Raining Blood. ฝนเลือด
8.0
เขียนโดย lomTL
วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 18.44 น.
31 ตอน
13 วิจารณ์
38.17K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
31) ฟื้นตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ลมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง หูของเขาได้ยินเสียงขาดๆหายๆเหมือนกำลังฟังวิทยุอยู่ เขาพยายามหันมองไปรอบตัวแต่ผลที่ตามมาคือ ความเจ็บปวดที่วิ่งแล่นไปทั่วร่างกายจนเขาต้องนอนนิ่ง สายตาของเขาพล่ามัวไปเพราะแสงที่สว่างจ้า
“หมอค่ะ คนนี้ฟื้นแล้วค่ะ” เขาได้ยินเสียงของคนพูดข้างลำตัวของเขา
หมอที่เดินมามองหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น แล้วหยิบไฟฉายขนาดเล็กขึ้นมาส่องพร้อมกับเปิดเปลือกตาของเขา ลมกระพริบตาถี่ด้วยอาการที่ยังไม่พร้อมที่จะรับแสง
“ผมร้อยตรี มานพ” หมอคนนั้นพูด “เป็นหมอประจำที่นี้ คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ผม...” ลมพยายามจะพูดแต่ก็หยุดไปกะทันหัน เขานอนมานานหลายวันและไม่ได้กินน้ำหรืออาหารเลย ทำให้ตอนนี้เกิดอาการคอแห้ง
ร้อยตรีมานพหันหน้าไปหาพยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นางพยาบาลคนนั้นรู้ทันทีว่าต้องการอะไรโดยไม่ต้องบอก เธอหายไปสักพัก ก็กลับมาพร้อมน้ำในแก้วพลาสติก
“เอาละ ค่อยๆน่ะ” ร้อยตรีมานพ พยุงตัวลมขึ้นให้กินน้ำ พอดื่มน้ำเสร็จลมก็ลงไปนอนอยู่เช่นเดิม “ตอนนี้ผมกำลังมีงานอื่นอีก ดูอาการเขาอย่างใกล้ชิดนะ” ร้อยตรีมานพ หันไปกำชับกับพยาบาลคนเดิม แล้วก็เดินจากไป
ลมพยายามรวบรวมสติจากเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจำได้เลือนรางถึงตอนที่เขากำลังจุดไฟเพื่อส่งสัญญาณ หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก ลมพยายามนึกอยู่นานและตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขายกมือขึ้นมากุมท้องซึ่งเป็นแผลจากการโดนแทง ลมกำลังจะหลับลงอีกครั้งแต่ก่อนที่จาของเขาจะหลังลง เขาก็สะดุ้งเพราะเสียงเรียก
“ลม เป็นไงบ้างฟร่ะ” เสียงเรียกของคนคุ้นเคยดังขึ้น ลมรู้ได้ทันทีว่านั่นคือเพื่อนของเขา โต้ นั่นเอง
โต้เดินมาในชุดทหารที่ดูใหม่กว่าเดิม แต่ที่เพิ่มมาคือยศที่อยู่บนแขนซ้ายของเขา หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผ่านมาโต้ ก็ถูกเรียกไปพบ พร้อมกับแต่งตั้งยศให้อย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงลมเองก็เช่นกัน
“แย่..”ลมตอบสั้นๆ
“ฮ่าๆๆ ได้เห็นหน้ากวนๆของนายแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย”
“อือ..” ลมตอบ “แล้วการรบละ”
“ชนะมาได้ก็เพราะนายที่ส่งสัญญาณ กำลังเสริมเลยมาช่วยไว้ได้ทัน” โต้ตอบ “นายจำอะไรไม่ได้เลยหรอ”
“ลางๆนะ”
“ก็นะ” โต้พูดพร้อมกับยักไหล่ “นายหลับไปตั้งสองอาทิตย์ มันก็ไม่แปลกหรอก” โต้พูดจบก็ทำเอาลมถึงกับสะดุ้ง เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะหลับไปนานขนาดนี้
“แล้ว...” ลมกำลังจะถามถึงนานา แต่เขาก็หยุดแล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้นโต้ก็รู้ทันว่าเขาต้องการจะถามอะไรต่อ
“นานานะหรอ สบายดี ตอนนี้กำลังทำงานอยู่”
“ฉันไม่ได้ถามซะหน่อย” ลมพูดแล้วเอนสายตาไปทางอื่น
“ตอนนายมาถึงที่เต็นพยาบาลด้วยสภาพกึ่งเป็นกึ่ง ก็ทำเอานานาร้องไห้จนตาบวมเลย” โต้พูด “เธอมาเฝ้านายทุกวันจนถึงเมื่อเช้า เพราะเธอต้องไปทำงานนะ”
“งั้นหรอ” ลมไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ ความรู้สึกที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจทำให้เขาอยากจะพบหน้าเธอ
โต้กำลังจะพูดต่อแต่ก็พอดีกับที่มิ้งเดินมาพร้อมกับมีเซีย เด็กลูกครึ่งที่พวกเขาเดินทางมาด้วยกันก่อนจะมาถึงฐานทัพนี้ เมื่อมิ้งมาถึงก็ถึงกับเอามือขึ้นมากุมหน้าและหลั่งน้ำตาออกมา มีเซียเองก็วิ่งมาเกาะที่ขอบเตียงพร้อมกับร้องไห้อีกเช่นเดียวกัน
“พวกเราทุกคนเป็นห่วงนายมาก” โต้พูด “ฉันก็นึกว่าจะเสียนายไปแล้วด้วยนะ”
“โทษที ฉันมันตายยาก” ลมพูดพร้อมกับยิ้ม เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากผ่านมาสักพัก ตอนนี้เขาสามารถพูดได้ชัดเจนขึ้น และอาการเจ็บแผลก็เริ่มหายไปอย่างช้าๆ
“เออ จริงดิ ลืมเลย” โต้ล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทหารของเขา พร้อมกับหยิบแผ่นกระดาษที่พับจนเล็กออกมา “ตอนที่นายหลับพวกเราสองคน ได้ถูกแต่งตั้งยศด้วย”
“ยศหรอ” ลมถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ตอนนี้พวกเราสองคน เป็นสิบตรีแล้ว” โต้หยิบเอกสารออกมาให้ลม ซึ่งลมก็คลี่กระดาษออกมาอ่าน ในนั้นมีลายเซ็น และตัวหนังสือที่ชื่นชมถึงวีกรรมอันกล้าหาญของเขา และถูกแต่งยศให้อย่างไม่เป็นทางการคือ สิบตรี
“งั้นหรอ” ลมตอบห้วนๆ ซึ่งนั่นทำให้โต้ไม่พอใจ
“นายไม่ดีใจบางหรอฟร่ะ” โต้พูด “ตอนนี้เราเป็นทหารกันแล้วนะเฟ้ย”
“ดีใจสิ” ลมพูด “แต่จะให้ฉันกระโดดดีใจ ทั้งๆที่เจ็บแผลหรอไง”
“นั่นสินะ” โต้พูดเขินๆ เขาลืมไปว่าเพื่อนของเขากำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น
“มีเซีย เป็นห่วงพี่ลมนะ” มีเซียพูดขัดขึ้นมาในการสนทนาของลมกับโต้ “มีเซีย ร้องไห้ด้วย”
“มีเซีย อย่าไปกวนพี่เขาสิ” มิ้งเดินมาจูงมือเด็กสาว ทั้งๆที่ตัวมิ้งเองก็กำลังร้องไห้อยู่เช่นเดียวกัน
“น่ารำคาญ” ลมพูดด้วยสีหน้าที่ยังยิ้ม พร้อมกับมองมาที่มีเซียกับมิ้งซึ่งทั้งคู่กำลังมองมาที่เขา ด้วยสีหน้าแปลกใจ “ถ้าจะร้องไห้ก็เอาไว้ให้ฉันตายก่อนสิ อย่าร้องไห้ง่ายๆ พวกเธอต้องเข้มแข็งกว่านี้” นี้เป็นประโยคพูดที่ยาวที่สุดของลมตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา และมันทำให้ทั้งสามคนที่เป็นห่วงเขามาก ถึงกับก้มหน้าเงียบ
ไม่ใช่เพราะทั้งสามคนโกรธที่ถูกหาว่ารำคาญ แต่เพราะรู้ดีว่าลมกำลังจะบอกให้รู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขามากก็ได้ นั่นทำให้ทั้งมีเซียและมิ้งกลั้นร้องไห้และเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้ม
“อืม หนูเข้าใจแล้ว” มีเซียยิ้มรับ แล้วหันหน้าไปหามิ้ง
“นั้นสิๆ นายยังไม่ตายสักหน่อย ฉันต้องเข้มแข็งขึ้นให้มากกว่านี้” มิ้งสูดหายใจเข้าลึก พร้อมกับยิ้มออกมา
แต่แล้วทั้งสามคนก็เงียบไปทันที เมื่อหันไปเจอกับหญิงสาวผมยาวสีดำ กำลังยืนมองมาที่ลมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า
“นานา” โต้พูด...........
“หมอค่ะ คนนี้ฟื้นแล้วค่ะ” เขาได้ยินเสียงของคนพูดข้างลำตัวของเขา
หมอที่เดินมามองหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น แล้วหยิบไฟฉายขนาดเล็กขึ้นมาส่องพร้อมกับเปิดเปลือกตาของเขา ลมกระพริบตาถี่ด้วยอาการที่ยังไม่พร้อมที่จะรับแสง
“ผมร้อยตรี มานพ” หมอคนนั้นพูด “เป็นหมอประจำที่นี้ คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ผม...” ลมพยายามจะพูดแต่ก็หยุดไปกะทันหัน เขานอนมานานหลายวันและไม่ได้กินน้ำหรืออาหารเลย ทำให้ตอนนี้เกิดอาการคอแห้ง
ร้อยตรีมานพหันหน้าไปหาพยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นางพยาบาลคนนั้นรู้ทันทีว่าต้องการอะไรโดยไม่ต้องบอก เธอหายไปสักพัก ก็กลับมาพร้อมน้ำในแก้วพลาสติก
“เอาละ ค่อยๆน่ะ” ร้อยตรีมานพ พยุงตัวลมขึ้นให้กินน้ำ พอดื่มน้ำเสร็จลมก็ลงไปนอนอยู่เช่นเดิม “ตอนนี้ผมกำลังมีงานอื่นอีก ดูอาการเขาอย่างใกล้ชิดนะ” ร้อยตรีมานพ หันไปกำชับกับพยาบาลคนเดิม แล้วก็เดินจากไป
ลมพยายามรวบรวมสติจากเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจำได้เลือนรางถึงตอนที่เขากำลังจุดไฟเพื่อส่งสัญญาณ หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก ลมพยายามนึกอยู่นานและตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขายกมือขึ้นมากุมท้องซึ่งเป็นแผลจากการโดนแทง ลมกำลังจะหลับลงอีกครั้งแต่ก่อนที่จาของเขาจะหลังลง เขาก็สะดุ้งเพราะเสียงเรียก
“ลม เป็นไงบ้างฟร่ะ” เสียงเรียกของคนคุ้นเคยดังขึ้น ลมรู้ได้ทันทีว่านั่นคือเพื่อนของเขา โต้ นั่นเอง
โต้เดินมาในชุดทหารที่ดูใหม่กว่าเดิม แต่ที่เพิ่มมาคือยศที่อยู่บนแขนซ้ายของเขา หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผ่านมาโต้ ก็ถูกเรียกไปพบ พร้อมกับแต่งตั้งยศให้อย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงลมเองก็เช่นกัน
“แย่..”ลมตอบสั้นๆ
“ฮ่าๆๆ ได้เห็นหน้ากวนๆของนายแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย”
“อือ..” ลมตอบ “แล้วการรบละ”
“ชนะมาได้ก็เพราะนายที่ส่งสัญญาณ กำลังเสริมเลยมาช่วยไว้ได้ทัน” โต้ตอบ “นายจำอะไรไม่ได้เลยหรอ”
“ลางๆนะ”
“ก็นะ” โต้พูดพร้อมกับยักไหล่ “นายหลับไปตั้งสองอาทิตย์ มันก็ไม่แปลกหรอก” โต้พูดจบก็ทำเอาลมถึงกับสะดุ้ง เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะหลับไปนานขนาดนี้
“แล้ว...” ลมกำลังจะถามถึงนานา แต่เขาก็หยุดแล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้นโต้ก็รู้ทันว่าเขาต้องการจะถามอะไรต่อ
“นานานะหรอ สบายดี ตอนนี้กำลังทำงานอยู่”
“ฉันไม่ได้ถามซะหน่อย” ลมพูดแล้วเอนสายตาไปทางอื่น
“ตอนนายมาถึงที่เต็นพยาบาลด้วยสภาพกึ่งเป็นกึ่ง ก็ทำเอานานาร้องไห้จนตาบวมเลย” โต้พูด “เธอมาเฝ้านายทุกวันจนถึงเมื่อเช้า เพราะเธอต้องไปทำงานนะ”
“งั้นหรอ” ลมไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ ความรู้สึกที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจทำให้เขาอยากจะพบหน้าเธอ
โต้กำลังจะพูดต่อแต่ก็พอดีกับที่มิ้งเดินมาพร้อมกับมีเซีย เด็กลูกครึ่งที่พวกเขาเดินทางมาด้วยกันก่อนจะมาถึงฐานทัพนี้ เมื่อมิ้งมาถึงก็ถึงกับเอามือขึ้นมากุมหน้าและหลั่งน้ำตาออกมา มีเซียเองก็วิ่งมาเกาะที่ขอบเตียงพร้อมกับร้องไห้อีกเช่นเดียวกัน
“พวกเราทุกคนเป็นห่วงนายมาก” โต้พูด “ฉันก็นึกว่าจะเสียนายไปแล้วด้วยนะ”
“โทษที ฉันมันตายยาก” ลมพูดพร้อมกับยิ้ม เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากผ่านมาสักพัก ตอนนี้เขาสามารถพูดได้ชัดเจนขึ้น และอาการเจ็บแผลก็เริ่มหายไปอย่างช้าๆ
“เออ จริงดิ ลืมเลย” โต้ล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทหารของเขา พร้อมกับหยิบแผ่นกระดาษที่พับจนเล็กออกมา “ตอนที่นายหลับพวกเราสองคน ได้ถูกแต่งตั้งยศด้วย”
“ยศหรอ” ลมถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ตอนนี้พวกเราสองคน เป็นสิบตรีแล้ว” โต้หยิบเอกสารออกมาให้ลม ซึ่งลมก็คลี่กระดาษออกมาอ่าน ในนั้นมีลายเซ็น และตัวหนังสือที่ชื่นชมถึงวีกรรมอันกล้าหาญของเขา และถูกแต่งยศให้อย่างไม่เป็นทางการคือ สิบตรี
“งั้นหรอ” ลมตอบห้วนๆ ซึ่งนั่นทำให้โต้ไม่พอใจ
“นายไม่ดีใจบางหรอฟร่ะ” โต้พูด “ตอนนี้เราเป็นทหารกันแล้วนะเฟ้ย”
“ดีใจสิ” ลมพูด “แต่จะให้ฉันกระโดดดีใจ ทั้งๆที่เจ็บแผลหรอไง”
“นั่นสินะ” โต้พูดเขินๆ เขาลืมไปว่าเพื่อนของเขากำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น
“มีเซีย เป็นห่วงพี่ลมนะ” มีเซียพูดขัดขึ้นมาในการสนทนาของลมกับโต้ “มีเซีย ร้องไห้ด้วย”
“มีเซีย อย่าไปกวนพี่เขาสิ” มิ้งเดินมาจูงมือเด็กสาว ทั้งๆที่ตัวมิ้งเองก็กำลังร้องไห้อยู่เช่นเดียวกัน
“น่ารำคาญ” ลมพูดด้วยสีหน้าที่ยังยิ้ม พร้อมกับมองมาที่มีเซียกับมิ้งซึ่งทั้งคู่กำลังมองมาที่เขา ด้วยสีหน้าแปลกใจ “ถ้าจะร้องไห้ก็เอาไว้ให้ฉันตายก่อนสิ อย่าร้องไห้ง่ายๆ พวกเธอต้องเข้มแข็งกว่านี้” นี้เป็นประโยคพูดที่ยาวที่สุดของลมตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา และมันทำให้ทั้งสามคนที่เป็นห่วงเขามาก ถึงกับก้มหน้าเงียบ
ไม่ใช่เพราะทั้งสามคนโกรธที่ถูกหาว่ารำคาญ แต่เพราะรู้ดีว่าลมกำลังจะบอกให้รู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขามากก็ได้ นั่นทำให้ทั้งมีเซียและมิ้งกลั้นร้องไห้และเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้ม
“อืม หนูเข้าใจแล้ว” มีเซียยิ้มรับ แล้วหันหน้าไปหามิ้ง
“นั้นสิๆ นายยังไม่ตายสักหน่อย ฉันต้องเข้มแข็งขึ้นให้มากกว่านี้” มิ้งสูดหายใจเข้าลึก พร้อมกับยิ้มออกมา
แต่แล้วทั้งสามคนก็เงียบไปทันที เมื่อหันไปเจอกับหญิงสาวผมยาวสีดำ กำลังยืนมองมาที่ลมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า
“นานา” โต้พูด...........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ