my love is you ความรักฉันคือ เธอ......

-

เขียนโดย Vanilla

วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 03.10 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,725 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556 04.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เมื่อความรักเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนเช้า
 
 
ฉันแต่งตัวเสร็จก็รีบไปโรงเรียนตามปรกติ แต่วันนี้คิดว่า คงต้องไปทำให้สิ่งที่ค้างคาใจตอนนี้กระจ่างสักที เมื่อคิดได้แบบนั้นตอนเที่ยงฉันเลือกที่จะไม่ไปกินข้าวแต่กลับเดินมาที่หน้าห้องของ เคียวยะ พอมาถึงก็เห็นโชตะยืนทำคอตกอยู่ที่หน้าห้อง มีอะไรรึเปล่านะ
 
 
“...ทำไมล่ะเคียวยะ ทำไมต้องเป็นยัยนั่น ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ล่ะ” เสียงมิกะนี่
 
 
“ฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีกนะ”ฉันหยุดยืนฟังสิ่งที่สองคนนั้นคุยกันอยู่ข้างๆ โชตะ ที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่
 
 
“นายคงไม่....ใช่สินะ”โชตะหันมามองหน้าฉันทันที ที่ฉันยิงคำถามที่คงจะไปแทงใจดำเข้า จากนั้นเขาก็พยักหน้าช้าๆ
 
 
“ฉันให้ได้แค่คำว่าเพื่อนจริงๆ มากกว่านั้นฉันคงให้ไม่ได้ เพราะ....”
 
 
“เพราะยัยเชยนั่นใช่ไหม มันมีดีกว่าฉันตรงไหน เคียวยะ!”
 
 
“พอสักที มิกะ !!  ก่อนที่แม้แต่คำว่าเพื่อนฉันก็จะไม่มีให้เธอ อย่าให้มันเป็นแบบนั้นเลย”
 
 
“หึ! ได้! ฉันยอมแพ้ แต่นายคงไม่ได้สมหวังหรอกนะ เพราะฉันบอกอะไรดีๆกับยัยนั่นไว้ ”
 
 
“.....”
 
 
ฉันเอื้อมมือไปวางลงที่ไหล่โชตะเบาๆ แล้วยิ้มให้ เขาก็ยิ้มให้ฉันเหมือนกัน ตอนนี้คงจะไม่สะดวกที่จะคุยกับเคียวยะสินะ งั้นเอาไว้วันหลังดีกว่า
 
 
เลิกเรียนฉันเปิดโทรศัพท์ขึ้นดูแน่นอนว่า ข้อความจากเคียวยะเยอะมาก รอก่อนนะ ฉันยังเจอนายไม่ได้ในตอนนี้ ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า กลับบ้านดีกว่า แต่ยังไม่ทันที่จะลงมาพ้นตึกเรียน เหมือนฉันจะได้ยินเสียงใครสักคนร้องไห้อยุ่แถวนี้ เลยเดินตามเสียงนั้นไป
 
 
 
“มิกะ...”
 
 
เธอหันมามองฉันแบบไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ “ให้ตายสิคนที่ฉันไม่อยากเจอ ทำไมต้องมาเจอด้วยนะ ทำไมย่ะ จะมาสมน้ำหน้ากันรึไง”
 
 
“มีอะไรให้ช่วยไหม ”
 
 
 
“ช่วย!  ช่วยงั้นหรอ เอาเคียวยะมาให้ฉันสิ!”
 
 
 
“เรื่องนั้นฉันคงทำให้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่สิ่งของ เธอลองถามใจตัวเองดีๆเถอะว่า รักเขาจริงๆ หรือ แค่ต้องการชนะฉัน สำหรับฉันคงเป็นอย่างแรก เพราะความรักฉันคิดว่าคือการให้ เธอหยุดทำตัวเองไม่มีค่าสักทีเถอะ ลองมองรอบๆตัวเอง บางทีเธออาจจะมีใครที่กำลังรอความรักจากเธออยู่ก็ได้”
 
 
มิกะเลิกร้องไห้แล้ว แต่กับนิ่งเงียบไม่พูดหรือเถียงออกมาสักคำ
 
 
 
“เธอคงอยากอยู่คนเดียว ...” ฉันไม่พูดอะไรอีก ต่อจากนี้มันคงเป็นหน้าที่ของเธอแล้วที่จะถามใจตัวเองให้ดีๆ  พอฉันเดินออกมาก็เจอโชตะที่ยืนเงียบอยู่
 
 
 
“รออะไรอยู่ล่ะ ไปสิ...” ฉันพลักหลังเขาเบาๆ ให้เดินไปทางที่มิกะอยู่ หวังว่านายคงทำสำเร็จนะ ^ ^
 
ฉันเดินกลับบ้านพร้อมรอยยิ้มไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ รู้สึกดีจังที่ได้ทำให้สองคนนั้นรักกัน พระเจ้าหนูทำสิ่งที่ดีๆ หวังว่าท่านคงมอบสิ่งดีๆให้หนูเช่นกันนะค่ะ
 
 
 
รุ่งเช้า
 
พอมาถึงโรงเรียนฉันก็รีบเดินมาที่ห้องของเคียวยะ ทันที แต่มองหาเจ้าตัวเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลย หายไปไหนของเขานะ ตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่โทรมาเลย แปลกๆ ...หรือว่าเค้าจะเป็นอย่างที่ มิกะบอกจริงๆนะ
 
 
 
“หาใครอยู่หรอยูอิ” ฉันหันไปถามเสียงคนที่ถามมา ก็เจอกับมิกะและโชตะที่เดินมาด้วยกัน เห็นแล้วก็อด อมยิ้มไม่ได้เลยแฮะ ดูโชตะจะรักมิกะมากเลยนะ
 
 
 
“...เคียวยะน่ะ  ฉันไม่ได้จะมาหาเขานะ! แค่จะมาคุยอะไรบางอย่าง...จริงๆ”
 
 
 
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนิย๊ะ ร้อนตัวไปได้ ฮิๆ” คำพูดของมิกะ ทำฉันรู้สึกร้อนๆไปทั้งตัว
 
 
 
“มันไม่อยู่หรอก เห็นว่าไม่สบายน่ะ อาการหนักด้วยนะ นอนพักอยู่ที่บ้าน”โชตะคงจะสังเกตเห็นว่าฉันเขิน เลยรีบอธิบายสาเหตุที่เคียวยะหายไป
 
 
 
“นี่ยัยบื้อ ฉันจะบอกอะไรให้นะ วันนั้นที่เราสี่คนไปกินไอศกรีมกันน่ะ ที่เธอวิ่งออกไป เคียวยะ เขาเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ได้ข่าวว่า ตามหาเธอให้ทั่วจนสุดท้ายไปยืนรอเธอที่หน้าบ้านตั้งนาน”
 
 
ฉันยืนเงียบฟังมิกะพูดอย่างตั้งใจ ...นี่เราไม่เคยรู้อะไรเลยสินะ เรามัวแต่มองเขาในแง่ลบมาตลอดเลยหรอ ทั้งๆที่ทุกครั้งเราเจอเรื่องร้ายๆคนที่จะมาช่วยเราก็คือเคียวยะ...แต่ยังไง ฉันก็ยังไม่เชื่อใจเขาอยู่ดี ฉันยังไม่ลืมหรอกนะเรื่องที่มิกะเล่าให้ฟังน่ะ
 
 
“เฮ้ย!โชตะเอาการบ้านมาลอกหน่อยดิว่ะ” เสียงผู้ชายในห้องตะโกนออกมา
 
“อ่อ เออๆ งั้นคุยกันไปก่อนนะ ฉันไปล่ะ” โชตะขยิบตาให้มิกะหนึ่งทีแล้วเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น ตอนนี้ก็เลยเหลือฉันและมิกะ อีกครั้ง…
 
 
 
“ฉันขอเดานะที่เธอมาหาเคียวยะ เพราะต้องการมาเคลียร์เรื่องให้มันจบสินะ เธอคิดดีๆนะยูอิ ฉันเองไม่เคยเห็นเคียวยะเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยนะ”
 
 
 
“....”ฉันยังคงเงียบและฟังมิกะอย่างตั้งใจ
 
 
 
“เรื่องฉันกับโชตะ ฉันขอบใจเธอนะ แล้วก็ขอโทษที่ฉันพูดอะไรไม่ดีกับเธอ เพื่อเป็นการตอบแทนเธอ ฉันจะบอกอะไรที่สำคัญอีกอย่าง...ฉันกับเคียวยะไม่เคยมีอะไรกัน”
 
 
 
มิกะยิ้มให้ฉันอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วก็เอามือมาวางที่ไหล่ฉัน “คิดให้ดีๆนะ หมอนั่นอยู่คนเดียว เธอควรไปเยี่ยมเขาหน่อยนะ” ฉันพยักหน้าลงช้าๆ ฉันว่าเขาเองก็ทำอะไรเพื่อฉันมาเยอะแล้ว ฉันเองควรจะตอบแทนเขาบ้างสินะ....
 
 
 
หลังจากที่ตัดสินใจดีแล้วว่าวันนี้ฉันจะไปหาเขา เมื่อวานเลยทำข้าวต้มไว้ นี่เราตื่นเต้นเรื่องอะไรกันนะ บ้านเขาก็เคยไปมาแล้ว แค่ไปเยี่ยมเท่านั้นท่องไว้ๆ  เมื่อเช้าก็แอบโทรชวนสองคนนั้น แต่มิกะบอกว่าจะไปเดทกัน สองคนนี้นะน่าอิจฉาจริงๆเลย ด้วยเหตุนี้ฉันเลยต้องไปคนเดียว
 
 
ใช้เวลาไม่นานตอนนี้ฉันเลยมายืนอยู่หน้าประตู เพราะฉันพอจะจำทางได้ จะว่าไปฉันเองก็เพิ่งจะสังเกตว่าที่นี่มันเป็นคอนโด...ดูแพงซะด้วยสิ หรูหราเอาการเลย
 
 
 
ติ๊ง ต่อง.....
 
 
ฉันค่อยๆ เอานิ้วไปจิ้มที่กริ่งเบาๆ ให้ตาย ตื่นเต้นชะมัดเลย ท่องไว้ๆ ว่าแค่เอาข้าวต้มมาให้แล้วก็จะกลับ... ฉันพอได้ยินเสียงข้างในดัง กุกกักๆ เขาทำอะไรอยู่นะ เป็นอะไรมากรึเปล่า ลุกไหวไหมนะ....ไม่ๆ (-_-     )(    -_-)นี่เราเป็นอะไรไป
 
 
 
“ใครคับ......ยูอิ!” ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า แอบตกใจเล้กน้อย ดูเหมือนเขาก็เป็นเหมือนกัน
“อะ...เอ่อ เข้ามาก่อนไหม” เคียวยะเปิดประตูออกเต็มๆ แล้วขยับตัวหลบไปอีกทาง
 
 
 
“อื้อ....” 
 
 
ฉันเดินเข้ามาในห้องแล้วเอาข้าวต้มวางไว้บนโต๊ะตรงโซฟา มาครั้งก่อนได้สังเกตุอะไรวันนี้พอมาแล้วไม่รุ้จะอำตัวยังไงไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่มองไปรอบๆห้องของเคียวยะ ดูสะอาดดีไม่รกเลยแหะ
 
 
 
“ดื่มน้ำอะไรหน่อยไหม...”
 
 
 
“อ้อ! ไม่ต้องหรอก นายไม่สบายนี่ นั่งพักเถอะ ฉันทำข้าวต้มมาให้ แต่อย่าหวังอะไรกับมันมากนะ นายจะกินไหม ฉะ...ฉันจะไปเทใส่ถ้วยมาให้” เคียวยะเดินมานั่งลงโซฟาตัวตรงข้ามฉันแล้วยิ้มแบบน่ารักๆมาให้ฉัน เขินจัง....
 
 
 
“กินสิ เธอทำมาให้ทั้งทีไม่กินได้ไง ฉันเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
 
 
 
“งั้นฉันไปใส่ถ้วยมาให้นะ” ฉันเดินเอาข้าวต้มไปเทใส่ถ้วยให้เขาที่ครัวจากนั้นก็ถือกลับมาให้ เคียวยะมองตามถ้วยในมือฉันด้วยสายตารุกวาว อย่าหวังอะไรกับมันมากเลยนะ ฉันทำกับข้าวไม่เก่งด้วยอ่ะ T^T
 
 
 
“อยู่คนเดียวหรอ...”
 
 
 
“อือ”
 
 
“แล้วพ่อกับแม่นายล่ะ”ไม่รุ้จะคุยอะไรเงียบๆมันน่าอึดอัดจะตายไป ยังไงก็ยิงคำถามที่เขาใช้กันบ่อยๆแล้วกัน
 
 
 
“อ่อ พวกท่านทำงานอยู่เมืองนอกน่ะ” คงจะเหงาน่าดูเลยสินะ
 
 
 
และแล้วสายตาฉันก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ๆตัว มันคือกล้อง เขาชอบถ่ายรูป ในขณะที่เขากำลังกินข่าวแล้วฉันก็ไม่รู้จะทำอะไร ขอดูมันหน่อยแล้วกันนะ  ฉันค่อยๆ หยิบมันมาแล้วกดเปิดเพ่อจะดูรูปที่เขาถ่ายไว้ หมอนี่จะถ่ายรูปแบบไหนไว้นะ หวังว่าคงไม่ใช่รูปแบบทะลึ่งๆหรอกนะ
 
 
 
“ไม่ได้นะ!!!” แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้กดดูเลยเคียวยะคงหันมาเห็นก่อนเลยรีบดึงกลับไป ฉันแอบตกใจเล็กน้อยๆ ฉันนี่แย่จัง เอาของส่วนตัวคนอื่นมาดูได้ไง
 
 
“เอ่อ...โทดที ไม่ได้ตั้งใจ”
 
 
“ไม่เป็นไร ฉันก็ขอโทษเหมือนกัน ที่พูดเสียงดังกับเธอ” แต่ก็แอบสงสัยเล็กๆ ว่าทำไมเขาดูหวงจังเลยนะ ในนั้นมีรูปแบบไหนอยุ่กันแน่
 
 
กึก!
 
 
“ขอบใจนะที่ทำมาให้ อร่อยมาก”
 
 
 
 
เคียวยะวางถ้วยลงแล้วยิ้มกว้าง อิ่มแล้วสินะ ฉันนั่งดูเขากินอยู่ตลอดเวลา ดูท่าทางคงไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว แต่สีหน้ายังไม่ดีเท่าไร จะว่าไปวันนั้นเขาไปหาเราที่บ้านจริงๆน่ะหรอ
 
 
 
“เพราะฉันใช่ไหม ...นายเลยไม่สบาย”
 
 
 
“ไม่ใช่ๆ...ฉันนอนไม่ได้ห่มผ้าน่ะไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยนะ”
 
 
 
“แต่ฉันได้ข่าวมาว่านายไปหาฉันที่บ้านแล้วยืนรออยู่ตั้งนาน” เคียวยะมองหน้าฉัน แต่ไม่พูดอะไร เราสองคนต่างเงียบอีกครั้ง
 
 
 
“ยูอิ ฉันอยากได้คำตอบจากเธอ...เรื่องของเรา” กะไว้แล้วว่าเขาต้องพูดเรื่องนี้ ฉันง่านายน่าจะเงียบต่อไปนะ พอคิดเรื่องที่จะคุยได้ก็เอาซะฉันไปไม่เป็นเลย
 
 
 
“ตอนนี้เราเป็นอะไรกัน....” เคียวยะสบตาฉันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกที่ฉันไม่กล้าลบสายตาของเขาเลย
 
 
 
“แล้วนายอยากให้เป็นอะไรล่ะ...” ก็ไม่รู้สินะ บางทีใช้เหตุผลหรือฐิทิมากเกินไปก็ไม่ดีไม่ใช่หรอ บางครั้งคนเราก็ต้องใช้หัวใจตัดสินเหมือนกันนะ
 
 
 
“....ยูอิ!!! เธอพูดจริงนะ  เราเป็นแฟนกันจริงๆแล้วใช่ไหม” ฉันยิ้มให้เขาแทนคำตอบ เคียวยะเอื้อมมือมาจับมือฉันแน่นรู้สึกอบอุ่นจัง
 
 
 
“จะเป็นอะไรไหม ถ้าฉันบอกว่า....”
 
 
 
“หืม...ว่า?”ฉันเอียงคอถามเคียวยะ แต่เขากับยิ้มแบบกวนๆมาให้
 
 
 
“อยากจูบเธอ”ทำไมรู้สึกอุณภูมิในร่างกายฉันมันสูงขึ้นผิดปรกตินะ รู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่น่าไว้วางใจขึ้นมาเลยแหะ!
 
 
 
“ถึงจะมากเกินไป แต่เพราะว่าไม่สบาย ...จะยอมให้ก็ได้” ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนะ
 
 
 
“ไม่กลัวติดไข้จากฉันหรอ”
 
 
 
“นั่นสิ งั้นเปลี่ยนใจดีกว่า” เคียวยะเอามืออุ่นๆมาบีบแก้มฉันไว้ซ่ะแน่นเลย อะไรกันนะอีตาบ้านี่
 
 
 
“ไม่มีทาง...” แล้วเขาก็ก้มลงมาจรดริมฝีปากเขาลงที่ปากฉัน มันรู้สึกอบอุ่น และหวานอย่างบอกไม่ถูก ดูเขาอ่อนโยนกับฉันมากๆ
 
 
“ตอนนั้นที่ฉันจูบเธอ จูบแรกใช่ไหม”
 
 
 
“...รู้ได้ยังไง”
 
 
 
“ฮ่ะๆ  รู้แล้วกัน แต่ว่านะ  ฉันดีใจนะที่เป็นคนแรกของเธอ”
 
 
 
“พูดอะไรน่ะ น่าเกลียด”
 
 
 
“ฮ่ะๆๆๆ เธอคิดอะไรทะลึ่งจัง” หนอยตาบ้านี่ มาว่าฉันทะลึ่งเขาต่างหากล่ะ ฉันตีแขนเขาไปหลายทีเลยล่ะคนบ้าอะไรพูดจายียวนกวนประสาทชมัดเลย....หวังว่าความสุขแบบนี้จะอยู่กับฉันตลอดไปนะ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา