Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  49.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) มากกว่าคำว่า"คนรู้จัก"

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ท้องฟ้าหลังฝน...โดยเฉพาะพายุที่พัดกระหน่ำมาตลอดทั้งเดือนนั้นย่อมมีสีฟ้าครามสดใสไร้เมฆเสมอ ทฤษฎีนี้ย่อมใช้ได้ผลกับผู้ที่อดกลั้นฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามที่เข้ามาก่อกวนเส้นทางสู่ความสุขอย่างไม่ย่อท้อ ทั้งนี้สุภาษิตที่ไม่ทราบว่ามาจากประเทศอะไรนี้กลับไม่สามารถใช้ได้ผลกับเด็กชายที่พยายามดิ้นรนกระโดดถีบก้านคอของเหล่าผู้ที่นำมาซึ่งหายนะแก่ชีวิตและทรัพย์สินของเขามาตลอด20ปีได้อย่างเด็ดขาด




หลังจากการต่อสู้ที่เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งเมื่อเดือนก่อนจบลง ฮิซาชิก็พอจะทราบว่ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเขาในการต่อสู้พร้อมกับมิรันนั้นเป็นใคร... แต่ถึงอย่างนั้น แทนที่ฮิซาชิจะรู้สึกประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาค้นหาไปส่วนหนึ่งอย่างที่พวกนีทติดเว็บเดทออนไลน์เขาเป็นกัน


ในใจของเด็กชายที่ปรารถนาอะไรบางอย่างจากการย้อนเวลาโดยบังเอิญนี้กลับรู้สึกเหมือนกำลังมีเมฆพายุขนาดใหญ่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ เป็นเมฆที่ก่อตัวจนได้ทรงมหึมาเลยทีเดียว...




"หะ..! ฮูหิฮิฮะ ฮาฮาฮิ เอื๊อก! งั้นเหรอ!?" (หะ..! ฟูจิมิยะ ฮานามิ...งั้นเหรอ!?)


"อืม... ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นยัยนั่นแน่ๆ เธอเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ!?"




มิรันหันมาคุยกับเด็กชายที่ถูกลากมาสูบอาหารในร้านบุฟเฟต์แห่งใหม่หลังจากที่เธอทำเอาร้านประจำที่เคยไปกินนั้นเกือบจะล้มละลายไปเพราะการยัดข้าวปั้นพร้อมกับส่งเสียงหอบแปลกๆใส่ฮิซาชิเมื่อครั้งที่ปรึกษากันเรื่องเป็นการเป็นงานเมื่อเดือนที่แล้วอย่างใจเย็น ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็จัดการยัดข้าวปั้นระลอกใหม่เข้าปากอันใหญ่โตจนแน่นอย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ฮิโรมิที่มาด้วยกันอย่างเต็มใจนั้นก็กำลังทำแบบเดียวกันกับเธอเช่นกัน



หลังจากที่ได้กินจนเกินกว่าที่จะเรียกว่า'ขี้งก'ไปแล้ว มิรันก็กระเดือกของเหลวเหนียวหนืดที่บรรจุสารพันธุกรรมของสายพันธุ์ข้าวลงไปในหลอดอาหารที่เริ่มจะสั่นระรัวเพราะปริมาณที่มากเกินไปในการกลืนแต่ละครั้ง ก่อนจะหันมาคุยโต้ตอบกับเด็กชายที่กำลังถือข้าวปั้นไส้ยำสาหร่ายก้อนที่5นับตั้งแต่มาที่นี่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนด้วยสายตาที่จริงจัง




"อืมม์... ไอ้ฉันเองก็ไม่ได้รู้จักกับseiriมากสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าความรู้สึกของนายตอนที่เห็นแองเจลอยด์เงาดำแบบผู้ร้ายในการ์ตูนสืบสวนนั่นน่ะบอกว่า'ใช่เธอแน่ๆ'ใช่ไหม..!"


ฮิซาชิจัดการพยักหน้าให้เป็นเชิงก่อนจะลงเขี้ยวกัดลงบนข้าวปั้นที่ถืออยู่ในมือมานานสองนาน




"ถ้างั้นนายก็ไม่ต้องคิดมากแล้วล่ะ..!"



มิรันหันมายิ้มอย่างสดใสให้กับเด็กชายที่ทำหน้าอมทุกข์ราวกับเป็นน้องชายของเธอ ก่อนจะเปิดฉากรุกเข้าหาอย่างอ่อนโยนราวกับไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูกลัว



"ที่ผ่านมาความรู้สึกสังหรณ์ของนายมักจะบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับนายอย่างแม่นยำใช่ไหมล่ะ... ถ้าอย่างนั้นนะ นายน่ะเชื่อในความรู้สึกของนายเองหรือเปล่า!?"



"อะไรๆ..!? ความรู้สึกของนายบอกถึงสิ่งที่ใช่แล้วเหรอ ฉันหรือมิรันล่ะ!" จัดสักชุด...






"อุ่บ..! ไม่น่ากินมากไปเลยเรา... ฮู่บบ..!!"


ตรงทางเดินด้านหลังร้านอาหารที่เชื่อมต่อกับถนนใหญ่ ฮิโรมิกำลังพยายามเต็มที่ที่จะรั้งของเหลวสีขาวข้นที่ถูกทำลายสารพันธุกรรมไปจนหมดที่บรรจุอยู่ในกระเพาะอาหารที่ขยายตัวจนมีขนาดเป็น40เท่าของไซส์ปกติอย่างสุดกำลัง แม้ว่าในตอนนี้หูรูดที่เชื่อมต่อกับอากาศภายนอกนั้นจะเริ่มคลายตัวทีละนิดแล้วก็ตามที



"ให้ตายสิ! ต่อให้เธอกินจนคุ้มขนาดไหน...ถ้าเธอกินมากไปจนถึงกับจะระบายสายรุ้งด้วยช่องปากแล้วละก็ มันก็ไม่ได้เรียกว่าคุ้มนักหรอก! พวกseiriนี่ไม่มีพวกที่สมองปกติสักคนเลยหรือไงนะ!!"



ฮิซาชิหันกลับไปชี้นิ้วสั่งสอนมิรันที่พยายามยัดอาหารเข้าไปในกระเพาะในช่วงห้านาทีสุดท้ายอย่างไม่สนความจุของร่างกายอย่างดุเดือดจนเธอถึงกับ'ไม่ฟัง' ในขณะที่ฮิโรมิที่กินในปริมาณเท่าๆกันนั้นยังอาการหนักไม่เท่ากับเธอเลย ราวกับว่าขนาดกระเพาะและหน้าอกของพวกseiriนั้นแปรผกผันกับรอยหยักในสมองอย่างนั้น



"เธอนี่น้า..! ฉันก็เตือนเธอแล้วว่าป้าแก่หน้าอกแบนราบไม่มีทางกินได้เท่ากับสาวน้อยที่ขนาดหน้าอกไซส์ทรมานใจคนดูแน่...แล้วเธอยังจะทำ"



"หนว..กหูน่า ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย...ปัญหาอยู่ที่ความชอบต่างหาก อุ..!!"



มิรันที่ทำท่าเหมือนจะเถียงกลับถึงกับต้องปิดปากลงทันทีเนื่องจากโคนลิ้นของเธอเริ่มรู้สึกเปรี้ยวๆขึ้นมาแล้ว และเพราะตัวจ้อไม่รู้เวลาได้สงบวาจาลงไปบ้างแล้ว... จึงเป็นโอกาสงามสำหรับเด็กชายที่กินเพียงพอสบายท้องได้ใช้ความคิดในสิ่งทียังค้างคาให้เสร็จ






'งั้นนายก็ตอบพวกเรามาสิ...ว่านายไปคบกับยัยฮานามิได้ยังไง!!!'


'เอ๋!? ฉันน่ะเหรอคบกับโคริคาวะคุง...'


'ก็เธอเองไม่ใช่เหรอที่ควงเจ้าฮิซาชิไปไหนต่อไหนเหมือนประกาศให้โลกรู้ว่าเป็นแฟนกัน บอกพวกเรามานะว่าพวกเธอไปกันถึงขั้นไหนแล้ว!! ยัยแคมรี่ ขี้อ้อน คู่นอนชั่วข้ามคืน!!!'


'คงจะ... 0 ล่ะมั้ง!?'





ฮิซาชิยังคงจำได้ดีถึงเหตุการณืที่พวกseiriที่ยังคงมีเพียงสามคนอันประกอบด้วย"ยัยน้องสาวที่ไม่รู้ว่าสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่", "ยัยไม้กระดานที่ขี้กังวลไม่เข้าเรื่อง"กับ"ยัยน้องสาวที่เติบโตมาในฐานะเด็กข้างถนนที่มาขออาศัยส่วนแบ่งในอาหาร" ไปตะโกนเค้นความจริงกับฮานามิที่ยังคงมีร่างกายของมนุษย์ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่มีอะไรเลย




และฮิซาชิยังจำได้อีกว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากการขอโทษเรื่องแบบทดสอบระดับที่ผู้หญิงธรรมดาไม่สามารถผ่านได้นั่นเอง...


'โคริคาวะคุง...' ฮานามิทำสีหน้าเขินก่อนที่จะระบายความรู้สึกในใจออกมาให้เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้รู้





"ฉันชอบเธอ... ฮิซาชิคุง"



เสียงในความทรงจำของเด็กชายที่ยังคงสถิตอยู่ในสมองซีกไหนก็ไม่รู้นั้นยังคงสะท้อนเข้าไปข้างในหูครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จบ เพราะว่านั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนมาบอกว่า"เขาคือคนที่เธอแน่ใจจะฝากชีวิตเอาไว้ได้" แม้ว่าเขาจะไม่สามารถปกป้องเธอจากการถูกบดโดยเครื่องจักรสังหารที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์น้ำหนัก15ตันได้ก็ตาม...


แต่ว่าในครั้งนี้เสียงแห่งความทรงจำนั้นกลับดังมากจนแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่าจะดังอยู่แค่ในความทรงจำของเขา เพราะฮิซาชิยังคงพอจำได้ว่าในตอนนั้นฮานามิไม่ได้เรียกเขาด้วยชื่อจริงฮิซาชิอย่างแน่นอน แน่นอนว่าแองเจลอยด์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรก็ได้ยินเช่นกัน





"เมื่อกี้...เธอว่าอะไรนะ ฮิโรมิ!?"



ที่ทางเดินด้านหลังของฮิซาชิที่เชื่อมต่อกับสิ่งที่เคยบรรยายไปแล้วนั้น สาวน้อยผมแดงคนหนึ่งได้สูดหายใจเข้าลึกมากก่อนที่จะพูดทวนในสิ่งที่ควรจะบอกแค่ครั้งเดียวแก่เพศตรงข้ามออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งในครั้งนี้ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำตามสีผมและดวงตาของเธอไปด้วย


และไม่แน่ด้วยว่า...การลั่นวาจาเมื่อสักครู่นี้จะเป็นกุญแจไปสู่พลังใหม่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าที่ฮิซาชิรู้จักด้วย



"ทำไมล่ะ..! ฮิโรมิ ทำไมเธอถึง...พูดออกมาแบบนั้น!?"


"เพราะนายเป็นคนเดียวที่รับฟังฉัน...ยังไงล่ะ! ฮิซาชิคุง..."



ฮิโรมิตอบคำถามที่ล้วงเข้าไปในจิตใจของเธอที่ฮิซาชิยิงออกมาอย่างไม่ลังเล ทั้งนี้เพราะเธอไม่ต้องการที่จะให้เรื่องทั้งหมดยังคงค้างคาอยู่อย่างนี้อีกแล้ว... ซึ่งทำให้มิรันไม่ค่อยพอใจนัก



"ทำไมล่ะ... ทำไมเธอถึงพูดออกมาแบบนั้น เธอรู้ความหมายของสิ่งที่เธอพูดออกมาหรือเปล่า!?"


"แน่นอนว่าฉันต้องรู้! เพราะนี่เป็นคำพูดที่ทำให้พวกมนุษย์ผู้ชายรู้สึกดีที่สุดยังไงล่ะ!!"


"ไม่ใช่! ฉันหมายความว่าเธอรู้หรือเปล่าว่าเธอพูดอะไรออกมา... ฮิซาชิน่ะเป็นมนุษย์นะ...เป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่างจากพวกเรานะ!! พวกเราน่ะไม่มีสิทธิ์-"


"ฉันไม่แคร์!!" ฮิโรมิเค้นเสียงปลดปล่อยตัวเองออกมาอย่างสุดกำลัง "ถึงพวกเราจะเป็นseiri...แต่ก่อนหน้านั้นพวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกับฮิซาชิ เพราะงั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาตัดสินว่าฉันไม่เหมาะสม!!"




"ฉันน่ะอยากจะให้ฮิซาชิสนใจฉันบ้าง...หันมามองฉันแบบเดียวกับที่มองเธอ...อยากให้ฮิซาชิล้อฉันเรื่องสัดส่วนร่างกายบ้าง ถึงจะเป็นหน้าอกฉันก็ไม่ว่า! ฉันก็อยากจะมีคนมาเล่นหัวกับฉันโดยไม่สนว่าฉันเป็นตัวอะไรเหมือนกันนะ!!!"




มิรันถึงกับอึ้งในการที่ฮิโรมิที่ดูเหมือนไปค่อยเป็นกังวลอะไรกับโลกนี้ระบายความรู้สึกที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ที่ฮิซาชิยอมรับเธอมาเป็นสมาชิกภายในบ้านอย่างเต็มตัว(แม้ว่าสิทธิการตัดสินใจจะอยู่ที่มิรันก็ตาม) เท่าที่ผ่านมาในระหว่างที่เธอกำลังเล่นชวนหัวอยู่กับเด็กชายที่มีสกิลในการเข้าหาคนอื่นสูงนั้น ฮิโรมิจะเอาแต่ยืนมองอยู่ห่างๆแล้วก้มลงมองสรีระส่วนที่ฮิซาชิแกล้งมิรันเท่านั้น



อันที่จริงแล้วมิรันทราบอยู่ก่อนแล้วว่าฮิโรมินั้นคิดกับฮิซาชิยังไง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากวิวัฒนาการที่ทำงานทันทีที่เด็กชายที่ดูมีพลังด้อยกว่าสาวน้อยคนนั้นมากหันมาคุยด้วย แม้ว่าอันที่จริงแล้วในฐานะผู้หญิงด้วยกันแค่ดูท่าทีก็อ่านใจกันได้ทันทีก็ตาม...



ในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังยืนงงในสิ่งที่เกิดขึ้นกับสาวน้อยที่แสนน่ารักกำลังคุยเถียงกันไปมาด้วยเสียงอันดังเกินกว่าที่จะไม่มีใครไม่ได้ยินนั้น มิรันก็ถอนหายใจพร้อมกับเดินเข้าไปแตะไหล่ฮิโรมิที่เริ่มมีน้ำตาซึมออกมาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจือปนเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบเข้าไปที่ข้างหูของเธอด้วยเสียงที่จะมีคนได้ยินแค่เจ้าตัวกับบุคคลที่สองเท่านั้น




"เข้าใจแล้วล่ะ... เธอชอบฮิซาชิคุงล่ะสินะ! งั้นเธอก็สบายใจได้เลย เพราะว่าฉันน่ะไม่ได้สนใจหมอนั่นมากไปกว่าเพื่อนเล่นสนุกหรอกนะ"



ทันทีที่พูดจบ มิรันก็เดินไปยังเด็กชายที่ทำสีหน้างงอย่างไม่ทราบสาเหตุเพื่ออธิบายใหเข้าใจตรงกันโดยไม่ได้เล่าเรื่องความในใจของฮิโรมิไปด้วย เพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้ฮิโรมิรู้สึกโล่งและสงสัยขึ้นมานิดหน่อยในคำพูดของแองเจลอยด์ที่เพิ่งจะเดินออกไปเมื่อครู่นี้เป็นอย่างมาก ทั้งดีใจและกังวลสลับกันไม่มีหยุด






"มิรัน... เธอคงจะไม่ได้...สนใจเจ้าหมอนั่นอยู่อีกหรอกนะ!?"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา