ใยรักสีเพลิง

7.8

เขียนโดย dko9Nlbiu

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.

  10 ตอน
  4 วิจารณ์
  15.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ใยรักสีเพลิง 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

         รถแทกซี่รับจ้างชะลอจอดเทียบหน้าบ้านสองชั้นหลังใหญ่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในบริเวณบ้านเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ยืนต้นหลายชนิดสลับกับไม้ประดับ ไม้ดอกที่ถูกจัดวางอย่างลงตัว ดูร่มรื่นแต่ไม่รกเลอะ ร่างเพรียวบางก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยข้าวของพะรุงพะรังในมือ เดินตรงเข้าไปด้านใน ร่างเล็กๆของเด็กหญิงตัวจ้อยถักเปียผมวิ่งออกมาสวมกอดหญิงสาวอย่างดีใจ

“แม่พอย... ซาหวัดดีค่ะ” เด็กหญิงพิมพ์สิตา หรือน้องพริม วัยสามขวบกว่าวิ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของร่างบางซึ่งย่อกายลงนั่งเพื่อสวมกอดเด็กหญิงให้ถนัด จมูกโด่งรั้นกดลงตรงพวงแดงยุ้ยอย่างรักใคร่

“สวัสดีค่ะ น้องพริมคิดถึงแม่ไหมคะ แม่ซื้อขนมมาฝากน้องพริมด้วยนะ” ภาริษาพูดกับลูกสาวพลางหอมแก้มอ่อน ๆนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้เบื่อ เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากร่างเล็กในอ้อมแขน เพียงครู่เดียวหญิงวัยห้าสิบปลาย ๆก็เดินออกมาจาภพกด้านในของบ้านพลางยิ้มกว้างให้ภาริษา หญิงสาวจูงมือน้องพริมเข้ามานั่งที่โซฟาบุนวมหนานุ่มในห้องรับแขก

“สวัสดีค่ะแม่” ภาริษาไหว้คุณเกสรา ซึ่งทิ้งตัวลงนั่งเพื่อจับน้องพริมที่ลงจากตักของผู้เป็นแม่และเริ่มรื้อค้นข้าวของจากถุงหลายใบข้าง ๆโต๊ะอย่างซุกซน

“แล้ว หนึ่งล่ะลูก ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” คุณเกสราถามถึงลูกชายคนเดียวอย่างแปลกใจเมื่อไม่เห็นชายหนุ่มมาพร้อมกับภรรยาอย่างที่ควรจะเป็น หญิงสาวอึดอัดจะตอบคำถามนั้นเธอเบื่อคำพูดปลอบอกปลอบใจของแม่สามีจึงเบือนสายตาไปมองยังร่างเล็กของเด็กหญิงพิมพ์สิตาภายในใจนึกอยากจะต่อว่าชายหนุ่มที่ถูกถามถึงให้หนัก แต่อย่างไรคุณเกสราก็เป็นแม่ของเขา ...แม่ที่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าข้างลูก

“เดี๋ยวเขาจะตามมาค่ะแม่ พอดีที่ร้านคนเงียบ พลอยก็เลยมาก่อน คิดถึงน้องพริมค่ะ”  เสียงเรียบ ๆแสร้งตอบ ความจริงหลังจากรดิศ โทรมาบอกภาริษาว่าคงเลิกงานช้า ให้เธอเดินทางมาที่บ้านนี้ก่อนล่วงหน้าทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่มีรถยนต์ใช้แต่ก็ยังสำทับให้ไปแท็กซี่และหลังจากนั้นภาริษาก็ยังติดต่อรดิศไม่ได้เลยสักครั้ง เขาปิดเครื่องมือสื่อสารของเขาจนกระทั่งก่อนรถจะเลี้ยวเข้ามาถึงบ้านหลังนี้เธอก็ยังโทรหารดิศไม่ติดอยู่ดี หญิงสาวกลืนก้อนแข็ง ๆในลำคอลงไปหลายครั้ง แต่มันก็ยังจุกอยู่ที่เดิมไม่จางหายสักที

“น้องพริมชะเง้อรอตั้งแต่กลับจากโรงเรียนแล้ว” คุณเกสราเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังคงไล่ไขว่คว้าร่างกระจ้อยนั้นไว้ตลอด

“เหรอคะ” หญิงสาวหันไปทางเด็กหญิงที่ซุกซนไม่อยู่นิ่ง “น้องพริมคิดถึงแม่จริงเหรอคะ” หนูน้อยจ้องใบหน้าผู้เป็นแม่ตาแป๋ว

“จิงค่า...น้องพิมคิดถึงแม่พอย คิดถึงพ่อหนึ่งด้วย” เสียงเล็ก ๆเจื้อยแจ้วเรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ทั้งสอง แววตาของภาริษาอ่อนลงเมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยถึงพ่อ

“ตั้งแต่ไปโรงเรียนเนี่ยพูดมากขึ้นเยอะ ” ผู้เป็นย่ายิ้มเอ็นดูหลานสาวจนแก้มแทบปริ  “แม่ว่าเดือนหน้าจะพาไปเรียนดนตรี เห็นน้องพริมเค้าชอบ แต่ว่าจะให้ชินโรงเรียนอีกหน่อย พลอยว่ายังไงบ้างล่ะ”

“พลอยแล้วแต่แม่ค่ะ ถ้าแม่ว่าดี พลอยก็ว่าดีด้วย”

 อะไรที่เกี่ยวข้องกับน้องพริม ภาริษาเชื่อใจคุณเกสราเสมอเพราะท่านเลี้ยงดูเด็กหญิงมาตั้งแต่แรกเกิด เพื่อต้องการให้ภาริษากลับไปช่วยงานรดิศทันทีหลังจากร่างกายแข็งแรง เธอสัมผัสได้ว่าคุณเกสราและคุณเศกสิทธิ์นั้นรักเด็กหญิงพิมพ์สิตาดั่งแก้วตาดวงใจ และหนูน้อยเองก็ติดคนเลี้ยงอย่างมาก ภาริษาจึงวางใจให้ลูกสาวอยู่ในความดูแลของพ่อแม่สามีมาโดยตลอด ถึงไม่ได้พักอยู่ใกล้ชิดแต่ภาริษากับรดิศมักจะเดินทางมาหาบุตรสาวบ่อย ๆ

        อย่างวันนี้ เขานัดกับเธอไว้อย่างมั่นเหมาะว่าจะเดินทางมาหาลูกสาวด้วยกัน จู่ ๆผู้เป็นสามีก็โทรมาบอกให้เธอเดินทางมาก่อนเพียงลำพัง ในใจหญิงสาวยังกรุ่นโกรธรดิศไม่จางหาย ระยะหลังเขาไม่เคยตรงเวลาและไม่เคยแบ่งเวลาให้ภาริษาจนเธอต้องตัดสินใจหัดขับรถด้วยตัวเอง เพราะไม่อาจจะอาศัยอะไรจากผู้เป็นสามีได้อีก เขาติดเพื่อน หลงใหลในผู้หญิงอื่นและดูเหมือนจะยิ่งถลำลึกมากขึ้นเรื่อย ๆจนความไว้วางใจอันเป็นรากฐานของชีวิตคู่แทบจะไม่หลงเหลือ ร่างบางถอนใจเบา ๆ ลุกขึ้นจากโซฟา

“พลอยไปดูกับข้าวก่อนนะคะแม่ เดี๋ยวพี่หนึ่งมาถึงจะได้กินกันเลย” เอ่ยกับแม่สามีแล้วเดินหายเข้าไปในครัว เด็กหญิงพิมพ์สิตาจะวิ่งตามผู้เป็นแม่แต่ถูกคุณเกสราอุ้มไปอีกทางด้วยกลัวเจ้าตัวเล็กจะเข้าไปวุ่นวายในครัว

ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่กว้างนักมีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปีกำลังสะละวนปรุงอาหาร ภาริษาเดินเข้าไปสมทบเธอคุ้นเคยกับสองคนนี้เป็นอย่างดีคนหนึ่งเป็นหลานของคุณเศกสิทธิ์ชื่อแยม คนหนึ่งชื่อสาเป็นชาวอีสานเคยทำงานกับภาริษาก่อนที่รดิศจะให้มาช่วยงานในบ้านของเขา

“ทำอะไรกันบ้างจ๊ะ” เสียงหวานเอ่ยถามขณะล้างมือ

“เย็นนี้มีแกงป่าไก่ ผัดผักรวม ไข่เจียวหมูสับค่ะพี่พลอย” แยมเอ่ยตอบขณะมือยังคงหยิบจับนู่นนี่ไม่หยุด

“แต่ทุกอย่างคุณย่าสั่งให้รอคุณพลอยมาปรุงเองค่ะ” เด็กสาวอีกคนหนึ่งเอ่ยบ้าง ภาริษาเหลือบมองเห็นวัตถุดิบทุกอย่างเตรียมรอไว้โดยไม้ได้ปรุงเลยสักอย่างเดียวร่างบางแอบถอนใจอีกครั้งนึกเหนื่อยหน่าย ไม่อยากจะทำอะไรให้ใครทั้งสิ้น รดิศยังหนีไปหาความสุขส่วนตัวคนเดียว ไม่ได้เอาใจใส่ความรู้สึกของภาริษาเลยสักนิดทำไมเธอถึงจะต้องทำหน้าที่เดิม ๆของเธอเพื่อคนในครอบครัวนี้ด้วย 

“น้องพิมคิดถึงแม่พอย คิดถึงพ่อหนึ่งด้วย”  ประโยคไร้เดียงสาของลูกสาวผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ซัดกระแสแห่งความแค้นเคืองให้เบาบางลง “เขาก็เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวเขาก็มา เราต้องทนเพื่อน้องพริม” คิดพลางเริ่มลงมือทำอาหาร ไม่วายชะเง้อมองออกไปทางหน้าบ้านเป็นระยะ

“แยมหยิบซี่โครงหมูในตู้เย็นมาให้พี่หน่อยจ้ะ”

“กับข้าวเยอะแล้วนะคะพี่พลอย จะทำอีกเหรอคะ”  คนถูกใช้เอ่ยถามด้วยความแปลกใจภาริษายิ้มกับคนตั้งคำถาม แล้วรับโถกระเบื้องใบใหญ่จากเด็กสาวอีกคน ทอดสายตามองโถในมือนึกสะท้อนในหัวใจ เธอจะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดไม่ว่ารดิศจะประพฤติตนอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา ตราบใดที่เธอยังตัดเขาไม่ขาด สิ่งใดเคยทำแต่แรกหญิงสาวก็จะคงทำให้เขาเช่นเดิม

มือเรียวเทส่วนผสมลงในโถกระเบื้อง ตามด้วยซี่โครงหมูหั่นเป็นท่อนขนาดพอดี กล้ำกลืนความหม่นหมองไว้ภายในอกหากไม่มีเด็กสาวผู้ช่วยทั้งสองคนในที่นี้ เธอก็อยากจะร้องไห้ให้สาใจแล้วปล่อยให้หยดน้ำตาไหลลงในโถกระเบื้องตรงหน้า  ใช้น้ำตาของเธอเป็นส่วนผสมปรุงอาหารจานโปรดไว้ให้เขากลับมากิน!!

“พี่จะทอดซี่โครงหมูให้พี่หนึ่งน่ะ ผัดผักเขาไม่ชอบหรอก ไข่เจียวหมูสับ...” ลดเสียงลงเมื่อรู้สึกถึงความจุกในลำคอ จุกจนปวดร้าว “เผื่อเขากลับมาช้าก็ค่อยทอดให้ใหม่” จบประโยคภาริษาหันไปตั้งหน้าตั้งตาทอดซี่โครงหมูจานใหญ่ของโปรดสามี ความคิดวกวนอยู่ในสมองอย่างไม่จบสิ้น เขาจะกลับมากินหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขาถือซะว่า มันคือหน้าที่และเธอได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว .

        นาฬิกาบนผนังสีขาวตรงโถงบ้านบอกเวลาเริ่มต้นวันใหม่มาสามชั่วโมงแล้ว ร่างหนาในชุดเสื้อเชิ้ตปล่อยชายเดินเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่อย่างคุ้นเคย ใบหน้าคมเต็มไปด้วยร่องรอยอิดโรย กลิ่นสุราอ่อน ๆอบอวลอยู่รอบตัว เขาพ่นลมออกทางปากเมื่อแหงนมองไปยังชั้นสอง คิดถึงภรรยา ป่านนี้คงจะหลับไปแล้วชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำดื่ม คิดหาเหตุผลที่จะนำมาพูดแก้ตัวกับภาริษาในวันพรุ่งนี้ รวมถึงคุณเกสราด้วย แม่ของเขาจะต้องซักถามเอาเรื่องอย่างแน่นอน แต่เขาจะคิดมากทำไม ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเลยสักนิดก็แค่บอกว่า ดื่มเหล้ากับเพื่อนจนเพลินไปหน่อยเท่านั้น  เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำอะไรย่อมรู้ขอบเขตเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ก้าวหน้าในหน้าที่การงานและฐานะความเป็นอยู่ได้อย่างทุกวันนี้หรอก จะมีสักกี่คนทำได้อย่างรดิศ เป็นเจ้าของบริษัทตั้งแต่อายุสามสิบต้น ๆบริษัทที่สร้างเองกับมือไม่ใช่มรดกตกทอดเหมือนคนรุ่นเดียวคนอื่น ๆ เขากระตุกยิ้มอย่างภูมิใจ เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์รุ่นทันสมัยดังขึ้นเขาล้วงมันออกมาจากระเป๋ากางเกงก่อนจะกดอ่านข้อความ

ถึงห้องแล้วนะคะ...อ่อนเพลียมากเลย ไว้คราวหน้าขอแบบค้างคืนได้ไหมคะพี่หนึ่ง...เพลียๆ ๆ ฝันดีค่ะ ( แพท)

คนอ่านยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ เจ้าของข้อความคือต้นเหตุของการกลับดึกในคืนนี้ รดิศรู้สึกภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเอง หญิงสาวชื่อแพทคงจะหลงใหลในรสสวาทครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาปรนเปรอให้เธอและตักตวงความสุขให้ตัวเองด้วย ชายหนุ่มกดปิดหลังจากอ่านจนพอใจ ดวงตามีประกายเจิดจ้าเต็มไปด้วยแววแห่งความภาคภูมิ เขามีเสน่ห์และที่สำคัญเขามีเงิน... มือหนาเปิดตู้เย็นเพื่อจะเก็บขวดน้ำเข้าที่เดิม สายตาคมคายปะทะกับจานบรรจุซี่โครงหมูทอดกระเทียมอยู่เต็มจาน สำนึกภายในวิ่งเข้ามาแทนที่ความชื่นอกเมื่อครู่จนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  ภาริษาคงจะทำของโปรดไว้รอเขาแต่ในที่สุดอาหารซึ่งถูกปรุงอย่างดีโดยฝีมือภรรยาก็ต้องกลายเป็นหม้าย

         คิดถึงคนบนห้องจับหัวใจ ทุกครั้งที่เขาและภาริษากลับมาที่นี่ คุณเกสราจะต้องพาน้องพริมของเขามากล่อมให้หลับในห้องนี้ เพียงเพื่อจะให้พ่อ แม่ ลูกได้นอนด้วยกันบ้าง เพราะเด็กหญิงติดคุณปู่กับคุณย่ามากเหลือเกิน รดิศถอนใจ ความหนักหน่วงรุมเร้าทั่วสรรพางค์ รวมถึงเปลือกตาด้วย เมื่อเข้ามาสู่ห้องนอนเขาทอดมองไปยังร่างบนเตียงในเงามืดก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่นานก็เดินออกมาล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน เรียวปากหนายกยิ้มขณะจดจ้องลูกสาวยามหลับใหลสายตาคมเลื่อนไปยังร่างบางของอีกคน แสงนวลจากดวงไฟด้านนอกส่องมากระทบเสี้ยวหน้าสวย ... ผู้หญิงอื่นสำหรับเขาก็แค่ของเล่นแปลกใหม่ ไม่เคยมีค่า มีราคาเท่ากับผู้หญิงขี้งอน ขี้ระแวง แต่สวยสะอาดที่สุดสำหรับเขาคนนี้ ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆอีกครั้งก่อนจะก้มลงสูดกลิ่นแก้มของแม่กับลูกคนละฟอดด้วยความรักใคร่ เพียงศีรษะวางลงบนหมอนไม่ถึงสามนาที เขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างแสนสบาย ไม่เคยรับรู้เลยว่า ผู้รอคอยการกลับมาของเขาทุกลมหายใจยังไม่อาจหลับใหลอย่างสุขใจเช่นเขาเลยสักนิดเดียว .

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา