ใยรักสีเพลิง

7.8

เขียนโดย dko9Nlbiu

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.

  10 ตอน
  4 วิจารณ์
  15.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ใยรักสีเพลิง 9

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      เสียงยานพาหนะสัญจรหนาแน่นจนอื้ออึงไปทั่วบริเวณดังกลบเสียงถอนหายใจยาวลึกจากร่างบาง ดวงตาคู่สวยทอดยาวนานอยู่กับแผ่นไม้ขนาดใหญ่เบื้องหน้าที่มีตัวอักษรเขียนหวัด ๆอ่านว่า กระท่อมกาแฟ

      ขาเรียวก้าวเดินเชื่องช้าเธอหยุดตรงหน้าประตูควานหากุญแจด้วยสีหน้าเหม่อลอยไร้ชีวิตชีวา แทรกร่างเข้าไปด้านในก่อนจะปิดล็อกตามเดิม ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กภายในร้านอย่างอ่อนแรง ดวงตาร้อนผ่าวมองไปรอบ ๆร้านขณะมือเรียวไล้บนพื้นผิวโต๊ะตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย ร้านนี้เป็นสิ่งที่เธออยากทำ ร้านเล็ก ๆ รายได้เพียงเศษเสี้ยวของบริษัทหนึ่งเดียว อินเตอร์เฟรช แต่ไม่แน่อนาคตข้างหน้ามันอาจจะเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวของภาริษาก็ได้

     คิดถึงตรงนี้น้ำตาที่เอ่อคลอรอเวลาล้นทะลักก็ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ มันไหลต่อเนื่องทั้งที่เจ้าของดวงตาพยายามสกัดมันไว้ ร่างบางสั่นไหว มือเรียวพยายามปาดน้ำอุ่น ๆนั่นทิ้ง ภาริษาไม่ได้เข้ามาที่ร้านนี้เกือบเดือนแล้ว รดิศขอร้องให้เธอพักผ่อนเพราะเขาเป็นห่วงแผลตรงฝ่าเท้าของเธอ ซึ่งภาริษาก็ยอมลดทิฐิทำตามเขาทุกอย่าง ยอมตามใจกลับเข้าไปนั่งทำงานในบริษัท หวังเพียงการปรับพฤติกรรมอย่างที่สามีของเธอได้รับปากไว้อย่างมั่นเหมาะ การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของรดิศเกือบเดือนทำให้เธอแอบหวังว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อครอบครัว

     แต่สุดท้ายภาริษาก็ได้ตระหนักดีว่า เสือเคยกินเนื้อเช่นไรก็คงสัญชาตญาณกินเนื้ออยู่วันยังค่ำ รดิศไม่มีวันเปลี่ยนได้เพราะเขาก็ยังคงสัญชาตญาณแห่งเพศชายที่ไม่รู้จักคำว่าหยุดและพอ !

     ช่วงเวลาที่เขาทำดีกับเธอนั้นเขาก็แค่อยากลบเลือนความผิดเพราะเห็นภาริษาบาดเจ็บสุดท้ายรดิศก็อดทนได้ไม่ถึงเดือน เธอคงต้องยอมรับว่านั่นคือตัวตนของสามี ตัวตนที่เขาคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงมันเพื่อใคร ...และวันนี้เขาก็หายไปตั้งแต่บ่าย ภาริษาไม่สามารถติดต่อชายหนุ่มได้เลย เธอต้องทนบากหน้าทำเป็นเข้มแข็งจัดการงานทุกอย่างแทนเขาเพื่อไม่ให้พนักงานในบริษัทเห็นว่ารดิศทำตัวแย่แค่ไหนที่ทิ้งให้ภาริษาเผชิญหน้ากับปัญหาสารพัด ปัญหาที่เธอห่างหายมานานและปะติดปะต่อด้วยตัวเองได้ไม่ดีนัก...เขาเห็นสิ่งนั้นสำคัญกว่าเธอ

      หลังจากเคลียร์งานจนเสร็จเธอจึงมุ่งหน้ามาที่นี่ ไม่อยากกลับบ้าน...บ้านที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอยู่กับความโดดเดี่ยวหญิงสาวฟุบหน้ากับโต๊ะตัวเดิม คิดฟุ้งซ่านไปต่าง ๆนานา  รดิศเห็นภาริษาเป็นสัตว์ที่มีกระดูกงอกบนหัวขึ้นทุกวัน คิดว่าการทำดีของเขาที่ผ่านมาจะทำให้เธอตายใจ คิดถึงน้องพริมแต่บ้านหลังนั้นก็ไม่ได้ทำให้ภาริษาอยากหลบไปพักเลยสักนิด หรือจะกลับบ้าน ไปหาแม่ หาพ่อ ท่านทั้งสองจะได้ปวดหัวเพราะเรื่องของลูกสาวอย่างเธออีกจนได้  เสียงเคาะประตูหน้าร้านดังขึ้นปลุกหญิงสาวจากห้วงความคิดอันวกวน  ความตกใจในตอนแรกเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น บรรยากาศรอบนอกเปลี่ยนเป็นสีม่วงแก่สลับแสงสีแดงตรงริมขอบฟ้า หญิงสาวรีบปาดน้ำตา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูด้วยความรู้สึกปั่นมวนในท้อง

 

“คุณบอย ...ร้านปิดแล้วนะคะ”

 

“ผมเห็นไฟเปิด ก็เลยแวะเข้ามาทำไมมานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะครับ ถ้าเกิดเป็นโจรคุณจะทำยังไง” เสียงทุ้มเอ่ยเตือน ภาริษามองเขาแล้วหวนนึกถึงตัวเลขบนกระดาษแผ่นเล็ก ปัณณทัตชอบเธอและเธอก็ไม่จำเป็นต้องแคร์รดิศ ในเมื่อเขายังคงมีใครต่อใคร ถ้าภาริษาจะคบหากับปัณณทัตในฐานะเพื่อนบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องผิด!  ถึงจะผิดก็ยังไม่นับว่าสาใจเพราะมันเทียบไม่ได้แม้เศษธุลีของความผิดที่รดิศทำต่อเธอมานานปี

 

“พลอยล็อกประตู...โจรจะเข้าได้ไงคะ”  เขาหัวเราะเบา ๆกับคำตอบของภาริษา

 

“ประตูกระจก ทุบทีเดียวก็แตกแล้วครับ” ปัณณทัตยิ้มหลังจากพูดจบประโยค ภาริษาสบตาชายหนุ่มเพียงแวบเดียวก็แสร้งหันไปมองเคาน์เตอร์ภายในร้านรู้สึกเก้อเขินเมื่อนึกได้ว่าอยู่กับเขาเพียงลำพัง

 

“แล้วคุณมาทำไมคะเนี่ย” ปัณณัทตนิ่งเงียบ มาทำไม?เขาอยากจะตอบว่ามาเพราะคิดถึงภาริษาแต่คงจะไม่เหมาะดูเหมือนหญิงสาวกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ เธอร้องไห้อยู่ แววหวานจ้องเขาเพื่อรอคำตอบสุดท้ายชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเป็นการแก้เขินให้ตัวเอง

 

“เอ่อ...คือ...”

“บังเอิญผ่านมาก็เลยแวะมา...ใช่ไหมคะ” ภาริษาพูดแทนอย่างคนรู้ทันทั้งสองหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน หญิงสาวสูดลมเข้าปอดแอบเรียกความมั่นใจ รดิศอยากไปไหนก็ช่าง ต่อไปภาริษาจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว เธอจะไม่ใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อการเฝ้ารอและทุกข์ใจกับเรื่องของรดิศอีก อย่างน้อยก็จะพยายาม

 

“แล้วคุณพลอยมานั่งทำอะไรล่ะครับ ผมแวะมาหาคุณหลายครั้งแต่ไม่เจอ” ชายหนุ่มพูดพลางลอบมองใบหน้านวลที่ยังคงเลอะคราบน้ำตาทั่วใบหน้า เขากลั้นหัวเราะ นวลหน้าสวยหวานยามเลอะคราบน้ำตานั้นราวกับเด็กน้อยขี้แย จมูกรั้น ๆของหญิงสาวน่าใช้มือบิดให้หายรั้นซะเหลือเกิน ท่าทางคงจะรั้นใช่เล่น คนขี้แยหันกลับมาทางคนลอบมอง เขาหลบตาแทบไม่ทันแต่กระนั้นภาริษาก็ยังทันได้เห็นแววตาขำขันของเขา เธอย่นจมูกแทนคำตอบเมื่อเดาความคิดอีกฝ่ายออก

 

“คุณหัวเราะพลอยในใจ” เธอพูดกับคนหน้าตาเหรอหราและพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลังยิ่งเธอทำหน้าตารู้ทันเขาก็ยิ่งขำกับดวงตาดุ ๆนั่น ในที่สุดปัณณทัตก็ไม่อาจกลั้นได้ เขาหลุดหัวเราะออกมาพรืดใหญ่ยิ่งทำให้ภาริษาหน้าง้ำกว่าเดิม

 

“คุณน่ารัก... เหมือนเด็กเวลาโกรธเลย ...แผลหายแล้วเหรอครับ”

 

“หายแล้วค่ะ” สั้น ๆจากริมฝีปากอิ่มคนตั้งใจฟังได้แต่อมยิ้ม แอบมองเสี้ยวหน้าสวยเอียงหลบแววตาของเขา

 

“ร้านคุณพลอยสวยนะครับ เมื่อก่อนผมผ่านแถวนี้ประจำแต่ไม่เคยแวะเข้ามา ต้นไม้ข้างนอกมันบังตัวร้านจนเกือบมิดเลยนะครับ พอได้ลงมาสัมผัสตัวร้านด้านเหมือนอยู่คนละโลกกับริมถนนนั่นเลย...ใครออกแบบร้านให้ครับ”

 

“พลอยเองค่ะ...พลอยชอบธรรมชาติ ชอบกาแฟ ชอบทั้งรสชาติแล้วก็หลงใหลในกลิ่นหอม ๆของมัน...พลอยตั้งใจจะทำให้มันออกมาเหมือนกับกระท่อมคนแคระในเรื่องสโนว์ไวท์น่ะค่ะ แต่มันก็ออกมาได้แค่นี้ คุณบอยลองมองดูสิคะว่าเหมือนกันไหม”

     คนเปลี่ยนสรรพนามด้วยความลืมตัวชี้มือไปยังรูปภาพอีกด้านของผนังด้านในร้าน ปัณณทัตเหลียวมองตามเสียงใสแล้วหลุดหัวเราะอีกรอบ ในภาพเป็นรูปคนแคระทั้งเจ็ดกำลังยืนยิ้มแก้มแดงใจดี รอบกายสาวสวยสโนว์ไวท์เบื้องหลังทุกคนเป็นกระท่อมชั้นเดียว ยกพื้นสูงจากผืนหญ้าเขียวสดทรงโค้งมนน่ารักปลูกอยู่กลางป่าหลากสีสัน  ภาริษาอยากให้ร้านของเธอเหมือนรูปนี้น่ะหรือ ? ถึงร้านกระท่อมกาแฟจะสวยแต่ก็ไปกันละคนแถบกับรูปทรงกระท่อมคนแคระในภาพนั่นลิบลับในภาพเป็นกระท่อมทรงโค้งคดแต่กระท่อมกาแฟของภาริษาเป็นทรงเหลี่ยม

 

“คุณชอบสโนว์ไวท์เหรอครับ” คนถูกถามยิ้มกว้างอวดเรียวฟันขาว ไม่เหมือนคนเคยร้องไห้เมื่อครู่สักนิด

 

“เปล่าค่ะ...ชอบชีวิตของสโนว์ไวท์มากกว่า พลอยก็เลยคิดว่าถ้าวันนึงพลอยโชคร้ายเหมือนสโนว์ไวท์ เดินหลงทางอยู่กลางป่าพลอยอาจได้พบกระท่อมคนแคระ...ได้พบเจ้าชายที่รักพลอยเพียงคนเดียว ต่อให้พลอยพลาดพลั้งจนลมหายใจดับดิ้นเจ้าชายก็จะจุมพิตคืนชีพให้พลอย” คนพูดหยุดชะงักเมื่อลืมตัวสบตาระยับเต็มไปด้วยความหมายจากผู้ชายตรงหน้า เขาส่งยิ้มอบอุ่น ใจดีเจือแววเอ็นดูใส่ดวงตาของเธอ นัยน์ตาหยาดเยิ้มประกายความพอใจฉายชัดคู่นั้น ภาริษาแอบนึกเสียดายที่ตัวเองไม่อาจตอบรับไมตรีจากผู้ชายคนนี้ได้เต็มร้อย จนต้องเบือนหน้าหลบ

 

“เหรอครับ” เขาเลิกคิ้วเข้ม ๆขึ้นยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อดูมีมิติชวนมองกว่าเดิมเข้าไปอีก ภาริษาแข็งใจหันมายิ้มตอบพยายามจะรักษาช่วงเวลาดี ๆไว้ให้กับตัวเองมากที่สุดอย่างน้อยก็ขอแค่ใครสักคนที่อยู่กับเธอได้ คุยกับเธอได้ในยามเหงา .

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา