Half Blood Knight : เปิดตำนาน อัศวินสองพันธุ์
9.0
เขียนโดย Fenris
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
6
2 วิจารณ์
10.54K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 19.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทนำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทนำ
ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด สายลมแห่งฤดูหนาวพัดพากลิ่นหอมของป่ากระจายไปทั่ว ดวงจันทร์กลมโตทอแสงสีเงินอ่อน ๆ มันช่างเป็นคืนที่แสนจะโรแมนติกเหมาะแก่การที่คู่รักหลายคู่จะออกมาเดินเล่นสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้แก่กัน แต่ใครกันเล่าจะเข้าป่าในเวลากลางดึกเช่นนี้ แต่ถึงมีก็คงจะไม่ใช่ที่นี่แน่ เพราะคงไม่มีใครริอาจเหยียบเข้ามาในป่าผืนนี้หรอกถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่
แต่ดูเหมือนคืนนี้จะมีคนอาจหาญเข้ามาซะแล้ว แถมยังมาคนเดียวซะด้วย คงไม่เพี้ยนก็บ้าเต็มทีที่เข้ามาในนี้ ในคืนพระจันทร์เต็มดวง คืนที่เจ้าของพื้นที่นี้จะดุร้ายขึ้นเป็นเท่าตัว!
ที่ข้างล่างในป่านั้นมีคนผู้หนึ่งวิ่งอยู่อย่างเหนื่อยหอบ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ในมือของเขามีท่อนไม้เรียวยาวขนาดเหมาะมือ และเขาก็จับมันลากไปตามพื้นตลอดทางที่เขาวิ่งไม่สนว่าไม้ท่อนนั้นจะไปกระทบกับรากไม้หรือก่อนหิน ผ้าคลุมของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือดและเหงื่อ แม้คนคนนี้ออกจะบอบบางไปบ้างก็ตามแต่ดูจากรูปร่างและสัดส่วนคราว ๆ แล้วคาดว่าน่าจะเป็นผู้ชาย ฮูดที่เขาสวมอยู่นั้นทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าทั้งหมดได้ มีเพียงแค่ส่วนล่างเท่านั้นที่แสงจันทร์พอส่องถึง และดวงตาสีน้ำเงินงดงามที่กระทบแสงเท่านั้น เขาคอยหันไปมองข้างหลังเป็นระยะและพยายามเร่งฝีเท้าขึ้นอีกทั้ง ๆ ที่ตัวเองเหนื่อยล้าและบาดเจ็บขนาดหนักจนแทบจะไปต่อไม่ไหว แต่ก็ยังฝืนวิ่งต่ออยู่อย่างนั้น ...ราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง
แซก แซก
ชายหนุ่มหันไปมองด้านข้างหรี่ตามองเงาดำของสิ่งมีชีวิตกำลังวิ่งขนาบเขา พร้อมกับดวงตาสีแดงเรืองที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา
“ชิ! ตามมาไวกันจริงนะ” เขาพูดกับตัวเองแล้วสบถพึมพำอีกสองสามประโยค ก่อนจะหักเลี้ยวไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แต่การที่เปลี่ยนทิศทางไม่ได้ช่วยให้ชายหนุ่มหลุดพ้นจากเจ้าของดำนั่นเลย เพราะทันทีที่เขาเลี้ยวก็มีเงาดำปรากฏขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับนัยน์ตาสีแดงอีกหลายคู่ แม้แต่ข้างหลังเองก็ไม่ต่างกัน ดูเหมือนเขาจะถูกล้อมซะแล้วสิ
แฮ่!
เงาสีดำกระโดดพุ่งเข้าใสชายหนุ่มพร้อมกับเสียขู่คำราม แสงจันทร์ส่องลงมาเผยให้เห็นร่างที่เต็มไปด้วยขนและกล้ามเนื้อ มันเงื้อกรงเล็บของมันขึ้นเป้าหมายของมันคือชายหนุ่มที่วิ่งอยู่คนนั้น!
ตูม!!
กลุ่มควันลอยฟุ้ง เหล่าวิหกต่างส่งเสียงร้องกระพือปีกแตกหือกันไปคนละทิศ ความเงียบสงบนั้นหายไปตั้งแต่ชายหนุ่มผู้นี้เข้ามา กลุ่มควันจางลงเผยให้เห็นร่างใหญ่บึกบึนของมนุษย์หมาป่าและพื้นที่ยุบแตกลงไปเป็นวงกว้าง มนุษย์หมาป่าตัวอื่นต่างเดินออกมาจากเงามืดเพื่อจัดการกับเหยื่อที่นอนกองอยู่ใต้ร่างของสหาย แต่เมื่อควันจางหายไปสิ่งที่มันเห็นกลับเป็นเพียงผ้าคลุมที่ถูกทิ้งไว้ไร้ซึ่งร่างของมนุษย์ตัวจ้อยที่พวกมันกำลังตามล่า แต่ละตัวต่างชะงักแล้วสอดส่องสายตาหาไปทั่ว บางตัวก็เงยหน้าขึ้นทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นของเป้าหมาย แต่หารู้ไม่ว่าเหยื่อที่มันตามหากำลังเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนต้นไม้ใกล้ ๆ กับพวกมัน
“เอาล่ะ ๆ อีกนิดเดียวเท่านั้น พวกแกจะรอหน่อยก็ไม่ได้หรือไงกันนะ” เขาเอาท่อนไม้ที่อยู่ในมือขึ้นพาดบ่าก่อนจะนั่งลงบนกิ่งไม้พูดยิ้ม ๆ กับตัวเอง ตามองไปยังพวกมนุษย์หมาป่าที่ยังง่วนอยู่กับการหาตัวเขา ไม่คิดจะใส่ใจกับบาดแผลที่ได้รับมาแม้แต่น้อย
“หึ” เขาดีดตัวกระโดดออกจากกิ่งไม้อันนั้น พร้อม ๆ กับมือใหญ่ที่กางเล็บฟาดลงมา!
โครม!
ต้นไม้แข็งแรงต้นใหญ่หักล้มลงมาอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มโหนตัวกับกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ เหวี่ยงตัวออกมาหลบกรงเล็บของอีกตัว เสียงคำรามดังขึ้นไม่ขาดสาย เขาลงถึงพื้นได้โดยสวัสดิภาพแต่ยังไม่ได้ทันทำอะไรเขาก็ต้องถีบตัวออกจากตำแหน่งนั้นหลบคมเขี้ยวของมนุษย์หมาป่าที่อ้าปากกว้าง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ทันทีที่ชายหนุ่มหลบมันเหวี่ยงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามตามไปทันที ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเหยื่อของมันต้องหลบได้
“อั้ก” ชายหนุ่มพลิกตัวหันหลังกลับยกท่อนไม้ในมือกันได้ทันท่วงที หรี่ตากัดฟันกับแรงที่กระแทกเข้ามา ท่อนไม้ในมือส่งเสียงประท้วงลั่นจะแตกหักให้ได้ ร่างของเขากระเด็นไปชนกับต้นไม้เสียงดังสนั่น พวกมนุษย์หมาป่าเดินต่างเข้ามาล้อมชายหนุ่มไว้ส่งเสียงขู่คำรามในคอแต่ไม่ได้พุ่งเข้าไปโจมตีอย่างที่แล้ว ๆ มา เพราะพวกมันต่างก็รู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างที่ยันตัวลุกขึ้นนั่งตรงหน้า สองมือของเขากุมท่อนไม้ยันมันไว้กับพื้น แรงของมนุษย์หมาป่าไม่ได้ทำให้มันหักลงแต่อย่างใดแต่ถ้ามองดี ๆ จะสังเกตเห็นว่ามันมีอะไรบางอย่างใส ๆ หุ้มอยู่และมีไอเย็นแผ่ออกมาอย่างเบาบาง
เปรี๊ยะ
เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับรอยร้าวที่เริ่มแผ่ขยายลามไปทั้งแท่ง บางส่วนค่อย ๆ หลุดออกมาราวกับถูกกะเทาะ มันส่องประกายแวววาวยามต้องแสงจันทร์มองดูราวกับอัญมณีก่อนที่มันละลายกลายเป็นหยดน้ำทิ้งตัวลงสู่ผืนดิน
“สำเร็จ” เขาพูดขึ้นเสียงเบา ก่อนที่แรงกดดันจะเพิ่มขึ้นจนเหล่ามนุษย์หาป่าเริ่มกระสับกระสาย บางตัวครางหงิงหูลู่หางตกย่อตัวลงต่ำ แล้วอยู่ ๆ มีเกล็ดละอองแสงสีฟ้าลอยขึ้นจากพื้นมันเกิดขึ้นไปทั่วบริเวณกินอนาเขตออกไปเป็นวงกว้างพร้อมกับอากาศที่เย็นตัวลงจนลมหายใจถูกพ่นออกมาเป็นไอสีขาว
มนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งได้สติรู้สึกถึงอันตรายก่อนใคร มันมีร่างกายสูงใหญ่ตัวโตดูแข็งแรงมากกว่าตัวอื่น ดูยังไง ๆ มันก็มีแววว่าเป็นจ่าฝูง มันเงยหน้ากู่ร้องคำรามเสียงดังแล้วกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว!
โฮก!
ชายหนุ่มขยับยิ้มกับท่าทีนั้น ดวงตาสีน้ำเงินส่องประกายภายใต้ผ้าคลุม เขายกท่อนไม้ในมือขึ้นแล้วกระแทกพื้นอย่างแรง!
กริ๊ง
เสียงใสราวกับกระดิ่งลมดังก้องกังวานไปทั่ว เกิดแสงสว่างเป็นเส้นสายมากมายมันลากยาวไปตามพื้นเส้นแล้วเส้นเล่าจุดศูนย์กลางของมันคือที่ที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ มันแยกตัวออกแล้วมาประจบกันไปเรื่อย ๆ เกิดเป็นลวดลายและภาษาโบราณ มันคือวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ที่ร่างภายใต้ผ้าคลุมนั่นเขียนมันขึ้นมาจากท่อนไม้เรียวยาวในมือของเขาที่วิ่งลากไปลากมาอยู่ตั้งนานสองนาน ตัววงเวทย์ท่อแสงจ้ามากขึ้นทุกทีจนบริเวณนั้นถูกแสงสว่างกลืนไปชั่วขณะ
แล้วทุกอย่างก็สงบลง แสงสว่างหายไปและความมืดก็เข้ามาอีกครั้ง แสงจันทร์ท่อตัวลงมาตามกลีบเมฆส่องกระทบกับน้ำแข็งเปล่งประกายแวววาว รอบด้านกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดไม่เว้นแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า ผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ใสราวกับคริสตัลเผยให้ร่างกายอันใหญ่โตที่ถูกปกคลุมไปด้วยขนของเหล่ามนุษย์หมาป่าถูกแช่งแข็งอยู่ภายใน ไม่มีเสียงร้องโหยหวนหรือเสียงคำรามใด ๆ ทั้งสิ้น บ่งบอกให้รู้ว่าพวกมันทั้งหลายถูกแช่แข็งโดยไม่ทันรู้สึกตัว และร่างของจ่าฝูงของพวกมันก็ไม่ต่างกัน กรงเล็บที่กางออกอยู่ห่างจากคอของเจ้าของเวทย์เพียงไม่กี่คืบ ถึงมันจะถูกแช่งแข็งไปแล้วแต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียวและเขยิบตัวออกห่าง ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดหรือมันรู้สึกตัวเร็วกว่านี้อีกหน่อย ไม่แคล้วเขาคงต้องโดนเสียบทะลุคอหอยจบชีวิตลงตรงนี้แน่
“เฮ้อ ถึงจะเสี่ยงไปหน่อยแต่มันก็ใช้ได้ล่ะนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนปัดเศษดินตามตัว เดินไปหยิบผ้าคลุมที่กองอยู่ในหลุมขึ้นมาสวม “อย่างน้อยก็ดีกว่ายืนตั้งหลักประจันหน้าสู้กันเป็นไหน ๆ” ใช้ท่อนไม้ในมือวาดวงเวทย์เคลื่อนย้ายเพื่อเอาตัวเองออกจากป่าแห่งนี้ ซึ่งใช้เวลาไม่นานมันก็ถูกวาดเสร็จ ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่กลางวงและขยับปากพึมพำเพื่อร่ายเวทย์ กินเวลาไปนานพอสมควรกว่าวงเวทย์จะเริ่มทำงาน มันส่องแสงสีขาวออกมากลืนร่างของชายหนุ่ม เขาขยับปากพูดอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่เขาจะหายไป ความปกติกลับคืนสู่ป่าอีกครา ไม่สิมันไม่ใช่ทั้งหมด พื้นที่เล็ก ๆ ส่วนหนึ่งกลายเป็นทุ่งน้ำแข็งที่ใจกลางของมันถูกประดับประดาไปด้วยประติมากรรมอันสวยงาม คาดว่ามันจะอยู่ไปอีกสักวันสองวันหรืออาจจะเป็นอาทิตย์ก็ไม่มีใครรู้ได้นอกจากชายคนนั้นผู้เป็นเจ้าของเวทย์ และเมื่อมันกลับมาเป็นอิสระครั้งพวกมันจะมีบัญชีแค้นที่ต้องชำระอยู่อีกหนึ่ง
“หวังว่าจะไม่ซวยลงผิดที่อีกนะ”
ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด สายลมแห่งฤดูหนาวพัดพากลิ่นหอมของป่ากระจายไปทั่ว ดวงจันทร์กลมโตทอแสงสีเงินอ่อน ๆ มันช่างเป็นคืนที่แสนจะโรแมนติกเหมาะแก่การที่คู่รักหลายคู่จะออกมาเดินเล่นสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้แก่กัน แต่ใครกันเล่าจะเข้าป่าในเวลากลางดึกเช่นนี้ แต่ถึงมีก็คงจะไม่ใช่ที่นี่แน่ เพราะคงไม่มีใครริอาจเหยียบเข้ามาในป่าผืนนี้หรอกถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่
แต่ดูเหมือนคืนนี้จะมีคนอาจหาญเข้ามาซะแล้ว แถมยังมาคนเดียวซะด้วย คงไม่เพี้ยนก็บ้าเต็มทีที่เข้ามาในนี้ ในคืนพระจันทร์เต็มดวง คืนที่เจ้าของพื้นที่นี้จะดุร้ายขึ้นเป็นเท่าตัว!
ที่ข้างล่างในป่านั้นมีคนผู้หนึ่งวิ่งอยู่อย่างเหนื่อยหอบ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ในมือของเขามีท่อนไม้เรียวยาวขนาดเหมาะมือ และเขาก็จับมันลากไปตามพื้นตลอดทางที่เขาวิ่งไม่สนว่าไม้ท่อนนั้นจะไปกระทบกับรากไม้หรือก่อนหิน ผ้าคลุมของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือดและเหงื่อ แม้คนคนนี้ออกจะบอบบางไปบ้างก็ตามแต่ดูจากรูปร่างและสัดส่วนคราว ๆ แล้วคาดว่าน่าจะเป็นผู้ชาย ฮูดที่เขาสวมอยู่นั้นทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าทั้งหมดได้ มีเพียงแค่ส่วนล่างเท่านั้นที่แสงจันทร์พอส่องถึง และดวงตาสีน้ำเงินงดงามที่กระทบแสงเท่านั้น เขาคอยหันไปมองข้างหลังเป็นระยะและพยายามเร่งฝีเท้าขึ้นอีกทั้ง ๆ ที่ตัวเองเหนื่อยล้าและบาดเจ็บขนาดหนักจนแทบจะไปต่อไม่ไหว แต่ก็ยังฝืนวิ่งต่ออยู่อย่างนั้น ...ราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง
แซก แซก
ชายหนุ่มหันไปมองด้านข้างหรี่ตามองเงาดำของสิ่งมีชีวิตกำลังวิ่งขนาบเขา พร้อมกับดวงตาสีแดงเรืองที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา
“ชิ! ตามมาไวกันจริงนะ” เขาพูดกับตัวเองแล้วสบถพึมพำอีกสองสามประโยค ก่อนจะหักเลี้ยวไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แต่การที่เปลี่ยนทิศทางไม่ได้ช่วยให้ชายหนุ่มหลุดพ้นจากเจ้าของดำนั่นเลย เพราะทันทีที่เขาเลี้ยวก็มีเงาดำปรากฏขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับนัยน์ตาสีแดงอีกหลายคู่ แม้แต่ข้างหลังเองก็ไม่ต่างกัน ดูเหมือนเขาจะถูกล้อมซะแล้วสิ
แฮ่!
เงาสีดำกระโดดพุ่งเข้าใสชายหนุ่มพร้อมกับเสียขู่คำราม แสงจันทร์ส่องลงมาเผยให้เห็นร่างที่เต็มไปด้วยขนและกล้ามเนื้อ มันเงื้อกรงเล็บของมันขึ้นเป้าหมายของมันคือชายหนุ่มที่วิ่งอยู่คนนั้น!
ตูม!!
กลุ่มควันลอยฟุ้ง เหล่าวิหกต่างส่งเสียงร้องกระพือปีกแตกหือกันไปคนละทิศ ความเงียบสงบนั้นหายไปตั้งแต่ชายหนุ่มผู้นี้เข้ามา กลุ่มควันจางลงเผยให้เห็นร่างใหญ่บึกบึนของมนุษย์หมาป่าและพื้นที่ยุบแตกลงไปเป็นวงกว้าง มนุษย์หมาป่าตัวอื่นต่างเดินออกมาจากเงามืดเพื่อจัดการกับเหยื่อที่นอนกองอยู่ใต้ร่างของสหาย แต่เมื่อควันจางหายไปสิ่งที่มันเห็นกลับเป็นเพียงผ้าคลุมที่ถูกทิ้งไว้ไร้ซึ่งร่างของมนุษย์ตัวจ้อยที่พวกมันกำลังตามล่า แต่ละตัวต่างชะงักแล้วสอดส่องสายตาหาไปทั่ว บางตัวก็เงยหน้าขึ้นทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นของเป้าหมาย แต่หารู้ไม่ว่าเหยื่อที่มันตามหากำลังเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนต้นไม้ใกล้ ๆ กับพวกมัน
“เอาล่ะ ๆ อีกนิดเดียวเท่านั้น พวกแกจะรอหน่อยก็ไม่ได้หรือไงกันนะ” เขาเอาท่อนไม้ที่อยู่ในมือขึ้นพาดบ่าก่อนจะนั่งลงบนกิ่งไม้พูดยิ้ม ๆ กับตัวเอง ตามองไปยังพวกมนุษย์หมาป่าที่ยังง่วนอยู่กับการหาตัวเขา ไม่คิดจะใส่ใจกับบาดแผลที่ได้รับมาแม้แต่น้อย
“หึ” เขาดีดตัวกระโดดออกจากกิ่งไม้อันนั้น พร้อม ๆ กับมือใหญ่ที่กางเล็บฟาดลงมา!
โครม!
ต้นไม้แข็งแรงต้นใหญ่หักล้มลงมาอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มโหนตัวกับกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ เหวี่ยงตัวออกมาหลบกรงเล็บของอีกตัว เสียงคำรามดังขึ้นไม่ขาดสาย เขาลงถึงพื้นได้โดยสวัสดิภาพแต่ยังไม่ได้ทันทำอะไรเขาก็ต้องถีบตัวออกจากตำแหน่งนั้นหลบคมเขี้ยวของมนุษย์หมาป่าที่อ้าปากกว้าง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ทันทีที่ชายหนุ่มหลบมันเหวี่ยงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามตามไปทันที ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเหยื่อของมันต้องหลบได้
“อั้ก” ชายหนุ่มพลิกตัวหันหลังกลับยกท่อนไม้ในมือกันได้ทันท่วงที หรี่ตากัดฟันกับแรงที่กระแทกเข้ามา ท่อนไม้ในมือส่งเสียงประท้วงลั่นจะแตกหักให้ได้ ร่างของเขากระเด็นไปชนกับต้นไม้เสียงดังสนั่น พวกมนุษย์หมาป่าเดินต่างเข้ามาล้อมชายหนุ่มไว้ส่งเสียงขู่คำรามในคอแต่ไม่ได้พุ่งเข้าไปโจมตีอย่างที่แล้ว ๆ มา เพราะพวกมันต่างก็รู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างที่ยันตัวลุกขึ้นนั่งตรงหน้า สองมือของเขากุมท่อนไม้ยันมันไว้กับพื้น แรงของมนุษย์หมาป่าไม่ได้ทำให้มันหักลงแต่อย่างใดแต่ถ้ามองดี ๆ จะสังเกตเห็นว่ามันมีอะไรบางอย่างใส ๆ หุ้มอยู่และมีไอเย็นแผ่ออกมาอย่างเบาบาง
เปรี๊ยะ
เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับรอยร้าวที่เริ่มแผ่ขยายลามไปทั้งแท่ง บางส่วนค่อย ๆ หลุดออกมาราวกับถูกกะเทาะ มันส่องประกายแวววาวยามต้องแสงจันทร์มองดูราวกับอัญมณีก่อนที่มันละลายกลายเป็นหยดน้ำทิ้งตัวลงสู่ผืนดิน
“สำเร็จ” เขาพูดขึ้นเสียงเบา ก่อนที่แรงกดดันจะเพิ่มขึ้นจนเหล่ามนุษย์หาป่าเริ่มกระสับกระสาย บางตัวครางหงิงหูลู่หางตกย่อตัวลงต่ำ แล้วอยู่ ๆ มีเกล็ดละอองแสงสีฟ้าลอยขึ้นจากพื้นมันเกิดขึ้นไปทั่วบริเวณกินอนาเขตออกไปเป็นวงกว้างพร้อมกับอากาศที่เย็นตัวลงจนลมหายใจถูกพ่นออกมาเป็นไอสีขาว
มนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งได้สติรู้สึกถึงอันตรายก่อนใคร มันมีร่างกายสูงใหญ่ตัวโตดูแข็งแรงมากกว่าตัวอื่น ดูยังไง ๆ มันก็มีแววว่าเป็นจ่าฝูง มันเงยหน้ากู่ร้องคำรามเสียงดังแล้วกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว!
โฮก!
ชายหนุ่มขยับยิ้มกับท่าทีนั้น ดวงตาสีน้ำเงินส่องประกายภายใต้ผ้าคลุม เขายกท่อนไม้ในมือขึ้นแล้วกระแทกพื้นอย่างแรง!
กริ๊ง
เสียงใสราวกับกระดิ่งลมดังก้องกังวานไปทั่ว เกิดแสงสว่างเป็นเส้นสายมากมายมันลากยาวไปตามพื้นเส้นแล้วเส้นเล่าจุดศูนย์กลางของมันคือที่ที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ มันแยกตัวออกแล้วมาประจบกันไปเรื่อย ๆ เกิดเป็นลวดลายและภาษาโบราณ มันคือวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ที่ร่างภายใต้ผ้าคลุมนั่นเขียนมันขึ้นมาจากท่อนไม้เรียวยาวในมือของเขาที่วิ่งลากไปลากมาอยู่ตั้งนานสองนาน ตัววงเวทย์ท่อแสงจ้ามากขึ้นทุกทีจนบริเวณนั้นถูกแสงสว่างกลืนไปชั่วขณะ
แล้วทุกอย่างก็สงบลง แสงสว่างหายไปและความมืดก็เข้ามาอีกครั้ง แสงจันทร์ท่อตัวลงมาตามกลีบเมฆส่องกระทบกับน้ำแข็งเปล่งประกายแวววาว รอบด้านกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดไม่เว้นแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า ผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ใสราวกับคริสตัลเผยให้ร่างกายอันใหญ่โตที่ถูกปกคลุมไปด้วยขนของเหล่ามนุษย์หมาป่าถูกแช่งแข็งอยู่ภายใน ไม่มีเสียงร้องโหยหวนหรือเสียงคำรามใด ๆ ทั้งสิ้น บ่งบอกให้รู้ว่าพวกมันทั้งหลายถูกแช่แข็งโดยไม่ทันรู้สึกตัว และร่างของจ่าฝูงของพวกมันก็ไม่ต่างกัน กรงเล็บที่กางออกอยู่ห่างจากคอของเจ้าของเวทย์เพียงไม่กี่คืบ ถึงมันจะถูกแช่งแข็งไปแล้วแต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียวและเขยิบตัวออกห่าง ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดหรือมันรู้สึกตัวเร็วกว่านี้อีกหน่อย ไม่แคล้วเขาคงต้องโดนเสียบทะลุคอหอยจบชีวิตลงตรงนี้แน่
“เฮ้อ ถึงจะเสี่ยงไปหน่อยแต่มันก็ใช้ได้ล่ะนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนปัดเศษดินตามตัว เดินไปหยิบผ้าคลุมที่กองอยู่ในหลุมขึ้นมาสวม “อย่างน้อยก็ดีกว่ายืนตั้งหลักประจันหน้าสู้กันเป็นไหน ๆ” ใช้ท่อนไม้ในมือวาดวงเวทย์เคลื่อนย้ายเพื่อเอาตัวเองออกจากป่าแห่งนี้ ซึ่งใช้เวลาไม่นานมันก็ถูกวาดเสร็จ ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่กลางวงและขยับปากพึมพำเพื่อร่ายเวทย์ กินเวลาไปนานพอสมควรกว่าวงเวทย์จะเริ่มทำงาน มันส่องแสงสีขาวออกมากลืนร่างของชายหนุ่ม เขาขยับปากพูดอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่เขาจะหายไป ความปกติกลับคืนสู่ป่าอีกครา ไม่สิมันไม่ใช่ทั้งหมด พื้นที่เล็ก ๆ ส่วนหนึ่งกลายเป็นทุ่งน้ำแข็งที่ใจกลางของมันถูกประดับประดาไปด้วยประติมากรรมอันสวยงาม คาดว่ามันจะอยู่ไปอีกสักวันสองวันหรืออาจจะเป็นอาทิตย์ก็ไม่มีใครรู้ได้นอกจากชายคนนั้นผู้เป็นเจ้าของเวทย์ และเมื่อมันกลับมาเป็นอิสระครั้งพวกมันจะมีบัญชีแค้นที่ต้องชำระอยู่อีกหนึ่ง
“หวังว่าจะไม่ซวยลงผิดที่อีกนะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ