เหมียวสื่อรัก กับดักหัวใจ
เขียนโดย ชม้อยศรี
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.18 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 16.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เจอะเจอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้เป็นอีกวันที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขจริงๆนะ *.*
‘สุขใดเล่า เท่ามีสุขจังเลย...และอิ่มใดเล่า เท่าอิ่มจังตังค์อยู่ครบ’
ใช่แล้ว! วันนี้เทพเจ้าประทานโชคมาให้แต่เป็นโชคในการกิน ที่จู่ๆ ฟินน์พาฉันมาเลี้ยงแบบไม่อั้นและหลังจากที่ตะลอนกินมาทั้งวันจึงปิดท้ายด้วยเมนูไอศกรีมถ้วยยักษ์ที่สร้างความหวานนุ่มสดชื่นเย็นช่ำถึงขั้วปอดเป็นสิ่งที่สามารถคลายร้อนจากอากาศหรือดับอารมณ์ขุ่นมัวให้ใครหลายๆคนได้ แต่คงไม่ใช่คนที่นั่งหนังหน้ายู่เป็นตูดหมาตลอดทั้งวันตรงหน้าฉันสินะ
“เล่ามาสิว่าเป็นอะไร” ฉันเปิดประเด็นขึ้นก่อนจะหมดอารมณ์ในการกินหลังจากเห็นสีหน้าแย่กว่าเดิม
“ฉันไม่อยากกลับบ้าน” ฟินน์ตอบกลับมาด้วยท่าทางซังกะตาย
“ =_= เหตุผลปัญญาอ่อน” ฉันพูดจบพร้อมเตรียมยกถ้วยไอศกรีมหมายจะทุ่มใส่หัวฟินน์ทันที เหตุผลแบบนี้คิดว่าหรอว่าฉันจะเชื่อ ฉันรู้ว่าฟินน์เป็นคนที่รักและชอบที่จะอยู่บ้านมาก ถึงแม้จะอยู่บ้านคนเดียวประจำเพราะคุณลุงกับคุณป้าต้องไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ แต่นี่มันไร้สาระเกินไป
“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นๆดิ” ฟินน์ร้องห้ามเป็นพัลวันพรางหน้าฉันพร้อมถอนหายใจหนักๆก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี “ศัตรูที่ฉันเกลียดขี้หน้ามันดันกลายเป็นเพื่อนบ้านใหม่ของฉันน่ะสิ”
หลังจากฟังเหตุผลทำให้ถึงกับเอ๋อเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเป็นไม่กี่เรื่องที่ฉันเห็นฟินน์แสดงออกว่าไม่ชอบและไม่สบายใจได้ขนาดนี้ ปกติฟินน์เป็นคนกล้า ไม่เกรงกลัวอะไรนะ แต่แค่ได้ศัตรูเป็นเพื่อนบ้านถึงกับ’ป๊อด’แสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
“มันทำไม! สั่งเก็บและบึ้มบ้านเลยมั้ย!?” ฉันพูดด้วยความเป็นห่วงแต่ฟินน์กลับปรายตามามองฉันก่อนจะถอยหายใจหนักกว่าเดิม
อะไรเนี้ย! ฉันหวังดีนะ
แต่แล้วฟินน์กลับหันมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงแน่ๆ “เอาสิ ถ้าเธอทำได้และกล้าทำ อยากได้อะไรฉันให้ทุกอย่าง”
“O.O จริงหรอ ถ้าฉันขอบ้านพร้อมสระว่ายน้ำและรถหลักล้านอีกสามคันก็ได้สินะ”
“ข้อนั้นถ้าเธอเป็นเมียฉันน่ะได้แน่”
“ไอ้เวร!” ฉันง้างมือขึ้นเตรียมฟาดกระบาลทันที ลามปามใหญ่ล่ะ
“เฮ้ย!พูดเล่นต้องทำดุใส่ด้วย -*-...มาเข้าเรื่องต่อ เธออยากได้อะไรที่มันพอรับได้ฉันให้ทุกอย่าง แต่...” ฟินน์เว้นวรรคไว้ก่อนจะสบตาฉันนิ่งสายตาแน่วแน่ของฟินน์จ้องฉันมาอย่างท้าทาย “ถ้าเธอทำไม่ได้ฉันสามารถสั่งให้เธอทำอะไรก็ได้หนึ่งข้อ เธอกล้ามั้ยล่ะ” หึ...ถ้ากล้าท้าทาตรงๆเรื่องแค่นี้คิดว่าฉันจะยอมให้ใครลูบคมหรอ
“ตกลง! ฉันจะไปจัดการเพื่อนบ้านใหม่ของนายให้มันไม่กล้ามองหน้านายหรือย้ายบ้านหนีไปเลย และฉันจะกลับมาทวงสัญญาข้อนั้นทันที”
........................................
เพราะเหตุฉะนี้ ตอนจึงฉันกลายเป็นชะนีซุ่มดูเป้าหมายบนต้นไม้ใหญ่ในสวนบ้านของฟินน์ หลังจากการซุ่มดูอยู่พักใหญ่กลับไม่เห็นความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกเสียจาก...นกที่บินไปและบินมา =_=
การมองจากมุมสูงแบบนี้ทำให้ฉันสามารถมองโลกได้กว้างขึ้น ได้เห็นพื้นที่รอบๆทีมีการเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่กลับยังมีบ้านหลังใหญ่อยู่หลังหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว ถึงจะร้างไร้ผู้อยู่แต่กลับยังใหม่และได้รับการดูแลอย่างเสมอ ฉันได้รู้เรื่องราวจากฟินน์บ้างว่าจะมีคนเข้ามาสำความสะอาดและดูแลประจำ เหมือนกับว่ายังรอเจ้าของเดิมกลับมา อีกครั้ง...
บ้านนี้อยู่ติดกับบ้านของฟินน์อีกหลังหนึ่ง
......มันคือบ้านฉัน...ฉันในวัยเด็ก
มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความทรงจำในวันวาน ครอบครัว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความเสียใจที่ฉายชัดขึ้นมาในหัวของฉัน ฉันรักบ้านหลังนี้มากเท่าไหร่ก็เกลียดมันมากพอๆกัน การได้เห็นบ้านหลังเก่าที่แสนคิดถึงจะทำให้ฉันเจ็บปวดถึงแม้ตอนนี้จะไม่มากแล้วก็ตาม อาจเป็นเพราะฉันผ่านจุดเสียใจมานานและชินชาไปแล้วล่ะมั้ง ตอนนี้ชีวิตฉันก็ปกติดี มีความสุขกับบ้านใหม่หลังเล็กๆและกับแม่ของฉันก็พอแล้วล่ะ
แต่แล้ว...เสียงขู่คำรามคล้ายเสียงเตือนดังขึ้นเบาๆข้างหลังฉัน ฉุดฉันให้อยู่กับความเป็นจริงตอนนี้ทันที เสียงนั่นทำฉันตัวเกร็งทันที ไม่รู้ว่านั่นคือเสียงของตัวอะไร เผลอหันกลับมองบ้านเก่าตัวเองดันพลาดให้ตัวอะไรไม่รู้จ้องจะทำร้ายซะงั้น
แม้จะรู้สึกหวั่นใจแค่ไหนแต่ฉันต้องทำเป็นใจดีสู้ตัวอะไรไม่รู้ที่ฉันมองไม่เห็น!
ฉันขยับตัวและหันหน้าไปทางต้นเสียงช้าๆก่อนจะพบดวงตากลมโตสีฟ้าคู่หนึ่งในความมืดจ้องกลับมาพร้อมจู่โจมได้ทุกเมื่อ ทำให้ฉันผงะดีดตัวลงจากต้นไม้หล่นตุบก้นจ้ำลงพื้น
โอ๊ย! ให้ตายสิ ขาหักแขนหักยังดามได้ แต่ตูดแหกเนี้ยหมอรักษาได้ใช่มั้ย T^T
แต่ใครบอกล่ะว่าดีดตัวลงมาตูดหักแล้วไอ้ตัวอะไรไม่รู้มันจะไม่ตามลงมา ฉันเห็นเงากระโจนลงเข้าพุ่มไม้ไล่หลังฉันลงมา ให้ตายสิ! ตูดระบมลุกหนีไม่ไหวหรอกนะ
พุ่มไม้สั่นไหวตามจังหวะการเดินของตัวอะไรไม่รู้ที่พุ่งตรงมาหาฉัน ฉันทำได้แต่ภาวนาให้ให้ก้นงามๆหายระบมพอมีแรงที่จะลุกวิ่งได้ทันก่อนที่มันจะมาถึงตัว แต่คำภาวนาในใจของฉันคงไม่เป็นผลเพราะตอนนี้ฉันเห็นดวงตาคู่นั้นใต้พุ่มที่มองตรงมายังฉันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉันต้องกระเสือกกระส้นยกก้นขึ้นเบาๆแล้วไถๆไปตามพื้นอย่างอนาถเพื่อให้ไกลจากพุ่มไม้มากที่สุด
แต่เห็นทีคงไม่ทันการเพราะมันใกล้โผล่จากพุ่มไม้และถึงตัวแล้ว TToTT ฉันหลับตาแน่นเกร็งตัวเตรียมรับการโจมตีจากตัวอะไรก็ไม่รู้ทันที
ฉันจะตายมั้ย ถ้ามันเป็นสัตว์ที่มีพิษล่ะ ไม่นะฉันยังไม่มีแฟนเลย TT^TT
“เมี้ยวววววว!”
กรี๊ดดดดดด!!
สัมผัสนุ่มๆที่ถูไถข้างมือฉันทำให้ฉันต้องลืมตามองดีๆอีกครั้ง เจ้าของดวงตากลมสีฟ้าที่ดูคุ้นเคย ลำตัวสีขาวที่นุ่มนิ่มและหูที่พับลงมา
นี่มัน………
“ฮะจิ!!!!!”
“เมี้ยววววววววว!!”
ทั้งฉันและฮะจิต่างกระโจนเข้าหาและกอดกันจนตัวกลม ฮะจิเองก็มาถูไถและเลียเบาๆบนใบหน้าของฉัน อะไรกัน นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ >////<
และเสียงฟินน์ก็แทรกขึ้นขัดฉันกับฮะจิอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นี่แหละศัตรูฉัน จัดการด้วย ไม่งั้นเธอแพ้ J” ก่อนเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ฟังดูก้องกังวานมากในความรู้สึกของฉัน
เมื่อคิดดีๆมันเป็นคำพูดที่เหมือนบอกว่ากับดักอยู่ตรงไหนตอนเหยื่อติดกับแล้ว คงรู้ตั้งแต่แรกแล้วสินะว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ให้ตายสิ! ฉันเสียรู้ให้แล้ว!!!
หลังจากนั้นสามวัน
ฉันกลับมายืนอยู่หน้าบ้านฟินน์อีกครั้ง ไม่ได้กลับมายอมรับว่าแพ้ แต่กลับมาจัดการศัตรู(ของฟินน์)ด้วยวิธีของฉัน ;) ที่หายไม่สามวันไม่ใช่ไปหลบคิดแผนนะ แต่หลบไปรักษาก้นน้อยๆที่เปลี่ยนสีเป็นทั้งเขียวและม่วงต่างหาก!
และฉันก็มามาด่อมๆมองๆเป็นชะนีบนต้นไม้ต้นเดิมที่ได้เจอกับฮะจิ รอบนี้เอาบันไดมาเผื่อเหตุฉุกเฉินแล้วล่ะนะ ^*^ วันนี้ฉันมาเจอกับฮะจิไม่ได้จะดำเนินการตามแผนอะไรทั้งนั้น แค่ฉันอยากเล่นกับฮะจิเท่านั้น
แต่หลังรอมาครู่ใหญ่ยังไม่เห็นเงาของฮะจิ ใครบอกว่า ร้องเรียกเหมียวๆ เดี๋ยวก็มา นี่จะครบร้อยเดี๋ยวยังไม่เห็นแม้แต่เงา
ทำไมกันล่ะ! หรือว่าฮะจิจะขี้เซาหลับอยู่มุมใดมุมนึงของบ้าน
‘บ้านหลังนั้นอยู่กันแค่สองคนพี่น้อง แต่เหมือนจะไม่ค่อยอยู่บ้านและคงไม่มีเวลาดูแลไอ้แมวอ้วนมันเลยนิสัยเสียมาขี้บ้านฉันตลอด ทางที่ดีโปกปูนปิดตูดมันได้จะขอบคุณเลย’
‘แค่อึนิดอึหน่อยมันจะตายรึไง’
‘เธอน่าจะรู้นะว่ากลิ่นขี้แมวมันรัญจวนใจขนาดไหน แล้วล่าสุดมันแอบเข้ามาในห้องและขี้ไว้บนหมอนเลยนะ!!’
‘โวยวายอย่างกับนอนทับไปแล้วอย่างั้นแหละ’
‘………’
‘อย่าบอกนะว่าโง่นอนทับจริงๆ’
‘TT^TT ขอร้อง อย่าไปบอกใครนะ’
ข้อสรุปคือฉันต้องทำยังไงก็ได้ไม่ให้ฮะจิมาทิ้งระเบิดและถ้าไม่มาบ้านฟินน์ได้ยิ่งดี จากคำบอกเล่าของฟินน์และความอยากเล่นกับฮะจิ(จนตัวสั่น)ทำให้ฉันใจกล้าพอที่จะ(ค่อยๆ)กระโดนลงจากกำแพงที่ค่อนข้างสูง(อย่างช้าๆ)เข้าบ้านเป้าหมายอย่างไม่ลังเล ถ้าถูกจับได้อย่างน้อยก็คงโดนข้อหาบุกรุกหรือไม่ก็ขโมย =_= ฟินน์บอกว่าถ้าโดนจะไปประกันตัวให้และถ้าถามว่าฉันบ้าหรือเปล่าที่ยอมทำง่ายๆหรือยอมเสี่ยงแม้กระทั้งนอนคุก ใช่! ฉันบ้า ฉันยอมได้ทุกอย่างยกเว้นแพ้ฟินน์ข้อเดียว
จากการซุ่มดูที่พุ่มไม้ซักพักก่อนจะค่อยๆขยับหลบหลังกระถางต้นไม้ด้านซ้าย มุดใต้พุ่มไม้ด้านขวา ใช้กระบวนท่าให้การหลบหลีและอำพรางตัวผ่านสวนจนขยับเข้าถึงตัวบ้านเรียบร้อย พร้อมหามุมเหมาะๆสอดส่องตรงกระจกหน้าต่างบานใสเผยให้เห็นถึงภายในตัวบ้านที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามน่าอยู่ ตัวบ้านและเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นโทนสีขาวเป็นหลักทำให้ดูสว่างและสะอาดตา แต่ถ้าจะขาวหมดแบบนี้ จะหาฮะจิเจอได้ยังไงกัน T^T
หลังจากสังเกตการณ์บริเวณหน้าต่างมาพักใหญ่ความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำฉันเหงื่อตก ฉันว่าวันนี้คงไม่ได้เจอฮะจิแน่ๆและก่อนฉันจะถอดใจจู่ๆก็มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างเคลื่อนไหวภายในบ้าน
o.o หรือว่าจะเป็นฮะจิ!
ฉันพยายามเพ่งมองหาสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ก่อนจะถึงกับช็อค! สิ่งที่ฉันได้เห็นไม่ใช่ฮะจิและถ้าฉันได้เห็นผีคงจะดีใจกว่านี้!!!
สิ่งที่ฉันเห็นนั้น.....
มนุษย์เพศชายเรือนผมสีน้ำตาลที่ดูยุ่งเหยิงยุ่งเหมือนพึ่งตื่นนอนผู้มีใบหน้าหล่อเหล่าเจ้าร่างสูงโปร่งดูมีมัดกล้ามอย่างสมส่วนเดินย่างก้าวอย่างช้าๆเหมือนภาพสโลว์(ในความคิดของฉัน)กำลังเอี้ยวตัวเล็กๆคล้ายไล่ความขบเมื่อยก่อนจะเอนไปข้างหลัง O.o
ทวงท่านั้นนั่นเองทำให้ฉันได้สติจากการหลงใหลไปกับภาพตรงหน้าทันที เพราะฉะ...ฉันพึ่งสังเกตว่า...เขาใส่กางเกงในรูปหมูน้อยตัวเดียวและกำลังล้วงมือไปเกากุ๊กกู๋
โฮกกกกกกกกก!!!! TTOTT
น้ำตาจะไหล T^T แต่ถ้าไหล...ไม่แน่ใจตัวเองว่าเป็นเพราะกลัวหรือตื่นเต้นที่กำลังจะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ (?)กันแน่
เฮ้ยยยยย นี่ฉันกลายเป็นผู้หญิงลามกไปแล้ว
ด้วยสติอันดีงามที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดสั่งให้ฉันคลานถอยหลังออกมาอย่างช้าๆ แต่ทว่าฉันไม่สามารถบังคับตัวเองให้ยอมละลายตาไปได้ TT^TT นี่ฉันคงเป็นผู้หญิงลามกจริงๆสินะ
ตึก!!!
ฉันถอยหลังไปชนเข้ากับอะไรไม่รู้ที่รู้สึกว่าสูงใหญ่และแข็งแรง คงเป็นต้นไม้สินะ
แต่ทว่า...ฉันจะเบาใจกว่านี้แน่ถ้าเงาของต้นไม้ที่ทอดยาวผ่านฉันไปมีเงาของใบไม้และกิ่งก้านสาขาเหมือนต้นไม้ทั่วไป ไม่ใช่ต้นไม้ที่เงาดูมีแขนและขาเหมือนมนุษย์และเงาของใบไม้ที่ดูเหมือนทรงผมนั่นอีก
เฮือกกกกกกกก!!! หรือว่า....
แม้ใจจะเต้นระรัว เนื้อตัวเย็นเฉียบแต่สัญชาตญาณถึงภัยคุกคามสั่งให้ฉันต้องหันกลับไปมองก่อนจะพบเข้ากับ......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ