ใยรักสีเพลิง
7.8
เขียนโดย dko9Nlbiu
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.
10 ตอน
4 วิจารณ์
15.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ใยรักสีเพลิง 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ บ้านเรือนไทยร่วมสมัยสองชั้นหลังใหญ่รอบบริเวณบ้านเต็มไปด้วยไม้ไทยส่งกลิ่นหอมผสมปนเปจนแยกไม่ออกว่าเป็นกลิ่นของดอกอะไรกันแน่ ไม้ผลบางต้นก็ออกผลให้เห็นอยู่ประปราย ศาลาขนาดย่อมทำจากไม้สักทองตั้งอยู่ใต้ต้นหูกระจงที่แผ่กิ่งก้านเป็นบริเวณกว้างให้ร่มเงาเย็นสบายมีร่างหนาในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนแบบผู้ชายนั่งอยู่ รอยยิ้มผุดขึ้นตรงมุมปากของเขาหลายครั้งขับแสงประกายในลูกตาสีนิลให้ระยิบไหวมากขึ้น มือใหญ่ถือปากกาคาไว้โดยไม่ได้ใช้มันแต่อย่างใด ความคิดนั้นล่องลอยถึงใครบางคน มันผุดขึ้นเป็นฉาก ๆซ้ำ ๆในมโนภาพ เครื่องหน้าสวยหวานหากแต่แฝงแววเชิดรั้นติดตรึงอยู่ในห้วงนึกคิด ภาพน้ำตาคลอกรอบกลมโตที่เงยขึ้นมองหน้าเขาอย่างตัดพ้อกับคำพูดประชดประชันที่ออกมาจากริมฝีปากคู่สวยนั้นสร้างความปั่นป่วนให้กับชายหนุ่มจนป่านนี้เขาก็ยังสลัดภาพนั้นออกไม่ได้เสียที
“บอย...ทำงานอยู่หรือเปล่าลูก” เสียงคุณจิตตรีดังขึ้น เขาหันมาสนใจร่างอวบตามวัยของมารดาซึ่งนั่งลงตรงข้าม พลางวางจานใส่ขนมหวานบนโต๊ะ
“เสร็จแล้วครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปัณณทัตหยิบขนมเข้าปากเคี้ยวช้าๆ พลางมองมารดาอย่างรอคำตอบ เห็นสายตาของผู้เป็นแม่เหลือบมองกองเอกสารปึกย่อมตรงหน้าเขาแล้วถอนใจ
“แกก็จริง ๆเลยนะตาบอย แม่บอกให้ลาออกมาทำงานกับพี่ชายเราก็ไม่เอา ไปสอนหนังสืออยู่ได้ เงินเดือนไม่เห็นจะพอกินสักที แล้วดูสิวันหยุดยังต้องหอบงานมาทำอีก” คุณจิตตรีบ่นลูกชายด้วยเรื่องเดิม ๆ ผ่านไปนานนมแม่ก็ยังไม่เลิกคิดให้เขาเลิกอาชีพนี้
“แม่ครับ ผมก็อยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อนนี่ครับ จะให้ผมไปแย่งงานพี่แบงก์ทำไมล่ะครับ แล้วตอนนี้พี่แบงค์ก็มีพี่เนตรคอยช่วยแล้วแม่ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ” คนเป็นแม่ส่ายหน้าเอือมระอาคนตัวโตยิ้มประจบท่าน คุณจิตตรีอยากให้ปัณณทัตมาช่วยงานในบริษัทของครอบครัวซึ่งประกอบกิจการแปรรูปอาหารส่งออกทั้งในและต่างประเทศภายใต้ชื่อสิทธาฟูดส์แลนด์ ซึ่งเป็นกิจการสืบทอดมาแต่รุ่นคุณปู่ของปัณณทัต แต่ชายหนุ่มปฏิเสธมาตลอดโดยเขาพอใจเพียงแค่เงินส่วนแบ่งรายเดือนที่ปิยทัศน์ พี่ชายของเขาเป็นคนจัดการให้กับสมาชิกในครอบครัวอย่างยุติธรรม และเงินเดือนของข้าราชการครูเท่านั้น
“แต่อีกหน่อยถ้าแกมีครอบครัว แต่งงานแต่งการไป ลำพังเงินครูจะไปพอยาไส้ได้ยังไง”
“แม่ครับ เรื่องนั้นน่ะอีกไกล แล้วอีกอย่างถ้าผมจะแต่งงาน ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของผมก็ต้องยอมรับในการมีชีวิตแบบพอเพียงอย่างที่ผมยึดถือ จะเป็นภรรยาข้าราชการ ก็ต้องรู้จักประหยัดจะใช้เงินฟุ่มเฟือยเหมือนกับเป็นภรรยานักธุรกิจได้ยังไงล่ะครับแม่ ผมพอใจชีวิตเรียบง่าย อยู่แบบพอเพียง แต่ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนยอมมาเป็นภรรยาผมหรือเปล่านะครับ จนซะขนาดนี้”ปัณณทัตร่ายยาวพลางหัวเราะเบา ๆในท้ายประโยคผู้เป็นแม่เหยียดปากอย่างไม่เห็นด้วย
“บอย ลูกน่ะ เลยสามสิบแล้วนะ จะรออะไรอีก รีบมีได้แล้วลูก ... แม่จะแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งให้บอยรู้จัก เป็นลูกของเพื่อนสนิทแม่เอง เธอชื่อหนูฝ้าย เป็นหมอที่ยังสาว ยังสวย กิริยาอ่อนน้อมน่ารักแม่เห็นแล้วเอ็นดูเหลือเกิน อยากได้มาเป็นลูกสาวอีกคน”
“แม่ครับ ถึงเวลาผมก็จะหาลูกสะใภ้ให้แม่แน่ ๆ ไม่ต้องให้แม่เหนื่อยหาเองหรอกครับ” เสียงทุ้มพูดราวกับเรื่องขำขัน คุณจิตตรีหน้างอ ริมฝีปากเหยียดออกอีกครั้ง พลางพินิจใบหน้าลูกชายคนเล็ก กรอบดวงเรียวยาวฝังนัยน์ระยับราวกับดาวสีนิลกระพริบแสงใต้คิ้วหนาดกรับกับจมูกโด่งได้รูปเหนือริมฝีปากหยักกำลังยิ้มประจบกับคุณจิตตรี ผู้เป็นแม่ทอดถอนใจ ลูกชายคนเล็กของท่านไม่ได้ขี้ริ้วเลยสักนิดตรงข้ามนัยน์ตาของปัณณทัตนั้นฉายแววขี้เล่น มันพราวแสงใส่ทุกครั้งยามที่ท่านสานสบด้วย แต่แปลกเขากลับไม่มีผู้หญิงข้างกายมานานมากแล้ว คุณจิตตรีจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ปัณณทัตคบหาผู้หญิงแบบแฟนก็ตอนเรียนจบใหม่ ๆและเมื่อหญิงสาวคนนั้นหายหน้าไปลูกชายคนเล็กก็ไม่ยังไม่เคยพาใครมาที่บ้านสักคน
“แม่ไม่เห็นบอยจะมีแฟนสักทีนี่นา ลองคบหากับหนูฝ้ายก็ไม่เห็นจะเสียหาย”
“ไม่ดีกว่าครับแม่ บางทีเนื้อคู่ของผมอาจจะกำลังเดินทางอยู่ก็ได้” ปฏิเสธพลางหัวเราะกับมารดาที่ค้อนขวับด้วยท่าทางของหมั่นไส้สุดกำลัง
“ไม่รู้ล่ะ แม่จะชวนหนูฝ้ายมาบ้านเรา เพื่อให้แกรู้จักกับเขา วันเสาร์ทำตัวให้ว่างด้วยนะ เข้าใจไหมตาบอย วันเสาร์แกต้องอยู่บ้าน” สั่งลูกชายแล้วลุกเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ปัณณทัตตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดของมารดา ไม่รู้อะไรทำให้เขารู้สึกไม่ตื่นเต้นกับเรื่องที่แม่กล่าวมา ความรู้สึกหนึ่งช่างชัดเจนจนหัวใจสั่นหวิว…เขากำลังสนใจหญิงสาวหน้าหวานนัยน์ตาเศร้าเจ้าของร้านกระท่อมกาแฟนั่นต่างหาก ชายหนุ่มยิ้มกว้างคนเดียวอีกครั้ง ไม่ใช่ไม่เคยมีแฟนเพียงแต่ไม่เคยมีมานานแล้ว คงไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดหากเขาจะยอมเสนอหน้าไปให้ภาริษาด่าเพื่อจีบเธอ .
“บอย...ทำงานอยู่หรือเปล่าลูก” เสียงคุณจิตตรีดังขึ้น เขาหันมาสนใจร่างอวบตามวัยของมารดาซึ่งนั่งลงตรงข้าม พลางวางจานใส่ขนมหวานบนโต๊ะ
“เสร็จแล้วครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปัณณทัตหยิบขนมเข้าปากเคี้ยวช้าๆ พลางมองมารดาอย่างรอคำตอบ เห็นสายตาของผู้เป็นแม่เหลือบมองกองเอกสารปึกย่อมตรงหน้าเขาแล้วถอนใจ
“แกก็จริง ๆเลยนะตาบอย แม่บอกให้ลาออกมาทำงานกับพี่ชายเราก็ไม่เอา ไปสอนหนังสืออยู่ได้ เงินเดือนไม่เห็นจะพอกินสักที แล้วดูสิวันหยุดยังต้องหอบงานมาทำอีก” คุณจิตตรีบ่นลูกชายด้วยเรื่องเดิม ๆ ผ่านไปนานนมแม่ก็ยังไม่เลิกคิดให้เขาเลิกอาชีพนี้
“แม่ครับ ผมก็อยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อนนี่ครับ จะให้ผมไปแย่งงานพี่แบงก์ทำไมล่ะครับ แล้วตอนนี้พี่แบงค์ก็มีพี่เนตรคอยช่วยแล้วแม่ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ” คนเป็นแม่ส่ายหน้าเอือมระอาคนตัวโตยิ้มประจบท่าน คุณจิตตรีอยากให้ปัณณทัตมาช่วยงานในบริษัทของครอบครัวซึ่งประกอบกิจการแปรรูปอาหารส่งออกทั้งในและต่างประเทศภายใต้ชื่อสิทธาฟูดส์แลนด์ ซึ่งเป็นกิจการสืบทอดมาแต่รุ่นคุณปู่ของปัณณทัต แต่ชายหนุ่มปฏิเสธมาตลอดโดยเขาพอใจเพียงแค่เงินส่วนแบ่งรายเดือนที่ปิยทัศน์ พี่ชายของเขาเป็นคนจัดการให้กับสมาชิกในครอบครัวอย่างยุติธรรม และเงินเดือนของข้าราชการครูเท่านั้น
“แต่อีกหน่อยถ้าแกมีครอบครัว แต่งงานแต่งการไป ลำพังเงินครูจะไปพอยาไส้ได้ยังไง”
“แม่ครับ เรื่องนั้นน่ะอีกไกล แล้วอีกอย่างถ้าผมจะแต่งงาน ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของผมก็ต้องยอมรับในการมีชีวิตแบบพอเพียงอย่างที่ผมยึดถือ จะเป็นภรรยาข้าราชการ ก็ต้องรู้จักประหยัดจะใช้เงินฟุ่มเฟือยเหมือนกับเป็นภรรยานักธุรกิจได้ยังไงล่ะครับแม่ ผมพอใจชีวิตเรียบง่าย อยู่แบบพอเพียง แต่ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนยอมมาเป็นภรรยาผมหรือเปล่านะครับ จนซะขนาดนี้”ปัณณทัตร่ายยาวพลางหัวเราะเบา ๆในท้ายประโยคผู้เป็นแม่เหยียดปากอย่างไม่เห็นด้วย
“บอย ลูกน่ะ เลยสามสิบแล้วนะ จะรออะไรอีก รีบมีได้แล้วลูก ... แม่จะแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งให้บอยรู้จัก เป็นลูกของเพื่อนสนิทแม่เอง เธอชื่อหนูฝ้าย เป็นหมอที่ยังสาว ยังสวย กิริยาอ่อนน้อมน่ารักแม่เห็นแล้วเอ็นดูเหลือเกิน อยากได้มาเป็นลูกสาวอีกคน”
“แม่ครับ ถึงเวลาผมก็จะหาลูกสะใภ้ให้แม่แน่ ๆ ไม่ต้องให้แม่เหนื่อยหาเองหรอกครับ” เสียงทุ้มพูดราวกับเรื่องขำขัน คุณจิตตรีหน้างอ ริมฝีปากเหยียดออกอีกครั้ง พลางพินิจใบหน้าลูกชายคนเล็ก กรอบดวงเรียวยาวฝังนัยน์ระยับราวกับดาวสีนิลกระพริบแสงใต้คิ้วหนาดกรับกับจมูกโด่งได้รูปเหนือริมฝีปากหยักกำลังยิ้มประจบกับคุณจิตตรี ผู้เป็นแม่ทอดถอนใจ ลูกชายคนเล็กของท่านไม่ได้ขี้ริ้วเลยสักนิดตรงข้ามนัยน์ตาของปัณณทัตนั้นฉายแววขี้เล่น มันพราวแสงใส่ทุกครั้งยามที่ท่านสานสบด้วย แต่แปลกเขากลับไม่มีผู้หญิงข้างกายมานานมากแล้ว คุณจิตตรีจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ปัณณทัตคบหาผู้หญิงแบบแฟนก็ตอนเรียนจบใหม่ ๆและเมื่อหญิงสาวคนนั้นหายหน้าไปลูกชายคนเล็กก็ไม่ยังไม่เคยพาใครมาที่บ้านสักคน
“แม่ไม่เห็นบอยจะมีแฟนสักทีนี่นา ลองคบหากับหนูฝ้ายก็ไม่เห็นจะเสียหาย”
“ไม่ดีกว่าครับแม่ บางทีเนื้อคู่ของผมอาจจะกำลังเดินทางอยู่ก็ได้” ปฏิเสธพลางหัวเราะกับมารดาที่ค้อนขวับด้วยท่าทางของหมั่นไส้สุดกำลัง
“ไม่รู้ล่ะ แม่จะชวนหนูฝ้ายมาบ้านเรา เพื่อให้แกรู้จักกับเขา วันเสาร์ทำตัวให้ว่างด้วยนะ เข้าใจไหมตาบอย วันเสาร์แกต้องอยู่บ้าน” สั่งลูกชายแล้วลุกเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ปัณณทัตตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดของมารดา ไม่รู้อะไรทำให้เขารู้สึกไม่ตื่นเต้นกับเรื่องที่แม่กล่าวมา ความรู้สึกหนึ่งช่างชัดเจนจนหัวใจสั่นหวิว…เขากำลังสนใจหญิงสาวหน้าหวานนัยน์ตาเศร้าเจ้าของร้านกระท่อมกาแฟนั่นต่างหาก ชายหนุ่มยิ้มกว้างคนเดียวอีกครั้ง ไม่ใช่ไม่เคยมีแฟนเพียงแต่ไม่เคยมีมานานแล้ว คงไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดหากเขาจะยอมเสนอหน้าไปให้ภาริษาด่าเพื่อจีบเธอ .
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ