Super High School
-
เขียนโดย มะหมี่ต้มยังไงก็ไม่เดือด
วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.19 น.
2 chapter
0 วิจารณ์
5,942 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556 10.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) พี่สาว ? น้องสาว ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
“เฮ้ย เด็กใหม่นายทำผิดไปกี่รอบแล้วน่ะ!” เสียงตะโกนพร้อมตะคอกใส่ผมไม่ต้องบอกเลยว่าใคร ‘คุณ อาสินี ไอศิกา’ ที่บอกว่าจะมาดูแลผมโดยการฝึกโหดนั่นตอนนี้เราอยู่ที่ป่าลึกของโรงเรียน น่าจะเป็นที่ฝึกมากกว่า นี่เป็นเวลา 1 เดือนแล้วที่ผมอยู่โรงเรียนแห่งนี้ และ ชมรมบ้าบออะไรนั่น และผมได้ยินมาจากมิตรีด้วยว่าทุกๆปีโรงเรียนจะจัดงานแข่งขันอะไรสักอย่าง หนึ่งนั่นด้วย เฮ้อ ผมไม่ค่อยคิดที่จะสนใจหรอกนะ แต่ว่า ..
“นายต้อง เข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้นะ ภัทร เพราะมันเป็นกฎว่า ชมรมแต่ล่ะชมรมหรือแต่ล่ะห้องจะส่งตัวแทนในการแข่งขันครั้งนี้” ผมพร้อมที่จะเถียงท่านประธานคนนี้เต็มที่ .
“ทำไม มิตรีไม่ไปลงเองซ่ะล่ะ ?!” ผมถามไปอย่างหัวเสียกับการที่ให้ผมลงการแข่งขันบ้าบอนั่นที่ต้องทำให้ผมเจ็บตัวไปซ่ะเปล่า
“นาย ก็รู้ว่าฉันเป็นประธานนักเรียน ฉันไม่สามารถลงแข่งได้หรอก อัจก็ด้วยเพราะอัจกับฉันอยู่ฝ่ายกรรมการแต่เพียงนายกับณัฐเท่านั้นที่จะลง แข่งครั้งนี้เพราะ ณัฐเป็นตัวแทนห้องแล้วนายเป็นตัวแทนชมรม แต่พวกนายก็ดันอยู่ชมรมเดียวกันก็เลยเป็นทีมไปน่ะสิ” ก็เข้าใจอยู่หรอกว่ามีหมอนี้อยู่ด้วยแต่ผมกลับไม่ชอบหมอนี้แปลกๆ เพราะอะไรน่ะหรอ .. หมอนี่เป็นจิ้งจอกอะไรประมาณนั่น น่ากลัวใช่เล่น ผมไม่อยากลงแข่งอะไรนั่นเลยถามอยากจะถามมิตรีว่าแล้ว คุณอาสินีล่ะ ? ผมไม่ทันที่จะปริปากพูดก็มีเสียงขัดขึ้นมาทันที
“อาสินีเป็นตัวแทนของ ห้องไปแล้วน่ะ..” มิตรีพูดขึ้นมาขัดผมทันที อ๋อ แบบนี้นี่เองเลยเลือกผมที่ยังว่างอยู่สินะ ให้ตายสิ นี่มันอะไรกันเนี่ย ผมถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ที่จะเถียงกับยัยนี่แล้วมองไปถามคุณอัจทันทีแต่ผม กลับได้รอยยิ้มเจื่อนบวกกับกำลังใจเล็กน้อยจึงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ เฮ้อ
“นี่จะคิดย้อนอดีตอีกนานไหม ?” คุณอาสินีเหมือนจะยืนรอผมคิดอะไรนานๆนั่น ฮ่ะ ฮ่ะ โรงเรียนนี้อ่านใจกันได้ทุกคนหรือเปล่านะ
“ข..ขอโทษนะ พอดีคิดอะไรนานไปหน่อยน่ะ” ผมเกาแก้มไปพร้อมรู้สึกผิดแต่ที่จริงผมก็ยังไม่รู้จักคุณอาสินีเลยแฮะ อยู่ห้องไหนน่ะ
“เอ่อ...” ผมไม่ทันจะถามแต่อีกฝ่ายก็ตอบมาก่อน
“ฉัน ก็อยู่ม.6 .. อยู่ห้อง 4 น่ะ” อ๋อ อยู่ห้อง 4 งั้นหรอเนี่ย ยังไงก็รุ่นพี่คนหนึ่งล่ะ
“งั้นหรอ .. งั้นคุณอาสินีทำไมถึงมาเรียนที่โรงเรียนนี้ล่ะ ทั้งๆที่คุณเองก็เหมือนผมไม่ใช่หรอ?” นั่นล่ะ เหตุผลที่ผมอยากถามอาสินีมาก เพราะ มิตรีบอกว่าอาสินีไม่มีพลังเหมือนคนอื่นยกเว้นการอ่านใจที่ร่ำเรียนมาตั้ง แต่ม.ต้น
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น นายก็ไม่ควรรู้นี่ ! เอาล่ะ พร้อมที่จะฝึกต่อหรือยังล่ะ !” เธอชี้ดาบของเธอมาที่ผม ผมรู้ว่าเราอาจจะคล้ายๆกันก็ได้นะ ช่างมันเถอะ ผมคิดแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเพื่อที่จะฝึกต่อ เวลาผ่านไปสัก 30 นาทีได้เลยได้พัก
“ผมไปซื้อน้ำมาให้นะ” ผมพูดกับอาสินีแล้ววิ่งไปร้านขายน้ำ อยู่ไหนนะร้านขายน้ำนั่นน่ะ ผมเดินไประหว่างทางจนไม่ได้มองทางข้างหน้าแล้วได้เดินชนกับอะไรสักอย่างจนผม ล้มลงไป
“อั่ก .. ขอโทษนะ ผมไม่ได้มองทางน่ะ” ผมรีบขอโทษแล้วเงยหน้าขึ้นไป ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่แน่นอน ผมสีออกน้ำตาลเข้ม สายตาเหมือนหมาป่า ดุดันแล้วน่ากลัว จ้องมาทางผมเหมือนเห็นผมเป็นเหยื่อของหมาป่า น่ากลัวชิบ .. คนอะไรกัน
“ไม่เป็นไร” เสียงตอบสั้นๆที่ทำให้ผมโล่งอกโล่งใจมากขึ้น ผมพยายามลุกและทรงตัวขึ้นอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา
“นายชื่อนภัทรสินะ?” เสียงนั้นถามผม ดูเหมือนผู้ชายมากเลยแฮะ แต่ใส่ชุดนักเรียนหญิงม.ปลาย แต่ก็น่ากลัว.
“ค..ครับผมชื่อ นภัทร กุลชากร ครับ” สิ้นสุดเสียงแนะนำชื่อของผม ได้มีเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายมาจึงทำให้ผมยืนอึ้งอยู่นาน
“ฮ่าๆๆ นายชื่อ นภัทร ที่ยัยมิตรีมันเล่าให้ฟังเองหรอกหรอ ดูปวกเปียกเป็นบ้าเลยว่ะ!” อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะผมจนทำให้ผมรับได้
“ค...คุณเป็นใครครับ?” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดมากกว่านี้
“ขอโทษทีนะ ฉันชื่อ มิณทการ หัตร์ศดินทร์” หัตร์ศดินทร์? นามสกุลคุ้นๆ เมื่อกี้พูดชื่อมิตรีใช่ไหม ? หรือว่า ..
“คุณเป็นอะไรกับมิตรียาครับ?” ผมถามโต้ๆไปเพราะว่าอาจจะเป็น ไม่ทันจบความคิดผมอีกฝ่ายก็พูดถึงมาทันที
“ฉัน เป็นพี่สาวของยัยมิตรีน่ะ” ว่าแล้วเชียว น้องเป็นแมว พี่เป็นหมาป่า หรือไงฟ่ะ ผมไม่พยายามยืดเวลามากแล้วเดี๋ยวอาสินีจะเล่นผมอีก ผมซวยแน่
“ง..งั้นหรอครับ งั้นผมขอตัว...”ไม่สิ้นคำขอตัวของผมอีกฝ่ายดันมาห้ามผมไว้ก่อน
“ยัง ไม่ให้ไปหรอกนะ ฉันอยากรู้ว่าพลังของนายน่ะเป็นยังไง” อีกฝ่ายจ้องมองผมด้วยสายตาเหมือนอยากกินเลือดและเนื้อของผม สายตานั่นสามารถฉีกร่างของผมได้เป็นชิ้นๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
“....” ผมได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะความกลัวผู้หญิงคนนี้
“ฮ่ะๆๆ อะไรกันแค่นี้ถึงกลับเงียบเลยหรอ ?” อีกฝ่ายหัวเราะใส่ผมที่เหมือนกับลูกแกะที่กำลังจนมุมของหมาป่าล่าเนื้อตัว หนึ่งเท่านั้นไม่พออาวุธของเธอจ่อมาที่คอของผมเรียบร้อยแล้วด้วย ไวมาก ... ผมถึงกับขยับตัวไม่ได้เลย
“พี่จ๋า หยุดก่อน!!” เสียงที่ตามหลังของผมมา ผมไม่จำเป็นต้องหันไปก็รู้ว่าใคร ‘มิตรียา’ กำลังวิ่งมาห้ามพวกเรา ท่าทางที่วิ่งเหมือนเด็กนั่นมันอะไรกัน
‘มิตรี..มาห้ามทำไมล่ะ ?” อีกฝ่ายรีบเก็บอาวุธของตัวเองแล้วปล่อยผมให้นอนลงกับพื้น อะไรกัน .. ความรู้สึกที่ไม่อยากจะลุกขึ้น
“หนูว่าปล่อยเขาไปเถอะนะ ไว้งานประลองก่อนดีกว่านะ” มิตรีนี่เธอกำลังช่วยฉันจริงหรือเปล่าเนี่ย
“งั้น หรอ ... หมอนี่ก็ลงแข่งหรอ หึ น่าสนุกดีนี่ งั้นฉันไปล่ะแล้วเจอกัน ‘อาหาร’ ของฉัน…..” สิ้นสุดเสียงนั่นทำให้ผมเริ่มหวาดกลัวกับหมาป่าสีน้ำตาลตัวนั่น น่ากลัวชิบ ผู้หญิงอะไรกัน มิตรียาที่วิ่งมาหาผมอย่างกระสับกระส่าย
“ป..เป็นอะไรหรือเปล่า?” ไม่เป็นมั้ง ถามมาได้
“ไม่เป็นไรหรอก คนนั้นๆ...?” สิ้นสุดคำถามผมมิตรีได้แต่เงียบแล้วส่ายหน้า เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าผมทราบดี
“เมื่อกี้ฉันเจออาสินีด้วย ฉันบอกให้เขากลับห้องชมรมไปแล้วล่ะ สบายใจได้” เธอเปลี่ยนเรื่องไม่ให้ผมคิดมากไปมากกว่านี้
“อืม งั้นเรากลับกันเถอะ” ผมชวนเธอกลับและระหว่างทางกลับผมได้คุยกับเธอเป็นระยะ ตัวเล็กกว่าผมตั้งเยอะเลยแฮะ อยู่ประมาณไหล่ผมเอง ยัยนี่ก็น่ารักดีนะ ..
“นี่คิดอะไรอยู่ฉันรู้นะ” น..นั่นสินะ ผมรีบเกาแก้มแก้เขินทันที
“ข..ขอโทษนะ” ผมขอโทษเธอไป มิตรีได้แต่ส่ายหน้าแล้วมองมาที่ผม
“นี่ ภัทร” สิ้นสุดเสียงนั้นทำให้บรรยากาศทั้งหมดเงียบทันที
“นายจะลงแข่งขันอีกไหม?” หา ... คราวนี้ดันมาถามผมเนี่ยนะ แต่ถ้าผมปฏิเสธเธออาจโกรธก็ได้ แต่ทำไมถึงถามล่ะ
“ทำไมถึงถามล่ะ ?”ผมเดินต่อไปอีกเพื่อรอคำถามและคำตอบจากเธอ
“ฉันกลัวนายตาย” สิ้นสุดเสียงนั่นของมิตรี ทำให้ผมหันหน้าไปทางเธอแล้วเราต่างเงียบทั้งคู่
“ทำไมล่ะ” ผมได้แต่ถามซ้ำ
“เพราะกลัวนายตายไงล่ะ โธ่...” อีกฝ่ายเริ่มทำหน้ามุ่ยใส่อย่างไม่พอใจ
“ไม่ ว่ายังไงผมก็ลงแข่ง ผมไม่อยากให้ตาณัฐลงคนเดียวหรอก แล้วอีกอย่าง ผมไม่อยากให้คุณมาลำบาก” นั่นสินะสิ่งที่พระเอกทำ ผมคิดแล้วอยากจะหัวเราะตัวเองจริงๆเลย
“บ้าหรือไง” เธอมองมาที่ผมอย่างไม่เชื่อแล้วรีบเดินนำหน้าผมไป
“?” ผมได้แต่ยืนงงแล้วก่อนจะรีบเดินตามเธอไปแล้วมิตรีก็เลยหยุดอีกรอบ
“ฉัน..... ไม่อยากให้นายลงแข่งหรอกนะ พอฉันรู้ว่าพี่สาวของฉันก็ลงแข่ง” มิตรีหันมาทางผมพร้อมกับความกลัวในสายตาของเธอ ผมไม่สามารถอ่านใจเธอก็จริงอยู่แต่ผมรู้ว่าเธอกำลังกลัวอะไรสักอย่าง
“อดีตของฉัน.....” เธอพูดพร้อมกำเสื้อตรงอกอกแน่นแล้วหันมามองที่ผม
“ไม่เป็นไร....” ผมพูดออกมาทำให้เธอตกใจเล็กน้อยก็ที่ผมจะพูดอีกครั้ง
“ไม่ เป็นไร ถึงผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ผมจะชนะพี่สาวของเธอให้ดู ไม่สิ ... ผมจะเป็นที่หนึ่งให้เธอดูเอง มิตรี!!” ผมพูดต่อหน้าเธอทำให้เธอยิ้มแล้วหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่ะๆๆ เอาให้จริงเถอะนะ พยายามเข้าล่ะ” รอยยิ้มสดใสกลับมาอีกครั้ง
“งั้นกลับกันได้หรือยังล่ะ เมื่อไหร่จะหยุดหัวเราะสักที” ผมมองมิตรีที่หัวเราะไม่ยอมหยุด
“ข..ขอโทษนะๆ”เธอยิ้มแล้วเดินตามผมมา
“ให้ ตายสิ” ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา เมื่อกี้ผมได้ยินมิตรีพูดว่าอดีต...อดีตของมิตรีงั้นหรอ ... ยัยนี่ก็คงมีเรื่องฝังลึกอยู่เหมือนกันสินะ ผมคิดอย่างนั้นก็จะกลับห้องชมรมกับมิตรี
อดีตงั้นหรอ...
“หยุดเถอะ…”
“ไม่เอาแล้ว...”
“ฉันยังไม่อยากบอกลากับใครตอนนี้”
“พี่ค่ะ....”
“เฮ้ย เด็กใหม่นายทำผิดไปกี่รอบแล้วน่ะ!” เสียงตะโกนพร้อมตะคอกใส่ผมไม่ต้องบอกเลยว่าใคร ‘คุณ อาสินี ไอศิกา’ ที่บอกว่าจะมาดูแลผมโดยการฝึกโหดนั่นตอนนี้เราอยู่ที่ป่าลึกของโรงเรียน น่าจะเป็นที่ฝึกมากกว่า นี่เป็นเวลา 1 เดือนแล้วที่ผมอยู่โรงเรียนแห่งนี้ และ ชมรมบ้าบออะไรนั่น และผมได้ยินมาจากมิตรีด้วยว่าทุกๆปีโรงเรียนจะจัดงานแข่งขันอะไรสักอย่าง หนึ่งนั่นด้วย เฮ้อ ผมไม่ค่อยคิดที่จะสนใจหรอกนะ แต่ว่า ..
“นายต้อง เข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้นะ ภัทร เพราะมันเป็นกฎว่า ชมรมแต่ล่ะชมรมหรือแต่ล่ะห้องจะส่งตัวแทนในการแข่งขันครั้งนี้” ผมพร้อมที่จะเถียงท่านประธานคนนี้เต็มที่ .
“ทำไม มิตรีไม่ไปลงเองซ่ะล่ะ ?!” ผมถามไปอย่างหัวเสียกับการที่ให้ผมลงการแข่งขันบ้าบอนั่นที่ต้องทำให้ผมเจ็บตัวไปซ่ะเปล่า
“นาย ก็รู้ว่าฉันเป็นประธานนักเรียน ฉันไม่สามารถลงแข่งได้หรอก อัจก็ด้วยเพราะอัจกับฉันอยู่ฝ่ายกรรมการแต่เพียงนายกับณัฐเท่านั้นที่จะลง แข่งครั้งนี้เพราะ ณัฐเป็นตัวแทนห้องแล้วนายเป็นตัวแทนชมรม แต่พวกนายก็ดันอยู่ชมรมเดียวกันก็เลยเป็นทีมไปน่ะสิ” ก็เข้าใจอยู่หรอกว่ามีหมอนี้อยู่ด้วยแต่ผมกลับไม่ชอบหมอนี้แปลกๆ เพราะอะไรน่ะหรอ .. หมอนี่เป็นจิ้งจอกอะไรประมาณนั่น น่ากลัวใช่เล่น ผมไม่อยากลงแข่งอะไรนั่นเลยถามอยากจะถามมิตรีว่าแล้ว คุณอาสินีล่ะ ? ผมไม่ทันที่จะปริปากพูดก็มีเสียงขัดขึ้นมาทันที
“อาสินีเป็นตัวแทนของ ห้องไปแล้วน่ะ..” มิตรีพูดขึ้นมาขัดผมทันที อ๋อ แบบนี้นี่เองเลยเลือกผมที่ยังว่างอยู่สินะ ให้ตายสิ นี่มันอะไรกันเนี่ย ผมถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ที่จะเถียงกับยัยนี่แล้วมองไปถามคุณอัจทันทีแต่ผม กลับได้รอยยิ้มเจื่อนบวกกับกำลังใจเล็กน้อยจึงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ เฮ้อ
“นี่จะคิดย้อนอดีตอีกนานไหม ?” คุณอาสินีเหมือนจะยืนรอผมคิดอะไรนานๆนั่น ฮ่ะ ฮ่ะ โรงเรียนนี้อ่านใจกันได้ทุกคนหรือเปล่านะ
“ข..ขอโทษนะ พอดีคิดอะไรนานไปหน่อยน่ะ” ผมเกาแก้มไปพร้อมรู้สึกผิดแต่ที่จริงผมก็ยังไม่รู้จักคุณอาสินีเลยแฮะ อยู่ห้องไหนน่ะ
“เอ่อ...” ผมไม่ทันจะถามแต่อีกฝ่ายก็ตอบมาก่อน
“ฉัน ก็อยู่ม.6 .. อยู่ห้อง 4 น่ะ” อ๋อ อยู่ห้อง 4 งั้นหรอเนี่ย ยังไงก็รุ่นพี่คนหนึ่งล่ะ
“งั้นหรอ .. งั้นคุณอาสินีทำไมถึงมาเรียนที่โรงเรียนนี้ล่ะ ทั้งๆที่คุณเองก็เหมือนผมไม่ใช่หรอ?” นั่นล่ะ เหตุผลที่ผมอยากถามอาสินีมาก เพราะ มิตรีบอกว่าอาสินีไม่มีพลังเหมือนคนอื่นยกเว้นการอ่านใจที่ร่ำเรียนมาตั้ง แต่ม.ต้น
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น นายก็ไม่ควรรู้นี่ ! เอาล่ะ พร้อมที่จะฝึกต่อหรือยังล่ะ !” เธอชี้ดาบของเธอมาที่ผม ผมรู้ว่าเราอาจจะคล้ายๆกันก็ได้นะ ช่างมันเถอะ ผมคิดแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเพื่อที่จะฝึกต่อ เวลาผ่านไปสัก 30 นาทีได้เลยได้พัก
“ผมไปซื้อน้ำมาให้นะ” ผมพูดกับอาสินีแล้ววิ่งไปร้านขายน้ำ อยู่ไหนนะร้านขายน้ำนั่นน่ะ ผมเดินไประหว่างทางจนไม่ได้มองทางข้างหน้าแล้วได้เดินชนกับอะไรสักอย่างจนผม ล้มลงไป
“อั่ก .. ขอโทษนะ ผมไม่ได้มองทางน่ะ” ผมรีบขอโทษแล้วเงยหน้าขึ้นไป ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่แน่นอน ผมสีออกน้ำตาลเข้ม สายตาเหมือนหมาป่า ดุดันแล้วน่ากลัว จ้องมาทางผมเหมือนเห็นผมเป็นเหยื่อของหมาป่า น่ากลัวชิบ .. คนอะไรกัน
“ไม่เป็นไร” เสียงตอบสั้นๆที่ทำให้ผมโล่งอกโล่งใจมากขึ้น ผมพยายามลุกและทรงตัวขึ้นอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา
“นายชื่อนภัทรสินะ?” เสียงนั้นถามผม ดูเหมือนผู้ชายมากเลยแฮะ แต่ใส่ชุดนักเรียนหญิงม.ปลาย แต่ก็น่ากลัว.
“ค..ครับผมชื่อ นภัทร กุลชากร ครับ” สิ้นสุดเสียงแนะนำชื่อของผม ได้มีเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายมาจึงทำให้ผมยืนอึ้งอยู่นาน
“ฮ่าๆๆ นายชื่อ นภัทร ที่ยัยมิตรีมันเล่าให้ฟังเองหรอกหรอ ดูปวกเปียกเป็นบ้าเลยว่ะ!” อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะผมจนทำให้ผมรับได้
“ค...คุณเป็นใครครับ?” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดมากกว่านี้
“ขอโทษทีนะ ฉันชื่อ มิณทการ หัตร์ศดินทร์” หัตร์ศดินทร์? นามสกุลคุ้นๆ เมื่อกี้พูดชื่อมิตรีใช่ไหม ? หรือว่า ..
“คุณเป็นอะไรกับมิตรียาครับ?” ผมถามโต้ๆไปเพราะว่าอาจจะเป็น ไม่ทันจบความคิดผมอีกฝ่ายก็พูดถึงมาทันที
“ฉัน เป็นพี่สาวของยัยมิตรีน่ะ” ว่าแล้วเชียว น้องเป็นแมว พี่เป็นหมาป่า หรือไงฟ่ะ ผมไม่พยายามยืดเวลามากแล้วเดี๋ยวอาสินีจะเล่นผมอีก ผมซวยแน่
“ง..งั้นหรอครับ งั้นผมขอตัว...”ไม่สิ้นคำขอตัวของผมอีกฝ่ายดันมาห้ามผมไว้ก่อน
“ยัง ไม่ให้ไปหรอกนะ ฉันอยากรู้ว่าพลังของนายน่ะเป็นยังไง” อีกฝ่ายจ้องมองผมด้วยสายตาเหมือนอยากกินเลือดและเนื้อของผม สายตานั่นสามารถฉีกร่างของผมได้เป็นชิ้นๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
“....” ผมได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะความกลัวผู้หญิงคนนี้
“ฮ่ะๆๆ อะไรกันแค่นี้ถึงกลับเงียบเลยหรอ ?” อีกฝ่ายหัวเราะใส่ผมที่เหมือนกับลูกแกะที่กำลังจนมุมของหมาป่าล่าเนื้อตัว หนึ่งเท่านั้นไม่พออาวุธของเธอจ่อมาที่คอของผมเรียบร้อยแล้วด้วย ไวมาก ... ผมถึงกับขยับตัวไม่ได้เลย
“พี่จ๋า หยุดก่อน!!” เสียงที่ตามหลังของผมมา ผมไม่จำเป็นต้องหันไปก็รู้ว่าใคร ‘มิตรียา’ กำลังวิ่งมาห้ามพวกเรา ท่าทางที่วิ่งเหมือนเด็กนั่นมันอะไรกัน
‘มิตรี..มาห้ามทำไมล่ะ ?” อีกฝ่ายรีบเก็บอาวุธของตัวเองแล้วปล่อยผมให้นอนลงกับพื้น อะไรกัน .. ความรู้สึกที่ไม่อยากจะลุกขึ้น
“หนูว่าปล่อยเขาไปเถอะนะ ไว้งานประลองก่อนดีกว่านะ” มิตรีนี่เธอกำลังช่วยฉันจริงหรือเปล่าเนี่ย
“งั้น หรอ ... หมอนี่ก็ลงแข่งหรอ หึ น่าสนุกดีนี่ งั้นฉันไปล่ะแล้วเจอกัน ‘อาหาร’ ของฉัน…..” สิ้นสุดเสียงนั่นทำให้ผมเริ่มหวาดกลัวกับหมาป่าสีน้ำตาลตัวนั่น น่ากลัวชิบ ผู้หญิงอะไรกัน มิตรียาที่วิ่งมาหาผมอย่างกระสับกระส่าย
“ป..เป็นอะไรหรือเปล่า?” ไม่เป็นมั้ง ถามมาได้
“ไม่เป็นไรหรอก คนนั้นๆ...?” สิ้นสุดคำถามผมมิตรีได้แต่เงียบแล้วส่ายหน้า เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าผมทราบดี
“เมื่อกี้ฉันเจออาสินีด้วย ฉันบอกให้เขากลับห้องชมรมไปแล้วล่ะ สบายใจได้” เธอเปลี่ยนเรื่องไม่ให้ผมคิดมากไปมากกว่านี้
“อืม งั้นเรากลับกันเถอะ” ผมชวนเธอกลับและระหว่างทางกลับผมได้คุยกับเธอเป็นระยะ ตัวเล็กกว่าผมตั้งเยอะเลยแฮะ อยู่ประมาณไหล่ผมเอง ยัยนี่ก็น่ารักดีนะ ..
“นี่คิดอะไรอยู่ฉันรู้นะ” น..นั่นสินะ ผมรีบเกาแก้มแก้เขินทันที
“ข..ขอโทษนะ” ผมขอโทษเธอไป มิตรีได้แต่ส่ายหน้าแล้วมองมาที่ผม
“นี่ ภัทร” สิ้นสุดเสียงนั้นทำให้บรรยากาศทั้งหมดเงียบทันที
“นายจะลงแข่งขันอีกไหม?” หา ... คราวนี้ดันมาถามผมเนี่ยนะ แต่ถ้าผมปฏิเสธเธออาจโกรธก็ได้ แต่ทำไมถึงถามล่ะ
“ทำไมถึงถามล่ะ ?”ผมเดินต่อไปอีกเพื่อรอคำถามและคำตอบจากเธอ
“ฉันกลัวนายตาย” สิ้นสุดเสียงนั่นของมิตรี ทำให้ผมหันหน้าไปทางเธอแล้วเราต่างเงียบทั้งคู่
“ทำไมล่ะ” ผมได้แต่ถามซ้ำ
“เพราะกลัวนายตายไงล่ะ โธ่...” อีกฝ่ายเริ่มทำหน้ามุ่ยใส่อย่างไม่พอใจ
“ไม่ ว่ายังไงผมก็ลงแข่ง ผมไม่อยากให้ตาณัฐลงคนเดียวหรอก แล้วอีกอย่าง ผมไม่อยากให้คุณมาลำบาก” นั่นสินะสิ่งที่พระเอกทำ ผมคิดแล้วอยากจะหัวเราะตัวเองจริงๆเลย
“บ้าหรือไง” เธอมองมาที่ผมอย่างไม่เชื่อแล้วรีบเดินนำหน้าผมไป
“?” ผมได้แต่ยืนงงแล้วก่อนจะรีบเดินตามเธอไปแล้วมิตรีก็เลยหยุดอีกรอบ
“ฉัน..... ไม่อยากให้นายลงแข่งหรอกนะ พอฉันรู้ว่าพี่สาวของฉันก็ลงแข่ง” มิตรีหันมาทางผมพร้อมกับความกลัวในสายตาของเธอ ผมไม่สามารถอ่านใจเธอก็จริงอยู่แต่ผมรู้ว่าเธอกำลังกลัวอะไรสักอย่าง
“อดีตของฉัน.....” เธอพูดพร้อมกำเสื้อตรงอกอกแน่นแล้วหันมามองที่ผม
“ไม่เป็นไร....” ผมพูดออกมาทำให้เธอตกใจเล็กน้อยก็ที่ผมจะพูดอีกครั้ง
“ไม่ เป็นไร ถึงผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ผมจะชนะพี่สาวของเธอให้ดู ไม่สิ ... ผมจะเป็นที่หนึ่งให้เธอดูเอง มิตรี!!” ผมพูดต่อหน้าเธอทำให้เธอยิ้มแล้วหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่ะๆๆ เอาให้จริงเถอะนะ พยายามเข้าล่ะ” รอยยิ้มสดใสกลับมาอีกครั้ง
“งั้นกลับกันได้หรือยังล่ะ เมื่อไหร่จะหยุดหัวเราะสักที” ผมมองมิตรีที่หัวเราะไม่ยอมหยุด
“ข..ขอโทษนะๆ”เธอยิ้มแล้วเดินตามผมมา
“ให้ ตายสิ” ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา เมื่อกี้ผมได้ยินมิตรีพูดว่าอดีต...อดีตของมิตรีงั้นหรอ ... ยัยนี่ก็คงมีเรื่องฝังลึกอยู่เหมือนกันสินะ ผมคิดอย่างนั้นก็จะกลับห้องชมรมกับมิตรี
อดีตงั้นหรอ...
“หยุดเถอะ…”
“ไม่เอาแล้ว...”
“ฉันยังไม่อยากบอกลากับใครตอนนี้”
“พี่ค่ะ....”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ