ใยรักสีเพลิง
เขียนโดย dko9Nlbiu
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ใยรักสีเพลิง 10
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งถูกต่อเติมแยกมาทางด้านซ้ายของตัวบ้าน เจ้าของบ้านใช้เก็บวางอุปกรณ์สำหรับซักล้าง รวมถึงเก็บไม้กวาด ไม้ถูพื้นและข้าวของจิปาถะที่ไม่มีที่ใดจะวาง ตรงหน้าเครื่องซักผ้าที่ส่งเสียงดังเป็นระยะบอกให้รู้ว่ามันกำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่างเพรียวกำลังก้ม ๆเงย ๆเลือกเสื้อผ้าที่กองกะจัดกระจายอยู่บนพื้นหน้าเครื่องซักผ้า เธอขมวดผมยาวเฟื้อยด้วยที่หนีบผมสีสดใสเผยดวงหน้าเนียนลออตา หน้าผากมนรับกับคิ้วเรียวสีเดียวกับนัยน์ตาดำขลับ ล้อมด้วยกรอบขนตายาวแบบธรรมชาติ ริมฝีบางสีระเรื่อเม้มเข้าหากันเป็นระยะ มือเรียวเล็กแยกเสื้อผ้าแต่ละชนิดด้วยความรวดเร็ว คล่องแคล่ว ภาริษามีเวลาไม่มากนักเธอตื่นสายกว่าทุกวันแต่ด้วยเสื้อผ้าก่ายกองเหล่านี้ถูกดองเค็มมานานเกือบเดือน หากไม่ซักวันนี้ก็คงจะไม่มีใส่กันแน่นอนเสื้อผ้าทุกชิ้นถูกสะบัดก่อนจะหย่อนลงตะกร้าใส่ผ้าจนมาถึงกางเกงยีนสีเข้มตัวหนึ่ง
ทันทีที่ภาริษาสะบัดผ้ามีเสียงเศษเหรียญร่วงกราวออกจากกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่ง เธอก้มมองก่อนจะหยิบซองพลาสติกสีเหลี่ยมเป็นมันวาวที่หล่นมาพร้อมเศษเหรียญขึ้นมาถือไว้ ไม่ต้องแกะออกดูภาริษาก็รู้ว่าในซองนั่นมันคืออะไร เสียงฝีเท้าวิ่งลงบันไดทำให้ เรียวปากบางเหยียดออก ไม่ถึงนาทีร่างหนาก็มายืนอยู่ในห้องเดียวกับเธอ หญิงสาวเงยหน้ามองแล้วทำงานตรงหน้าต่อไป เก็บกดคำพูดไว้จนรู้สึกว่ามันจะระเบิด รังเกียจเหลือเกิน ถ้าจ้างคนรับใช้ซักผ้ามีหวังภาริษาคงได้เอาหน้ามุดดินเดินถ้าเกิดเด็กรับใช้บังเอิญเก็บถุงยางอนามัยจากกระเป๋ากางเกงคุณผู้ชายได้!!
“พลอย...ซักรองเท้าที่อยู่หน้าบ้านให้พี่ทุกคู่เลยนะ แล้วก็อย่าลืมเอาผ้าเช็ดหน้าบนห้องมาซักด้วย” ผู้มาใหม่พูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าภรรยาของเขากำลังทำอะไรอยู่ อีกฝ่ายไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนพูดเลยสักนิด
“ได้ยินไหมพลอย...วันนี้ไม่ต้องไปทำงานก็ได้ พี่อนุญาตให้หยุดพัก...ทำงานบ้านให้เรียบร้อยแล้วกัน รกจะตายอยู่แล้ว” น้ำเสียงธรรมดาแต่คนพูดเหมือนจะวางอำนาจน้อย ๆยังคงพูดเรื่อยไป คนฟังเงยหน้าขึ้นแต่ไม่ได้มองร่างหนานั้นแต่อย่างใดในมือยังกำวัตถุชิ้นเล็กที่พบเมื่อครู่ไว้แน่น
“พลอยจะทำแค่ที่พลอยทำไหว...เหนื่อยแล้ว” รดิศคิ้วพันกันทันทีเมื่อได้ฟังประโยคนิ่งแข็งของภรรยา
“จะบ่นทำไม ก็พลอยเป็นคนพูดเองว่าจะเป็นคนทำ พี่บอกให้จ้างเด็กมาทำก็ไม่เอา พอทำเองก็บ่นเหนื่อยอีก...”
“พลอยก็บอกพี่หนึ่งแล้วไง ว่าพลอยไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย บ้านเป็นที่ส่วนตัว เราอยู่กันแค่สองคนพี่หนึ่งจะเรื่องมากทำไม พลอยไม่เข้าใจแค่บ้านรกนิดหน่อย ทำไมต้องบ่นด้วย” ความไม่พอใจฉายชัดในน้ำเสียงจนชายหนุ่มขมวดคิ้ว ดวงตาเริ่มมีประกายแห่งความเดือดดาล จ้องมองใบหน้าภาริษานิ่งแต่ดวงตาดุดันนั้นไม่อาจสยบความรู้สึกของหญิงสาวได้เลยแม้แต่น้อย
“บ่นเหรอ...ก็แค่บอกให้ทำ มันหน้าที่ของเธอ” รดิศเสียงเข้ม
“บอกให้ทำก็หัดใช้คำพูดที่มันฟังแล้วน่าทำให้สักหน่อย ไม่ใช่เอาแต่สั่ง ๆ ตื่นมาก็สั่งแต่พลอย ! พลอยเหนื่อย” ภาริษาเสียงดังขึ้น เขาเห็นเธอเป็นเมียหรือคนใช้กันแน่น้ำเสียงและท่าทางของเขาตอนนี้มันแทบจะไม่ต่างกับบังคับให้ทำเลยสักนิด อย่างกับรดิศทำตัวดีสมกับสิ่งที่เธอจะต้องเหนื่อยทำนู่นนี่ให้เขาเสียเหลือเกิน หลักฐานความสกปรกในพฤติกรรมของเขายังอยู่ในมือภาริษาอีกต่างหาก
“ทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ !!” จบประโยค ร่างหนาก็ตั้งท่าจะหมุนตัวกลับออกไปทางเดิม
“เดี๋ยวพี่หนึ่ง...!คราวหลังถ้าไปมั่วกับพวกขยะที่ไหนมาก็แล้วแต่ไม่ต้องเก็บหลักฐานกลับมาประจานตัวเองที่บ้าน” เธอคว้ามือเขา วางซองสี่เหลี่ยมนั้นลงบนฝ่ามือใหญ่ ก่อนจะเห็นรดิศสะบัดมันทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี
“พูดอะไรของเธอ น่ารำคาญ !!!” จบประโยคดังสนั่นร่างหนาก็เดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้หันมามองหญิงสาวเลยสักนิด ภาริษายืนนิ่งสะกดอารมณ์ไว้ในอกจนได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกไปเธอจึงค่อย ๆเดินออกมาทางหน้าบ้านเพื่อปิดประตูรั้วที่รดิศไม่คิดจะลงจากรถมาปิด ในใจกรุ่นโกรธจนน้ำตาปริ่มสักวันเธอจะไปจากผู้ชายคนนี้ให้ได้ ....คิดเพียงแค่นี้ภาริษาก็รีบไปจัดการงานที่ค้างไว้ต่อ ซักรองเท้าให้ผู้ชายคนที่สั่งเธอเมื่อครู่นี้ สิ่งเหล่านี้เมื่อก่อนเคยทำให้เขาด้วยความเต็มใจแต่ไม่ใช่ตอนนี้นี้ เธอทำเพราะมันเป็นหน้าที่ ...ทำไปเถอะภาริษา...เธอคงไม่ต้องทำอะไรให้คนแบบนี้ไปจนตายหรอก หญิงสาวบอกกับตัวเองซ้ำ ๆความคับแน่นในอกขับดันออกมาเป็นน้ำตาอุ่นใส .
สายลมแรงพัดกรรโชกเกิดเสียงหวีดหวิวเป็นระยะ ยอดไม้ลู่ไปตามแรงลมจนกลัวว่าจะหักลงในไม่ช้า สายฝนเย็นฉ่ำร่วงหล่นจากฟากฟ้าราวกับจะถล่มทลายโลกนี้เสียอย่างนั้น หญิงสาวในชุดนอนสีชมพูอ่อนยืนอยู่ตรงประตูห้องนอนที่เป็นทางสำหรับเปิดออกสู่ระเบียงดวงตาคู่สวยซึ้งทอดมองภาพตรงหน้านิ่ง ไม่ได้สะทกสะท้านกับละอองน้ำเย็น ๆที่สาดกระเซ็นมาต้องผิว ผมยาวสยายส่ายสะบัดตามแรงลมจากภายนอก ในความมืดเบื้องหน้ามีเพียงแสงไฟจากถนนสาธารณะของหมู่บ้านเท่านั้น แต่แสงไฟดวงใหญ่ก็ยังไม่อาจเจิดจ้าแข่งกับแสงจากฟากฟ้าที่แลบแปลบปลาบเป็นระยะ เธอปิดประตูเมื่อรู้สึกว่าสายฝนจะยิ่งทวีความแรงมากขึ้นจนสาดใส่พื้นห้องหญิงสาวเดินมานั่งบนเตียงกว้าง ...อยู่คนเดียว ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำ ...หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายครั้ง ทิฐิในใจกลับสั่งให้เธอวางมันลงทุกครั้ง ภาริษาต้องหัดอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง เสียงฟ้าร้องดังสนั่นจนกระจกหน้าต่างสั่นสะเทือน ตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าคงมาจากที่ไหนใกล้ ๆแถวนี้ ร่างบางสะดุ้งเมื่อแสงสว่างรอบกายทั้งหมดดับวูบหายไปพร้อมเสียงกัมปนาถจากฟากฟ้า ความกลัววิ่งเข้าจับจองทุกอณูความรู้สึกของเธอ มือเรียวคว้าโทรศัพท์มากดหมายเลขของรดิศ เขาไม่รับสาย หญิงสาวกดโทรไปเรื่อย ๆในใจครุกรุ่นอีกละรอกจนได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย
“ฮัลโหล” น้ำเสียงนั้นค่อนข้างกระแทกกระทั้น ภาริษารีบกรอกเสียงลงไปทันที
“พี่หนึ่งอยู่ไหน...พลอยอยู่คนเดียว ฝนก็ตกไฟก็ดับ พลอยกลัวพี่รู้บ้างไหม !” เธอได้ยินคนปลายสายทำขึ้นจมูกทันที
“เธอเก่งอยู่แล้ว จะกลัวอะไรกับแค่ไฟดับ...ชอบไม่ใช่เหรอความเป็นส่วนตัว” ภาริษาอยากจะกรี๊ดใส่โทรศัพท์กับคำตอบของรดิศนัก
“พี่อยู่ไหนรีบกลับบ้านเลยนะ พลอยกลัวเข้าไจไหมพี่หนึ่ง!”
“ยังหรอก นอนไปเถอะพี่ยังไม่เสร็จธุระ” ภาริษากำลังจะอ้าปากต่อ แต่รดิศกดตัดสายทิ้งไปเสียก่อน หญิงสาวแทบจะกระอักเอาความคับแค้นใจออกมา โทรศัพท์เครื่องบางถูกเจ้าของขว้างทิ้งทันที โชคดีที่มันไปตกหมิ่นเหม่กับขอบเตียง ร่างบางสะอื้นสุดแรงหยาดน้ำตาไหลริน ไม่ได้เสียใจที่เขาไม่ใยดี แต่เสียใจที่ไม่สามารถพาตัวเองออกไปจากวังวนเช่นนี้ได้สักที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ