฮะจิเนอะ” เมื่อพูดจบ ฉันหันไปยิ้มให้ฮะจิพรางลูบหัวกลมที่ตอนนี้ทำท่าออดอ้อนแทนแล้ว
“ชาตินี้ไม่มีใครเอาหรอกโว๊ย! ขึ้นคานจนยานหมดแหละเธอน่ะ?!”
“เมี้ยวววววววว!!!” ฮะจิกระโจนสุดตัวออกจากตักฉันเข้าหาหน้าฟินน์ ทั้งเสียงขู่ของฮะจิและเสียงโวยวายของฟินน์จึงเกิดการจารจลของคนและแมวขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้ามายุติ แยกตัวฮะจิออกจากหน้าฟินน์ทันที
“อ๊ากกกก! ไอ้แมวอ้วน แกทำหน้าฉันเป็นรอยแผล” อาการเจ็บและแสบบนใบหน้าทำให้ฟินน์รู้ได้ทันทีว่าใบหน้าที่ตัวเองภาคภูมิใจมีแผลสดเลือดซิบๆจากรอยเล็บแมวเป็นทางแน่ๆ
“แม้ววววแง้วๆๆๆ แม๊วววววว!” แต่ฮะจิเองก็ส่งเสียงตอบโต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้พร้อมดิ้นอยากสุดกำลังท่าทางเหมือนอยากจะกระโดดเข้าข่วนหน้าฟินน์อีกรอบ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำฮะจิเข้ากรงก่อนจะรีบขอโทษขอโพยฉันกับฟินน์และขอตัวไปพร้อมกับฮะจิที่ส่งสายตาอ้อนวอนและร้องเรียกฉันให้ฉันช่วย T^T ตัวฉันเองก็ได้แต่ยืนมองฮะจิอยู่นอกเขตห้ามเข้าของโซนประกวดแมวที่อนุญาติให้เจ้าของแมวและผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น ฉันรู้จากเจ้าหน้าที่ว่าฮะจิเป็นแมวเข้าประกวดที่แอบออกนอกกรงตอนเจ้าหน้าที่เผลอและโชคดีที่ตามตัวเจอเพราะเจ้าของของฮะจิเป็นคนฝากไว้
“เข้ากรงซะได้ก็ดี แมวบ้าแบบนั้นขังลืมเลยเถอะ”
“TT^TT” ฉันอยากจะร้องไห้
“แมวผีแบบนั้นเธอยังชอบมันอีกหรอ”
“ฉันไม่ได้แค่ชอบนะ แต่ฉันหลงรักฮะจิเลยล่ะ ToT”
“อืม” อยู่ดีๆฟินน์กลับเงียบไปซักพักก่อนจะหันกลับมาพูด “จะว่าไปเธอกับมันก็เหมาะที่จะเป็นแม่ลูกกันดีนะ”
“จริงหรอ *0*” ฉันตาเป็นประกายและรู้สึกดีใจลึกๆใจอก ฟินน์คงเข้าใจฉันจริงๆและเห็นว่าฉันรักฮะจิมากสินะ
“ใช่ที่สุด ^^” ฟินน์ยิ้มให้ก่อนจะพูดต่อทันที “ก็เพราะเธอกับมันนิสัยแย่พอกันและนั่นไงตาลุงอ้วนหัวเหม่งที่ยืนหน้ากรงแมวผีนั่นน่ะเหมาะเลยที่จะเป็นสามีเธอ”
ฉันเสียรู้เต็มๆ ไอ้บ้าเอ๊ย! แบบนี้มันหลอกด่ากันชัดๆ
“ถ้าตาลุงนั่นเป็นเจ้าของฮะจิจริงๆฉันจะยอมให้เป็นพ่อ...แต่พอฉันได้เป็นแม่ฉันจะวางแผนฆ่าตาลุงแล้วไปหมกไว้บ้านนายพร้อมป้ายความผิดว่าเกิดจากพิษรักแรงหึงของคู่ขาอย่างนาย”
เมื่อฉันพูดจบ ฟินน์ทำท่าตกใจสุดขีดก่อนจะรีบพนมมือขึ้นและพูดว่า
“สัตเพสัตตา จงอยู่บนคานต่อไปเถอะ อย่างได้ไปสร้างเวรสร้างกรรมกับใครอีกเลย”
อ๊ากกกกก! คอยดูนะงานนี้ถ้าไม่มีใครตายอย่ามาเรียกฉันว่าชาเบลเลย
“แกต้องตาย ย๊ากกกกกกก!”
การทำสงครามแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆหรืออภิมหาบิ๊กบึ้มย่อมต้องบาดเจ็บและล้มตาย ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเป็นผู้ชนะ ฝ่ายที่พลาดท่าเสียทีทำได้เพียงส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บใจที่ผู้ชายตัวใหญ่ๆที่ได้เปรียบในทุกด้านทำอะไรผู้หญิงตัวเล็กๆไม่ได้เลย
แม้สงครามที่เกิดขึ้นกลางงานแมวที่ทำให้บรรดาผู้คนและบรรดาแมวทั้งหลายหวาดกลัวและตกใจจนไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามศึก ภาพที่เห็นโหดร้ายถึงขนาดให้เรท ฉ. ได้ แต่ใครจะเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเรียกรอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนใบหน้าของชายคนหนึ่งผู้ที่ยืนชมเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น รอยยยิ้มที่แสดงถึงความขบขันฉายชัดบนใบหน้าและนึกเอ็นดูผู้หญิงแปลกๆคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ