ใยรักสีเพลิง

7.8

เขียนโดย dko9Nlbiu

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.

  10 ตอน
  4 วิจารณ์
  15.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ใยรักสีเพลิง 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        กลิ่นไม้ไทยกรุ่นอวลทั่วบริเวณถูกสายลมอ่อนโชยมาปะทะจมูกทันทีที่ก้าวลงจากรถเขาเผลอสูดเข้าไปเฮือกใหญ่ ช่วงขายาวก้าวเดินเข้าสู่ตัวบ้านเบื้องหน้า แสงไฟจากห้องนั่งเล่นชั้นล่างทำให้ชายหนุ่มแอบย่นคิ้วนึก ปกติสามทุ่มกว่าแบบนี้สมาชิกในบ้านมักจะอยู่ในห้องส่วนตัวกันมากกว่าคิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย ในห้องโถงซึ่งไม่มีประตูกั้นใช้เป็นส่วนรับแขกและนั่งเล่นของตัวบ้านชั้นล่าง ทุกคนยังรวมตัวกันอยู่ครบและต่างเงยหน้ามองเขาราวกับนัดกัน ปัณณทัตยิ้มให้ทุกคนรู้สึกเก้อไปบ้างเมื่อเห็นสายตาของบิดา มารดา พี่ชายและพี่สะใภ้

 

“เอ่อ...ทุกคนมีอะไรกับผมหรือครับ...แล้วทำไมวันนี้ยังอยู่กันพร้อมหน้าเชียว” ปัณณทัตเอ่ยถามพลางมองหน้าทีละคนจนครบ คุณจิตตรีมองค้อนลูกชายและต่อด้วยน้ำเสียงขัดใจ

 

“ก็แขกเพิ่งจะกลับไปน่ะสิ คนอื่นเขาถึงได้อยู่กันครบ มีแต่แกนั่นแหละแม่อุตส่าห์บอกไว้แล้วว่าวันเสาร์ให้อยู่ทานข้าวเย็นที่บ้าน...ที่ไหนได้แม่เสียหน้ามาก เพราะแกตาบอย”  คุณจิตตรีต่อว่าบุตรชาย ทุกคนที่เหลือได้แต่นิ่งเงียบความทรงจำแวบเข้ามากระแทกความคิดทำให้เขาหน้าตาไม่สู้ดีขึ้นมาทันทีเมื่อสานสบนัยต์ตาเย็นวาบของมารดา

 

“ผมขอโทษครับแม่...พอดีช่วงนี้ผมยุ่ง ๆก็เลยลืม” น้ำเสียงอ่อย ๆออดอ้อนมารดา เขาลืมมันเสียสนิท วันนี้ทั้งวันชายหนุ่มแวะไปดูรถที่อู่ซ่อมและแวะไปร้านกาแฟของภาริษาแต่ไม่ได้พบเธอ เขาเบือนหน้าไปหาพี่ชาย อีกฝ่ายยักไหล่ให้พลางยกลำแขนขึ้นโอบไหล่กมลเนตรภรรยาสาวซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆกัน  เมื่อเห็นพี่ชายไม่คิดจะช่วยพูดอะไรกับเรื่องนี้ เขาจึงหันไปหาคุณธนาซึ่งก็มีท่าทางไม่ต่างจากปิยทัศน์สักเท่าไร ร่างหนาทรุดนั่งข้างแม่แล้วยิ้มประจบคุณจิตตรีที่กลายเป็นคนเข้าถึงยากไปในทันที  

 

“บอยรู้ไหมว่าแม่เสียหน้ากับน้ารินคำแค่ไหน อย่างน้อยบอยก็น่าจะเห็นแก่หน้าแม่บ้าง น้ารินคำมาจากเชียงใหม่ทั้งทีก็อยากจะมาพบปะกับคนในครอบครัวของแม่ทุกคน โดยเฉพาะบอย  หนูฝ้ายเขาเสียความรู้สึกมากเลยนะ ที่ไม่ได้พบบอย เขาคงจะคิดว่าลูกต้องการหลบหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ” เสียงเรียบ ๆนั้นเขารู้ดีว่าแม่กำลังโกรธ เขาเองก็รู้สึกผิดที่เป็นคนทำให้คุณจิตตรีต้องเสียหน้า ยิ่งผู้เป็นแม่ต่อว่าเขาอย่างจริงจังซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนัก ปกติท่านจะเป็นคนใจเย็น แม้บางทีจะมีจู้จี้จุกจิกบ้างแต่ไม่บ่อยที่มารดาจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าโกรธลูกชายเช่นครั้งนี้

 

“ผมลืมจริง ๆครับแม่... แม่โกรธผมหรือเปล่าครับ”

 

“โกรธสิ แม่อุตส่าห์ไปสาธยายความดีของลูกชายคนเล็กไว้ซะมากมาย แต่ลูกชายของแม่ ที่เป็นถึงครูบาอาจารย์กลับไม่รักษาสัจจะ ผิดนัด ปล่อยให้คนอื่นเขาคอยเก้อ” คุณจิตตรีสวนขึ้นทันควัน ท่านอุตส่าห์คาดหวังว่าจะให้ปัณณทัตพบกับดมิสา เพื่อจะให้ทั้งสองคนรู้จักและคบหากัน ความสนิทสนมกับแม่เลี้ยงรินคำที่มีมายาวนานทำให้ท่านรู้สึกเอ็นดูรักใคร่คุณหมอสาวมากเป็นพิเศษ

 

“โธ่ ...แม่ครับโอกาสหน้าผมสัญญาว่าจะไม่ลืมเด็ดขาด แม่หายโกรธผมนะ”ผู้เป็นแม่ยังเชิดหน้าน้อย ๆ แม้จะใจอ่อนยวบเพียงแค่ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มที่โน้มใบหน้าซุกซบต้นแขนแม่อย่างประจบ ความนิ่งเฉยของมารดาทำให้ลูกชายคนเล็กที่สนิทใกล้ชิดแม่อย่างมาก ทอดถอนหายใจยาว

 

“งั้นเอาอย่างนี้ไหมครับ ผมไปหาคุณน้ารินคำที่บ้าน หวังว่าเขาคงยังจะอยู่กรุงเทพ ฯ ผมจะไปขอโทษ คุณน้ารินคำ และลูกสาวของเขาด้วย เพื่อเป็นการรับผิดชอบที่ผมไม่ให้เกียรติเขา ด้วยการลืมนัด ดีไหมครับแม่ ...ทุกคนว่าไงครับ” ชายหนุ่มหันมองรอบ ๆตัว เพื่อต้องการถามความคิดเห็นของทุกคน แต่ไม่มีใครพูดอะไร เวลาเช่นนี้คงไม่มีใครในบ้านจะมีอำนาจเท่าคุณจิตตรี แม้แต่คุณธนาก็เพียงแต่ส่งยิ้มให้เขา

 

“ลูกพูดเองนะ บอยน่ะเป็นครูบาอาจารย์ ต้องทำให้ได้อย่างที่พูดมาด้วย พรุ่งนี้เลยนะ ไม่ต้องผลัด แม่จะโทรบอกน้ารินคำให้เพราะไม่รู้ว่าเขาจะกลับเชียงใหม่วันไหน” คุณจิตตรีน้ำเสียงดีขึ้น ท่านจิกตามองปัณณทัตซึ่งพยักหน้าให้ความมั่นใจกับแม่ เขาทนเห็นมารดาต้องทุกข์ใจเพราะต้นเหตุมาจากเขาไม่ได้หรอก แม้ลึก ๆจะอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกก็ตาม

        หลังจากสำทับจบผู้เป็นแม่ก็เดินลับไปทางห้องนอนของท่านตามด้วยผู้เป็นพ่อที่ยังมีกะใจตบไหล่หนาก่อนเดินจาก ปัณณทัตนิ่งเงียบไปเขายอมรับว่าลำบากใจที่จะต้องเป็นฝ่ายไปทำความรู้จักกับเพื่อนสนิทของแม่ รวมถึงหญิงสาวที่ชื่อดมิสานั่นด้วย แต่เพื่อความสบายใจของคุณจิตตรี เขาจึงจำต้องรับปากออกไป  ปิยทัศน์เห็นน้องชายนิ่งขรึมลงจึงลุกมานั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มสองคนหน้าตาคล้ายกันราวกับพิมพ์เดียวเพียงแต่ปิยทัศน์จะดูคมเข้มกว่าคนน้อง ชายหนุ่มคนพี่ยกท่อนแขนขึ้นพาดไหล่น้องชายอย่างปลอบใจเข้าใจความรู้สึกของปัณณทัตดี

 

“ไม่ต้องเครียดหรอกว่ะบอย แกก็แค่ไปทำความรู้จัก ถ้าไม่ถูกใจครั้งเดียวก็ไม่ต้องไปอีกก็จบ ” คนพูดหัวเราะในท้ายประโยค ปัณณทัตถอนใจเขามีลางสังหรณ์ว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ คุณจิตตรีไม่เคยจริงจังอย่างนี้ปกติผู้เป็นแม่ไม่เคยสนใจเรื่องคู่ครองของเขาเลยสักนิด

“ผมลำบากใจ...แม่จะให้ผมคบหากับผู้หญิงคนนั้นผมไม่อยากทำตามเลย แต่ก็ไม่อยากขัดใจแม่” ปัณณทัตมองหน้าพี่ชายต้องการคำปรึกษา หรือความคิดเห็นอะไรก็ได้เพื่อหาทางออกให้กับเขา ปิยทัศน์เองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน เขานึกถึงบรรยากาศในโต๊ะรับประทานอาหารเมื่อเย็นนี้ ดมิสา หญิงสาวผู้มีใบหน้าหวานใส ดวงตากลมโตราวกับไข่ห่าน จมูกของเธอไม่โด่งมากแต่ก็รับกับริมฝีปากบางเฉียบสีระเรื่อ ผิวพรรณเปล่งปลั่งอมชมพูขับประกายความงามจนไร้ที่ติ

 

“แกจะเครียดอะไรวะบอย ถ้าแกเห็นน้องฝ้ายของแกแล้ว..แกอาจจะเปลี่ยนใจไปบ้านเขาทุกวันก็ได้นะโว้ย”ผู้เป็นพี่เอ่ยเย้าหวังให้ปัณณทัตเลิกคิดมาก กมลเนตรนั่งฟังอยู่นาน เห็นน้องสามีทำหน้าราวกับโลกจะแตกก็ยิ่งรำคาญ

 

“บอย...พี่ว่าบอยเลิกคิดมากได้แล้ว น้องฝ้ายเธอทั้งสวย ทั้งมารยาทดี พี่ยังถูกชะตาเลย เธอเป็นคุณหมอที่สวยมากเท่าที่พี่เคยเห็นเลยแหละ พี่แบงก์ว่าจริงไหมคะ น้องฝ้ายเธอยิ้มหวานมาก ” กมลเนตรบรรยายความดีของดมิสาตามที่เห็นหวังจะให้ชายหนุ่มสนใจในตัวคุณหมอสาวขึ้นมาบ้าง จะดีแค่ไหนถ้าหากในบ้านนี้ได้คุณหมอที่รวยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติมาร่วมชายคา

 

“จริงนะโว๊ย...ไว้แกเห็นก่อนเถอะ เอางี้ก็ได้ถ้าแกไม่ชอบ ให้ฉันแล้วกันนะ” ปิยทัศน์พูดจบก็สะดุ้งโหยงจากฝ่ามือของกมลเนตรที่ฟาดลงบนต้นแขนล่ำสันของสามีจนเกิดเสียงดัง ปัณณทัตยังเผลอเบ้หน้าราวกับเจ็บแทนพี่ชาย

 

“ลามปาม...!ไปนอนได้แล้วค่ะพี่แบงค์ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า...บอยก็เหมือนกันนอนได้แล้วมัวคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้ ทำอย่างกับเขาจะล่อลวงแกไปข่มขืนอย่างนั้นแหละ” กมลเนตรพูดจบก็คว้ามือสามีให้ลุกขึ้น ปัณณทัตมองตามทั้งคู่ไปพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นพี่ชายถูกพี่สะใภ้ดึงหูอีกครั้งหนึ่ง ผู้ชายกะล่อนแบบปิยทัศน์ก็ต้องเจอคนดุราวกับแม่เสืออย่างกมลเนตรนี่แหละจึงจะเหมาะสมกัน...เขาถอนใจยาวแล้วสาวเท้าขึ้นสู่ห้องนอน

       พระจันทร์เสี้ยวลอยเคว้งเหนือยอดไม้ใหญ่ ร่างหนาเอนหลังลงบนเตียงกว้าง ไฟในห้องปิดมืดดวงตาคู่นั้นระยับแสงแข่งกับดวงดารานอกหน้าต่าง ลมโชยยอดไม้ไหวเอนโน้มเป็นเงาผ่านแสงนวลชวนให้บรรยากาศนอกห้องอันเย็นฉ่ำนี้น่าค้นหาเหลือประมาณ...เสียงถอนหายใจยาวเหยียดจากร่างบนเตียง เจ้าตัวยังจับจ้องเสี้ยวจันทราไม่ไหวติง คิดถึงวันพรุ่งนี้ ดมิสาจะสวย น่ารักและดีพร้อมเหมือนเช่นทุกคนพูดมาหรือไม่ กมลเนตรบอกว่าเธอยิ้มหวาน ปากหนาได้รูปแย้มอ่อน ๆกับดวงจันทร์ คิดไปถึงหญิงสาวอีกคน เธอไม่ได้ยิ้มให้เขาหากแต่ดวงตาของเธอผู้นั้นช่างละม้ายคล้ายพระจันทร์เสี้ยวแขวนฟ้ายามนี้เสียจริง มีแสงนวลจากประกายตาขุ่นเคืองคู่นั้น ยิ่งยามที่กรอบกลมโตมีน้ำใสเอ่อท้น เขาอยากจะปีนยอดไม้ตะกายหมู่เมฆนี้ขึ้นไปคว้าเอาพระจันทร์นั้นลงมา เพื่อค้นหาอีกเสี้ยวที่หม่นแสงหายไปนั้น...ไปตกกระทบอยู่ ณ ที่แห่งใดกันแน่...ภาริษา 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา