เครื่องรางแห่งมนต์ตราพยากรณ์

9.6

เขียนโดย Daleeah

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.

  9 ตอน
  6 วิจารณ์
  13.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) แสงสว่าง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่4
แสงสว่าง
"ไปได้แล้วฉันอยากอยู่คนเดียว"   
ตายแล้ว ตานี่เนี่ยนะ ผู้บริหารใหญ่ลืมมารยาทและสมบัติผู้ดีไปแล้วหรอสงสัยความมืดคงกัดกินหัวใจตานี่ไปหมดแล้วมั้ง ฉันคิดในใจก่อนที่ เอส จะปิดประตูใส่หน้าพวกเรา
"ผมต้องขอโทษแทนพี่ชายของผมด้วยนะครับคุณอาคุณเอลีฟพวกเราเสียแม่ไปตั้งแต่เล็กๆก็มีแต่คุณพ่อที่ดูแลพวกเรามาเป็นอย่างดี พอพ่อเสียไปพี่ชายของผมก้เริ่มเก็บตัวแล้วก้มีสภาพอย่างที่เห็นนี่แหละครับ" 
พีชพูดขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าๆแม้แต่ฉันเองก้อดคิดไม่ได้ว่าหากฉันไม่มีพ่อกับแม่อยู่ฉันจะเป็นยังไง จากความหมั่นไส้เอสกลับกลายเป็นความเห็นใจแต่ก้เถอะนะ ตาคนนี้โตแล้วนี่นาทำไมอ่อนไหวจังให้ตายสิ
"ไปไหว้ศพคุณพ่อกันเถอะค่ะไหนๆก็มากันแล้ว" 
ลินดากล่าวชวน ฉัน พ่อแม่ พีช ลินดา ไปที่วัดใกล้ๆบ้านพิธีศพของลุงพิชัยถูกจัดขึ้นอย่างเรียบๆแต่ก็มีผู้คนมาร่วมพิธีมากมาย ยกเว้นลูกชายคนโตของลุงพิชัย ที่ยังคงหมกตัวอยู่แต่ในห้องมืดๆคนเดียว  ติ๊กๆๆๆๆๆๆ
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ฉันลุกไปไหนไม่ได้เลยเพราะคนเยอะมากๆ
"ไม่นะพิโอนี่อย่าเพิ่งออกมาหรืออย่าพูดนะ" 
ฉันเปรยขึ้นเบาๆเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นหรือได้ยินเสียงขอพิโอนี่เพราเรื่องที่เกิดกับฉันมันอัศจรรย์เกินกว่าที่ใครจะรับได้
"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีใครเห้นหรือได้ยินเสียงฉันนอกจากเธอคนเดียว"   พิโอนี่ตอบ
"มีอะไรหรอ"
"ตามเค้าคนนั้นมางานศพให้ได้เธอจงพาลูกชายคนโตมางานศพพ่อเค้าให้ได้จงช่วยให้เค้าพ้นจากความมืด"
พิโอนี่พูดขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คำพยากรณ์แต่เป็นเหมือนคำบอกใบ้ให้ฉันช่วยเค้าคนนั้นมากกว่าไม่รู้ว่ามันคือความบังเอิญหรืออะไร สิ่งที่พิโอนี่พูด คือสิ่งที่ ฉันกำลังจะทำพอดี
"ฉันเข้าใจแล้วฉันจะทำทุกอย่างให้ตานั่นมางานศพให้ได้ฉันสงสารลุงพิชัย"
ฉันตอบพิโอนี่ไปแต่หัวสมองของฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงให้เอสมางานศพได้ แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก 
หลังจากเสร็จพิธีศพในช่วงกลางคืนแล้วพ่อกับแม่ของฉันก็พักผ่อนในห้องของท่านส่วนฉันยังคงนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก และฉันก็ทำในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะทำ ใช่ฉันไปที่ห้องของเอส
ก๊อกๆๆๆๆๆ ฉันเคาะประตุห้องเอสเสียงดัง
"นี่นายเปิดประตูหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย"
ไม่มีเสียงตอบมาจากในห้องฉันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะฉันเคาะประตูจนมือที่บอบบางของฉันแดงไปหมดแล้ว 
"เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน"  
ฉันพุดกับตัวเองเบาก่อนที่จะกระทำการบางอย่างที่คิดว่าครั้งนี้จะทำเป็นครั้งสุดท้ายและจะไปทำอีกกกต่อไปให้ตายสิ   ฉันจำได้ว่าที่สวนมีบันไดพาดอยู่ อรีากกกกก ฉันกำลังจะปีนขึ้นห้องผู้ชาย
"พิโอนี่ขอคำพยากรณ์หน่อยสิว่าฉันจะตกลงมาดับอนาถมั๊ย"
ฉันพูดพร้อมกับจับเครื่องรางที่ห้อยคออยู่
"ถ้าอยากจะให้สำเร็จพอเธอปีนขึ้นไปถึงให้ผลักบันไดออกเพื่อปิดทางลงของเธอไม่อย่างนั้นเธอได้เสี่ยงตายฟรีๆแน่"
คำพูดของพิโอนี่ทำให้ฉันเริ่มมั่นใจว่าฉันไม่ดับอนาถแน่นอน ฉันพาดบันไดไปตรงระเบียงห้องของเอสก่อนที่จะปีนขึ้นไป 
"สูงเหมือนกันนะเนี่ยไม่เข้าใจตัวเองเลยทำไมฉันต้องเสี่ยงตายเพื่อนายคนนี้ด้วยนะ"
ฉันบ่นกับตัวเองเบาก่อนที่จะถึงระเบียงพอถึงฉันก็ผลักบันไดลงตามคำแนะนำของพิโอนี่ทันที
ก๊อกๆๆๆๆๆ ฉันเคาะหน้าต่างห้องของเอสเบาๆ ใช่มันได้ผลเอสเดินมาเปิดผ้ามาและเปิดประตูบานเลื่อนด้านหลังพร้อมกับออกมาหาฉันที่ระเบียง
"เธอเป็นหัวขโมยหรอถึงได้ปีนเข้าห้องคนอื่นเนี่ย"
นี่คือคำทักทายของว่าที่เจ้านายของฉันอ๊ากกกกกกนายคนนี้น่าหมั่นไส้สุดๆๆ เลยผู้ชายคนนี้
"ก็ฉันเคาะประตูเรียกแต่นายไม่เปิดนี่ฉันเลยเข้ามาทางนี้ว่าแต่ไม่คิดจะชวนฉันเข้าไปข้างในเลยหรอ"
"ไม่"
กรี๊ดดดดดดดดดดด ตาผู้ชายคนนี้ ความอดทนฉันจะหมดแล้วนะ ฉันคิดในใจ
"กะ ก็ ได้ ไม่เข้าก็ได้ ทำไมนายถึงไม่ไปงานศพพ่อนายหล่ะ"
ฉันเริ่มเข้าเรื่อง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามองฉันด้วยสายตาเข้มขรึมแววตาของชายหนุ่มสั่นไหวอย่างเหนได้ชัด ฉันเองที่กำลังจ้องตาเค้าอยู่ยังสัมผัสได้ถึงความเศร้าได้เลย ผุ้ชายคนนี้เป็นอะไรของเค้านะอยู่ดีๆคำถามนี้ก้ผุดขึ้นมาในหัวของฉันมันคือความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
"ฉันเกลียดความตาย ฉันเกลียดโลกใบนี้ "
มันเป็นเพียงประโยคสั้นๆที่ชายหนุ่มพูดออกมาแต่มันกลับกระทบกระเทือนจิตใจของฉันได้อย่างแปลกประหลาด
"แล้วทำไมนายต้องอยู่ในที่มืดๆด้วยหล่ะรู้หรือเปล่าว่าที่มืดๆมันเงียบเหงานะ"
"ความมืดถึงจะเงียบเหงาแต่มันก็ทำให้เรามองไม่เห็นในสิ่งที่เราไม่อยากเห็น"
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกดูดกลืนไปในความมืดซะงั้นไม่ได้แล้วฉันต้องพาเค้าไปพบกับแสงสว่างให้ได้ ฉันจับมือชายหนุ่มและดึงเข้าไปในห้องของเค้าโดยที่ไม่ให้เค้าตั้งตัวได้เลยฉันผลักเค้าให้นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนที่จะรีบวิ่งไปเปิดไฟในห้องของเค้าให้สว่างขึ้น 
เมื่อห้องทั้งห้องสว่างไปด้วยแสงไฟจากหลอดไฟที่หรูหราภายในห้องนอนของเอส ทำให้ฉันได้เห็นใบหน้าของเอสได้ชัดเจนขึ้น ตอนนี้เอส กำลังจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปมันเป็นสายตาที่ทำให้หัวใจของฉันสั่นและเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะใบหน้าที่คมเข้มของเอสหรือแววตาของเอสที่กำลังมองฉันอยู่ตอนนี้กันแน่
"ปะ....ปะเป็นไงหล่ะแสงสว่างนี่ทำให้นายรู้สึกดีขึ้นบ้างมั๊ย"
ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะยังคงใจเต้นไม่หยุด
"มันก็.....ไม่ถึงกับแย่หรอกนะแต่ก็เห็นอะไรชัดขึ้นโดยเฉพาะหน้าของเธอตอนนี้"
 เอสพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆฉันก่อนที่จะเอื้อมมือไปปิดไฟดวงใหญ่จนเหลือแค่ไฟสีส้มสลัวๆเท่านั้น
"แล้วนายจะไปงานศพพ่อนายได้หรือยังนายลองคิดดูสิว่าพ่อนายจะเสียใจแค่ไหนที่นายไม่ยอมไปลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย"
ฉันเริ่มเข้าเรื่อง
"ได้ฉันจะไป แต่เธอต้องไปพร้อมฉัน"   เอสยื่นข้อเสนอ
"ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย นายก็ไปเองคนเดียวได้นี่นา" 
"ก็เธอเป็นคนดึงฉันให้มาอยู่ในโลกแสงสว่างนี่เธอก็ต้องรับผิดชอบชีวิตฉันสิ แล้วอีกอย่านึงเธออย่าลืมนะว่าฉันเป้นเจ้านายของเธอ ฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำตาม"
ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เล็กน้อยกับคำพูดยียวนของเอสแต่ก็เถียงไม่ได้ซะด้วยสิ เดี๋ยวจะเสียความตั้งใจที่จะให้เอสไปงานศพ ของลุงพิชัย
"ก็ได้ค่ะ ท่านประธานนนนน"  
ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ยียวนไม่แพ้กัน ก่อนที่จะรีบออกมาจากห้องเอส เพราะไม่รู้ว่าถ้าขืนอยู่ต่อไปคงได้เกิดคดีฆาตกรรม คุณผู้ชายของบ้านหลังนี้แน่ๆ  
ฉันกลับมาที่ห้องของฉันก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนที่นอน 
"พิโอนี่ คำพยากรณ์ของเธอไม่มีผิดพลาดใช่มั๊ย งั้นเธอช่วยพยากรณ์หน่อยสิว่า วันพรุ่งนี้เอสจะไปงานศพพ่องของเค้าหรือเปล่า"
ฉันกำเครื่องรางไว้แน่นเพื่อขอคำพยากรณ์จากพิโอนี่ ติ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงนั้นดังขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณให้ฉันรู้ว่ากำลังจะได้รับคำพยากรณ์ที่แสนวิเศษแล้ว
"แสงสว่างของเธอได้ส่องไปถึงหัวใจของเค้าคนนั้นแล้ว พรุ่งนี้จะเป็นวันแห่งโชคชะตาเธอมาถูกทางแล้วหล่ะเอลีฟ"
พิโอนี่พูดขึ้นซึ่งคำพยากรณ์นี้ทำให้ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะ แต่สำหรับตัวฉันไม่คิดหรอกนะว่าแสงสว่างที่ส่องไปถึงหัวใจของเอสคือแสงสว่างของฉัน แต่แสงสว่างนั้นอาจจะเป็นแสงสว่างแห่งความรัก ที่ยังคงมีอยู่ในใจของเอส แม้มันจะเป็นเพียงแสงสว่างที่อยู่ท่ามกลางความมืดแต่เอสก็คงจะรับรู้ได้ เพราะแสงสว่างนั้นคือ แสงแห่งความรักที่เอส มีให้พ่อของเค้ามากกว่า.......
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา