Raining Blood. ฝนเลือด
8.0
เขียนโดย lomTL
วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 18.44 น.
31 ตอน
13 วิจารณ์
38.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) กองทหาร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ลม กับ โต้ ที่กำลังรีบวิ่งไปที่กำแพงด้านหน้า เพื่อรายงานตัวตามคำสั่งของทหารหญิง ระหว่างทางต้องเจอกับทหารวิ่งสวนทางไปตลอด รถถัง เเละ รถจี๊บของทหารวิ่งวุ่นไปให้ทั่วเสียง ระเบิดกับเสียงปืนยังคงดังมาไม่ขาดสาย
"ต้องไปตรงไหนกันเเน่เนี้ย" โต้ ที่วิ่งนำหน้าหันกลับไปถามลม
"ไม่รู้เฟ้ย"
"ไร้จุดหมายเเบบนี้จะวิ่งทำไมฟร่ะ"
"ยังไงก็วิ่งไปให้ถึงกำแพงด้านหน้า ตามที่ทหารหญิงคนนั้นบอกก่อนเถอะ"
โต้ พยักหน้า เมื่อมาถึงกำแพงด้านหน้า ก็ต้องเจอกับทหารหลายสิบนายยืนเข้าแถวอยู่ เเต่
ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นทหาร มีคนที่เเต่งกายเป็นพลเรือนที่มัดเเขนสีแดงเหมือนกับ ลม เเละ โต้
"กำลังยืนรออะไรครับ" โต้ ถามหนึ่งในคนที่ยืนอยู่
"เห็นว่าคนที่มีผ้าสีแดงมัดอยู่ให้มารวมกันที่่นี้น่ะ" ชายคนนั้นตอบ
โต้ เอามือขึ้นมาเกาหัว ส่วน ลม ก็หันมองไปมารอบๆอย่างตั้งใจ ก็ไปเห็นกับชายเเต่งกาย พลเรือนสองคนยืนคุยกันอยู่
"จริงดิ!!" ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา
"เออ เห็นว่าเป็นเรื่องจริงน่ะเว้ย"
ลม ที่สนใจการพูดคุยของชายสองคนนั้น เดินเข้าไปหา
"อะไรเรื่องจริงหรอครับ" ลม ถาม
"อ้อ เห็นว่าหลายประเทศร่วมตัวกันก่อตั้ง สาธารณรัฐโลกเเล้วน่ะ"
ลม ตกใจเล็กน้อย เขาตั้งใจที่จะถามต่อ เเต่ก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นซะก่อน
ปี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!
"เงียบ!!!!!" ทหารรูปร่างกำยำ เดินมายืนอยู่หน้าสุดของแถว พร้อมกับทหารอีกสองนาย
"ฉันพันโท กิตติ ผู้บัญชาการควบคุมหน่วยจู่มโจม"
พูดจบ เสียงคุยจ๊อกแจ๊กก็ดังขึ้น ผู้คนมากกว่าร้อยต่างจับคู่คุยกันไม่หยุด
ปี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!
"บอกให้เงียบไง" พันโทกิตติ ตะโกน "เอาล่ะ เดินแถวไปรวมกันที่สนามกลาง"
ทุกคนต่างเดินแถวตามกันอย่างเป็นระเบียบ เหมือนนัดกันมา ลม กับ โต้ เองก็เดินตามกันไปหัวแถวยาวไกลจนมองไม่เห็น แถวกำลังเดินไปสู่ลานกว้าง ที่ถูกตัดต้นไม้ออกจนโล่งเตียน ที่นี้มีทั้งทหารเเละพลเรือนมารวมตัวกัน มากกว่าหนึ่งพันคนเสียงคุยกันดังไปทั่ว
"เห้ย ลม นี้มันอะไรกันฟร่ะ" โต้ หันไปถามลม
"คงจะเป็นการประชุมอะไรสักอย่าง"
ทุกคนที่มารวมกันที่นี้ต่างมัดผ้าแดงไว้ที่เเขน มีทั้งคนแก่ คนหนุ่ม ยืนกันสะเปะสะปะอยู่เต็มไปหมด เเต่ทุกคนก็หันหน้าไปทางเดียว คืนบนเวทีที่สร้างขึ้นจากไม้เเบบไม่ค่อยมั่นคง บนเวทีมีจอทีวีขนาดใหญ่ติดตั้งเอาไว้ เมื่อขบวนเเถวของลมมาถึงก็มีทหารรูปร่างผอมสูง มีรอยแผลอยู่บนใบหน้าตั้งเเต่ใต้ตาถึงคาง จอขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นทันที ทหารที่ยืนอยู่ข้างล่างเวที ส่งไมค์ให้กับชายร่างผอม
"ทุกคนฟัง" ชายร่างผอมพูด "ขอเเนะนำตัว ฉันพลเอก สหชัย"
เสียงคุยกันเริ่มเงียบ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปบนเวที ที่ตอนนี้กำลังเปิดภาพเมืองที่ถูก
ทำร้ายจนยับเยิน
"ขอให้ทุกคนฟังให้ดี เเละจำให้ขึ้นใจ" พลเอกสหชัยพูด "สิ่งที่ทุกคนกำลังจะได้ฟัง
ต่อจากนี้ เป็นข้อมูลที่สำคัญ เพราะฉะนั้นอย่าทำเป็นเล่น เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความเป็นความตาย"
ตอนนี้ทั้งลานกว้างที่มีผู้คนมากกว่าพัน เงียบสงัดเเม้เเต่ ลม กับ โต้ ก็ยืนเงียบเพื่อจะฟัง
ข้อมูลที่คนทั้งโลกกำลังสงสัย เเละ พบเจอมันมา
"สี่วันก่อนหน้านี้ เราถูกบุกโจมตีจากสิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จัก ทุกประเทศทั่วโลกถูกโจมตี
พร้อมกัน เราไม่รู้มันมาจากไหน เเละ มันเป็นตัวอะไร เเต่ที่เรารู้คือ มันตั้งใจจะฆ่าล้างมนุษย์ชาติ
เเละนี้คือภาพของมัน"
หน้าจอขนาดใหญ่เปิด รูปตะขาบยักษ์ตาเดียวขึ้นมา
"ตะขาบขนาดใหญ่เราเรียกมันว่าระดับที่1 มันมักจะพุ่งตัวเอาเขี้ยวเสียบกับเป้าหมายจน
ขาดเป็นสองท่อน วิธีจัดการคือยิงเข้าที่หัวโดยตรงเท่านั้น ถึงเเม้จะตัดมันขาดเป็นสองมันก็ไม่ตาย"
หน้าจอเปลี่ยนเป็นภาพสัตว์ประหลาดยักษ์ตาเดียว
"ตัวนี้คือระดับที่2 อย่างที่รู้มันคือตัวที่อันตรายมาก เเขนข้างขวาของมันเป็นใบมีดยาวคมกริบ ที่ถึงกับตัดเหล็กให้ขาดได้ ปืนไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย ต้องใช้ระเบิดเท่านั้นเเต่เนื่องจากระเบิดจะทำลายพื้นที่โดยรอบไปด้วย จึงเสี่ยงมาก ถ้าเจอกับมันให้ยิงที่ตาแล้วถอยหนีเป็นดีที่สุด"
หน้าจอเปลี่ยนเป็นภาพนกขนาดใหญ่ ที่ลมกับโต้ ยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน
"ตัวนี้คือระดับที่3 บางคนยังไม่เคยได้เห็นมัน เเต่ประเทศใหญ่ๆอย่างอเมริกา รัฐเซียต้องเจอกับพวกมันเป็นร้อยๆ อย่างที่รู้พวกมันมักจะมีตาเดียวอยู่ที่หัว เเต่ตัวระดับที่3มันไม่มี เรายังไม่รู้ว่ามันใช้อะไรในการมอง เเต่ว่ามันสามารถโจมตีเครื่องบินรบของเราจนย่อบยับ เราจึงจำเป็นต้องให้กองทัพอากาศหยุดทำการโจมตี เพื่อสงวนกำลังไว้ นอกจากนี้ยังมีระดับที่ 4 และ 5 ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูล เท่านี้เเหละ ใครมีคำถามไหม"
ลม ยกมือทันทีทหารที่ยืนอยู่แถวนั้นส่งไมค์มาให้เขา
"หมา แมว นก หายไปไหนครับ" ลม ถามหน้าตาเฉย เล่นเอาคนที่ยืนอยู่อึ้งกันไปหมด รวมถึงพลเอกสหชัยด้วย
"พูดเรื่องอะไร"
"เห้ยๆ ลม ถามอะไรของนายฟร่ะ" โต้ ที่ยืนอยู่ข้างๆถาม
"ก่อนที่ผมจะเจอกับพวกมัน หมา แมว นก หายไปหมดไม่เห็นสักตัวเลย ทำไมหรอครับ" ลมยังยืนยันคำถามเดิม
"ไม่ทราบ ขอคำถามอื่น"
"เราจะต้องทำอะไรต่อละครับ" ชายคนหนึ่งถามขึ้น
"จากนี้เราจะเเบ่งออกเป็น 3 กอง กองละ 15 หมู่ โดยกองที่1 จะเป็นหน่วยจู่โจมกองที่ 2 จะเป็นหน่วยสนับสนุน กองที่ 3 จะเป็นหน่วยป้องกันฐาน ซึ่งเเต่ละกองจะมีหัวหน้าคอยกำกับอยุ่ ทุกคนหยิบสมุดที่เราเเจกให้เเล้วดูข้างใน มันจะเขียนบอกว่าเราจะอยู่หน่่วยไหน และใครเป็นหัวหน้าหน่วย วิธีนี้เราใช้การสุ่ม"
โต้ กับ ลม รับสมุดมาก็รีบเปิดดู ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน
"หน่วยไหนฟร่ะนาย" โต้ ถาม
"จู่โจม"
"เรานี้ตัดกันไม่ขาดเลยฟร่ะ ห้าๆๆๆๆ"
"หัวหน้าเราคือ...." ลม หยุดอ่านไป
"ใครหรอ" โต้ เปิดสมุดดู "เห้ย ผู้พันกิตติหรอเนี้ย"
"สุดท้าย ขอให้ทุกคนทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ มันถึงเวลาที่เราจะต้องสู้เเล้ว เเละอีกอย่าง เมื่อสองชั่วโมงที่เเล้ว อเมริกา ร่วมด้วยกับประเทศมากกว่าหกสิบประเทศ ก่อตั้งสาธารณรัฐโลก ขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเราประเทศไทย รวมอยู่ด้วย"
พลเอก สหชัย ชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า
"จงต่อสู้ จงดิ้นรน เพื่อปกป้องเพื่อน เชื่อใจกันเเละกัน กอบกู้โลกของเรากลับมาให้ได้ เราอาจจะต้องสละชีวิต เเต่อย่าไปกลัวเพราะสิ่งที่เราทำ คือสงครามกอบกู้โลก"
พูดจบ เสียงโห่ร้องก็ดังกึกก้องไปทั่ว ถึงเเม้การพูดจะดูเรียบง่าย เเต่สำหรับเวลาเเบบนี้มันก็ปลุกใจคนได้ดีเลยทีเดียว โต้ กับ ลม หันมาพยักหน้าด้วยกัน
"ปกป้องเพื่อน" โต้ พูด
"เชื่อใจกันเเละกัน" ลม พูด
"สงครามกอบกู้โลก" ทั้งคู่ก็พูดพร้อมกันเเล้วยิ้ม
ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ใต้ท้องฟ้าสีหม่น ที่เริ่มหลายเป็นหยาดฝนร่วงลงสู่ผืนดิน ทั้งสองยืนมองไปข้างหน้า หลังจากการประชุมที่วุ่นวายเเละรวดเร็วจบเเล้ว ลม กับ โต้ ก็มายืนมองหาคนที่จะมาเป็นหัวหน้าหน่วยที่พวกเขาสังกัด
"เมื่อไรจะมาฟร่ะ" โต้ ที่ยืนอยู่นานเริ่มบ่น
"ไม่รู้เฟ้ย" ลม ตอบ
ระหว่างที่พวกเขายืนรอ ก็เริ่มมีคนมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เกือบสองร้อยคนแล้ว ในขณะที่ลม กับ โต้ กำลังยืนรออยู่นั้น นานา กับ มิ้ง เองก็กำลังเดินจูงมือสาวน้อย มีเซีย ไปหาที่รับเลี้ยงเด็กทั้งสองคนเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ก็ยังไม่เห็นกลุ่มเด็กสักกลุ่มเลย
"เอาไงดีล่ะ นานา" มิ้ง ถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน เรายังงงๆอยู่เลย"
"นั่นสิ เดินลำบากมากเลย คนเยอะขนาดเนี้ย"
"อ่ะ นั้นไง" นานา พูดเเล้วเอานิ้วชี้ไปที่กลุ่มเด็กที่กำลังเดินกันอยู่
นานา เดินจูงมือ มีเซีย ตรงเข้าไปหา ภายในกลุ่มเด็ก มีคุณยายคนหนึ่งเดินดูแลอยู่
"ยายค่ะ" นานา เรียก
"มีไรหรอหนู"
"คือหนู อยากจะฝากดูเเลเด็กคนนี้ด้วยน่ะค่ะ"
"ได้สิๆ เเล้วพวกเธอเป็นเเม่เด็กหรอ"
"เปล่าค่ะๆ" มิ้ง ปฎิเสธเเทน "คือเราเจอเด็กคนนี้ในเมืองน่ะค่ะ เธอเพิ่งจะเสียพ่อเเม่ไป"
"เด็กทั้งหมดนี้ก็เสียพ่อเเม่ไปเหมือนกัน มาๆ ฉันจะดูเเลให้"
มีเซีย เดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เเต่พอเด็กสาวเดินเข้าไป เด็กๆคนอื่นมาชวนเธอคุยทันที นานา กับ มิ้ง ยืนยิ้มที่เห็น มีเซีย เริ่มสนุกและยิ่มได้อีกครั้ง
"ไปกันเถอะมิ้ง" นานา พูด
"นั่นสิน่ะ เราก็มีหน้าที่ใหม่ที่ต้องทำด้วย"
นานา กับ มิ้ง เดินตรงไปที่เต็นสีขาวที่อยู่ด้านในของฐาน เพียงเเค่ทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต้องพบกับคราบเลือดเต็มพื้นไปหมด ภายในเต็นเป็นเต็นยาวกว้าง มีเตียงวางเรียงเป็นร้อยๆเตียง ผู้คนที่บาดเจ็บต่างนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
"มาหาใครค่ะ" พยาบาลหญิง ที่กำลังทำแผลให้คนเจ็บอยู่หันมาถาม
"ร้อยตรีมานพค่ะ" นานา ตอบ
"ร้อยตรีอยู่ข้างใน เข้าไปหาสิ"
"ค่ะ"
นานา กับ มิ้ง เดินตรงเข้าไปต่อ ตอนนี้ มิ้ง รู้สึกคลื่นไส้อย่างมากจนเธอเริ่มหน้าซีด ที่เป็นเเบบนี้เพราะเธอต้องเห็นบาดแผล กับเลือดที่กองอยู่เต็มพื้น
"มิ้ง ไหวไหม" นานา ที่รู้สึกเป็นห่วงก็หันมาถาม
"ไม่เป็นไรหรอก"
นานา หันหน้ากลับมามองหา คนที่กำลังตามหา ซึ่งพวกเธอไม่เคยเห็นหน้าเเต่ต้องมาเดินหาในที่ที่วุ่นวายเเบบนี้ ทำให้หาได้ยากขึ้นไปอีก นานา เพ่งสายตาไปเจอกับผู้ชายส่วมชุดขาวที่กำ ลังยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยอยู่ เธอรีบเดินตรงเข้าไปหาทันที
"หมอ อาการเขาเป็นไงบ้างค่ะ" พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆถาม
"ไม่รอด" ชายส่วนเเว่น มีหนวดเคราขึ้นบางๆ
เขาเป็นเจ้าของชื่อ ร้อยตรี มานพ เเละ เป็นคนที่คอยควบตุมพยาบาลในเต็นนี้ทั้งหมด เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าขาวมาคลุมคนเจ็บที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งไม่สามารถจะรอดชีวิตได้ ร้อยตรี มานพ หันมาเจอกับ นานา เเละ มิ้ง ที่กำลังเดินเข้ามาหา
"พวกเธอเป็นคนที่มาใหม่ใช่ใหม่" เขาถาม
"ค่ะ เราต้องทำไรบ้างหรอค่ะ" นานา ตอบ
"พวกเธอเข้าในสถานการณ์ได้เร็วดีน่ะ ตามมานี้สิ" ร้อยตรี มานพ โบกมือให้พวกนานาเดินตามไป
พวกเขาเดินมาถึงส่วนกลางของเต็น ที่มีทางออกอยู่สองฝั่ง ร้อยตรีมานพ เดินนำออกมาจากเต็น แล้วล่วงมือเข้าไปในเสื้อสีขาวที่เปื้อนเลือด เขาหยิบซองบุหรี่ออกมา เเล้วคีบออกมาคาบไว้
"พวกเธอทำอะไรเป็นบ้างล่ะ" ร้อยตรีมานพ หันมาถาม เเล้วหยิบไฟเเช๊กขึ้นมาจุด
"ก็ไม่ค่อยจะรู้อะไรเท่าไรค่ะ" นานา ตอบ
"ก็น่ะ เวลาเราถามว่าทำอะไรเป็นบ้าง คนเราไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรได้บ้างน่ะ"
"คือ...." มิ้ง ที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
"มิ้ง เป็นไรไหม" นานา ก้มลงมาถาม
"มะ...มะ...ไม่เป็นไร"
"เธอคงเป็นหน่วยแพทย์ไม่ได้หรอกน่ะ" ร้อยตรีมานพพูด "ส่วนเธอที่ดูเหมือนจะเย็นชานิดๆน่ะ น่าจะทำได้ดี ว่าเเต่พวกเธอชื่ออะไรกันละ"
"นานาค่ะ ส่วนที่นั่งอยู่นี้ชื่อ มิ้ง" นานา เเนะนำตัว
"นานา เดี๋ยวเธอจะต้องสังกัดอยู่หน่วยเเพทย์ ค่อยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับคนเจ็บ" ร้อยตรีมานพ ทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นเเล้วเหยียบ "ส่วนมิ้ง สาวน้อยผู้บอบบาง เธอใช้คอมเป็นไหม"
"ค่ะ" มิ้ง ตอบ
"เอาล่ะ งั้นเธอเดินไปที่เต็นสีเขียวน่ะ บอกว่าฉันส่งมา เธอจะได้ไปสังกัดอยู่หน่วยสื่อสาร"
"เอ่อ......คือว่า"
"มีอะไรหรอ"
"นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันหรอค่ะ ทำไมมีพวก"
"เอาละๆ" ร้อยตรีมานพ พูดตัดบท "ตอนนี้เราต้องทำหน้าที่ที่ได้รับหมอบหมายก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง"
มิ้ง พยักหน้า..........
"ต้องไปตรงไหนกันเเน่เนี้ย" โต้ ที่วิ่งนำหน้าหันกลับไปถามลม
"ไม่รู้เฟ้ย"
"ไร้จุดหมายเเบบนี้จะวิ่งทำไมฟร่ะ"
"ยังไงก็วิ่งไปให้ถึงกำแพงด้านหน้า ตามที่ทหารหญิงคนนั้นบอกก่อนเถอะ"
โต้ พยักหน้า เมื่อมาถึงกำแพงด้านหน้า ก็ต้องเจอกับทหารหลายสิบนายยืนเข้าแถวอยู่ เเต่
ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นทหาร มีคนที่เเต่งกายเป็นพลเรือนที่มัดเเขนสีแดงเหมือนกับ ลม เเละ โต้
"กำลังยืนรออะไรครับ" โต้ ถามหนึ่งในคนที่ยืนอยู่
"เห็นว่าคนที่มีผ้าสีแดงมัดอยู่ให้มารวมกันที่่นี้น่ะ" ชายคนนั้นตอบ
โต้ เอามือขึ้นมาเกาหัว ส่วน ลม ก็หันมองไปมารอบๆอย่างตั้งใจ ก็ไปเห็นกับชายเเต่งกาย พลเรือนสองคนยืนคุยกันอยู่
"จริงดิ!!" ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา
"เออ เห็นว่าเป็นเรื่องจริงน่ะเว้ย"
ลม ที่สนใจการพูดคุยของชายสองคนนั้น เดินเข้าไปหา
"อะไรเรื่องจริงหรอครับ" ลม ถาม
"อ้อ เห็นว่าหลายประเทศร่วมตัวกันก่อตั้ง สาธารณรัฐโลกเเล้วน่ะ"
ลม ตกใจเล็กน้อย เขาตั้งใจที่จะถามต่อ เเต่ก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นซะก่อน
ปี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!
"เงียบ!!!!!" ทหารรูปร่างกำยำ เดินมายืนอยู่หน้าสุดของแถว พร้อมกับทหารอีกสองนาย
"ฉันพันโท กิตติ ผู้บัญชาการควบคุมหน่วยจู่มโจม"
พูดจบ เสียงคุยจ๊อกแจ๊กก็ดังขึ้น ผู้คนมากกว่าร้อยต่างจับคู่คุยกันไม่หยุด
ปี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!
"บอกให้เงียบไง" พันโทกิตติ ตะโกน "เอาล่ะ เดินแถวไปรวมกันที่สนามกลาง"
ทุกคนต่างเดินแถวตามกันอย่างเป็นระเบียบ เหมือนนัดกันมา ลม กับ โต้ เองก็เดินตามกันไปหัวแถวยาวไกลจนมองไม่เห็น แถวกำลังเดินไปสู่ลานกว้าง ที่ถูกตัดต้นไม้ออกจนโล่งเตียน ที่นี้มีทั้งทหารเเละพลเรือนมารวมตัวกัน มากกว่าหนึ่งพันคนเสียงคุยกันดังไปทั่ว
"เห้ย ลม นี้มันอะไรกันฟร่ะ" โต้ หันไปถามลม
"คงจะเป็นการประชุมอะไรสักอย่าง"
ทุกคนที่มารวมกันที่นี้ต่างมัดผ้าแดงไว้ที่เเขน มีทั้งคนแก่ คนหนุ่ม ยืนกันสะเปะสะปะอยู่เต็มไปหมด เเต่ทุกคนก็หันหน้าไปทางเดียว คืนบนเวทีที่สร้างขึ้นจากไม้เเบบไม่ค่อยมั่นคง บนเวทีมีจอทีวีขนาดใหญ่ติดตั้งเอาไว้ เมื่อขบวนเเถวของลมมาถึงก็มีทหารรูปร่างผอมสูง มีรอยแผลอยู่บนใบหน้าตั้งเเต่ใต้ตาถึงคาง จอขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นทันที ทหารที่ยืนอยู่ข้างล่างเวที ส่งไมค์ให้กับชายร่างผอม
"ทุกคนฟัง" ชายร่างผอมพูด "ขอเเนะนำตัว ฉันพลเอก สหชัย"
เสียงคุยกันเริ่มเงียบ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปบนเวที ที่ตอนนี้กำลังเปิดภาพเมืองที่ถูก
ทำร้ายจนยับเยิน
"ขอให้ทุกคนฟังให้ดี เเละจำให้ขึ้นใจ" พลเอกสหชัยพูด "สิ่งที่ทุกคนกำลังจะได้ฟัง
ต่อจากนี้ เป็นข้อมูลที่สำคัญ เพราะฉะนั้นอย่าทำเป็นเล่น เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความเป็นความตาย"
ตอนนี้ทั้งลานกว้างที่มีผู้คนมากกว่าพัน เงียบสงัดเเม้เเต่ ลม กับ โต้ ก็ยืนเงียบเพื่อจะฟัง
ข้อมูลที่คนทั้งโลกกำลังสงสัย เเละ พบเจอมันมา
"สี่วันก่อนหน้านี้ เราถูกบุกโจมตีจากสิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จัก ทุกประเทศทั่วโลกถูกโจมตี
พร้อมกัน เราไม่รู้มันมาจากไหน เเละ มันเป็นตัวอะไร เเต่ที่เรารู้คือ มันตั้งใจจะฆ่าล้างมนุษย์ชาติ
เเละนี้คือภาพของมัน"
หน้าจอขนาดใหญ่เปิด รูปตะขาบยักษ์ตาเดียวขึ้นมา
"ตะขาบขนาดใหญ่เราเรียกมันว่าระดับที่1 มันมักจะพุ่งตัวเอาเขี้ยวเสียบกับเป้าหมายจน
ขาดเป็นสองท่อน วิธีจัดการคือยิงเข้าที่หัวโดยตรงเท่านั้น ถึงเเม้จะตัดมันขาดเป็นสองมันก็ไม่ตาย"
หน้าจอเปลี่ยนเป็นภาพสัตว์ประหลาดยักษ์ตาเดียว
"ตัวนี้คือระดับที่2 อย่างที่รู้มันคือตัวที่อันตรายมาก เเขนข้างขวาของมันเป็นใบมีดยาวคมกริบ ที่ถึงกับตัดเหล็กให้ขาดได้ ปืนไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย ต้องใช้ระเบิดเท่านั้นเเต่เนื่องจากระเบิดจะทำลายพื้นที่โดยรอบไปด้วย จึงเสี่ยงมาก ถ้าเจอกับมันให้ยิงที่ตาแล้วถอยหนีเป็นดีที่สุด"
หน้าจอเปลี่ยนเป็นภาพนกขนาดใหญ่ ที่ลมกับโต้ ยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน
"ตัวนี้คือระดับที่3 บางคนยังไม่เคยได้เห็นมัน เเต่ประเทศใหญ่ๆอย่างอเมริกา รัฐเซียต้องเจอกับพวกมันเป็นร้อยๆ อย่างที่รู้พวกมันมักจะมีตาเดียวอยู่ที่หัว เเต่ตัวระดับที่3มันไม่มี เรายังไม่รู้ว่ามันใช้อะไรในการมอง เเต่ว่ามันสามารถโจมตีเครื่องบินรบของเราจนย่อบยับ เราจึงจำเป็นต้องให้กองทัพอากาศหยุดทำการโจมตี เพื่อสงวนกำลังไว้ นอกจากนี้ยังมีระดับที่ 4 และ 5 ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูล เท่านี้เเหละ ใครมีคำถามไหม"
ลม ยกมือทันทีทหารที่ยืนอยู่แถวนั้นส่งไมค์มาให้เขา
"หมา แมว นก หายไปไหนครับ" ลม ถามหน้าตาเฉย เล่นเอาคนที่ยืนอยู่อึ้งกันไปหมด รวมถึงพลเอกสหชัยด้วย
"พูดเรื่องอะไร"
"เห้ยๆ ลม ถามอะไรของนายฟร่ะ" โต้ ที่ยืนอยู่ข้างๆถาม
"ก่อนที่ผมจะเจอกับพวกมัน หมา แมว นก หายไปหมดไม่เห็นสักตัวเลย ทำไมหรอครับ" ลมยังยืนยันคำถามเดิม
"ไม่ทราบ ขอคำถามอื่น"
"เราจะต้องทำอะไรต่อละครับ" ชายคนหนึ่งถามขึ้น
"จากนี้เราจะเเบ่งออกเป็น 3 กอง กองละ 15 หมู่ โดยกองที่1 จะเป็นหน่วยจู่โจมกองที่ 2 จะเป็นหน่วยสนับสนุน กองที่ 3 จะเป็นหน่วยป้องกันฐาน ซึ่งเเต่ละกองจะมีหัวหน้าคอยกำกับอยุ่ ทุกคนหยิบสมุดที่เราเเจกให้เเล้วดูข้างใน มันจะเขียนบอกว่าเราจะอยู่หน่่วยไหน และใครเป็นหัวหน้าหน่วย วิธีนี้เราใช้การสุ่ม"
โต้ กับ ลม รับสมุดมาก็รีบเปิดดู ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน
"หน่วยไหนฟร่ะนาย" โต้ ถาม
"จู่โจม"
"เรานี้ตัดกันไม่ขาดเลยฟร่ะ ห้าๆๆๆๆ"
"หัวหน้าเราคือ...." ลม หยุดอ่านไป
"ใครหรอ" โต้ เปิดสมุดดู "เห้ย ผู้พันกิตติหรอเนี้ย"
"สุดท้าย ขอให้ทุกคนทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ มันถึงเวลาที่เราจะต้องสู้เเล้ว เเละอีกอย่าง เมื่อสองชั่วโมงที่เเล้ว อเมริกา ร่วมด้วยกับประเทศมากกว่าหกสิบประเทศ ก่อตั้งสาธารณรัฐโลก ขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเราประเทศไทย รวมอยู่ด้วย"
พลเอก สหชัย ชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า
"จงต่อสู้ จงดิ้นรน เพื่อปกป้องเพื่อน เชื่อใจกันเเละกัน กอบกู้โลกของเรากลับมาให้ได้ เราอาจจะต้องสละชีวิต เเต่อย่าไปกลัวเพราะสิ่งที่เราทำ คือสงครามกอบกู้โลก"
พูดจบ เสียงโห่ร้องก็ดังกึกก้องไปทั่ว ถึงเเม้การพูดจะดูเรียบง่าย เเต่สำหรับเวลาเเบบนี้มันก็ปลุกใจคนได้ดีเลยทีเดียว โต้ กับ ลม หันมาพยักหน้าด้วยกัน
"ปกป้องเพื่อน" โต้ พูด
"เชื่อใจกันเเละกัน" ลม พูด
"สงครามกอบกู้โลก" ทั้งคู่ก็พูดพร้อมกันเเล้วยิ้ม
ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ใต้ท้องฟ้าสีหม่น ที่เริ่มหลายเป็นหยาดฝนร่วงลงสู่ผืนดิน ทั้งสองยืนมองไปข้างหน้า หลังจากการประชุมที่วุ่นวายเเละรวดเร็วจบเเล้ว ลม กับ โต้ ก็มายืนมองหาคนที่จะมาเป็นหัวหน้าหน่วยที่พวกเขาสังกัด
"เมื่อไรจะมาฟร่ะ" โต้ ที่ยืนอยู่นานเริ่มบ่น
"ไม่รู้เฟ้ย" ลม ตอบ
ระหว่างที่พวกเขายืนรอ ก็เริ่มมีคนมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เกือบสองร้อยคนแล้ว ในขณะที่ลม กับ โต้ กำลังยืนรออยู่นั้น นานา กับ มิ้ง เองก็กำลังเดินจูงมือสาวน้อย มีเซีย ไปหาที่รับเลี้ยงเด็กทั้งสองคนเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ก็ยังไม่เห็นกลุ่มเด็กสักกลุ่มเลย
"เอาไงดีล่ะ นานา" มิ้ง ถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน เรายังงงๆอยู่เลย"
"นั่นสิ เดินลำบากมากเลย คนเยอะขนาดเนี้ย"
"อ่ะ นั้นไง" นานา พูดเเล้วเอานิ้วชี้ไปที่กลุ่มเด็กที่กำลังเดินกันอยู่
นานา เดินจูงมือ มีเซีย ตรงเข้าไปหา ภายในกลุ่มเด็ก มีคุณยายคนหนึ่งเดินดูแลอยู่
"ยายค่ะ" นานา เรียก
"มีไรหรอหนู"
"คือหนู อยากจะฝากดูเเลเด็กคนนี้ด้วยน่ะค่ะ"
"ได้สิๆ เเล้วพวกเธอเป็นเเม่เด็กหรอ"
"เปล่าค่ะๆ" มิ้ง ปฎิเสธเเทน "คือเราเจอเด็กคนนี้ในเมืองน่ะค่ะ เธอเพิ่งจะเสียพ่อเเม่ไป"
"เด็กทั้งหมดนี้ก็เสียพ่อเเม่ไปเหมือนกัน มาๆ ฉันจะดูเเลให้"
มีเซีย เดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เเต่พอเด็กสาวเดินเข้าไป เด็กๆคนอื่นมาชวนเธอคุยทันที นานา กับ มิ้ง ยืนยิ้มที่เห็น มีเซีย เริ่มสนุกและยิ่มได้อีกครั้ง
"ไปกันเถอะมิ้ง" นานา พูด
"นั่นสิน่ะ เราก็มีหน้าที่ใหม่ที่ต้องทำด้วย"
นานา กับ มิ้ง เดินตรงไปที่เต็นสีขาวที่อยู่ด้านในของฐาน เพียงเเค่ทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต้องพบกับคราบเลือดเต็มพื้นไปหมด ภายในเต็นเป็นเต็นยาวกว้าง มีเตียงวางเรียงเป็นร้อยๆเตียง ผู้คนที่บาดเจ็บต่างนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
"มาหาใครค่ะ" พยาบาลหญิง ที่กำลังทำแผลให้คนเจ็บอยู่หันมาถาม
"ร้อยตรีมานพค่ะ" นานา ตอบ
"ร้อยตรีอยู่ข้างใน เข้าไปหาสิ"
"ค่ะ"
นานา กับ มิ้ง เดินตรงเข้าไปต่อ ตอนนี้ มิ้ง รู้สึกคลื่นไส้อย่างมากจนเธอเริ่มหน้าซีด ที่เป็นเเบบนี้เพราะเธอต้องเห็นบาดแผล กับเลือดที่กองอยู่เต็มพื้น
"มิ้ง ไหวไหม" นานา ที่รู้สึกเป็นห่วงก็หันมาถาม
"ไม่เป็นไรหรอก"
นานา หันหน้ากลับมามองหา คนที่กำลังตามหา ซึ่งพวกเธอไม่เคยเห็นหน้าเเต่ต้องมาเดินหาในที่ที่วุ่นวายเเบบนี้ ทำให้หาได้ยากขึ้นไปอีก นานา เพ่งสายตาไปเจอกับผู้ชายส่วมชุดขาวที่กำ ลังยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยอยู่ เธอรีบเดินตรงเข้าไปหาทันที
"หมอ อาการเขาเป็นไงบ้างค่ะ" พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆถาม
"ไม่รอด" ชายส่วนเเว่น มีหนวดเคราขึ้นบางๆ
เขาเป็นเจ้าของชื่อ ร้อยตรี มานพ เเละ เป็นคนที่คอยควบตุมพยาบาลในเต็นนี้ทั้งหมด เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าขาวมาคลุมคนเจ็บที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งไม่สามารถจะรอดชีวิตได้ ร้อยตรี มานพ หันมาเจอกับ นานา เเละ มิ้ง ที่กำลังเดินเข้ามาหา
"พวกเธอเป็นคนที่มาใหม่ใช่ใหม่" เขาถาม
"ค่ะ เราต้องทำไรบ้างหรอค่ะ" นานา ตอบ
"พวกเธอเข้าในสถานการณ์ได้เร็วดีน่ะ ตามมานี้สิ" ร้อยตรี มานพ โบกมือให้พวกนานาเดินตามไป
พวกเขาเดินมาถึงส่วนกลางของเต็น ที่มีทางออกอยู่สองฝั่ง ร้อยตรีมานพ เดินนำออกมาจากเต็น แล้วล่วงมือเข้าไปในเสื้อสีขาวที่เปื้อนเลือด เขาหยิบซองบุหรี่ออกมา เเล้วคีบออกมาคาบไว้
"พวกเธอทำอะไรเป็นบ้างล่ะ" ร้อยตรีมานพ หันมาถาม เเล้วหยิบไฟเเช๊กขึ้นมาจุด
"ก็ไม่ค่อยจะรู้อะไรเท่าไรค่ะ" นานา ตอบ
"ก็น่ะ เวลาเราถามว่าทำอะไรเป็นบ้าง คนเราไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรได้บ้างน่ะ"
"คือ...." มิ้ง ที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
"มิ้ง เป็นไรไหม" นานา ก้มลงมาถาม
"มะ...มะ...ไม่เป็นไร"
"เธอคงเป็นหน่วยแพทย์ไม่ได้หรอกน่ะ" ร้อยตรีมานพพูด "ส่วนเธอที่ดูเหมือนจะเย็นชานิดๆน่ะ น่าจะทำได้ดี ว่าเเต่พวกเธอชื่ออะไรกันละ"
"นานาค่ะ ส่วนที่นั่งอยู่นี้ชื่อ มิ้ง" นานา เเนะนำตัว
"นานา เดี๋ยวเธอจะต้องสังกัดอยู่หน่วยเเพทย์ ค่อยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับคนเจ็บ" ร้อยตรีมานพ ทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นเเล้วเหยียบ "ส่วนมิ้ง สาวน้อยผู้บอบบาง เธอใช้คอมเป็นไหม"
"ค่ะ" มิ้ง ตอบ
"เอาล่ะ งั้นเธอเดินไปที่เต็นสีเขียวน่ะ บอกว่าฉันส่งมา เธอจะได้ไปสังกัดอยู่หน่วยสื่อสาร"
"เอ่อ......คือว่า"
"มีอะไรหรอ"
"นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันหรอค่ะ ทำไมมีพวก"
"เอาละๆ" ร้อยตรีมานพ พูดตัดบท "ตอนนี้เราต้องทำหน้าที่ที่ได้รับหมอบหมายก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง"
มิ้ง พยักหน้า..........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ