Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
44) ความเสียสละที่จะไม่มีใครเห็นค่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ท่ามกลางความแปรปรวนใจกลางห้วงมิติเวลาที่บิดเบี้ยวบนท้องฟ้ายามบ่ายที่ถูกบดบังจนมืดสนิทราวรัตติกาลที่เย็นยะเยือก นางฟ้าพร้อมกับมนุษย์อีกคนหนึ่งกำลังสังเกตการณ์ความผิดปกติที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานานนี้ด้วยสายตาและจิตใจที่พร้อมจะเข้าต่อสู้ทันทีหากมีอะไรออกมาจากอุโมงค์มิตินั้น
ถึงแม้ว่าโพรงมิติที่เกิดขึ้นนี้จะคงสภาพระดับพลังงานอิ่มตัวมาเป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้วก็ตาม
และด้วยความแปรปรวนที่เปลี่ยนรูปมาเป็นคลื่นไฟฟ้ารุนแรงแผ่ออกมาตลอดเวลานั้นเองที่ทำให้เซย์ริที่แพ้ทางกระแสไฟฟ้าอย่างฮานามิไม่สามารถบินเข้าไปตรวจสอบสถาพถายในได้ นอกจากนั้นยังทำให้ระบบสื่อสารดาวเทียมที่ลอยอยู่ในห้วงอวกาศเหนืออุโมงค์มิตินี้ขึ้นไปไม่สามารถใช้การได้
จึงทำให้ฮิซาชิไม่สามารถติดต่อหาฮิโรมิเพื่อขอกำลังสนับสนุนได้ ถึงแม้ว่าในสถานการณ์แบบนี้จะเป็นเธอมากกว่าที่จะโทรมาหาเขาก่อนใครเพื่อน
และในตอนนั้นเองที่ฮิซาชิมีแผนการอะไรบางอย่าง...
"ฮานามิ... ฉันจะเข้าไปสำรวจสภาพข้างในโพรงมิตินั่นเอง แล้วฉันจะปิดมันซะ!"
นางฟ้าผมน้ำเงินไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ใบหูซึ่งไม่เคยฟังผิดพลาดมาก่อนได้ยินจากปากของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆ แน่นอนว่าเธอไม่เห็นด้วยสุดๆ
"ถ้าเป็นฉันในร่างโคโรน่าที่ป้องกันกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าเกราะของเธอก็น่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก และพลังในร่างนั้นของฉันก็น่าจะเพียงพอในการที่จะทำลายทางเชื่อมของผู้นำมาซึ่งความวิบัติได้ แต่เพื่อจะทำแบบนั้น..."
"พูดอะไรออกมาน่ะฮิซาชิคุง พลังของเธอน่ะยังเทียบไม่ได้กับฉันในตอนนี้เลยนะ แถมเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราใช้พลังที่มีโจมตีใส่ปากทางเชื่อมมิตินั่น จะส่งผลให้ทางออกเสียสมดุลแล้วหายไปเองหรือจะเป็นการกระตุ้นให้อัทสึชิคุงส่งผู้รุกรานตัวใหม่ออกมาเร็วขึ้นก็ยังไม่รู้ รอดูสถานการณ์อยู่ตรงนี่แหละ"
ไ"แต่ผ่านมาตั้งชั่วโมงนึงแล้วก็ยังไม่มีอะไรออกมาเลยไม่ใช่เหรอ แล้วในช่วงเวลานานขนาดนี้พวกเซย์ริระดับล่างๆก็น่าจะเริ่มออกเดินทางมาที่นี่กันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้ใครต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หรอก"
เด็กชายไม่สนใจเสียงของฮานามิที่กำลังจะพูดออกมาหยุดการกระทำทุกอย่างของเขาลงเตรียมเตะเท้าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที แต่หากจะมีสิ่งหนึ่งที่สามารถหยุดยั้งเขาได้ สิ่งนั้นก็ถูกนางฟ้าที่อยู่ข้างๆลงมือทำไปแล้ว
หมับ...
"อย่าไปเลยนะ ฉันขอร้อง..." ฝ่ามืออุ่นๆที่กำลังสั่นเทาถูกยื่นออกมากุมมือขวาของฮิซาชิเอาไว้จนหันกลับมามอง จังหวะนั้นเองที่ฮิซาชิเห็นเธอกำลังขอร้องเขาทั้งน้ำตา
"ฉันรู้ดีว่าถึงฉันจะวิงวอนสักแค่ไหนก็คงหยุดเธอไม่ได้ แต่มิรันกับฮิโรมิล่ะ... เธอคิดว่าสองคนนั้นจะรู้สึกยังไงถ้าเธอเป็นอะไรไป เพราะฉะนั้น..."
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮานามิเปิดเผยความรู้สึกด้านที่อ่อนแอของตัวเองออกมา สำหรับฮิซาชิแล้วใบหน้าที่บูดเบี้ยวจากการกลั้นน้ำตาของเธอเป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นมาตลอดนับตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรกเมื่ออายุได้หกขวบ
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เลย ใบหน้าที่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของสาวน้อยที่อยู่เบื้องหลังนั้นไม่มีเค้าเดิมให้นึกถึงเมื่อวันวานเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าจากนี้ไปฮานามิจะใช้ระบบร่างมนุษย์เทียมในการผูกไมตรีกับเขาเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก แต่ฮิซาชิก็ไม่คุ้นกับความรู้สึกที่เธอแสดงออกมาเลยสักนิด
ราวกับว่าฮานามิที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา กับฮานามิในร่างแองเจลอยด์ที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่คนๆเดียวกันอย่างนั้นแหละ
(ปล.สำหรับคนที่จำไม่ได้ : ฮิซาชิในตอนนี้อายุ22ปีแล้ว เพียงแค่ร่างกายคืนสภาพไปเป็นเด็กเท่านั้น)
"เพราะฉะนั้น..?" เด็กชายย้อนคำพูดของสาวน้อยอย่างสงสัย
"เพราะนายกำลังจะเป็นเพื่อนของฉันในอนาคต เพราะฉะนั้น...อย่าตาย...ต่อหน้าฉันนะ"
เขาเห็นฮานามิตะโกนคำๆนั้นออกมาด้วยเสียงที่เบาและสะอื้นจนแทบจะจับใจความไม่ได้ เช่นนั้นเองมันจึงมีพลังอันร้ายกาจที่สามารถหยุดยั้งเขาเอาไว้ได้
"ฮานามิ..."
"ฉันน่ะเป็นหนึ่งในเทพธิดาที่มีหน้าที่ต่อสู้เพื่อปกป้องพวกมนุษย์ก็จริง ถึงฉันจะไม่รังเกียจที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพวกมนุษย์ก็จริง แต่ฉันไม่อยากจะให้มนุษย์ที่ฉันต้องปกป้องต้องมาตายเพื่อปกป้องฉันเลย นั่นทำให้ฉันสงสัย...ว่าทำไมถึงได้มีมนุษย์บางคนที่ยอมแลกด้วยชีวิตเพื่อช่วยเหลือฉันด้วย แล้วทำไม...ฉันถึงเห็นภาพของนายซ้อนทับกับมนุษย์คนนั้น"
ดวงตาทั้งสองข้างที่แห้งไปด้วยกระแสลมที่พัดอย่างต่อเนื่องมาตลอดหนึ่งชั่วโมงนั้นเริ่มมีคราบของเหลวไหลปัดไปด้านขวาจนฮานามิต้องใช้นิ้วอันเรียวยาวทั้งสองข้างซับมันออกให้หมด และทุกๆครั้งที่ทำแบบนั้นจะต้องมีน้ำตาระลอกใหม่ไหลออกมาทดแทนอยู่ตลอดเวลา เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดจนฮิซาชิต้องลงมาช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอจนลืมเรื่องที่เขากำลังจะทำไปจนหมด
"ทำไมมนุษย์ที่ฉันเคยเห็นถึงได้มีแววตาที่เหมือนแบ่งแยกพวกเราออกจากมนุษย์ทั่วไป ทำไมถึงได้มีแต่เซย์ริอย่างพวกเราที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักกับความรัก...ไม่มีโอกาสได้รู้จักความสบายของการนอนหลับ แล้วทำไมถึงมีแต่นายเท่านั้นที่ปฏิบัติกับพวกเราเหมือนเป็นมนุษย์ปกติ ทั้งยั่วโมโห ทั้งหยอกล้อ ทั้งเล่นสนุก แล้วทำไม...นายถึงได้ทำหน้าอ่อนโยนแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาล่ะ?"
ห้วงความคิดของนางฟ้าที่ทลายกำแพงที่กั้นเธอเอาไว้จากความอ่อนโยนและความขมขื่นในการแสดงอารมณ์อย่างตรงไปตรงมาได้มีคำถามที่ไม่กล้าเอ่ยออกมาอัดแน่นอยู่จนริมฝีปากของเธอเริ่มจะขยับไปตามความอยากรู้ที่พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ
บางทีเรื่องที่ว่าเซย์รินั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถมีความรักกับใครได้ ไม่สามารถนอนหลับได้นั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเสียทีเดียว อาจเป็นเพราะไม่มีใครเปิดใจให้กับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และนางฟ้าอย่างเธอก็ได้ที่ทำให้หัวใจของพวกเธอปิดกั้นตัวเองจนไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากผู้อื่น
หากเป็นเช่นนั้นแล้วการที่พวกเธอจะนิยามตัวเองว่าไม่สามารถรู้จักกับความรักได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย และไม่แน่ว่าเซย์ริอย่างฮานามิเองก็สามารถนอนหลับพักผ่อนได้เช่นกัน...เพียงแค่พวกเธอรู้หลักการเท่านั้น
"มีอะไรเหรอ... เห็นไม่ขยับอะไรเลยมาตั้งนานแล้ว หน้าฉันมีรอยเลือดติดอยู่หรือไง?"
สติที่หลุดลอยเข้าไปในความคิดที่ฟุ้งซ่านผิดสามัญสำนึกของเหล่านางฟ้าดัดแปลงได้ถูกเรียกกลับคืนมาด้วยเสียงของเด็กชายที่เริ่มจะแข็งขึ้นจากการที่ถูกจ้องหน้าเป็นเวลานาน แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูเหมือนกับกำลังเขินมากกว่าบูดบึ้งก็ตาม
"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่..." ฮานามิเบนหน้าหลบสายตาของเด็กชายอย่างไม่รู้ตัว และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยเช่นกัน
"วิกฤติที่ร้ายแรงที่สุดของโลก บทบรรเลงได้เริ่มขึ้นแล้วนะ"
สิ้นเสียงของฮานามิก็ชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังแปรปรวนราวกับใจกลางพายุที่พร้อมจะฉีกกระชากแม้กระทั่งผืนฟ้าเบื้องบนให้ขาดเป็นชิ้นๆ เพียงสัมผัสแรกที่ฮิซาชิรู้สึกเมื่อหันหน้าตามปลายนิ้วของเธอขึ้นไปนั้นก็มีความรู้สึกบางอย่างที่เหมือนกับกระตุ้นต่อมความกลัวให้ทำงานจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
สามสิบเมตร... สี่สิบเมตร... ไม่ใช่! ใหญ่กว่านั้นอีก!!
สายตาของฮิซาชิเบิกกว้างในทันทีที่เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างกำลังค่อยๆปรากฏออกมาจากก้นหลุมที่เกิดจากความบิดเบี้ยวของมิติเวลา สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดที่เคยถูกฮานามิจัดการไปได้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนค่อยๆยื่นหน้าออกมาจากโพรงมิติที่เริ่มมีรอยฉีกขาดจากการขยายตัวมากเกินขีดจำกัด แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่เกินกว่าจะมีสิ่งใดเทียบนั้นก็ได้ทำให้ลำตัวของสัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่สามารถดันออกมาจากโพรงได้ทั้งหมด
นี่จึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะสามารถเล่นงานมันได้ ไม่เช่นนั้นก็จงลิ้มรสความสิ้นหวังที่โลกกำลังถูกทำลายลงต่อหน้าได้เลย
เว้นเสียแต่คนที่สามารถต่อสู้กับมันได้ในทันทีนั้นกลับไม่ยอมออกหน้ารับสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ... ผู้ที่พร้อมจะแบกรับความเสียสละครั้งยิ่งใหณ่นี้ได้ถูกขัดขวางไม่ให้ออกมาต่อสู้ได้นั่นเอง
และเช่นเดิมที่ฮิซาชิจะถูกแองเจลอยด์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งคู่กับมิรันท่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจนไม่สามารถต่อสู้ได้ขัดขวางเอาไว้จนเริ่มมีความคิดที่จะเข้าต่อสู้กับเธอหากจำเป็นจริงๆ และเธอก็เตรียมใจที่จะต้องเล่นงานเด็กชายให้อยู่ในสภาพปางตายเอาไว้แล้ว
"ทำไมกันล่ะ! ทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ฉันออกไปสู้กับสัตว์ประหลาดนั่นสักที ทั้งๆที่ถ้ารวมพลังพวกเราสองคนเอาไว้ด้วยกันก็น่าจะจัดการสัตว์ประหลาดนั่นได้ก่อนที่พวกเซยริคนอื่นๆจะเดินทางมาถึงไม่ใช่เหรอ ระยะทางจากเอเชียมาแคนาดาก็ไม่ใช่ใกล้ๆด้วย..."
ฮิซาชิดึงดันจะออกไปท้าทายความตายให้ได้ ในขณะที่ฮานามิแค่ตรึงแขนเขาเอาไว้นิ่งๆก็สามารถหยุดยั้งการเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด
"ไม่ไหวหรอก พลังของพวกเรายังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเจ้าตัวนั้นได้หรอก อีกอย่างถึงการโจมตีของพวกเราจะไม่ถูกสกัดด้วยม่านสายฟ้าภายในอุโมงค์มิตินั่น มันก็ไม่มีทางสร้งอาการบาดเจ็บผ่านร่างเกราะหนาๆแบบนั้นได้หรอก รอเอาไว้ให้พร้อมกว่านี้แล้วค่อยสู้กับมันเถอะ"
"เธอกำลังหมายถึงจะรอให้เซย์ริระดับหนึ่งระดับสองมาสมทบกับพวกเราเพื่อใช้จำนวนเข้าชนน่ะเหรอ คิดบ้างหรือเปล่าว่าเพื่อการนั้นจะมีเซย์ริสักกี่คนที่ต้องจบชีวิตเพราะมัน ถ้าพวกเราใช้พลังสูงสุดกระหน่ำโจมตีเข้าไปที่จุดๆเดียวให้เกราะมีรอยร้าวแบบที่เธอเคยบอกฉันก็น่าจะเอาชนะมันได้ไม่ใช่เหรอ"
"ฉันเคยพูดกับเธอเรื่องนั้นด้วยเหรอ? จะบอกให้นะว่าพวกเราไม่มีโอกาสที่จะทำแบบนั้นได้ในสถานการณ์ที่สัตว์ประหลาดมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งถึงสองชั้นหรอกนะ รอให้การป้องกันของมันลดลงก่อนแล้วค่อยสู้เถอะ!"
"ถ้ารอให้ถึงตอนนั้นคิดว่าจะมีเซย์ริต้องตายสักกี่คน เธอคิดบ้างหรือเปล่า!"
"แล้วถ้าเธอต้องตายไปกับแผนการบ้าๆนั่น คิดว่าจะมีมนุษย์สักกี่ล้านคนที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับมัน!!"
เสียงตวาดที่ไม่เคยได้ยินออกมาจากนางฟ้าที่แทบจะไม่เคยความรู้สึกทางสีหน้าดังสะท้านจนฮิซาชิไม่สามารถพูดอะไรถัดจากนี้ได้อีก ดังเช่นยุคสมัยของเขาก็มีอุทาหรณ์มาแล้ว เช่นนั้นฮิซาชิจึงรู้ตัวดีว่าถ้าเขาต้องตายในสถานที่แบบนี้อีก...
เรื่องทั้งหมดจะวนเข้าสู่ลูปเดิม และถูกอย่างที่ฮานามิพูดเอาไว้... เขาจะมาตายในที่แบบนี้ไม่ได้
"เข้าใจแล้วน่าๆ! พวกเราจะรอจนกว่าสัตว์ประหลาดนั่นจะออกมาจากอุโมงค์มิตินั่น แล้วจากนั้นก็จะใช้วิธีสังหารเทอร์รารอยด์ตามที่ฉันได้ฟังมาจากเพื่อนสมัยเด็กของฉัน เท่านี้พอใจแล้วใช่ไหม"
ฮิซาชิกลั้นใจที่พร้อมสละสิ้นทุกสิ่งเพื่อที่จะปกป้องทุกชีวิตบนโลกเอาไว้หันหลังให้กับผู้รุกรานตัวใหม่ที่กำลังแหวกร่างออกมาจากปากทางออกของโพรงมิติอย่างช้าๆ แม้ว่ามันจะสามารถออกมาได้เพียงลำคอเท่านั้นก็ตาม
และในตอนที่สถานการณ์กำลังถูกปล่อยให้เป็นไปอย่างช่วยไม่ได้นั้น ฮานามิก็มีความคิดใหม่มาเสอนให้กับเด็กชายผู้ร้อนรนอยากฆ่าสัตว์ประหลาดให้ได้จนออกนอกหน้าทำให้เปลี่ยนสีหน้าไปโดยสิ้นเชิง
"ก็เห็นจะเป็นอย่างนั้น... แต่นอกจากวิธีนี้พวกเราก็ยังมีอีกทางที่จะเอาชนะมันได้นะ"
ฮิซาชิหันมาตามเสียงแห่งความหวังของฮานามิ ในขณะนั้นสายตาของเขามองเห็นแสงสีน้ำเงินกำลังทอประกายออกจากตำแหน่งของแกนปีกของเหล่าแองเจลอยด์ที่กลางแผ่นหลังของเธอ ก่อนที่แสงนั้นจะค่อยๆเคลื่อนตัวมาตามลำแขนจนหลุดออกมาจากร่างในที่สุด
"คือทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นจนเหนือกว่าฉันยังไงล่ะ!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ