Forever ความรัก กาลเวลาและการรอคอย
เขียนโดย Zindy
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.12 น.
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เที่ยวหลังสอบ..."ฟอร์เซสต์" (อะไรนะ!ถึงเฉลยปริศนาแล้วเรอะ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวลาผ่านไปเรื่อยๆตั้งแต่นิรันดร์กาลย้ายเข้ามาผ่านพ้นไปประมาณสองเดือนกว่า ซึ่งในตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการสอบกลางภาค
นักเรียนทุกคนต่างทวนสอบกันอย่างขะมักเขม้น รวมถึงพวกของอนันต์ญกาลด้วย ห้องของเธอจัดกลุ่มทวนสอบกันทุกวันโดยคนที่ต้องสอนให้ทุกคนคงไม่พ้นนิรันดร์กาลกับสุพัตราที่เป็นคนเรียนเก่ง
สัปดาห์แห่งการสอบเริ่มต้นขึ้นในบรรยากาศที่เงียบสงบ นักเรียนบางคนแทบจะกินหนังสือแทบอาหาร หรือนอนกองหนังสือแทนหมอน
การสอบดำเนินไปเรื่อยๆจนจบทุกวิชา
“เฮ้อ...เสร็จซักที”ศุวิสาร้องออกมาดังๆพอให้ทุกคนได้ยิน
“ช่าย...เสร็จซักทีโว้ย”พัตรฏินันท์รับเป็นลูกคู่
ส่วนคนอื่นๆโดยรวมถึงอนันต์ญกาลนั้นกำลังตรวจคำตอบกับหนังสืออยู่ จนพัตรฏินันท์ทนไม่ได้จึงแขวะเข้าให้
“พวกคุณครับ...เชิญตรวจกันเข้าไป ทำอย่างกับว่าจะไปเอาข้อสอบมาทำอีกทีได้แหละ”หลายๆคนปิดหนังสือเพราะคำพูดนั้น
“ยากมั้ย”สุพัตราถามอนันต์ญกาลที่เพิ่งปิดหนังสือไป
“ยากมาก”เธอทำหน้าเป็นกังวล แต่หูก็ได้ยินกันตพัฎรถามใครบางคนด้วยคำถามเดียวกัน
“ยากมั้ยแก...”
แล้วก็มีเสียงนิรันดร์ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
“ง่ายมาก”
“นี่แกบอกว่าง่ายเรอะ!!”พัตรฏินันท์ตะโกนเสร็จก็กระโจนไปฟัดกับนิรันดร์กาลอย่างกับหมา
“เฮ้อ...”เพื่อนๆถอนหายใจก่อนตัดสินใจเลิกสนสองตัวเอ๊ย...สองคนนั่น
และแล้ววันประกาศผลสอบก็มาถึง ซึ่งรูปแบบการประกาศจะแบ่งเป็นห้องๆไป และเรียงลำดับตั้งแต่ที่หนึ่งไปยังที่สุดท้าย ส่วนพวกที่คะแนนไม่ผ่านนั้นจะไม่มีลำดับให้
นักเรียนห้องของอนันต์ญกาลไปกรูกันอยู่หน้าห้องที่เป็นสถานที่ติดประกาศผลสอบ นักเรียนทั้งหมดสามสิบคน ปีอื่นๆปกติสุพัตราจะได้ที่หนึ่ง แต่ปีนี้กลับไม่ใช่...
คนที่ได้ที่หนึ่งคือนิรันดร์กาล ดังนั้นสุพัตราก็เลยได้ที่สองไปตามระเบียบ ที่สามคือเพื่อนสาวที่ชื่อรัฐชิกาที่ไม่น่าเชื่อที่สุดคือคนที่ดูเหมือนจะเล่นๆอย่างพัตรฏินันท์ได้ที่สี่ ส่วนอนันต์ญกาลได้ที่หก กันตพัฎและศุวิสาได้ที่สิบและสิบสองตามลำดับ
“ปกตินายเรียนเก่งขนาดนั้นเชียว”นิรันดร์กาลถามพัตรฏินันท์อย่างสงสัย
คนโดนถามเลิกคิ้วอย่างกวนๆ
“เปล่า...ก็ไม่ได้เรียนเก่งเอย่างนายหรอกคุณที่หนึ่ง”
นิรันดร์กาลหัวเราะกับการเบนประเด็นของเพื่อนข้างตัว
“ใช่ๆ ปีที่แล้วนายยังได้พอๆกับฉันอยู่เลย”ศุวิสาเสริม ซึ่งคนที่สี่ก็ไม่ตอบเพียงแต่หัวเราะในลำคอเท่านั้น
“นี่ๆ ไหนก็สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวกันดีมั้ย”รัฐชิกาเสนอขึ้นซึ่งก็มีหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วที่ไหนดีล่ะ”ใครซักคนเอ่ยถาม
“สวนสนุกดีมั้ย”
อนันต์ญกาลกำลังยืนอยู่หน้าสวนสนุกชื่อดังของจังหวัดอีกสิบห้านาทีก็จะถึงเวลานัดซึ่งตอนนี้ก็มีเพื่อนๆหลายคนมาถึงแล้ว
ระหว่างที่กำลังรออยู่นั้นรถเบนซ์คันหรูก็เคลื่อนตัวเข้ามาแล้วหยุดจอดแถวๆกำแพงสวนสนุก ประตูรถทั้งสองด้านเปิดออกมาเกือบจะพร้อมกัน นิรันดร์กาลลงจากประตูด้านซ้าย ส่วนใครอีกคนหนึ่งก็ก้าวลงมาจากฝั่งคนขับ
นิรันดร์กาลเดินเข้ากลุ่มเพื่อนทันทีเมื่อมองเห็น แล้วคนที่มากับนิรันดร์กาลก็เดินมาด้วย คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าอีกคนคือใครรู้แต่เพียงเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีไม่แพ้นิรันดร์กาล และมีผมสีดำขลับยาวซึ่งรวบไว้กับดวงตาสีนิลเป็นประกาย แต่ไม่ใช่กับอนันต์ญกาล
เธอร้องทักทั้งสองคนทันทีและหันไปตามเอนเดอร์
มาส่งนิรันดร์หรอคะ”
เขายิ้มรับ
“ก็ไม่เชิงครับ พอดีมีธุระแถวนี้เลยให้หมอนี่ติดรถมาด้วย”
“ส่งฉันฉันเสร็จแล้ว จะไปไหนก็รับไปแล้วกัน”นิรันดร์กาลไล่
“เออ...เที่ยวให้สนุกแล้วกัน”
เมื่อเพื่อนๆมากันครบแล้วทุกคนตัดสินใจว่าจะแบ่งเป็นกลุ่มละหกคนเพราะทั้งห้องมีคนมาทั้งหมดสิบแปดคนซึ่งจะได้สามกลุ่มพอดี
กลุ่มของอนันต์ญกาลมีเธอ นิรันดร์กาล ศุวิสา พัตรฏินันท์ กันตพัฎแล้วก็สุพัตรา ทำให้อนันต์ญกาลรู้สึกว่ามันกลุ่มแบบหวยล็อกยังไงชอบกล
การเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก อย่างที่เรียกว่าขึ้นเหนือล่องใต้มากเพราะเล่นตั้งแต่รถไฟเหาะไปยันถ้วยน้ำชา มันทำให้อนันต์ญกาลเวียนหัวและยิ่งการเข้าบ้านผีสิงที่ต้องเข้าไปทีละสองคน โดยที่พัตรฏินันท์ไปกับกันตพัฎ ศุวิสาเข้ากับสุพัตรา แล้วสุดท้ายเธอกับนิรันดร์กาล
“กรี๊ด!”เสียงร้องหลงของอนัต์ญกาลดังขึ้นทันทีที่มีผีน่ากลัวโผล่มา โดยไปรู้ตัวอีกทีเธอก็เข้าไปซบกับนิรันดร์กาลด้วยความตกใจ เป็นแบบนี้อยู่สองสามครั้งจนเจ้าตัวเองยังทนไม่ไหว
“นิรันดร์...”เธอเรียกเสียงแผ่ว
“หืม”เจ้าตัวที่โดนเรียกขานรับ
“ข...ขอเกาะแขนไว้ได้มั้ย”
นิรันดร์กาลหันมามองหน้าอนันต์ญกาล
“แบบว่า...ฉันกลั...เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้นะ”แล้วเธอก็ไม่คิดจะขอต่อเพียงแต่คนที่ได้รับการขอตอบอนุญาตก่อน
“แล้วแต่เธอเถอะ”นิรันดร์กาลหัวเราะเบาๆปิดท้าย
หลังจากนั้นบรรยากาศก็เกือบจะเป็นการเดินควงแขน หากไม่ติดว่ามันมีแต่ผีแล้วก็เสียงกรี๊ดของหญิงสาวที่อยู่ข้างตัวนิรันดร์กาล แต่มันก็ทำให้อนันต์ญกาลรู้ว่าคนข้างตัวเธอไม่ใช่คนที่ฉวยโอกาส เขาไม่เคยทำอะไรมากกว่าให้เธอเกาะที่แขนและซบเวลาที่ตกใจเลย แต่บางทีเขากลับขำในท่าทางของเธอ
“อย่าขำสิ!”เธอว่าเสียงเขียวแต่ยังไม่ทันไรก็มีผีโผล่มาอีก “กรี๊ด!”
“อุ๊บ...ฮ่าๆๆ”เธอค้อนให้เขาไปวงนึงแต่นั้นก็ยังไม่ทำให้เขาหยุดหัวเราะ
“จะกลัวอะไรนักหนา...หือ?”นิรันดร์กาลพูดพร้อมใช้นิ้วจิ้มตรงหว่างคิ้วของคนขี้ตกใจ
อนันต์ญกาลททำแก้มป่องอย่างงอนๆ
...น่ารัก...
“ก็คนมันกลัวจะให้ทำยังไงเล่า...กรี๊ด!!”แล้วก็เป็นอีกครั้งที่มีผีโผล่ออกมา มันก็ยังทำให้อนันต์ญกาลตกใจได้อีก คนตกใจเผลอซบกับไหล่ของคนตรงหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็เลยเห็นคนอีกคนกำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลัง
“บ้า!”อนันต์ญกาลว่าคนข้างกายแล้วก็ภาวนาให้ถึงทางออกเร็วๆ
“ก๊าก ฮ่าๆๆๆ”พวกผู้ชายยกเว้นนิรันดร์กาลระเบิดหัวเราะอย่างไม่สนใจคนรอบข้างหลังจากที่เขาเล่าเรื่องทั้งหมดในบ้านผีสิงให้ฟัง
“ถ้านายยังไม่หยุดขำต่อฉันจะฆ่านาย”ศุวิสาชักรำคาญ
“คร้าบบบ เลิกหัวเราะแล้วก็ได้”
แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็ต่างไปเล่นเครื่องเล่นอย่างอื่นจนเกือบจะเย็นบางทีก็เจอเพื่อนๆห้องเดียวกับบ้าง แต่ที่เธอไม่เข้าที่สุดคือทำไมทุกคนต้องพูดประมาณว่า ‘สู้ๆ’ หรือไม่ก็ ‘พยายามเข้า’ และสุดท้าย ‘อย่าลืมบอกล่ะ’
ทั้งหมดนี่อนันต์ญกาลไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วทำไมดูเหมือนทุกคนต้องพูดกับนิรันดร์กาลด้วย
“เอาล่ะ...เครื่องเล่นชิ้นสุดท้ายแล้ว”ศุวิสามองดูแผนที่ก่อนชี้ไปยังชิงช้าสวรรค์ตัวไม่ใหญ่นัก หนึ่งกระเช้าจะนั่งได้สองคน
แล้วก็เป็นไปอย่างที่อนันต์ญกาลคิดไว้ เธอก็ไม่แคล้วต้องคู่กับนิรันดร์กาลอีกนั่นแหละ
ชายหนุ่มผมสีทองกับหญิงสาวผมสีดำนั่งอยู่คนละฟากของชิงช้าสวรรค์ตู้เดียวกัน ทั้งสองคนต่างนั่งเงียบจนในที่สุดก็มีคนทีลายความเงียบนี้ลงได้
“อนันต์ญกาล”
“หือ?”
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”
“อะไรหรอ”เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาที่ดูจริงจังกว่าปกติคู่นั้น อนันต์เห็นเขาทำท่าที่ลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยังพูดต่อ...พูดในประโยคที่เกิดมาชาตินี้ไม่คิดว่าจะมีคนพูดกับเธอ
“เธอจะว่ายังไงถ้าบอกว่า...ฉันชอบเธอ!”
อนันต์ญกาลไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหน รู้แค่ว่าใบหน้าของเธอต้องเป็นสีแดงแจ๋ หลังจากที่ฟังประโยคนั้นจบ
“อะ...เอ่อ...คือว่า...”เธอเริ่มพูดติดๆขัดๆและไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ที่ไหนดีเลยได้แต่กวาดตามองไปเรื่อยๆในที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ดวงตาสีฟ้าคมคู่นั้น
หลังจากติดอ่างอยู่หลายคำในที่สุดเธอก็เอ่ยก็ออก
“ขะ...ขอเวลาให้ฉันหน่อยได้มั้ย”เธอยังตัดสินใจไม่ได้ อนันต์ญกาลอยากจะบอกกับตัวเองว่านิรันดร์กาลเป็นแค่เพื่อน แต่กลับมีเสียงเล็กๆในจิตใจแย้งว่าไม่ใช่ เธอจึงตอบเพื่อขอเลื่อนเวลาออกไป
นิรันดร์กาลยิ้มเมื่อฟังจบ
“ได้แน่นอน เธอมีเวลาเหลือเฟือเพื่อจะคิดหาคำตอบนั้น เพียงแต่...”เขาหยิบสายสร้อยสีทองออกมาและถือมันไว้ก่อนที่จะพูดต่อ
“ฉันอยากให้เธอเก็บสิ่งนี้ไว้ จนกว่าเธอจะตัดสินใจได้”เขายื่นมือที่กุมสร้อยเส้นนั้นไว้มาตรงหน้าเธอ อนันต์ญกาลจึงยื่นมือรับมันมา
ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมันลงในมือของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา สัมผัสเย็นลื่นไหลของโลหะทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย เขาค่อยๆชักมือกลับ เผยให้เห็นจี้สร้อยคอที่มีขนาดเล็กซึ่งเป็นนาฬิกาสีทองซึ่งหยุดเดิน
ทันใดนั้น...!
แปล๊บ!!
อนันต์ญกาลรู้สึกปวดหัวจนต้องกดไปที่ขมับแรงๆ อะไรบางอย่างแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมอาการปวดหัวที่ก่อตัวขึ้น
“โอ๊ย!”เธอร้องออกมาเพราะความเจ็บปวด ตั้งแต่เธอเริ่มปวดหัวเธอก็เห็นนิรันดร์กาลลุกมานั่งฝั่งเดียวกับเธอเพื่อมาดูอาการ เขาค่อยๆยื่นมือมาสัมผัสตอนที่เธอยังไม่หายดี
เมื่ออนันต์ญกาลเหลือบไปเห็นมือนั่นแล้ว แต่บางสิ่งบางอย่างบอกให้เธอยื่นมือไปคว้าข้อมือของเขาอย่างแรง เธอเห็นแววตาสีฟ้าส่อแววตกใจกับการกระทำนี้
...แล้วอาการปวดหัวรุนแรงก็หายไป...
พร้อมกับชื่อหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว
“ฟอร์เซสต์!!”
________________________________________________________________
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ชื่อตอน ค่ะ ถึงตอนเฉลยปริศนาแล้ว ดำ้เินินเนื้อเรื่องเร็วดีใช่มั้ยล่ะ 39หน้าเวิร์ด อืม...นี่นิยายเรื่องยาวนะ lllOrz ใครอ่านคิดว่าจะจบแล้วถือว่าคิดผิดค่ะ เรื่องนี้ยังอีกยาว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ