ใยรักสีเพลิง

7.8

เขียนโดย dko9Nlbiu

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.

  10 ตอน
  4 วิจารณ์
  16.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ใยรักสีเพลิง 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

        กลิ่นหอมโชยกรุ่นชั่วน้ำลายจากในครัว เล็ดลอดเครื่องดูดควันออกมาถึงห้องทานอาหารใกล้ ๆคุณเกสราอุ้มน้องพริมมานั่งประจำที่บนเก้าอี้รอบโต๊ะรับประทานอาหารเด็กหญิงคว้าโน่น หยิบนี่วุ่นวายไปหมด ภาริษาปิดเตาแก๊สหลังจากปรุงรสข้าวต้มในหม้อขนาดกลางเรียบร้อย  เด็กสาวสองคนช่วยกันยกมาตั้งไว้บนโต๊ะโดยเลือกวางให้ห่างจากน้องพริมมากที่สุด เด็กสาวชื่อแยมทำหน้าที่ตักข้าวต้มปลาฝีมือภาริษาใส่ถ้วยเมื่อเห็นสมาชิกของบ้านเริ่มลงนั่งประจำที่ คุณเศกสิทธิ์ยิ้มเล่นกับหลานสาวคนโปรด ภาริษาตักข้าวต้มใส่ช้อนแล้วยกขึ้นจรดริมฝีปากเพื่อเป่าไล่ความร้อน ก่อนจะป้อนให้บุตรสาว

 

“น้องพิม ไม่อาวผักค่ะ แม่พอย” เด็กหญิงประท้วงเมื่อเห็นผู้เป็นแม่กำลังจะตักผักสีเขียวในข้าวต้มป้อนให้ตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูของผู้เป็นปู่ ที่เห็นหลานทำอะไรก็น่ารักไปเสียหมด

 

“ไม่ได้ค่ะ น้องพริม ต้องกินผักด้วยนะคะ ผักมีประโยชน์ ทำให้แข็งแรง” หญิงสาวบอกพลางส่งข้าวต้มเข้าปากเจ้าตัวน้อย

“แต่ผักไม่อาหล่อยค่ะ แม่พอย น้องพิมกินแค่คำเดียวนะคะ” แม่หนูยังคงต่อรอง สายตาจับจ้องอยู่กับช้อนในมือของผู้เป็นแม่เพื่อสังเกตว่ามีผักสีเขียวเจือปนอยู่ด้วยหรือไม่

 

“ถ้าน้องพริมไม่กินผัก  น้องพริมจะสวยได้ยังไงล่ะคะ...คนกินผักจะแข็งแรงแล้วก็ผิวสวยด้วยนะคะ” ภาริษาพยายามจูงใจลูกสาวให้สนใจการรับประทานผัก น้องพริมเอียงคอมองแม่และอ้าปากรับข้าวต้มเพื่อประจบอย่างไร้เดียงสา โดยมีปู่กับย่านั่งมองด้วยรอยยิ้มฟังแม่ลูกสนทนากันไปเรื่อยๆ

 

“งั้นน้องพิม กินผักค่ะ น้องพิมอยากสวย เหมือนแม่พอย” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว ภาริษายิ้มขำเอ็นดูคนตัวเล็กที่เคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ

 

“แต่น้องพริมของย่า หน้าเหมือนพ่อนี่” คุณเกสรายังพูดไม่ทันจบพ่อของเด็กก็เดินเข้ามาทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆลูกสาว เขายื่นหน้ามาหอมแก้มเจ้าตัวน้อยฟอดใหญ่พลางเหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานอย่างจับสังเกต

 

“น้องพริมเป็นลูกพ่อนี่ครับ ก็ต้องหน้าเหมือนพ่อสิ ไหนดูสิหน้าเหมือนใครเอ่ย” รดิศพูดเล่นกับลูกอย่างอารมณ์ดีมือใหญ่แกล้งจับใบหน้าน้อยแล้วจ้องนิ่ง ๆเจ้าตัวเล็กส่ายหน้าประท้วง

 

“ไม่อาว...น้องพิมจาเหมือนแม่พอย พ่อหนึ่งไม่น่าลัก...พ่อกับดึก” เสียงนั้นช่างไร้เดียงสา รู้ว่าผู้เป็นพ่อกลับบ้านดึกเมื่อคืนนี้เพราะได้ยินผู้ใหญ่พูดกันก็จำเอามาพูดบ้างทุกคนต่างหลุดหัวเราะเบา ๆรู้สึกขำขันกับการต่อว่าพ่อของเด็กหญิงวัยสามขวบ ซึ่งยังคงอ้าปากรับอาหารที่ผู้เป็นแม่ป้อนให้ แม้แต่ภาริษายังอดยิ้มไม่ได้ รดิศหัวเราะพลางจ้องมองใบหน้าลูกสาว จมูกรั้น ๆเหนือปากเล็กที่เชิดขึ้นเมื่อผู้เป็นพ่อมองมา แม้เด็กหญิงจะมีใบหน้าคมคายละม้ายมาทางรดิศมากกว่าแต่กิริยาท่าทางเช่นนี้ช่างเหมือนภาริษาตอนงอนเสียจริง

 

“พ่อทำงานนี่คะลูก...พ่อหาเงินให้หนูไงคะ” มือใหญ่โยกศีรษะเล็ก ๆไปมาอย่างรักใคร่

 

“เห็นไหมหนึ่ง ทีหลังอย่าผิดนัดกับลูกกับเมียอีกยายพริมยังจำเอามาว่าเลยแกเห็นไหม”คุณเกสราเอ่ยพลางจ้องหน้าลูกชาย ซึ่งหันมายิ้มประจบ

 

 “โธ่...แม่ครับก็ผมติดธุระสำคัญจริง ๆนี่ครับ  ผมน่ะทำงานหนักก็เพื่อลูกเพื่อเมียนะครับเนี่ย...จริงไหมครับพลอย” เขาหันมาถามภาริษาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหวังให้หญิงสาวช่วยแก้ตัวแทน คนถูกถามวางถ้วยข้าวต้มหลังจากเช็ดปากให้เด็กหญิงพิมพ์สิตาซึ่งอิ่มอาหารเช้าแล้ว เธอสบตากับผู้เป็นสามีด้วยแววตาว่างเปล่า ดวงตากลมโตบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด คุณเกสราเหลือบมองหน้าลูกสะใภ้แล้วอดเห็นใจไม่ได้ ภาริษาคงจะนอนร้องไห้มาทั้งคืนตาถึงได้บวมช้ำขนาดนี้ รดิศก็เห็นเช่นกันเขาใจหายไปบ้างกับอาการเย็นชาของภรรยา บนโต๊ะอาหารมีเพียงเด็กหญิงพิมพ์สิตาเท่านั้นที่ยังคงเอ่ยคำถามเจื้อยแจ้วไร้เดียงสาไม่ได้รับรู้สถานการณ์ของผู้ให้กำเนิดทั้งสองแต่อย่างใด ภาริษาข่มอารมณ์ไม่อยากจะต่อว่ารดิศต่อหน้าพ่อแม่ของเขาจึงลุกเดินออกจากตรงนั้น .

        ร่างบางนั่งนิ่งราวกับหุ่นมีลมหายใจอยู่บนขอบเตียง น้ำตาคลอหน่วยจวนเจียนจะหล่นร่วงอยู่รอมร่อ แต่แววตาของหญิงสาวก็ยังแอบแฝงไว้ด้วยแววแข็งขึงฉายชัด มือเรียวกำเครื่องมือสื่อสารสีดำขนาดกะทัดรัดไว้แน่นเหมือนต้องการทำให้มันแหลกคามือ ข้อความบนหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าขณะนี้มันตอกย้ำได้อย่างแจ่มชัดที่สุดเท่าที่ความรู้สึกในหัวใจของภาริษาจะประเมินได้ รดิศอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เมื่อคืนนี้จริง ๆแม้จะบอกตัวเองว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น แต่ข้อความตรงหน้ากลับทำให้เธอรู้สึกคับแค้นหัวใจอย่างไม่อาจหักห้าม ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจการกระทำไร้สำนึกของเขาอีก แต่จนแล้วจนรอดหญิงสาวก็ไม่อาจทำได้

...นี่หรือคือสิ่งที่คนรักกัน พึงกระทำต่อกันเป็นประจำ...!  

....นี่หรือสิ่งตอบแทนความรัก ความซื่อสัตย์ และศรัทธาที่เธอมอบให้เขา รดิศตอบแทนด้วยการร่วมหลับนอนกับผู้หญิงอื่นโดยไม่เคยรู้สึกละอายต่อการกระทำของตัวเอง ไม่เคยรู้สึกว่ามันทำร้ายอีกคนแค่ไหน !

เจ็บ !คำเดียวสั้น ๆที่หญิงสาวบอกตัวเองได้ แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับวิ่งสวนทางเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันบอกให้เธอเข้มแข็ง  การเลิกรากันไม่ยากเลยสักนิด หากมันเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอเพียงคนเดียว แต่นี่ยังมีคนอื่นที่อาจได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของเธอด้วย พ่อกับแม่จะรู้สึกเช่นไร กิจการที่ลงทุนลงแรงไปมากมายจะล้มครืนไม่เป็นท่าหรือไม่ถ้าทุกอย่างถูกแบ่งครึ่ง สำคัญเหนือสิ่งใดคือความรู้สึกของลูกน้อยในวัยไร้เดียงสาจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของพ่อแม่ได้แค่ไหน สมควรแล้วหรือที่จะให้เด็กน้อยวัยบริสุทธิ์เช่นน้องพริมเป็นคนรับผลที่จะตามมามากกว่าใคร

 

 “พลอย...อย่าโกรธพี่นะครับ พี่ขอโทษเมื่อคืนพี่จำเป็นจริง ๆนะ บังเอิญมีเพื่อนพี่มา พี่ก็ต้องพาพวกเขาไปเลี้ยงต้อนรับหน่อย...เราจะได้ทำธุรกิจกับพวกเขาต่อไปแบบราบรื่นไงจ๊ะ” คนที่เข้ามาใหม่พูดขึ้น เขานั่งลงชิดร่างบางพลางกดจมูกบนแก้มเนียนอย่างเอาใจ แต่หญิงสาวกลับตวัดดวงตาวาววับใส่จนผู้เป็นสามีต้องข่มความรู้สึก ไม่ชอบใจสายตาทรงอำนาจนั้นแล้วฝืนยิ้มกับเธอแทน

 

“เลี้ยงต้อนรับ แต่ปิดมือถือตั้งแต่บ่าย ทำเหมือนตัวเองเป็นหนุ่มโสด ตัวคนเดียว...แล้วก็หัดรู้ตัวไว้ซะบ้างนะพี่หนึ่ง ถ้าโกหกไม่เนียนพอก็อย่าริโกหก เพราะมันทำให้พลอยหมดศรัทธาพี่มากขึ้นทุกวัน” น้ำเสียงไม่ดังนักแต่เรียบเย็นจนรดิศรู้สึกหงุดหงิด ทำไมภาริษาถึงไม่เคยเชื่อในเหตุผลที่เขากล่าวอ้างเลยสักครั้ง ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริงแต่ทำไมเธอต้องรู้ทันไปเสียหมดเป็นเรื่องน่ารำคาญที่สุดสำหรับเขา

 

“โธ่...พลอย ก็พี่รู้นี่ว่าพลอยจะต้องโกรธถ้าพี่โทรบอก พี่กลัวจะทะเลาะกับพลอยแล้วอารมณ์เสียจนไม่เป็นอันคุยธุระพี่ก็เลยต้องปิดเครื่องเพื่อตัดปัญหาไปก่อน จริง ๆนะพลอย”

 

“ตัดปัญหาหรือว่าหนีปัญหากันแน่ กลัวว่าพลอยจะโทรขัดจังหวะตอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นมากกว่า” มือเรียวยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้ารดิศซึ่งใจหายวาบ เขานิ่งงันไปพักหนึ่งแล้วรีบปรับอารมณ์  ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรสักนิดก็แค่ผู้หญิงที่เขาไปใช้บริการส่งข้อความมาหา ภาริษาก็รู้นิสัยเขาดีอยู่แล้วเธอน่าจะเข้าใจ มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย

 

“โธ่...ก็แค่ผู้หญิงอย่างว่า พลอยอย่าไปสนใจสิ เอามานี่ เดี๋ยวพี่ลบทิ้งให้ดูเลยก็ได้” ไม่พูดเปล่าเขาแย่งโทรศัพท์จากมือภรรยามา กดลบข้อความนั้นทิ้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ยังเห็นแววเยาะหยันจากภรรยาอยู่เช่นเดิม

 

“ข้อความลบทิ้งได้ แต่ความรู้สึกของพลอยที่เสียไป คงลบไม่ได้ง่าย ๆหรอกพี่หนึ่ง” น้ำเสียงสั่นเครือถูกเปล่งออกจากริมฝีปากบาง คนฟังถอนหายใจอีกครั้งคิ้วเข้มเหนือดวงตาคู่คมขมวดเข้าหากันก่อนจะคลายออกอย่างรวดเร็ว

 

“พี่ยอมรับก็ได้ ...ก็ลูกค้าเค้าชวนไปต่อ ตอนแรกพี่ก็แค่กะจะไปกินข้าวเฉย ๆ จะให้พี่ปฏิเสธได้ไงล่ะ พี่บอกพลอยเพราะไม่อยากโกหกให้พลอยไม่สบายใจอีก...นะ... เลิกงอนได้แล้วเดี๋ยวเราพาลูกไปเที่ยวกันดีกว่านะวันนี้พี่จะอยู่กับพลอยกับลูกทั้งวันเลยดีไหม” รดิศรั้งร่างบางเข้ามาสวมกอดจนแน่น ภาริษาสะกดกลั้นความรู้สึกอยู่ในอ้อมกอดของเขานิ่ง ๆ น้ำตาไหลรินแต่ดวงตาไม่ได้สั่นไหวตามอารมณ์แม้แต่น้อย ความรู้สึกอบอุ่นกับสัมผัสจากวงแขนแข็งแกร่งนี้ไม่มีเหลืออีกแล้ว  ไม่เชื่อสักนิดในสิ่งที่เขาพูดมา ใครจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยของเธอได้ซ่อนความขมขื่นไว้มหาศาลเพียงใด หากไม่มีเด็กหญิงพิมพ์สิตาเธอก็คงจะไม่ทนให้ผู้ชายคนนี้ข่มเหงน้ำใจและตีราคาหัวใจของเธอด้วยค่าตอบแทนที่แสนโสมมเช่นนี้ คงมีสักวัน เธอคงจะหลุดพ้นได้ในสักวัน ความเชื่อใจในตัวรดิศไม่มีเหลือสักนิด แต่ที่ยังอภัยเพราะความผูกพันและเยื่อใยซึ่งมีต่อกันนานมาให้โอกาสเขาได้แก้ตัว ภาริษาจะให้โอกาสรดิศจนกว่าหัวใจของเธอจะหมดแรง

 

       แสงไฟส่องสว่างลอดหน้าต่างกรุกระจกจากชั้นล่างของตัวบ้าน บอกให้ผู้เพิ่งมาถึงรู้ว่าคนในบ้านคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มือเรียวยังคงลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มของร่างน้อยในอ้อมแขน เรียวปากบางแย้มยิ้มอ่อนโยนพลางค่อย ๆขยับกายอย่างแผ่วเบาเมื่อคนขับดับเครื่องยนต์และก้าวลงจากรถ

 

“เดี๋ยวพี่อุ้มลูกเข้าบ้านเอง” เสียงนั้นค่อนข้างเบามาก ภาริษาไม่ได้ทักท้วงปล่อยให้เขาสอดท่อนแขนแกร่งช้อนร่างกระจ้อยไปจากอ้อมกอดของเธอ แม้จะดูทุลักทุเลแต่ภาพที่เห็นตอนเจ้าตัวน้อยหลับพริ้มซบอกแกร่ง ใบหน้าคมคายโน้มลงสูดดมกลิ่นแก้มเด็กแล้วสาวเท้าเข้าสู่ตัวบ้าน ภาริษาอดระบายยิ้มออกมาไม่ได้ขณะหันไปคว้าข้าวของในรถ  เมื่อหญิงสาวเข้ามาถึงห้องนอนก็เห็นเขาวางลูกสาวบนเตียง มือใหญ่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ด้วยความนุ่มนวล ปลายจมูกโด่งเป็นสันเฝ้าปัดป่ายผิวแก้มและกระหม่อมอ่อนนั้นด้วยท่าทางรักใคร่ ทะนุถนอม คนเป็นแม่จะมีความสุขใดล้นหัวใจเท่าได้เห็นพ่อของลูกรักลูกดั่งแก้วตาดวงใจ เธอเลี่ยงไปเปิดเครื่องปรับอากาศรู้สึกเหนื่อยล้าเช่นกันหลังจากไปตระเวนนั่งรถมาทั้งวันและยังต้องคอยอุ้มคอยจับเด็กหญิงวัยกำลังซน น้องพริมนั้นซนจนหญิงสาวรู้สึกเหนื่อยกว่าการทำงานหลายเท่าแต่ก็มีความสุขยามได้ยินได้ฟังเสียงใส ๆเจื้อยแจ้วไปตามประสา

 

“พลอยอาบน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่เฝ้าลูกเอง”คนพูดยังคงใช้นิ้วแกร่งเขี่ยแก้มยุ้ยของลูกสาวเล่นอย่างไม่รู้เบื่อภาพนั้นช่างสะท้อนหัวใจสาวเหลือเกิน  เธอคิดจะไปจากรดิศหลายครั้ง แต่จะทำอย่างนั้นได้หรือ เขารักลูกมากเพียงนี้เธอสมควรจะพอใจอย่างที่สุดแล้ว ความผิดซึ่งเขาได้กระทำลงไปก็มีแต่เธอเท่านั้นเป็นคนเจ็บปวด

เพื่อความสุขของครอบครัวหญิงสาวส่งยิ้มให้รดิศ แม้ลึก ๆในใจยังรู้สึกหดหู่อยู่มากมาย ภาริษาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาครอบครัวที่เธอทุ่มเทเวลาหลายปีปลูกร่างสร้างมา แม้วันนี้เสาหลักของบ้านจะเอนเอียงจนเธอแทบจะประคองไว้ไม่อยู่ก็ตาม

“พี่หนึ่งอาบก่อนก็ได้ พลอยจะอยู่กับลูกเอง พี่ขับรถมาเหนื่อยจะได้สดชื่น”  ร่างบางเดินมานั่งบนเตียงนุ่มที่มีร่างน้อยนอนหลับใหลอยู่ มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าผากน้อย ๆ พลางทอดสายตามองอย่างรักใคร่

“สบายใจขึ้นหรือยัง” รดิศคว้ามือภรรยาขึ้นจรดปลายจมูกแล้วสูดกลิ่นหอมจากผิวเนื้อเข้าเต็มปอด เงยหน้าขึ้นยิ้มประจบ หญิงสาวยิ้มตอบ ยิ้มที่ไม่ได้มาจากหัวใจของตัวเองเลยสักนิด เธอเริ่มไม่มั่นใจว่าการแสดงออกของรดิศนั้นมาจากใจหรือเปล่า ยามเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเขาจะทำแบบนี้ด้วยไหม แต่การทำเมินเฉยกับคนอย่างรดิศนั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี มีแต่จะทำให้เธอต้องทนอึดอัดหายใจร่วมกับเขามากขึ้นก็เท่านั้น

“พี่รักพลอยกับลูก...ถึงพี่จะเจ้าชู้ยังไงแต่ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่ของเล่นชั่วครั้งคราวไม่ได้มีความหมายอะไรกับพี่เลย พลอยอย่าคิดมากอีกรู้ไหมครับ”แววตาหวานซึ้งทอดไปยังร่างที่หลับพริ้ม รู้สึกไม่ชอบใจในคำพูดเห็นแก่ตัวนั่นจนไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา

“ถ้าพลอยทำบ้าง พี่ก็คงไม่คิดมากเหมือนกันใช่ไหมคะ ” น้ำเสียงหวานแต่ติดกระด้างถูกส่งผ่านริมฝีปากบาง คนฟังทอดถอนใจยาว

“โธ่...พลอยจ๋ามันเหมือนกันที่ไหนล่ะ พี่เป็นผู้ชายไม่มีอะไรสึกหรอ”

 

“ผู้หญิงก็ไม่มีอะไรสึกหรอเหมือนกัน ที่มันสึกหรอก็เพราะความคิดของพวกผู้ชาย...ที่เห็นแก่ตัว” พูดพลางลูบศีรษะเด็กหญิงพิมพ์สิตาเพื่อควบคุมอารมณ์ให้มากที่สุด รดิศพ่นลมหายใจก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นเขาต้องการตัดบท

 

“งั้นพี่อาบน้ำก่อนนะ” ใบหน้าคมชะโงกมากดปลายจมูกบนหน้าผากหญิงสาวหนัก ๆดวงตาเศร้าซึมทอดตามร่างหนา ริมฝีปากบางเหยียดออกด้วยความรู้สึกจากภายในเป็นตัวสั่งการ ภาริษาจะอดทนกับผู้ชายคนนี้ได้ถึงเมื่อไรกัน .

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา