Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  50.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) เปลวไฟที่ไม่มีวันลุกโชน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"ศัตรูคนเดิมงั้นเรอะ..!? แกหมายความว่ายังไงเจ้าหนู!"


ปิศาจร่างใหญ่ที่กำยำเพียงพอที่จะบดบังแสงสีนวลจากผืนฟ้าที่ส่องลงมาร่างกายอันเรียวเล็กหากเทียบกับมันนั้นถึงกับเดเระแตกทันทีเมื่อได้ยินเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าหูสักเท่าไหร่ สิ่งที่ฮิซาชิพูดเข้ามาเมื่อได้เห็นร่างอันสูงใหญ่ของโครทินอสนั้นราวกับว่าเคยเจอกับมันมาก่อน ทั้งๆที่โครทินอสนั้นเพิ่งจะได้เห็นเขาเป็นครั้งแรกเมื่อพวกseiriพาเขามายังเมืองชนบทที่อยู่ห่างจากป่าแห่งนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง...


"นี่เจ้าหนู..! แกรู้จักข้าได้ยังไง...แล้วสายตาที่มองมายังข้าเหมือนรู้จักกันมาก่อนนั่นมันหมายความว่ายังไง! อย่ามากวนประสาทข้าจะดีกว่านะ"




                         ตึก..!



สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนเซ็นทอร์หุ้มเกราะขนาดยักษ์พุ่งตัวเข้าใส่เด็กชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดที่จะรอฟังคำตอบที่ควรจะได้มาจากคำถามที่พ่นออกไปชุดใหญ่เมื่อครู่นี้ โครทินอสขยายกรงเล็บของมันออกหมายจะฉีกร่างของฮิซาชิเป็นชิ้นๆใส่ในก๋วยเตี๋ยวปลากินเป็นมื้อดึกให้พอคลายจากความเบื่อหน่ายที่ต้องกินแต่พืชผักใบไม้มานานนับแต่ที่ถูกสั่งให้มาประจำอยู่ในจุดๆนี้...


"แกนี่...ใจร้อนจริงนะ"



                                   หมับ..!



"ก็เพราะก่อนที่ฉันจะฆ่าเจ้านูเรตัสนั่นได้... ฉันเป็นคนจัดการแก...ผู้นำมาซึ่งความวิบัติที่เปิดฉากรุกรานโลกเป็นตัวแรกเลยนี่!!"




แม้จะรับรู้ได้ถึงความต่างชั้นของพลังกายระหว่างทั้งสองคนจากการออกแรงดันแขนซึ่งกันและกันจนฮิซาชิถึงกับไถลไปกับพื้นเป็นระยะหลายเมตร เด็กชายที่ใช้มือดันกรงเล็บอันคมกริบดุจใบมีดโกนของโครทินอสจนไม่สามารถเข้าถึงร่างกายได้ก็ยังคงมีแววตาที่ปราศจากความกลัวและยังสามารถแย้มริมฝีปากออกมาได้




เมื่อครั้งที่ฮิซาชิต่อสู้กับโครทินอสในตอนที่ร่างกายของเขายังคงเป็นผู้ใหญ่นั้น เขาแทบจะไม่จำเป็นที่จะต้องออกแรงดันอะไรเลยต่อสัตว์ประหลาดที่พุ่งเข้าชาร์จด้วยน้ำหนักตัวมหาศาล เขาสามารถรับแรงพุ่งอันรุนแรงนั้นได้ง่ายๆโดยไม่มีการไถลไปกับพื้นเลยแม้แต่เมตรเดียว หากจะมีก็เพียงแรงกดที่ฝ่าเท้าของเขากระทำลงไปที่พื้นดินจนไถเอาหน้าดินขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น



แต่ในครั้งนี้ฮิซาชิกลับจำเป็นต้องโถมแรงเกือบจะครึ่งหนึ่งในการรับการโจมตีตรงหน้า ราวกับว่าร่างกายที่ถอยกลับไปเป็นเด็ก5ขวบนั้นจะไปบั่นทอนพละกำลังที่ควรจะมีไปจนหมดด้วย... แต่ถึงอย่างนั้นแค่นี้ก็เพียงพอที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับสัตว์ประหลาดที่สามารถพูดภาษามนุษย์อย่างฉะฉานได้แล้ว





"ไม่จริงน่า... มนุษย์จะไปรับการโจมตีของพวกเราได้ยังไง!? แถมมันยัง..!"



ยังไม่ทันที่โครทินอสจะได้สบถความประหลาดใจออกมาได้ทั้งหมด ร่างกายช่วงที่คล้ายกับม้าปิศาจสีดำทมิฬนั้นก็ถูกฝ่าเท้าของเด็กชายมนุษย์ตัวน้อยกระแทกเข้าที่ชายโครงอย่างหนักจนเซออกด้านข้าง ก่อนจะตามมาด้วยท่าหมุนตัวกระโดดเตะสองชั้นของฮิซาชิกระหน่ำเข้าที่ช่วงอกส่วนที่คล้ายมนุษย์จนล้มลงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น!


          ใช่..! ดังสนั่น




                                        ตึงงง..!!!



แน่นอนว่าด้วยหลักการของความหนาแน่นของอากาศในช่วงกลางคืนที่เย็นกว่าตอนกลางวันนั้นทำให้เสียงที่เกิดขึ้นนั้นดังก้องไปไกลกว่าเดิมมาก และด้วยเสียงอันดังสนั่นราวกับมีระเบิดถูกหยอดลงในจานข้าวต้มนั้นก็สามารถแผ่ออกไปยังเมืองเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปจากที่แห่งนั้นหลายกิโลเมตรได้ด้วยเช่นกัน...




"เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า... เสียงเหมือนตอนที่เธอกระโดดเข้าไปขวางเจ้าC.O.V.ตอนบุกโจมตีเมืองที่เธออยู่จนพื้นคอนกรีตกระจายเลย"




ทางด้านseiriสองคนที่ออกตามหาฮิซาชิที่หายตัวไปหลังจากฝูงคนที่ไล่ตามพวกเธอมาหมดสติไปก็ได้ยินเสียงที่เกิดจากการต่อสู้ระหว่างเด็กชายกับปิศาจครึ่งม้าได้อย่างชัดเจน พวกเธอเริ่มต้นการค้นหาที่มาของเสียงนั้นท่ามกลางพื้นที่ที่ถูกรายล้อมด้วยป่ารกและทิวเขาที่ไม่น่าจะมีใครเข้ามาทำอะไรเป็นการบุกเบิกเป็นแน่


ซึ่งในระหว่างนั้นเอง... มิรันก็มีท่าทีเปลี่ยนไปจนฮิโรมิสังเกตได้อย่างชัดเจน



"มีอะไรเหรอ... ทำหน้าอย่างกับผู้หญิงที่ถูกแฟนทิ้งเลยนะ"


สีหน้าของมิรันในตอนนี้ราวกับกำลังโกรธเรื่องอะไรสักอย่างอยู่ เธอกำมือแน่นจนสั่นระรัวด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นมาตั้งแต่ที่ฮิซาชิพาเธอไปติดซอยตันจนเกือบถูกกลุ่มคนที่ไล่ตามจับตัวได้แล้ว ในตอนนั้นเองฮิโรมิเห็นริมฝีปากของมิรันดูเกร็งๆเหมือนเธอกำลังกัดริมฝีปากล่างอยู่ด้วย





"ทำไมนาย...ถึงชอบทำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ!? เจ้าบ้าฮิซาชิ!!"


สิ้นเสียงตะโกนด้วยความโมโหหิวของมิรัน เธอก็รีบออกวิ่งส่งแรงบินขึ้นไปยังต้นเสียงที่ส่งออกมาทันที ทิ้งเอาไว้เพียงความงุนงงในใจของเทอร์รารอยด์ที่ทำได้เพียงยืนมองแองเจลอยด์คนนั้นบินตรงไปยังพื้นที่ที่ไม่ทราบว่าจะเป็นตรงไหนด้วยความเร็วที่สูงมาก






"ย่าห์ห์ห์...!!!!"



ฮิซาชิตรงเข้าปะทะหมัดกับโครทินอสอย่างดุเดือดจนเรียกได้ว่าทั้งสองฝ่ายนั้นไม่คิดที่จะยอมออมแรงเอาไว้เลย ทั้งสองผละออกจากกันก่อนจะพุ่งกลับเข้าไปคลุกวงในกันอย่างรวดเร็วจนหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียสมาธิแม้แต่นิดเดียว ฝ่ายนั้นก็จะถูกหมัดชุดระดมเข้าโจมตีร่างที่ตามมาเป็นระยะยาวอย่างไม่สามารถปัดป้องได้จนกว่ามันจะหยุดไปเอง



ระหว่างฮิซาชิที่กระหน่ำหมัดที่มีอานุภาพรุนแรงในระดับCแต่มีความเร็วในระดับA กับโครทินอสที่ปล่อยหมัดที่รุนแรงระดับAซึ่งมีความถี่ในระดับBนั้น ทั้งสองยังคงสมาธิดีมากในการปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่ายเพื่อจะรอโอกาสสวนกลับในทีเดียว




"เป็นอะไรไป..! เป็นถึงผู้นำมาซึ่งความวิบัติทำได้แค่นี้เองหรือไง!!"


"เงียบปากไปซะเจ้ามนุษย์! แกไม่รู้อะไรอย่ามา...อุ่บ!"



หมัดตรงที่แฝงไปด้วยพลังทำร้ายมหาศาลของฮิซาชิพุ่งเข้าปะทะร่างกายอันใหญ่โตของโครทินอสที่เสียสมาธิเพราะคำพูดยั่วยุง่ายๆของฮิซาชิอย่างเต็มแรง จึงกลายเป็นจังหวะให้เด็กชายที่รอโอกาสนี้มานานแล้วจัดการฉวยโอกาสในการปล่อยหมัดชุดที่รุนแรงใส่สัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าจนได้รับบาดเจ็บพอสมควร



ซึ่งอันที่จริงแล้วฮิซาชิหวังจะชกใส่โครทินอสเอาให้ปางตายไปเลย... หากแต่ติดที่ร่างกายที่ถูกหุ้มด้วยเกราะหนาที่สามารถลดทอนพลังของอีกฝ่ายให้เหลือเพียงครึ่งได้ทำให้พลังหมัดและลูกเตะของเขานั้นสามารถทำอันตรายมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น




"เกราะหนาจริงนะแก... ถ้างั้นฉันจะไม่ออมมือให้อีกแล้ว!!"



ฮิซาชิรีบแยกออกมาเร่งพลังกายขึ้นสูงในจังหวะที่สัตว์ประหลาดได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีชุดใหญ่อย่างรวดเร้วแล้วหน่วงไว้ในมือขวาจนควบแน่นเป็นแสงสีแดงส้ม ก่อนที่ฮิซาชิจะชูมือข้างนั้นขึ้นอย่างรุนแรงจนเกิดแสงสีส้มสว่างจ้าครอบคลุมร่างของเขาเอาไว้



การแปลงเข้าสู่ร่างโคโรน่าของฮิซาชินั้นเป็นไปอย่างราบรื่นดี หากแต่ในจังหวะที่ชุดสีขาวที่ฮิซาชิได้มาเป็นชุดวันเกิดนั้นกำลังแปลงสภาพเป็นสีส้ม


ร่างของฮิซาชิก็กลับเข้าสู่ร่างตั้งต้นที่มีพลังถดถอยลงกว่าเดิมทันที...




"มันเกิดอะไรขึ้น...กันแน่!" ฮิซาชิก้มลงมองร่างกายที่ไม่ยอมเข้าสู่ร่างเร่งพลังอย่างประหลาดใจ




"มันเกิดอะไรขึ้นตรงนั้นกันนะ..."


อีกด้านหนึ่ง... มิรันที่เห็นแสงสีส้มจากการแปลงเข้าสู่ร่างโคโรน่าที่ล้มเหลวส่องขึ้นมาจากผืนป่าที่อยู่ด้านล่างนั้นก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆทันที เธอตัดสินใจเร่งความเร็วขึ้นไปเพื่อที่จะช่วยฮิซาชิต่อสู้ที่ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่ันกับศัตรูที่ไม่รู้จักให้จบลงในทันที



"ต้องรีบแล้ว... ฮิซาชิ!!"




แต่ในระหว่างที่มิรันกำลังเพ่งความสนใจไปยังจุดที่แสงสีส้มนั้นส่องออกมานั้น ท่ามกลางกลุ่มเมฆสีดำที่อยู่ห่างออกไปไกลจนมองเห็นเป็นกลุ่มควันเล็กๆนั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ภายในนั้นที่มีพลังในการหยุดเธอเอาไว้กับที่


               เป็นบางอย่างที่ไม่ดีเอาเสียเลย...






"ทำไมล่ะ... ทำไมเราถึงแปลงเป็นโคโรน่าไม่ได้ล่ะ!?"



สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กชายที่มีพลังแข็งแกร่งพอจะต่อกรกับพวกลิ่วล้อที่ไม่มีพลังอะไรมากของผู้นำมาซึ่งความวิบัตินั้นได้ทำให้สถานการณ์การต่อสู้นั้นเปลี่ยนทิศไปในทันที



มันก็จริงที่ในร่างของเด็ก5ขวบนั้นไม่สามารถที่จะเปล่งพลังได้เทียบเท่ากับในร่างของชายหนุ่มอายุ23ได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าที่จะแปลงเข้าสู่ร่างที่ปลดลิมิตพลังในกายขึ้นจนปะทุถึงขีดสุด 'โคโรน่า' ไม่ได้นี่นา...


และในเมื่อฮิซาชิไม่สามารถแปลงเข้าสู่ร่างโคโรน่าได้ เขาก็ไม่สามารถที่จะแปลงเข้าสู่ร่างสุดยอดที่ได้รับพลังมาจากความกล้าหาญและความต้องการที่จะปกป้องคนอื่นๆ 'อิคลิปส์' ไม่ได้อย่างแน่นอน!!




"ดูท่า...ข้าต้องทุ่มพลังทั้งหมดในการเอาชนะแกซะแล้วนะ เจ้ามนุษย์!"



ฮิซาชิรู้ตัวดีว่าเหตุการณ์ต่อไปที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาไม่สามารถเข้าสู่ร่างที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตรงหน้าได้อย่างสบายๆคืออะไร เขาจึงตัดสินใจรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่ร่างตั้งต้นนี้จะมีในการสร้างลูกพลังแสงในมือทั้งสองข้างขึ้นในทันที พร้อมกันนั้นโครทินอสก็จัดการสร้างลูกพลังสีม่วงขึ้นในมือขวาพร้อมจะปล่อยใส่คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า


ซึ่งพลังของลูกพลังสีม่วงนั้นทรงพลังยิ่งกว่าฮิซาชิมาก ไม่แน่นะ...ครั้งนี้ฮิซาชิอาจจะ-





               เปรี้ยงงง..!!!!




ร่างของโครทินอสที่ง้างแขนพร้อมจะปล่อยพลังใส่คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นถอยกรูดไปด้านหลังก่อนจะระเบิดออกอย่างรุนแรงเป็นคลื่นน้ำสีม่วงกระจายออกรอบทิศก่อนจะสลายไปในอากาศ ซึ่งก่อนหน้านั้นฮิซาชิเห็นลำแสงสีฟ้าและน้ำเงินพุ่งเข้าปะทะร่างกายอันใหญ่โตของโครทินอสอย่างรุนแรง แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าหนึ่งในนั้นคือท่า'พลาสม่า แสลชเชอร์'ของมิรัน...


หากแต่ลำแสงสีน้ำเงินอีกสายนั้นไม่ได้มีอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วมันจะเป็นของใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่ฮิโรมิที่มาด้วยกัน!?



แต่แล้วสิ่งที่ฮิซาชิคาดเอาไว้ก็ผิดถนัด ร่างของผู้ช่วยเหลืออีกคนนั้นถูกมองเห็นเป็นเงาดำจากแสงสว่างที่เกิดจากฟ้าแลบอันเป็นสัญญาณว่าจะมีพายุเข้าในไม่ช้าทางด้านหลังจนเห็นได้อย่างไม่ชัดเท่าไหร่ เงาสีดำตะคุ่มๆนั้นเป็นรูปร่างของผู้หญิงที่มีปีกงอกออกมจากกลางหลังซึ่งเหมือนกับกำลังสบตากับเด็กชายที่แหงนหน้ามองฟ้าคนนั้นอยู่ ซึ่งความรู้สึกนี้มิรันก็สัมผัสได้เมื่อได้เห็นเธอเป็นครั้งแรก...



ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจของฮิซาชิในระหว่างที่กำลังมองไปยังเงานั้นช่างเป็นความรู้สึกที่คนึงหาเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันนั้น...มันก็เป็นความรู้สึกที่หวาดกลัวไม่แพ้กัน ราวกับว่า..!?





"เธอ... แองเจลอยด์คนนั้นน่ะ! หรือว่าเธอคือ!?"



ฮิซาชิพยายามตะโกนเรียกseiriที่เข้ามาช่วยเหลือเขาคนนั้นให้พอจะรู้เรื่อง แต่ทันทีที่ท้องฟ้าเกิดสว่างขึ้นมาอีกครั้ง...ร่างของแองเจลอยด์ปริศนาคนนั้นก็หายไปแล้ว ต่อหน้าต่อตามิรันที่จ้องมองไปยังเงาดำนั้นตาไม่กระพริบ!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา