Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) ความปรารถนาที่เริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "มิรัน... เธอคงจะไม่ได้ยังอาลัย 'เจ้าหมอนั่น' อยู่อีกหรอกนะ"
สิ่งที่ค้างอยู่ในใจของฮิโรมิหลังจากที่ได้ยินคำพูดที่สาวน้อยที่เธอพาดพิงถึงนั้นได้ไปกระตุ้นเอาความหลังที่แสนเลวร้ายที่เธอไม่อยากจะนึกถึงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่เทอร์รารอยด์สาวสัมผัสได้ทันทีที่เจ้าสิ่งแปลกปลอมที่จะกัดกินจิตใจของเธอจากภายในนั้นตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากสิ่งที่นักสำรวจถ้ำมือใหม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเธอจะไม่ได้เห็นแสงสว่างภายนอกดวงตาสีเพลิงของเธออีกต่อไป
"มีอะไรหรือเปล่า... ฮิโรมิ"
ฮิซาชิหันกลับมาถามสาวน้อยที่เอามือกุมหน้าอกเอาไว้แน่นหลังจากที่เดินเข้าไปถามสิ่งที่มิรันกระซิบเข้าที่ข้างใบหูของเธออย่างกระหายใคร่รู้ และเพราะว่าสิ่งที่เขาสัมผัสได้เกี่ยวกับคำตอบที่จะได้รับจากมิรันนั้นเกินกว่าความเข้าใจของคนที่ลืมตาดูโลกหลังจากสาวน้อยคนนั้นยิ่งทำให้ฮิซาชิมุ่งเน้นความสนใจมายังฮิโรมิเป็นหลัก
"ไม่...ไม่มีอะไรหรอก นายไม่ต้องเป็นห่วงกันก็ได้นะ"
"แต่ว่าลมหายใจของเธอ..."
นอกจากจะสัมผัสได้ว่าภายในดวงตาที่เคยสะท้อนให้เห็นถึงความสดใสที่เหมือนกับไม่สนใจความเป็นไปของโลกภายนอกเลยของฮิโรมินั้นเปลี่ยนไปจากเดิมราวกับคนที่สัมผัสได้ถึงความเครียดเป็นครั้งแรกแล้ว... ฮิโรมิยังหายใจถี่มากเหมือนกับสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจของเธอนั้นเป็นสิ่งที่มีพลังเกินกว่าseiriที่มีพลังเพียงเพื่อสำหรับต่อสู้กับศัตรูภายนอกนั้นจะเอาชนะได้อีกด้วย
"ถึงseiriอย่างเธอจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน...ยังไงจิตใจของเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ดี แล้วเธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ! เธอมีอิสระเต็มที่ที่จะขอให้ฉันช่วยนะ ถ้ามันไม่ได้เกินกำลังของฉัน ฉันก็ยินดีจะช่วยเธอเสมอ"
ด้วยคำพูดประโยคนี้ของเด็กชายที่ดูเหมือนจะไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้นั้นทำให้ลมหายใจของฮิโรมิกลับมาเป็นปกติในทันที มันก็จริงที่ฮิซาชินั้นอ่อนแอกว่าเธอในตอนนี้มาก รวมทั้งร่างกายก็ไม่สามารถที่จะทนรับแม้แต่การโจมตีของseiriที่ยังคงอยู่ในขั้นที่หนึ่งได้ก็ตาม ทั้งอย่างนั้นเขากลับสามารถทำให้เทอร์รารอยด์ที่วิวัฒนาการแล้วอย่างฮิโรมิรู้สึกบาดเจ็บที่ช่องอกซ้ายได้อย่างรุนแรง...
"ถึงนายไม่ต้องบอกฉัน...ฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะน่า"
ฮิโรมิยื้มที่มุมปากเล็กน้อยเพื่อปิดบังความรู้สึกที่เธอมีให้กับเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าในระยะที่ใกล้พอจนเกือบจะแลกกลิ่นปากกันได้ไม่ให้เขาได้เห็นชัดนัก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นไม่ได้ถูกบันทึกเข้าไปในหน่วยความจำหรือบัญชีความรู้สึกที่พวกเธอseiriจะสัมผัสหรือเรียนรู้ได้เลยแม้ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ตาม...
ฮิซาชิเบนสายตาออกจากสาวน้อยผมแดงอย่างไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่เรื่องคำตอบที่ใจของเธอเก็บเอาไว้ ก่อนจะหันกลับไปถามเอาความจริงในเรื่องที่เธอพูดให้ฮิโรมิฟังด้วยเสียงที่เบาราวกับสโต๊กเกอร์ไม่มีผิด ทั้งสองพยายามทุกวิธีเพื่อที่จะบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองแม้ว่ามันแทบจะมีโอกาสเต็มร้อยที่ทั้งสองคนจะบรรลุเป้าหมายโดยที่อีกฝ่ายจะล้มเหลวในสิ่งที่จะทำ...
ทางฮิซาชินั้นปรารถนาที่จะรู้เรื่องราวของอีกฝ่าย... ในขณะที่มิรันนั้นต้องการที่จะเก็บเอาเรื่องที่ไม่สามารถบอกผู้อื่นที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกันโดยเฉพาะมนุษย์ที่ชื่อ'โคริคาวะ ฮิซาชิ'ให้รู้ได้ง่ายๆอย่างแน่นหนาที่สุด
แต่แล้วความพยายามของทั้งสองฝ่ายก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อดวงตาสีน้าตาลเข้มของเด็กชายที่ปรารถนารู้ในสิ่งที่ไม่สมควรจะรู้ได้ไปสะกิดเข้ากับบางสิ่งที่เขาปรารถนาจะเห็นในระดับเดียวกับความลับของมิรันเข้าพอดี...
"ผมสีน้ำเงินออกดำ... ดวงตาสีฟ้าอ่อน..."
ฮิซาชิหยุดทุกการกระทำรวมทั้งคำพูดลงทันทีที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งมีลักษณะภายนอกที่แตกต่างซึ่งมนุษย์ในสมัยนี้ไม่สามารถมีได้อีกแล้วเข้าตรงปากทางเดินที่เขาและสิ่งมีชีวิตไม่ระบุสายพันธุ์อีกสองคนกำลังตั้งข้อพิพากษ์จนถึงเมื่อครู่นี้เข้าพอดี ซึ่งบุคคลที่มีลักษณะตามที่เขาหลุดปากออกมาเมื่อครู่นี้นั้นตรงตามบัญชีคนที่เขาตามหาพอดี
ผิวสีขาวดุจชุดเครื่องนอนโตโต้... เส้นผมสีดำที่สะท้อนเงาเป็นสีน้ำเงินเข้มที่ถูกตัดจนสั้นเสมอต้นคอให้เกลือเป็นหยักๆจากการรวบผมแล้วตัดในคราวเดียวนั้นราวกับเจ้าตัวจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อความคล่องตัวในการต่อสู้ ดวงตาสีฟ้สอ่อนปานท้องฟ้ายามบ่ายที่โอบอุ้มทุกสรรพชีวิตบนโลกที่สะท้อนภาพตรงหน้าราวกับบันทึกการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายมาหลายครั้งจนแม้แต่เจ้าตัวก็นับจำนวนครั้งไม่ได้
และยิ่งเป็นความรู้สึกอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากผิวกายอันอ่อนนุ่มน่าทะนุถนอมแล้วยิ่งทำให้หัวใจของฮิซาชิเต้นแรงขึ้นจนร่างกายสั่นสะท้านไปหมด
แต่หากจะมีจุดที่ต่างไปจากคนที่ฮิซาชิรู้จักนั้นก็คือ... ร่างกายที่โตจนเท่ากับสาวอายุ18ปีเท่านั้นเอง!
"ฮานามิ...เหรอ!?"
ฮิซาชิเปล่งเสียงเรียกสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าทันที่ที่ตั้งสติได้ แต่เสียงที่ออกมานั้นช่างเบาเหลือเกินเพราะความรู้สึกตื่นตะลึงที่คนที่เขาตามหามาตลอดนั้นได้มาอยู่ตรงหน้าเขาห่างออกไปเพียงไม่ถึงสิบเมตรเท่านั้นเอง...
แต่ไม่รู้ว่าเพราะปาฏิหารย์ที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้... สาวน้อยผมสีดำประกายน้ำเงินคนนั้นหันมาสบตากับฮิซาชิหลังจากที่เขาเอ่ยชื่อของเธอออกมาเพียงไม่กี่วินาที ในช่วงแรกฮิซาชิก็อยากจะดีใจอยู่หรอกตามประสาของคนที่ได้พบเจอกับผุ้ที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจออีกต่อไปแล้ว
แต่เหตุผลที่เขาไม่แสดงความยินดีออกมาเลยก็เพราะว่า... ความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นในใจของเขาทันทีที่ม่านตาทั้งสี่ของพวกเขาทั้งสองคนมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกันนั้นกลับไม่ใช่ความรู้สึกโล่งใจและอบอุ่นเช่นแต่ก่อน
ในทางตรงข้าม...มันกลับเป็นความรู้สึกสยดสยองยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด"เอพิธ"ที่น่าขยะแขยงซึ่งเคยควบคุมเส้นทางชีวิตของอควารอยด์"ชิบุกิ"เอาไว้ก่อนที่จะได้มาพบกับเขาเสียอีก ราวกับในตอนนี้มีกลิ่นคาวเลือดลอยเข้ามาปะทะกับเยื่อจมูกอันบอบบางของเด็กชายห้าขวบไม่มีผิด
"ฮิซาชิ...มีอะไรหรือเปล่า นายลืมหายใจแล้วนะ!!"
ในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังตกอยู่ภายใต้ห้วงภวังค์ความคิดอยู่นั้นเอง... ตรงไหล่ซ้ายของเขาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของฝ่ามือผู้หญิงอ่อนเยาว์กระทบเข้าอย่างเต็มเนื้อ ทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็รู้สึกได้ถึงความทรมานอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน พร้อมกันนั้นลมหายใจของเด็กชายที่กำลังสัณนิษฐานไปต่างๆนานาก็กระแทกออกจากรูจมูกอย่างรุนแรงราวกับต้องการระบายของเก่าออกแล้วเอาของใหม่เข้าไปแทนที่โดนเร็วที่สุด
ความกดดันที่เพ่งออกมาจากสายตาของผู้หญิงคนนั้น...ส่งผลกระทบกับเราที่ผ่านการต่อสู้เจียนตายมานักต่อนักได้ขนาดนี้เชียวเหรอ!
"ฟูจิมิยะ..!! ฟูจิมิยะ ฮานามิ!!! เธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่า!!!"
ฮิซาชิรีบสูดหายใจเข้าไปให้ลึกและเร็วที่สุดก่อนจะชี้นิ้วไปยังปากซอยแคบๆนั้นทันทีที่เรี่ยวแรงซึ่งสูญเสียไปจากอาการขาดออกซิเจนหายไป แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสามคนก็ได้สร้างความประทับใจให้กับเด็กชายที่ชี้ออกไปอย่างสุดซึ้ง...
สาวน้อยที่อยู่ตรงนั้น...ที่ส่งความกดดันอย่างรุนแรงให้ฮิซาชิจากตรงนั้น...ได้หายไปแล้ว! ต่อหน้าสายตาที่จับจ้องไปตรงหน้าตลอดเวลาของฮิซาชิ!!
"ฟูจิมิยะ ฮานามิ... seiriที่สร้างฉันขึ้นมาน่ะเหรอ!?"
ฮิซาชิรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับเงยหน้าขึ้นใช้ความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ว่ามันเป็นความผิดพลาดของสายตาของเขาหรือเปล่า... บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะแค่มีหน้าตาคล้ายๆกันก็ได้... หรือเธออาจจะใส่คอนแทกเลนส์แฟนซีแล้วใช้ยาย้อมผมให้กลายเป็นสีที่สะท้อนประกายดุจแสงจันทร์ก็ได้
'ไม่มีทางหรอก! ก็ในสมัยนี้มันไม่มียาย้อมผมใช้แล้วนี่นา...เพื่อให้แยกseiriออกจากมนุษย์ได้ง่ายๆน่ะ'
เด็กชายผู้รู้ประสายิ่งกว่านักเรียนมัธยมปลายสมัยค.ศ.2170ที่ดูมีอายุมากกว่าเสียอีกได้ใช้ความคิดและตรรกกะต่างๆเพื่อแก้ไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องของสาวน้อยคนนั้นให้ได้ แต่ในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเอง...สายตาที่มองขึ้นไปทางด้านบนของเขาก็มองเห็นลางสังหรณ์แห่งการทำลายล้างระลอกใหม่เข้าพอดี
"พวกเธอ...ดูข้างบนนั่นสิ!!!"
ยังไม่ทันที่ฮิซาชิจะได้พูดอะไรต่อ ข้างบนท้องฟ้าที่เริ่มปรากฏก้อนเมฆที่บิดเบี้ยวก็เกิดการแปรปรวนขึ้นอีกครั้งในรอบสัปดาห์เหมือนกับครั้งที่สัตว์ประหลาดC.O.V.ปรากฏขึ้นมาในการต่อสู้ครั้งแรกในชีวิตของมิรันขึ้นมาเห็นเด่นชัด ซึ่งเจ้าสายฟ้าที่ถ่ายทอดไปมาระหว่างอากาศนั้นได้ไปปลุกเอาสัญชาตญาณการต่อสู้ของทั้งสามคนขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่สิ..! สี่คนต่างหาก...
ท่ามกลางม่านฟ้าที่ไม่มีอะไรเลยจนถึงเมื่อสักครู่นี้ได้ปรากฏรูหนอนขึ้นมาในทันทีโดยไม่มีสัญญาณอื่นบ่งบอกนอกจากการบิดเบี้ยวของก้อนเมฆราวกับภาพยนตร์sci-fiเกรดบี เป็นรูหนอนที่แปรปรวนมากเหมือนกับสิ่งที่นำพาฮิซาชิมายังยุคสมัยนี้โดยบังเอิญ...
เป็นอุโมงค์มิติขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาลในการเปิดมันขึ้นมาแบบเดียวกับที่นูเรตัสเปิดขึ้นมาก่อนที่มันจะตายเพียงไม่นาน
"เธอคนนั้นน่ะ!! รีบหนีไป..เร็ว!!"
ฮิซาชิที่เตรียมพร้อมจะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่จะออกมาจากหลุมข้ามมิตินั้นได้วิ่งออกจากกลุ่มของมิรันไปยังทางเดินใหญ่พร้อมกับตะโกนเตือนสาวน้อยคนนั้นที่น่าจะยังอยู่ที่ถนนสายนั้นให้รีบหนีไปยังที่ปลอดภัยอย่างสุดเสียงต่างจากครั้งแรก แต่ในตอนที่เขาออกไปถึงถนนใหญ่แล้ว...
นอกจากรถยนต์ที่จอดกันแน่นเนื่องจากคนข้างในรีบวิ่งออกจากยานพาหนะของตนอย่างไม่คิดชีวิตแล้ว ปรากฏสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างไม่วางตา
แล้วในตอนนั้นเองที่ดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความรีบร้อนของฮิซาชิได้เบิกโพลงขึ้นมาด้วยความรู้สึกตกใจมาก... เพราะของบางสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากที่สาวน้อยผมดำน้ำเงินคนนั้นจัดการปลดเสื้อนอกของเธอออกตรงบริเวณแผ่นหลังของเธอ ของสิ่งนั้นพริ้วไสวไปตามแรงลมที่กรรโชกอย่างรุนแรงจากรูหนอนที่ปรากฏขึ้นแทนที่อากาศข้างบนจนแปรปรวนไปหมด
เป็นบางสิ่งที่สามารถหลุดออกมาจากผิวหนังได้ที่มีพลังแห่งความหลังทำให้ฮิซาชิรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัวเลยทีเดียว..!
"เธอ... แองเจลอยด์?"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ