Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) จะเลือกทางไหน...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"กลยุทธ์ดักแก่ฉบับ372 เริ่มได้!!!"
แผนการเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลานี้ตามคัมภีร์ลับของฮิซาชิได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งรายละเอียดที่ถูกปกปิดเป็นความลับระดับสุดยอดเทียบเท่ากับการวิจัยseiriนั้นได้ถูกเล่าให้พวกมิรันกับฮิโรมิที่มีสมองเพียงกึ่งหนึ่งให้เข้าใจได้โดยง่ายที่สุด ด้วยกรรมวิธี...
"เกียร์หมาเลย ยัยทึ่มทั้งหลาย!!!"
ทั้งสามรีบกระทืบเท้าทั้งสองวิ่งฝ่าวงล้อมของฝูงชนที่เข้ามารายล้อมพวกเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งสามคนสามารถแหวกม่านมนุษย์ที่ปิดกั้นพวกเขาเอาไว้จากอิสรภาพบนผืนดินออกมาได้แล้วก็รีบจ้ำไปข้างหน้าพร้อมเลี้ยวหลบเข้าตามตรอกซอกซอยต่างๆโดยมีกลุ่มคนจำนวนมากวิ่งตามหลังไปติดๆ
ซึ่งมันแปลกมากเนื่องด้วยความเร็ววิ่งของพวกฮิซาชินั้นเร็วมากจนมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถไล่กวดได้แน่ๆ และไม่ว่าทั้งสามนั้นจะวิ่งเข้าโค้งหักศอกหรือชะลอความเร็วลงแล้วรีบหักมุมฉากเข้าซอยอย่างฉับพลังก็ตาม... ทางด้านหลังของพวกเขาก็ยังมีคนไล่ตามมาอยู่ดี
"ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราได้โดนตามทันแน่... เอาไงดีล่ะ ฮิซาชิ!"
มันก็จริงอย่างที่มิรันว่า ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะเร่งความเร็วขึ้นสักเท่าไหร่ก็ตาม ระยะห่างระหว่างพวกเขากับพวกที่ไล่ตามมาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่เซนติเมตรเดียว...ซ้ำยังจะหดสั้นลงเสียด้วยซ้ำ! และตรงทางข้างหน้าก็เป็นสี่แยกที่ไม่มีใครดักหน้าอยู่เลยแม้แต่ทางเดียวเท่าที่ประสาทรับรู้ของพวกseiriจะทราบได้
ในตอนนั้นเองที่ฮิซาชิได้รวบรวมสมาธิทั้งหมดในการคิดแผนการใหม่ที่จะสลัดพวกคนที่ตามหลังมาให้หลุด... รวมทั้งสาเหตุที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย
"มิรัน... ฮิโรมิ... เดี๋ยวพอถึงทางแยกนั่นก็ฉีกเป็นสามทางได้เลยนะ! ฉันอยากจะพิสูจน์อะไรสักหน่อย"
"แต่แบบนั้นมัน..." ฮิโรมิหันมาพูดกับฮิซาชิด้วยสายตาที่เด็กชายพอจะเข้าใจความรู้สึก
"เอาเถอะน่า! ฉันอยากจะรู้ว่าเจ้าพวกที่ไล่ตามมานี่อยากจะตามใครกันแน่!"
ฮิโรมิไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่เด็กชายที่วิ่งมาด้วยกันยื่นให้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยระยะทางจากสี่แยกนั้นที่หดสั้นเข้ามาทุกขณะ รวมทั้งสายตาที่มองกลับมายังเธอด้วยท่าทางเหมือนกับจะเข้ามาปกป้องเธอทันทีหากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับเธอของฮิซาชินั้นทำให้ฮิโรมิไม่กล้าพูดอะไรกลับไปอีกเลย...
"เอาล่ะ..! แยกย้าย!!!"
หลังจากที่ได้รับสัญญาณจากหัวหน้าหน่วยสอดแนมที่ถูกพบตัวในระหว่างภารกิจ ฮิซาชิ,มิรันและฮิโรมิก็จัดการหักศอกเข้าไปตามทางแยกสามทางที่อยู่ตรงหน้าทันทีด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากับการบินหลบหลีกสูงสุดของเหล่าเทอร์รารอยด์ในระดับเดียวกับความเร็วเสียงในทันที ทั้งสามคนนั้นเรียบเรียงแนววิ่งของตัวเองเข้าโค้งพร้อมที่จะ...
โครม..!!!
"อูยเจ็บ...คิดจะทำอะไรของเธอน่ะยัยบ้า!! เธอน่ะต้องเลี้ยวออกทางขวาที่อยู่ใกล้ที่สุดไม่ใช่หรือไง!!!"
"ก็ฉันคิดว่าถ้าฉันจัดการเลี้ยวเข้าทางที่อยู่ไกลจากตัวหน่อยก็น่าจะทำให้มนุษย์พวกนั้นสับสนได้นี่นา..! แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงกับฉันด้วย!!"
"ฉันไม่ขึ้นเสียงกับเธอแน่...ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอยังอุตส่าห์พุ่งเข้ามากระแทกหลังฉันละก็นะ!!!"
กลางสี่แยกที่เต็มไปด้วยความอลหม่านที่กำลังจะเกิดขึ้นในม่ช้านั้น... ได้มีหนุ่มสาวสองคนกำลังชิงสิทธิ์ในการทำให้เรื่องราวต่างๆยิ่งจะอลหม่านหนักขึ้นไปอีกในขณะที่ผู้คนที่ไล่หลังมานั้นเริ่มจะเข้าประชิดตัวพวกเขาในทุกขณะ ซึ่งในระหว่างนั้นเองฮิโรมิที่วิ่งเข้ากลางได้ออกตัวนำทั้งสองคนไปไกลโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย
"งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน! ฉันจะวิ่งไปทางขวาเอง ส่วนเธอก็เลี้ยวไปทางซ้ายตามที่เธออยากจะทำก็แล้วกัน"
"พูดบ้าๆ..!! นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้ฉันวิ่งไปขวาน่ะ! ฉันจะไปขวาเอง...แล้วนายก็ไปซ้ายตามแผนตั้งแต่แรก โอเคไหม!?"
"น่ารำคาญจริง... ฉันบอกให้เธอไปทางซ้าย เพราะฉันจะไปขวาแล้วว้อย!!!"
ฮิซาชิรีบดันตัวลุกขึ้นพร้อมออกตัววิ่งเข้าไปในแยกทางขวาทันทีที่พูดจบโดยไม่เปิดโอกาสให้มิรันได้ปริปากเถียงอะไรได้อีก เมื่อแองเจลอยด์ที่ได้แต่นั่งงงกลางสี่แยกนั้นหันกลับไปทางด้านหลังก็พบกลุ่มคนเหล่านั้นอยู่ห่างจากตัวเธอไปไม่ไกลแล้ว
"เออๆ..." มิรันกัดฟันอย่างหงุดหงิด "ซ้ายก็ซ้ายฟะ!"
เมื่อมิรันตั้งตัวได้ลุกขึ้นออกตัวเข้าแยกทางซ้ายไปตามที่แผนการของฮิซาชิที่จะให้พวกเธอทั้งสามคนแยกไปเข้าทางคนละช่องได้สำเร็จ เธอก็กัดฟันแน่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต...
"โธ่เอ๊ย... ได้เด็กชายที่ยังไม่รู้ฤทธิ์เทสโทสเตอโรน..!"
"ทางตันไอ้บ้าเอ๊ย!!!!"
"นี่มันเกิดอะไร...ขึ้นกันแน่!?"
ส่วนทางด้านของเทอร์รารอยด์สาวที่ออกตัววิ่งนำหน้าไปก่อนกลับรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเธอหันกลับมามองทางด้านหลังที่เธอทิ้งให้เพื่อนของตัวเองจัดการสะสางธุระคาใจให้สิ้นแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทางมิรันเองก็ประสบกับเหตุการณ์เดียวกันด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่...
"เจ้าพวกนี้แมร่งตื๊อจริงๆ!!!"
ฝูงชนจำนวนมหาศาลที่ไล่ตามพวกเธอมาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนั้นได้มุ่งความสนใจไปที่เด็กชายเพียงคนเดียวที่กำลังวิ่งหนีตาลีตาเหลือกให้พ้นจากดงซอมบี้บุกโลกโดยไม่สนใจที่จะวิ่งตามพวกฮิโรมิหรือมิรันไปเลยแม้แต่คนเดียว
"ตามกันจังเลย... ชาติที่แล้วตรูไปทำยัยลูกสาวของเจ้าพวกนั้นได้มีน้องเป็นของตัวเองหรือไงฟะ!!!"
ฮิซาชิที่เริ่มสบถถึงวีรกรรมในอดีตชาติที่น่าจะเป็นตัวผลักดันให้เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เขาต้องมาวิ่งหนีจากการถูกกระทืบอย่างสุดกำลังนี้โดยมีผู้หญิงน่ารักๆเป็นตัวจุดประกาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะสังเกตพฤติกรรมของคนพวกนั้นอย่างละเอียดในทุกท่วงท่า
แล้วในระหว่างนั้นเองที่ฮิซาชิเริ่มจับพิรุธได้บางอย่าง...
"ทำไม...ทั้งๆที่พวกเราวิ่งตั้งเร็วและไกลขนาดนี้แล้ว ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงดูไม่เหนื่อยกันเลยนะ"
นอกจากท่าทางที่เหมือนกับวิ่งได้ตลอดทั้งวันโดยไม่มีกรดยูริกเพิ่มขึ้นในเส้นใยกล้ามเนื้อแล้ว... ฮิซาชิยังสังเกตได้อีกว่าการเคลื่อนไหวของผู้คนเหล่านั้นไม่มีการขยับตัวที่สูญเปล่าเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งการที่จะทำให้ได้ระดับนี้ตลอดระยะเวลาครึ่งชั่วโมงนั้นแม้แต่seiriก็ยังมีคนที่ทำได้น้อยมาก
หรือว่าจะ..!?
"เอานี่ไปกินซะ!!"
ในเมื่อคิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฮิซาชิจึงตัดสินใจที่จะรวมพลังที่มีอยู่น้อยนิดสร้างกงจักรพลังแสงขึ้นมาบนมือขวาของเขาก่อนที่จะขว้างไปยังเหนือศีรษะของกลุ่มคนเหล่านั้น ทันทีที่พลังที่รวบรวมมาได้อย่างสุดกำลังของเด็กชายตัวจ้อยนั้นหลุดออกจากมือ มันก็ขยายวงกว้างออกทันทีจนครอบคลุมอาณาเขตเทียบเท่ากับความกว้างของทางแยกนั้นพอดี
ซึ่งสิ่งที่ฮิซาชิคาดการณ์เอาไว้จะปรากฏขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก...
และแล้วสิ่งที่ฮิซาชิคิดเอาไว้ก็เป็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ ชั่วพริบตาที่กงจักรแสงนั้นขยายวงกว้างลอยไปอยู่เหนือศีรษะของคนที่ไล่ตามเขาอยู่...บริเวณขอบนอกของกงจักรนั้นก็ได้เฉือนอะไรบางอย่างคล้ายเส้นด้ายสีม่วงบางเฉียบขาดร่วงลงมายังพื้นด้านล่างทันที ก่อนที่เส้นด้ายนั้นจะเลือนหายไปราวกับว่ามันสามารถสลายตัวทำลายหลักฐานไปเองเมื่อขาดจากกัน
หรือว่าบางที...เส้นด้ายบางๆนั่นอาจจะเป็น!?
"ฉันคิดเอาไว้แล้วไม่ผิด! คนพวกนี้ก็แค่ขยับร่างกายไปตามการควบคุมเท่านั้นเอง!!"
สิ่งที่ยืนความคิดนี้ของฮิซาชิก็คือ... ทันทีที่เส้นด้ายที่ร้อยรึงคนเหล่านั้นไว้ด้วยกันให้ขยับไปตามการเชิดของใครบางคนนั้นขาดสะบั้นไป ร่างกายของทุกคนก็ทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็วราวกับใช้พลังงายในร่างกายไปจนหมด เหมือนกับว่าความเหนื่อยล้าที่สะสมเอาไว้จากการวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงนั้นเกิดปะทุขึ้นมาในทีเดียว ซึ่งความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทุกคนที่ถูกควบคุมการเคลื่อนไหวนั้นหมดสติกันไปตามๆกัน
"ทีนี้...ลองไปถามเจ้าตัวเลยดีไหมเอ่ย ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่"
ฮิซาชิรีบอาศัยจังหวะที่พวกมิรันยังวิ่งมาไม่ถึงตัวเขานั้นบินออกไปยังพื้นที่ลับตาคนในป่ารกทึบที่อยู่ห่างจากเมืองนั้นไปราวๆกิโลเมตรก่อนจะลงพื้นอย่างนุ่มนวล เพราะหากเขาลงพื้นอย่างไม่ระวังแล้ว...เสียงที่ดังก้องไปได้ไกลกว่าในช่วงกลางคืนจะทำให้seiriสองคนนั้นรู้ตำแหน่งของเขาและเข้ามายุ่งจนเสียงานได้นั่นเอง!
"ปรากฏตัวออกมาได้แล้วล่ะ! ฉันเห็นแกทำตัวลับๆล่อๆแอบมองพวกเราตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว... รีบๆเผยตัวออกมาให้ฉันเห็นเลยจะดีกว่าไหม!?"
ท่ามกลางความมืดมิดที่รกทึบด้านหน้าของเด็กชายนั้นปรากฏแสงสีแดงเลือดขึ้นมาเป็นคู่ให้เห็นได้อย่างเด่นชัด พร้อมกันนั้นก็มีลำแสงสีม่วงที่แสนหดหู่พุ่งตรงเข้าหาร่างของมนุษย์ที่ดูไม่มีพิษมีภัยด้วยพลังทำลายอันรุนแรงจนสามารถถางเอาผืนหญ้าบริเวณใต้จุดที่มันผ่านจนโล่งเตียนเหลือแต่พื้นดืนแห้งๆ
พิ้งงง!!
"รู้สึกว่าแกจะชอบต่อสู้แบบเปิดเผยตัวต่อตัวไม่ใช่เหรอ... ถ้าอย่างนั้นแกจะมัวซ่อนตัวอยู่ไปเพื่ออะไรล่ะ!? เนตรวงแหวนของแกมันเรืองแสงในความมืดนะ"
ฮิซาชิยกมือขึ้นรับลำแสงพลังทำลายสูงนั้นได้ก่อนจะกำหลังมือกระแทกเข้าไปจากด้านข้างโดยไม่สะทกสะท้านก่อนจะกล่าวคำท้าทายใส่เงาตะคุ่มๆที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร จากนั้นไม่นานเงาตะคุ่มนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นร่างกายสีดำทะมึนที่สูงพอๆกับนักบาสเกตบอลมืออาชีพที่สามารถจับลูกกดลงห่วงได้เพียงการเขย่งปลายเท้าเท่านั้น
ซึ่งร่างกายที่สูงใหญ่เกินกว่าที่ฮิซาชิเคยต่อสู้ด้วยนั้นไม่ได้เป็นที่หวั่นเกรงของเขาเลยแม้แต่น้อย...
"แววตาที่ซ่อนเร้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้นั่นช่างน่าดูชมนักเจ้าหนู... ที่เจ้ากล้ายืนเผชิญหน้ากับข้าโดยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อยนั้นเหมาะสมที่จะเป็นนักรบที่กล้าแกร่ง น่าเสียดายจริงๆที่เจ้าจะต้องมาตายเสียวันนี้..."
"ให้ตายสิ... ยังใช้ศัพท์ได้เก่ารุ่นปู่รุ่นย่าจริงๆนะแก! ไม่ใช่สิ..! ขนาดเวลาผ่านไปตั้ง27ปีแล้วแกก็ยังเสมอต้นเสมอปลายดีนี่นา"
เด็กชายจ้องมองไปยังร่างดำทะมึนที่ห่อหุ้มไปด้วยเกล็ดเกราะสีดำประกายม่วงที่สะท้อนแสงจันทร์จนดูเย็นเยือกด้วยท่าทีนิ่งเฉย ในตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทางเป็นกังวลอะไรกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย...
แม้ว่าในครั้งนี้ผลลัพธ์การต่อสู้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะพละกำลังที่ถูกบั่นทอนลงหน่อยในร่างเด็กก็ตาม
"เอาเป็นว่ามาเริ่มต้นการต่อสู้ล้างตาระหว่างพวกเราเลยจะดีกว่านะ... ฉันชักจะเริ่มคันไม้คันมืออยากจะฆ่าศัตรูคนเดิมเป็นครั้งที่สองซะแล้วนะ"
ฮิซาชิพูดขึ้นมาหลังจากที่กลุ่มเมฆสีเทาที่บดบังแสงจันทร์ที่เป็นแหล่งให้แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางธรรมชาติที่ไม่มีอะไรที่จะทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้นอกจากไฟป่าที่แสงน่ากลัวเท่านั้น .
ซึ่งหลังจากที่ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นมาเต็มดวงแล้ว... ร่างกายสูงใหญ่ราวสิบฟุตที่มีรูปร่างเหมือนเซ็นทอร์ในเทพปกรณัมก็สาวเท้าออกมาจากพุ่มไม้ทึบตรงหน้ามายืนประชันกับเด็กชายร่างเล็กราวกับจะประกาศศักดาให้คู่ต่อสู้ได้รับรู้และหวาดกลัวจนร้องไห้หนีไป ซึ่งก็ไม่เป็นไปตามนั้น...
"จริงไหม!? นักรบระดับเริ่มต้นของผู้นำมาซึ่งความวิบัติ...โครทินอส!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ