Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  50.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

43) คนที่เกลียดที่สุด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ความหนาวเหน็บโถมเข้าใส่จิตใจของเด็กสาวผมน้ำเงินจนแทบจะล้มทั้งยืน ในที่สุดตัวการที่แท้จริงของเหตุหายนะก็เปิดเผยตัวออกมา พร้อมกับใจสู้ที่แห้งเหือดไปจนหมดสิ้นหลังจากที่ได้รู้สึกตัวเสียที


     ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้น มันช่างโง่งมสิ้นดี


     "อย่างนั้นเองสินะ สรุปแล้วผู้นำมาซึ่งความวิบัติที่ฮิซาชิคุงพูดถึงก็คือนายเองอย่างนั้นเหรอ"


     แผ่นหลังของนางฟ้าที่มีแผลบอบช้ำจากการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี้ทรุดลงไปกับพนักเก้าอี้อย่างหมดแรงจนเสียสมดุลล้มลงไปกับพื้น แต่ความเจ็บที่ก้นจ้ำเบ้านั้นคงเทียบไม่ได้กับการที่ถูกหลอกใช้ให้หันหมัดเข้าหาพวกมนุษย์ที่เธอต้องปกป้องอย่างแน่นอน



     ฮานามิหัวเราะในลำคอด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเองที่ปล่อยให้ถูกคนที่ตัวเองปฏิเสธตัวตนด้านลบมาตลอดคอยชักใยอยู่เบื้องหลังได้โดยไม่ขัดขืนแม้แต่ในตอนที่มีโอกาส ขณะนั้นเองที่ความคิดของเธอพลันนึกถึงใครคนหนึ่งที่พอจะเป็นที่พึ่งทางใจสุดท้ายให้กับเธอได้


     ใครสักคนหนึ่งที่จะไม่รังเกียจเธอแม้ว่าจะเคยตั้งตนเป็นปรปักษ์กับมนุษย์และเคยทำร้ายเพื่อนของเขาคนนั้นถึงสองครั้งก็ตาม



     "ถ้าฮิซาชิคุงมาเห็นเราในสภาพนี้จะรู้สึกยังไงกันนะ สัญญากับฉันสิว่านายจะไม่หัวเราะเยาะฉัน สัญญานะว่าสายตาที่มองมาที่ฉันจะไม่เปลี่ยนไปจากนายคนเดิมที่คอยช่วยดันฉันกลับมาบนทางที่ถูกต้องมาตลอด สัญญากันฉันนะ"


     "มันก็คงยากนะ แต่สิ่งที่เธอไปทั้งหมดถ้าเทียบกับเจ้าบ้าห้าหน่อพวกนั้นมันก็แค่เรื่องเล็กๆ"



     ห้วงความคิดของสาวน้อยที่ค่อยๆปิดตัวลงเพราะความรู้สึกที่จะทำให้ใจของเธอตกต่ำลงได้เปิดออกกว้างอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเสียงให้กำลังใจที่ดังขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้จะเป็นเพียงเสียงในใจของเธอเองก็ตามที


     "การที่จะปกป้องโลกได้จำเป็นต้องฆ่ามนุษย์ให้หมดงั้นเหรอ ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่นะ แต่ถ้ามันเป็นแรงขับเคลื่อนในการต่อสู้ของเธอ ฉันก็คงขัดไม่ได้หรอก"


     อีกครั้งแล้ว เมื่อไหร่เสียงรบกวนที่น่ารำคาญพรรค์นี้จะเงียบลงไปสักที ฮานามิคิดเช่นนั้น


     "คนนี้ใช่อัทสึชิที่เป็นตัวเอกในเกมที่เธอเล่นหรือเปล่า เจ้าหมอนี่อารมณ์ร้ายเหมือนกันนะที่ส่งข้อความแบบนี้มาให้เด็กสาวไร้เดียงสาอย่างเธอ ว่าแต่ตัวละครในตอนแถมของเกมเทคเค่น124อะไรนั่นจะสะท้อนคนที่ชอบใช่หรือเปล่า"



     ดวงตาที่มองเห็นเพียงความสิ้นหวังของฮานามิเริ่มสังเกตเห็นฝ่ามือของใครอีกคนหนึ่งกำลังถูกยื่นเข้ามาอย่างช้าๆราวกับกำลังจะปลอบใจเธอ และเมื่อเธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองเจ้าของฝ่ามือที่ว่านี้ ในความรู้สึกที่บอบช้ำของเด็กสาวผมน้ำเงินธรรมชาติก็ถูกเล่นงานด้วยความเจ็บปวดทันที


     "อัทสึชิ คุง?" สายตาของฮานามิเลือนลางมากจนมองเห็นเป็นเพียงเงาจางๆของคนที่เธอเคยรู้จักเท่านั้น แต่ฮานามิก็ระลึกได้ว่าเขาคนนั้นในตอนนี้ไม่ใช่คนที่จะมาทำแบบนี้กับเธอได้อีกแล้ว


     และความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากชายคนที่กำลังย่อเข่าลงมาซับน้ำตาให้กับเธอก็ต่างออกไปจากอัทสึชิที่ฮานามิรู้จักมาก มีเพียงความอ่อนโยนที่พร้อมจะให้อภัยกับความผิดพลาดทุกสิ่งอย่างเท่านั้น


     "เฮ้อ สำหรับเธอแล้วฉันคงเป็นได้แค่ตัวแทนของโคริคาวะ อัทสึชิเท่านั้นสินะ แต่แค่นี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงบอกชอบฉันต่อหน้ายัยนางฟ้าสมองทึบพวกนั้นเหมือนคนที่รอโอกาสมานาน"



     เมื่อน้ำตาที่ปกคลุมวิสัยการมองเห็นของเด็กสาวผมน้ำเงินถูกเช็ดออกไปจนหมด ภาพของชายคนหนึ่งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่เป็นตัวการของความเปลี่ยนแปลงในบรรดาเซย์ริที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งหมดก็สะท้อนอยู่เบื้องหน้านัยน์ตาทั้งสองข้างของเธอ ความเกลียดชังที่เคยมีเปลี่ยนเป็นความเศร้า น้ำตาที่ถูกเช็ดจนแห้งกลับไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง


     "อ อย่าพูดเหมือนกับฉันเป็นผู้หญิงชอบรุกแบบนั้นนะ ฉันน่ะ ฉันน่ะ" ฮานามิพูดตะกุกตะกัก บางทีน้ำตาที่ไหลออกมาก็มีส่วนให้เป็นแบบนั้น


     "ฉันน่ะเก็บคำๆนี้เอาไว้ลึกๆเสมอมา แล้วอยู่ๆเธอก็มาชุบมือเปิบบังคับให้ฉันพูดคำนั้นออกมา มันจะไม่ขี้โกงเกินไปหน่อยเหรอ"



     สาวเงียบที่เก็บความรู้สึกของตัวเองมาตลอดเริ่มระบายความอัดอั้นในใจออกมาทีละน้อย ใบหน้าที่ชะโลมด้วยรอยช้ำและน้ำตาเมื่อนำมารวมกับริมฝีปากที่เหมือนเก็บเอาทุกสิ่งไปย้ำคิดอยู่เสมอซึ่งมีเส้นผมถูกกลืนเข้าไปนั้นอาจทำให้เธอหมดสวยไปในสายตาของเขา แต่นี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอก็ได้


     ตัวตนที่แท้จริงของเซย์ริที่มีหน้าที่รับผิดชอบสูงกว่าใครทั้งหมด "ฟูจิมิยะ ฮานามิ"




     ฮานามิไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว และยิ่งเมื่อชายคนนั้นเอาแขนโอบศีรษะของเธอเอาไว้ มันก็เป็นตัวเร่งชั้นเลิศให้เธออยากปลดปล่อยความรู้สึกที่สั่งสมเอาไว้ทั้งหมดในอ้อมกอดของเขา ถึงแม้ว่าด้วยร่างกายของผู้ชายคนที่ว่าจะเป็นเพียงเด็กชายที่ยังไงน่าจะเข้าเรียนในระดับประถมึกษาก็ตามที แต่ในเมื่อเขาคือคนเดียวที่ยอมรับการตัดสินใจของเธอ



     มันก็ทำให้ฮานามิร้องไห้ออกมาจนน้ำตาเกือบจะกลายเป็นสายเลือดในทันที



     "พอก่อนเถอะฮานามิ แบบนี้มัน" เสียงอะไรบางอย่างกำลังกรีดร้องอยู่ภายในตัวของฮิซาชิทำให้เขาแทบจะออกแรงปลดอ้อมกอดมรณะของฮานามิในทันที แต่ยิ่งเขาออกแรงดิ้นทฃมากก็ยิ่งเป็นการนำพาตัวเองไปสู่ความตายเร็วขึ้นเท่านั้น


     "ไม่เอาอีกแล้ว! เซย์ริอะไรกัน แองเจลอยด์อะไรกัน ฉันไม่อยากเป็นอีกต่อไปแล้ว!"


      "ฉันเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่ปล่อยฉันออกก่อนที่กระดูกสันหลังฉันจะหักด้วยเถอะ ขอร้องเธอเรื่องเดียวเลย!"



     เวลาผ่านไปหลายนาที ฮานามิที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงก็เริ่มคลายความโศกเศร้าลงได้ทำให้ฮิซาชิสามารถล้วงเข้าไปในส่วนลึกของเธอได้ง่ายขึ้น แม้ว่าในขณะนั้นฮานามิพร้อมจะให้ข้อมูลทุกอย่างที่เขาต้องการก็ตามที


     "ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเธอจะเรียกฉันว่าอัทสึชิคุงที่รักแสนรัก หน้าของฉันเหมือนกับผู้ชายคนนั้นขนาดนั้นเลยเหรอ"



     เด็กชายที่รอดพ้นจากอ้อมแขนมรณะของแองเจลอยด์ผู้โศกเศร้ามาได้เอามือกุมชายโครงทั้งสองข้างเพื่อสำรวจรอยแตกหักที่อาจจะเกิดขึ้น แต่โชคดีที่ฮานามิไม่ได้รัดเขาแรงถึงขนาดนั้น


     "เหมือนกันมากเลยล่ะ เหมือนกันจนแทบจะแยกกันไม่ได้เลย เว้นแต่สีผมกับดวงตาเท่านั้นแหละ"


     "แทบแยกจากกันไม่ออก โคริคาวะ ฮิซาชิ กับ โคริคาวะ อัทสึชิ น่ะเหรอ? ถ้าให้ฉันเดานะ ลิมนาเดสที่เป็นผู้สร้างเซย์ริคู่กับเธอกับคนที่ส่งข้อความนั่นมาให้เธอเป็นคนๆเดียวกัน เป็นเซย์ริเหมือนกันใช่หรือเปล่า"


     ฮานามิแปลกใจกับความสามารถในการทำความเข้าใจของฮิซาชิมาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอประหลาดใจสักเท่าไหร่ เพราะเหตุการณ์ก่อนที่ฮิซาชิจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดโครทินอสนั้น ฮานามิก็อยู่ด้วย



     'เซย์ริเพียงคนเดียวที่เป็นผู้ชาย ผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งโปรแกรมวิวัฒนาการและแกนปีกแปรรูป "ลิมนาเดส" โคริคาวะ อัทสึชิ'




     "ถูกอย่างที่เธอได้ฟังมา อัทสึชิคุงกับฉันเป็นเซย์ริสองคนทีรับผิดชอบในการสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปลงจากมนุษย์ที่แข็งแกร่งออกมาตลอดในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ในตอนนั้นอัทสึชิคุงไม่ได้มีความคิดอื่นเลยนอกจากความตั้งใจที่จะปกป้องพวกมนุษย์จากผู้รุกรานในอนาคตด้วยใจจริง"



     "พวกเราสองคนได้พัฒนาสายพันธุ์ของพวกรุ่นหลังๆให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็ออกมาเป็นเซย์ริต้นกำเนิดสองคนที่มีพลังแข็งแกร่งเหนือเซย์ริธรรมดา คนหนึ่งก็มิรันที่เธอรู้จัก ส่วนอีกคนหนึ่งมีพลังแข็งแกร่งพอๆกับมิรัน แข็งแกร่งจนแม้แต่ฉันก็รับมือลำบากเลยล่ะ แต่วันหนึ่งในระหว่างที่การพัฒนายังไม่สำเร็จดี พวกโต๊ะสูงของมนุษย์ก็ยกเลิกการรับรองพวกเราทั้งสองในฐานะผู้สร้างพร้องกับไล่ตะเพิดพวกเราออกมา จนในที่สุดมิรันที่ได้รับการพัฒนาด้านพลังก็ถูกลดระดับลงมา"


     "เพราะอย่างนั้นอัทสึชิก็เลยโกรธแค้นพวกมนุษย์แล้วต้องการจะล้างแค้น?"


     "เปล่าเลย พวกเราต่างยอมรับในสถานภาพของตัวเองที่ถูกปฏิเสธว่ากำลังยุ่งเกี่ยวกับโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลกมากเกินไป และพวกที่ถูกพัฒนานั้นจะออกมาเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่เปลี่ยนอัทสึชิคุงไปโดยถาวร"


     ฮานามิใช้วิธีการเล่าอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังใช้พลังรักษาให้เธออยู่ และสิ่งที่เล่ามาก็ดำเนินมาถึงฉากสำคัญในที่สุด

      "เหตุการณ์หนึ่ง?" ฮิซาชิเอียงคออย่างสงสัย


      "เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน หลังจากที่พวกเราสองคนถูกมนุษย์ตัดขาดภาวะรับผิดชอบด้านผู้สร้างไปได้ประมาณสามเดือน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พวกเราได้พบกับ-"



     ในระหว่างที่เรื่องกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มนั้นเอง เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นอย่างรุนแรงจนเหมือนกับผ่าลงมาบนหลังคาเหนือศีรษะพวกฮิซาชิขึ้นไปพอดี ความรุนแรงของสายฟ้าในครั้งนี้ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในห้องนั้นเกิดโอเวอร์โหลดจนเสียหายไปหลายส่วน


     และเมื่อฮิซาชิกับฮานามิรีบออกจากอาคารชั้นเดียวที่ถูกตั้งทิ้งเอาไว้ท่ามกลางป่าไม้ใหญ่ สายตาทั้งสองคู่ของพวกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติกลางท้องฟ้าที่หนักหนายิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ซ้ำมาตรวัดระดับพลังในดวงตาของแองเจลอยด์ผมน้ำเงินที่ตรวจจับได้จากศูนย์กลางเมฆพายุนั้นก็ได้ทำให้เธอตกอยู่ในห้วงภวังค์


     "ตรวจพบความบิดเบี้ยวของห้วงมิติเวลา ระดับพลังที่วัดได้ {7.6} พบเซย์ริสองคนภายในห้วงมิติที่บิดเบี้ยว {ฟูจิซากิ มิรัน} {ฟูจิมิยะ ฮานามิ}"


     ฮิซาชิไม่อยากเชื่อในสิ่งที่แองเจลอยด์ข้างๆทบทวนสิ่งที่ปรากฏในดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีส้มออกมาเป็นคำพูด ในเมื่อฮานามิก็ยังยืนอยู่ข้างๆเขาอยู่เลย ไม่มีทางที่จะมีใครอื่นที่สามารถเดินทางข้ามมิติเวลาได้นอกจากเขาที่ทำได้โดยบังเอิญอีกแล้ว


     แต่แล้วในความคิดที่นำเอาการต่อสู้ระหว่างฮานามิกับมิรันและข้อความที่ได้เห็นผ่านมือถือของฮานามิมาตัดแปะเข้าด้วยกัน ก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ปรากฏออกมาล้อเล่นกับสามัญสำนึกของเขาจนได้



     "หรือว่าที่อัทสึชิวางแผนเอาไว้ทั้งหมดก็เพื่อต้องการที่จะ อาศัยพลังของเธอทั้งสองคนเพื่อเปิดอุโมงค์มิติขนาดยักษ์ขึ้นมา!"


     เข่าทั้งสองข้างของฮานามิทรุดลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากเมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนกับตอกย้ำของเด็กชายที่อยู่ข้างๆ แม้ว่าเธอจะเคยเห็นสถานการณ์แบบนี้ในละครที่เธอชื่นชอบมาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม แต่เมื่อมาพบเจอกับตัวเองเข้าจริงๆก็ทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก


     "อย่างนั้นเหรอ สมแล้วที่ตั้งนามสกุลของเราว่าฟูจิมิยะ ที่แท้นายเองก็มีอารมณ์ขันดีเหมือนกันนี่ อัทสึชิคุง"


     เสียงของฮานามิที่พูดกับตัวเองนั้นเปี่ยมไปด้วยความสำนึกในความวิเศษของนามสกุลที่ได้รับมาจากชายหนุ่มที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกันกับเธอ เพราะที่ผ่านมาฮานามิแทบจะไม่เคยรู้สึกอะไรกับความแตกต่างของนามสกุลจาก"ฟูจิซากิ"ที่เป็นเครื่องระบุถึงพวกเซย์ริเลย จนกระทั่งในตอนนี้เอง


     และในที่สุดฮานามิก็สามารถพูดในสิ่งที่เธอต้องการระบายออกมาตั้งแต่เมื่อฮิซาชิพบตัวเธอที่กำลังหมดกำลังใจต่อสู้ในห้องวิจัยส่วนตัวที่สร้างจากอุปกรณ์ง่ายๆของเธอเองแต่แรก และยังพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังที่สุดอีกด้วย




     "ฉันคิดแล้วว่านายกับฉันไม่มีวันอยู่ร่วมโลกกันได้ ฉันเกลียดนายที่สุดเลย! อัทสึชิ!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา