Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) ความลังเล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันทำแบบนั้นอีก...คราวหน้าเธอก็จัดการศัตรูของเธอด้วยตัวเองซะสิ!"
คำพูดเสริมสร้างความมั่นใจประสานกับในเสียงเชิงประชดของฮานามินั้นได้ถูกย้ำไปย้ำมาท่ามกลางความนึกคิดของแองเจลอยด์ระดับ2ที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนั้นด้วยซึ่งเธอในตอนนั้นทำได้เพียงช่วยบั่นทอนพลังทำลายของเปลวเพลิงผลาญของสัตว์ประหลาดเพื่อให้พวกฮิซาชิสามารถกางม่านป้องกันปกป้องฮานามิที่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆโดยไม่คิดปัดป้องหรือหลบหลีกแต่อย่างใด แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนั้นจะเป็นที่ยอมรับของฮิซาชิกับฮิโรมิและผ่านเลยมาเป็นเวลากว่าสามสัปดาห์แล้วก็ตาม...
"ในตอนนั้น...เธอไม่ได้ใช้พลังเต็มร้อยใช่ไหม!?" เสียงเอ่ยขัดความคิดของเด็กชายที่ดังขึ้นมานั้นทำให้มิรันหันควับ
"นายหมายความว่ายังไง..." ซึ่งมิรันก็ถามกลับในทันที
"ตอนที่ฉันกางม่านป้องกันเปลวเพลิงลำนั้น...ฉันไม่รู้สึกถึงพลังของเธอที่น่าจะเจือปนอยู่ภายในนั้นเลยสักนิด ถึงเธอจะบอกว่าลำแสงไม้ตายของเธอมันสลายไปตอนที่ปะทะกันก็เถอะ แต่ถ้าเธอปล่อยท่าไม้ตายนั่นออกมาเต็มกำลังจริงๆ...มันก็น่าจะมีละอองแสงจากท่าของเธอปะปนเข้ามาในเปลวไฟพวกนั้นด้วย ทีนี้ทำไมกันล่ะ..!?"
"ทำไม..!?"
"ทำไมในตอนนั้น...เธอถึงไม่ใช้ท่าไม้ตายของเธอจัดการสัตว์ประหลาดตัวนั้นไปซะเลยล่ะ!?"
มิรันรู้สึกเหมือนกับได้ยินคำพูดสั่งสอนเปิดเล่นย้อนอีกครั้งหนึ่ง เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์มากกับคำพูดที่ออกมาจากช่องคอที่ไร้หูรูดของเด็กชายที่เธอยอมให้เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยจนกว่าเขาจะสามารถหาที่ไปให้กับตัวเองได้ มิรันหมุนปลายเท้ากลับก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง...
"ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจความรู้สึกที่ไม่อยากจะต่อสู้กับใครของเธอหรอกนะ ที่จริงฉันเองก็ไม่ได้อยากจะต่อสู้สักเท่าไหร่หรอก... แต่ว่า-"
เสียงของฮิซาชิที่ดังไล่หลังมิรันมาอีกครั้งหนึ่งนั้นทำให้สาวน้อยหยุดฝีเท้าลง เธอขบฟันอย่างหงุดหงิด
"มันหายไปไหนแล้วล่ะ..."
คราวนี้มิรันหันหน้ากลับมาหาฮิซาชิพร้อมกับหยดน้ำที่กระเซ็นออกมาจากต่อมน้ำตาที่ถูกกระตุ้นได้ง่ายของเธอ ท่าทีของมิรันในตอนนี้นั้นดูต่างไปจากที่ฮิซาชิเคยเห็นเป็นประจำทุกวันโดยสิ้นเชิง
"ตัวนายที่เคยอ่อนโยน... ฮิซาชิที่ใจดีและให้อภัยคนอื่นได้ทุกเรื่องคนนั้นน่ะ...หายไปไหนแล้วล่ะ!! นายในตอนนี้มันก็แค่ฆาตกรกระหายเลือดเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ!!"
"ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า!! ถ้าเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย...ต่อให้ต้องฆ่าสัตว์ประหลาดหรือผู้นำมาซึ่งความวิบัติสักเท่าไหร่ก็ต้องทำไม่ใช่เหรอ!! seiriที่เกิดมาเพื่อต่อสู้อย่างเธอก็น่าจะรู้ดีนี่นา..!!"
"seiriงั้นเหรอ... ฉันไม่ได้อยากจะเกิดมาเป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนพวกมนุษย์อย่างนี้สักหน่อย!! มนุษย์ที่อยู่กินอย่างสุขสบายโดยอาศัยความเสียสละที่ไม่มีใครเห็นค่าของพวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้นหรอก!! ความรู้สึกของพวกเราน่ะ...นายจะไปเข้าใจอะไร!!!"
"เข้าใจเซ่!!!!"
เสียงตวาดสุดท้ายที่ฮิซาชิปล่อยออกมานั้นทำให้จิตใจที่เริ่มจะเปราะบางจนต้องระบายเอาสิ่งปฏิกูลที่ทำให้เหตุการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นเกิดขึ้นออกมาของมิรันถึงกับชะงักลง เนื่องจากที่ผ่านมาเธอคิดอยู่เสมอว่าความลำบากของseiriอย่างพวกเธอที่ทุ่มเททุกอย่างแม้แต่ชีวิตเพื่อปกป้องพวกมนุษย์ที่อ่อนแอกว่านั้นไม่มีทางที่จะได้รับความเห็นใจและการเหลียวแล จนตอนนี้ก็เช่นกัน...
"เธอคิดว่ามีแค่seiriอย่างพวกเธอเท่านั้นหรือไงที่แปลกแยกจากมนุษย์... เธอคิดว่าที่มนุษย์อย่างฉันมีพลังเหมือนกับพวกเธอนั่นเป็นเรื่องบังเอิญหรือไง!!! ฉันจะบอกให้รู้เอาไว้เลยนะว่าถึงในตอนนี้จะมีแค่seiriอย่างพวกเธอเท่านั้น...แต่อีก5ปีจากนี้ที่เป็นปีเกิดของฉัน พวกมนุษย์ที่เธอจงเกลียดจงชังนักหนาจะสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปลงกลุ่มใหม่ขึ้นมาแทนที่seiriที่ถูกล้างเผ่าพันธุ์ แล้วหนึ่งในนั้นก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว...กำลังตะโกนใส่หน้าเธออยู่นี่ไง!!!"
เมื่อได้ยินคนที่เยือกเย็นและสดใสอยู่ตลอดเวลาอย่างฮิซาชิปลดปล่อยความเจ็บแค้นที่สะสมเอาไว้ในใจออกมาดังนั้น ทำให้seiriที่ประสาทฉีกวีนใส่เขาก็จำใจเงียบไปในทันใด มิรันก็เพิ่งจะมารู้เมื่อสักครู่นี้แหละว่าคนที่ต้องเจ็บปวดนั้นไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว...กระทั่งฮิซาชิก็กำลังเจ็บปวดกับการมีชีวิตอยู่เหมือนกัน
และในตอนนั้นเองที่ทำให้มิรันย้อนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เธอพบกับฮิซาชิครั้งแรก... ในตอนนั้นที่ฮิซาชิเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาได้พบเจอในช่วงอนาคตถัดจากนี้ไปอีก27ปี ตอนนั้นเด็กชายคนดังกล่าวไม่ได้เล่าเรื่องชาติกำเนิดหรือการต่อสู้แตกหักระหว่างมนุษย์กับseiriที่มีชีวิตรอดอยู่อย่างละเอียดเลยสักครั้ง
"ฮิซาชิ... หรือว่าที่นายไม่อยากจะเล่าเรื่องอนาคตอย่างละเอียดในตอนนั้น...ก็เพราะแบบนี้"
"ฉันเองก็เหมือนกับเธอนั่นแหละ...ฉันน่ะไม่ได้อยากจะเกิดมาเป็นอสุรกายในคราบมนุษย์แบบนี้หรอก ความรู้สึกของเธอที่ต้องปกป้องคนจำนวนมากโดยไม่มีใครสนใจแม้แต่จะรู้จักชื่อของเธอมันเป็นยังไง...ทำไมฉันจะไม่รู้ ที่ผ่านมาเธอต้องทรมานแค่ไหน...จริงๆแล้วเธอเป็นคนยังไง... แค่ได้คุยกับเธอแค่ครั้งเดียวฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะน่า!"
ฮิซาชิฉวยโอกาสพูดถึงตัวตนที่แท้จริงที่มิรันเป็นตามที่ตัวเองคิดเอาไว้ออกมาให้เจ้าตัวได้ฟังด้วย ซึ่งนั่นเองก็ได้ทำให้ทั้งสองคนร้องไห้ออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
และในตอนนั้นเอง...เค้าลางแห่งหายนะก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
"ไม่จริงน่า... สัตว์ประหลาดแค่ตัวเดียวจะจัดการseiriทีเดียวเป็นสิบๆคนได้ยังไง!!"
"ฉันไม่รู้เฟ้ย! ที่รู้ๆคือเจ้านี่มันไม่ธรรมดาแล้วล่ะ!!"
มิรันกับฮิโรมิยังคงยืนหยัดเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดตัวใหม่ที่ไม่ทราบที่มาแน่ชัด ร่างกายของมันใหญ่โตกว่ามนุษย์นิดหน่อย ส่วนผิวหนังของมันมีเกราะสีส้มห่อหุ้มอย่างหนาแน่นและแข็งแกร่งจนการโจมตีธรรมดาสามารถทำอันตรายมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นมาโดยไม่รู้ที่มาแน่ชัด...ไม่ทราบถึงระดับพลังที่ชัดเจน...ไม่รู้ว่าจะเกิดมาทำไม
แต่ที่ทั้งสองคนรู้เพียงอย่างเดียวก็คือ...ฮิซาชิถูกมันเล่นงานจมกองเลือดไปแล้ว!!
"โธ่... ฮิซาชิผู้น่าสงสารต้องไปเป็นอาหาร"
"มันใช่เวลามาเล่นไหมเนี่ย!"
"งั้นเอางี้แล้วกัน..."
ทั้งมิรันและฮิโรมิจัดการเร่งพลังขึ้นสู่ระดับสูงสุดเพื่อจัดการสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าทันทีเพื่อเป็นการปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์และseiriทั้งหมดให้เหลือรอดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเพื่อเป็นการล้างแค้นให้ฮิซาชิที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย...
"รับไป!! ดาบโฟตอนทำงานเกินขีดจำกัด คริสซาออร์!!!"
"หมู่ดวงดาราจงสาดแสง!! พลาสม่า แสลชเชอร์!!!"
การโจมตีครั้งสุดท้ายที่อัดแน่นไปด้วยพลังระดับสูงสุดของseiriที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ3,4ได้พุ่งเข้าปะทะร่างของสัตว์ประหลาดตายยากที่อยู่ตรงหน้าด้วยจุดประสงค์ที่แน่วแน่ที่สุดเท่าที่พวกเธอจะเคยจริงจังกับชีวิต... ความเร็วโจมตีที่สูงมากราวกับสายฟ้าสีแดงฟ้าที่ฟาดฟันใส่สายล่อฟ้าด้วยพลังทำลายกว่า6ร้อยล้านโวลต์ที่แม้แต่ฉนวนไฟฟ้าที่ดีที่สุดของโลกยังไม่สามารถป้องกันได้ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเร่งได้ และแล้ว!!
ครืน... เปรี้ยงงง!!!!
การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของทั้งสองคนนั้นกลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายด้วยการสะบัดหางที่ยาวเกือบสิบเมตรที่หุ้มด้วยเกราะสีส้มที่เจือไปด้วยสารบางอย่างที่ทำให้มันมีเงาสีเงินเพียงครั้งเดียว ยิ่งกว่านั้นลูกพลังที่มีพลังทำลายสุดคาดเดาของพวกเธอทั้งสองคนนั้นก็ถูกสะท้อนกลับเข้าหาตัวอีกด้วย
และด้วยพลังทำลายมหาศาลนั้น...ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อแกนปีกของพวกเธอจนถูกทำลายสิ้น!!
"อ๊าาาาา!!!!!" "กรีีดดดดดดด!!!!"
GAME OVER......
"อะไรกันฟะ!! ทำไมเจ้าเกมนี้มันถึงได้เล่นยากขนาดนี้วะเนี่ย!! แล้วเจ้าบอสสุดท้ายนี่ผู้สร้างจะไม่ยอมปล่อยให้มีใครเอาชนะได้เลยหรือไงกันเนี่ย!! นี่ขนาดรุมสามแล้วนะ!!!"
หน้าจอสีดำที่แสดงตัวอักษรภาษาอังกฤษสีแดง7ตัวซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นของพลังระหว่างเหล่าseiriและสัตว์ประหลาด'อาซาเซล'นั้นได้ทำให้ผู้เล่นทั้งสามคนถึงกับล้มลงไปบนผืนเสื่อสีเขียวอ่อนด้านหลังทันทีอย่างหมดแรง
และแน่นอนว่าเจ้าเกมนี้คือ... "เทคเค่น 124" นั่นเอง!!
"ในระดับมหาพ่อมหาแม่อิมมอร์ทอลนี่... มันจะมีใครสักคนไหมนะที่จะเล่นผ่านเจ้าอาซาเซลนี่แล้วไปพบกับฉากจบสุดท้ายที่สุดจะเร้าใจนั่นน่ะ"
ในระหว่างที่ฮิโรมิซึ่งไม่คิดจะยอมแพ้ให้กับความต่างชั้นและโอกาสที่พวกเธอจะพ่ายแพ้ที่คำนวณเป็นตัวเลขได้มากกว่าหลักแสนกำลังจรดนิ้วลงบนปุ่มเริ่มเกมใหม่แบบ3-3นั้นเอง... สายตาที่ไม่ได้ผละออกจากหน้าจอแก้วมานานกว่าชั่วโมงของเด็กชายที่ถือครองจอยหมายเลข3ก้เหลือบไปเห้นใครบางคนที่นอกหน้าต่างใสเข้าพอดี...
ใครบางคนที่ต่างออกไปจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด!
"นายจะให้ฉัน...เล่นเกมนี่กับพวกนายงั้นเหรอ" ฮิซาชิพยักหน้าทันทีที่ยื่นจอยหมายเลข4ให้กับสมาชิกใหม่
"เอาน่าๆ... ยังไงเธอก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างสบายสักเท่าไหร่หรอกใช่ไหมสำหรับแองเจลอยด์ที่เป็นความหวังของทุกคนน่ะ คิดซะว่านี่เป็นการพักผ่อนคลายเครียดก็แล้วกันนะ..."
เมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กชายที่รีบวิ่งออกไปชวนเธอที่กำลังส่งสายตาเบื่อหน่ายให้พวกเขาจากนอกรั้วบ้านพูดขึ้นมา สาวน้อยผมดำประกายน้ำเงินที่ถูกเขาเรียกมาทำอะไรเรื่อยเปื่อยในแบบที่seiriอย่างเธอไม่สามารถสัมผัสได้บ่อยนักก็หันไปมองมิรันที่ทำสีหน้าไม่พอใจกับการปรากฏตัวของสาวน้อยในบ้านของเธอเองด้วยสายตาเอือมระอา ก่อนที่เธอจะจรดนิ้วไปยังปุ่มเริ่มเกมใหม่อย่างไม่รีรอ
"เอางั้นก็ได้... ฉันจะแสดงให้เธอเห็นเองว่าความต่างชั้นระหว่างคนที่ลังเลกับคนที่แน่วแน่ให้เห็นเอง!"
จะแน่วแน่หรือลังเลก็ช่าง... แต่ยังไงมันก็เป็นแค่เกม ต่อให้เป็นseiriที่แข็งแกร่งกว่าก็ต้องต่อสู้ด้วยระดับพลังที่เท่ากันอยู่ดี แล้วต่อให้เป็นเธอก็ไม่มีวันผ่านเจ้าอาซาเซลไปได้อยู่ดี
.
.
.
"อะ..อะ..อะ.."
LEVEL CLEAR!!!
"สุด...สุดยอด! เอาชนะอาซาเซลได้ดดยเลือดลดไม่ถึงครึ่ง แถมคนที่ตายก็มีแค่ฮิซาชิกับมิรันเท่านั้นเอง!!"
เหตุผลที่ฮิซาชิตายนั้นก็เพราะเขากระโดดเข้ามารับการโจมตีที่หนักหน่วงของอาซาเซลแทนฮิโรมิที่มีพลังชีวิตต่ำกว่าหนึ่งในสิบอย่างไม่คิดชีวิตจนลงไปนอนจมกองเลือดอีกครั้ง ในขณะที่มิรันนั้นคิดแต่จะทำให้ได้เหนือกว่าฮานามิจึงบุกเดี่ยวเข้าไประดมยิงท่าไม้ตายใส่อาซาเซลเป็นชุดๆจนลงไปนอนจมกองเลือดเป็นคนแรก ในขณะที่ฮานามินั้นใช้วิธีถอยออกมาโจมตีระยะไกลโดยอาศัยการโจมตีล่อระยะประชิดของฮิซาชิและฮิโรมิที่ยังรอดชีวิตจนเอาชนะได้
ซึ่งนั่นก็ทำให้มิรันไม่พอใจเช่นเดียวกัน... แต่แล้วสิ่งที่ทำให้มิรันยอมเสียเงินซื้อเกมนี้มาก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว!
"ใจเย็นๆน่า..! จะยังไงฮานามิก็อายุมากกว่าเธอตั้งเท่าไหร่...ที่เธอจะเล่นได้ไม่เก่งเท่ายัยนั่นมันก็ช่วยไม่ได้นะ!"
"ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า... เพราะยังไงสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอดตั้งแต่ที่ซื้อเกมนี้มาเมื่อสิงอาทิตย์ก่อนก็บรรลุผลแล้วนี่ ทีนี้เธอก็จะปลดล็อกอีเว้นท์พิเศษแล้วนะ มิรัน..."
"อีเว้นท์พิเศษ...เหรอ!?"
ฮิซาชิสงสัยในสิ่งที่ฮิโรมิพูดปลอบใจมิรันที่พยายามกลั้นน้ำตาที่เหนือกว่าฮานามิที่เป็นคู่ปรับสำคัญไม่ได้เป็นอย่างมาก แต่ในขณะนั้นเอง...อีเว้นท์พิเศษสำหรับผู้ที่เคลียร์ด่านอาซาเซลในระดับยากที่สุดได้ก็ได้เริ่มฉายขึ้นมาแล้ว!!
.........................................................
"นี่! เจ้าหนุ่มมนุษย์...นายมีอะไรจะบอกกับฉันงั้นเหรอ!?"
แองเจลอยด์ผมสีฟ้าคนหนึ่งเอ่ยปากถามมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งที่พาเธอมายังสถานที่ลับตาคนเช่นนี้
"ฉันรู้ดีว่าแองเจลอยด์ไม่สามารถรู้จักกับความรักได้...แต่ฉันมีอะไรจะบอกกับเธอนะ" ผู้ชายคนหนึ่งพูด
แต่ในตอนนั้นเองที่แองเจลอยด์สาวที่น่าจะยังอยู่ในระดับแรกรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
"แองเจลอยด์งั้นเหรอ..!? ถ้าแบบนี้เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว!!"
เธอพูดด้วน้ำเสียงโกรธก่อนจะเชิดหน้าเดินออกไปโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเลยแม้แต่น้อย แต่ในจังหวะนั้นเอง...ฝ่ามืออันหยาบกร้านของชายคนนั้นก้ได้เข้ามาโอบอุ้งมือที่อ่อนนุ่มของเธอเอาไว้
"ฉันอยากจะบอกเรื่องนี้กับเธอจริงๆนะ!! อย่างน้อยเธอจะแค่รับฟังสักนิดก็ยังดี... ขอร้องล่ะ!"
ชายหนุ่มเร่งเสียงขึ้นดังก่อนจะคุกเข่าลงด้วยความอ่อนแรงและความหวาดหวั่นในสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้
"ฉันรักเธอจริงๆนะ!! อยากจะให้เธอมีความสุขจริงๆ ฉันน่ะ...ไม่อยากเห็นเธอต้องเจ็บตัวอีกต่อไปแล้ว!!
ชิอินะ!!!"
ทันทีที่ได้ยินคำอ้อนวอนที่เปล่งออกมาจากใจจริงๆของชายหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษเข้าไปแล้ว แองเจลอยด์ที่ไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า'ความรัก'ได้นั้นก็เผยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งรินออกมา
"นาย...รู้ไหมว่าฉันรอที่จะฟังคำๆนั้นมานานแค่ไหนน่ะ!" คำๆนั้นไม่ใช่การบอกรักหรอก...
หากแต่เป็นชื่อจริงๆของเธอต่างหาก!!
"เพราะงั้นขอร้องล่ะ!! อย่าทำอะไรเสี่ยงๆเพื่อพวกเราอีกเลยนะ!! อย่าจากฉันไปเลยนะ...ชิอินะ!!"
ชิอินะเอามือแตะไหล่ของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเผยยิ้มที่สดใสยิ่งกว่าเดิมออกมา
"ก็ได้... ถ้านายขอร้องฉันถึงขนาดนั้น...ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว ฮิซาชิคุง!"
ร่างกายของชิอินะเปล่งแสงสีขาวออกมาเหมือนกับสีผมที่ขาวราวกับขี้เถ้าจากการเผาถ่านของเธอ ก่อนที่ร่างกายของเธอจะกลายเป็นสาวน้อยอายุ16อย่างรวดเร็ว...
.......................................................
"ฮิซาชิงั้นเหรอ... มิรัน!!"
ทางด้านของผู้ชมที่ได้ดูฉากโรแมนติกระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะมีใครคนไหนที่จะเห็นความสำคัญในการจดจำชื่อจริงของเธอจนจบไปแม้แต่ฉากสีชมพูแล้ว มิรันและฮิโรมิรู้สึกได้ถึงความรู้สึกใหม่ที่เข้ามาล้อเล่นในจิตใจของพวกเธอทันทีที่ได้เห็นหน้าของพระเอกที่คล้ายกับฮิซาชิตัวจริงที่อยู่ข้างๆพวกเธอ ซึ่งฮิซาชินั้นก็หมดสติไปเนื่องจากอาการเสียเลือดทางจมูกออกมามากเกินเหตุ เพราะหมัดขวาพิทักษ์ลูกสาวของฮานามินั่นเอง...
ในขณะที่ฮานามินั้นไม่ได้มีท่าทางประทับใจอะไรกับฉากนี้เลย... เธอยังคงแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาเหมือนเดิมตั้งแต่ตั้งแต่เริ่มเล่นเกมจนกระทั่งแถบเครดิตขึ้นมา
"จะว่าไปแล้ว...ฮานามิ! ที่เธอเล่นเก่งขนาดนี้รวมทั้งไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับเจ้าฉากอย่างว่านี้เลยก็แสดงว่าเธอเคยเคลียร์ด่านนี้มาก่อนแล้วสินะ...ตอนนั้นเธอใช้ชื่อพระเอกว่าอะไรเหรอ!?"
ฮิซาชิหันมาถามฮานามิที่ยังคงนิ่งอยู่กับที่นั่งทันทีที่ได้สติกลับคืนมา ซึ่งคำถามนี้ทั้งฮิโรมิและมิรันเองก็สงสัยเช่นกัน
"นายถามว่าฉันใช้ชื่อพระเอกว่าอะไรงั้นเหรอ..."
ฮานามิถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะเฉลยชื่อพระเอกสีชมพูออกมาให้ผู้ที่ปรารถนาจะรู้คำตอบนั้นได้รู้ ซึ่งพวกเขาทั้งสามนั้นก็รอที่จะฟังอย่างใจจดใจจ่อ
"ฉันบอกให้ก็ได้เอ้า..! ชื่อของพระเอกที่ฉันใช้ตอนนั้นก็คือ..."
คำตอบที่ฮานามิเฉลยออกมานั้นได้ทำให้ฮิโรมิเกิดหน้าแดงขึ้นมาในทันที ส่วนฮิซาชิที่ได้ยินคำตอบนั้นด้วยก็ถึงกับทำสีหน้างงอย่างไม่มีตรรกกะใดๆอธิบายได้... ในขณะที่มิรันนั้นรู้สึกฉุนจนเลือดขึ้นหน้าเลยทีเดียว!
"อัทสึชิ..."
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ