The Smile Devil นายปีศาจตัวร้ายกับยัยตัวเเสบ
9.7
เขียนโดย winter
วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10.04 น.
21 #
7 วิจารณ์
27.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557 12.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) Chapter 9 รางวัล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter IX
รางวัล
“โอซากะ เก็นกิชิ!!!”
โอ้พระเจ้าช่วยOoO!!!!
แย่ละสิ นายเรียวไหงแพ้ไอ้บ้าเก็นซะได้ล่ะ เห็นซัดศรใส่คุเรย์ตอนนั้นไม่เห็นพลาดซักดอกเข้าเป้าทุกลูก ก็นึกว่าจะเก่งกาจกว่านายเก็นซะอีก แล้วไหงแพ้ล่ะทำไม ทำไม ทำไม!!!!!!!!
“ในที่สุด เขาก็ชนะจนได้สิว่าไงล่ะนามิจะให้รางวัลเขายังไง” เสียงเรย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้น
“ระ..รางวัลอะไร ฉันไม่ได้อยากให้นายนั้นซะหน่อย” นั้นสิไอ้ปากบ้าพูดอะไรออกไปนะ
ฉันแค่อยากเชียร์นายนั้นเฉยๆเองนะ แล้วทำไมกันปากเราถึงขยับเองได้ และพูดในสิ่งที่ฉันไม่ได้อยากพูดนะ หรือว่าจะเป็นฝีมือของนายเก็น แต่นายนั้นไม่น่าจะทำได้นะใครกันนะใครกัน ผู้ต้องสงสัยก็คงมีแค่...ยัยคุเรย์
“ฝีมือเธอใช่ไหม เรย์” ฉันถามไปแบบเคืองๆ
“มั้งค่ะ ฮึๆ” หนอยว่าแล้วเชียว(ตอนไหนฟะ)
“เธอทำแบบนี้ทำไมกัน เธอแกล้งฉันทำไม” ฉันพูดออกไปเบาๆหวังว่ายัยอากิคงไม่ได้ยินนะ
“ก็พี่นามิอยากให้คุณเก็นชนะไม่ใช่เหรอ แค่อยากจะช่วยเท่านั้นเอง” แบบนี้เนี่ยนะจะมากไปแล้วนะเธอ
“วิธีนี้เนี้ยนะ น่าขอบคุณชะมัดเลยนะเธอ” ชิ ยัยบ้า
“ก็แหม...ฉันก็นึกว่าเธอจะชอบนี่ ฮึๆๆ” ฮึๆไรยะยัยบ้า
“นา...มิ...จ๋า...” อึ๋ยเสียงนายเก็นนี่สยิวเอ๊ยสยองชะมัด
“อะ...อะไรเหรอ” เอาไงดีเขามาทวงสัญญาแน่ๆเลย เพราะยัยเรย์คนเดียว
“ฉันมาทวงสัญญา ฉันชนะนายนั้นแล้วนะ ฮึๆๆ” ฮึๆอีกแล้วไอ้พวกบ้า
“สัญญาอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ขอตัวล่ะ“
ว่าจบฉันก็วิ่งหนีจากนายเก็นโดยเร็วทันทีใครจะยอมรับบาปกันล่ะ ชิถึงบ้านเมื่อไหร่ล่ะน่าดูเลยยัยเรย์ หนอยมาเรียนวันแรกก็ทำฉันแสบซ้านเลยนะ เนี่ยนะเหรอทาสรับใช้ มาทำให้ฉันซวยแบบนี้เนี่ยนะยัยบ้า นายนั้นคิดจะงาบเราอยู่ซะด้วยสิ(คิดไปทั่วแล้วสินางเอกเรา)เล่นพูดไปอย่างงั้นนายนั้นยิ่งได้โอกาสสิ(โอกาสอะไรกัน คนเขียนยังงงๆเลย) หวังว่านายนั้นคงไม่กล้าหายตัวมาดักเรานะคนออกจะเยอะซะขนาดนั้น
Chapter of Genkichi
ฮึ.. ว่าแต่ยัยนี่เป็นทาสรับใช้นามิจริงเหรอ ไหงไปแกล้งเธอแบบนั้นได้ล่ะ แต่...ต้องขอขอบใจยัยคุเรย์นั้น ที่ทำให้ฉันได้รางวัลจากนามิ ถึงแม้เธอจะถูกบงการให้พูดก็ตาม แต่ผมไม่ได้คิดอะไรลามกๆแบบนั้นกับเธอหรอกนะ(หรือคุณคิดอยู่เอ่ย) ว่าแต่จะเรียกรางวัลอะไรกับเธอดีนะ ชวนไปออกเดทซักวันดีไหมนะ ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวสวนสนุกหรือชวนไปกินข้าวดี แต่นามิทำอร่อยกว่าร้านอาหารซะอีก วันหลังค่อยแวะไปกินที่บ้านเธอละกัน แต่ชวนออกเดทก็น่าเบื่อนะ แค่เดินตามสวนสาธารณะน่าจะดีกว่ามั้ง อืม...เอาไงดีนะ คิดไม่ออกแฮะ จะเอาแบบที่กล่าวมาข้างต้นดีไหมนะ ในขณะที่กำลังคิด(วางแผน)อะไรเพลินๆอยู่ก็มีมือปริศนามากมายมาเกาะแกะตามตัวมากมาย
“เก็นคุงจ๋า...ถ้าอยากได้รางวัลจริงไม่ต้องง้อแม่นั้นหรอก ถ้าอยากได้เดี๋ยวบิริจะให้แทนเอง” ยัยนี่ชื่อบิริ(ศัพท์ญี่ปุ่นแปลว่าไฟช็อต)มิน่าจับตัวปั๊บก็สปาร์คทันทีแถมสร้างแม่เหล็กไฟฟ้าได้หรือไงนะเกาะติดแขนเราซะแน่นเลย
“จากฉันก็ได้นะ” ใครอีกเนี่ย!!!!
“จากฉันก็ได้จ้า..”ใครอีกละเนี่ย!!!!
และมีเสียงแบบนี้เขามาในหัวผมอีกมากมาย เฮ้อ...ต้องทำใจครับหล่อเลือกได้ก็เงี้ย(แหวะ)สาวๆพวกนี้เลยติดผมหนึบตลอด ตามไปทุกที่ แต่ว่าตอนผมอยู่กับนามิทำไมแม่พวกนี้ถึงได้แต่มองแบบอิจฉาแล้วเฉยๆล่ะ แต่พอผมไม่อยู่กับนามิปุ๊บแห่กันมาทันทีเลย สงสัยกลัวยัยนั้นแน่ๆเลย ขนาดเขาห้องน้ำ เธอๆพวกนี้ยังเกือบฟังประตูเขาไปหาผมในวันที่ผมนั่งนานไปหน่อย(ไม่ได้ท้องผูกนะแต่หลับในเฉยๆอย่าคิดไปทั่วล่ะ)เล่นเอาพวกผู้ชายในนั้นแตกตื่นไปตามๆกัน(นี่เขาเรียกพังแล้วล่ะพี่เอ๋ย) แต่มันแปลกจริงๆที่พวกนี้ดูกลัวนามิกันทั้งชายทั้งหญิงเลย แค่เธอเป็นสาวห้าวงั้นเหรอจนน่ากลัวงั้นเหรอ แต่ผมไม่ยักกะกลัวเธอเลยนะ
แต่....ที่สำคัญทำไมนามิไม่สนใจผมเลย ทั้งที่เอาใจใส่ ช่วยเหรอ และเอาใจสารพัด ผมมันไม่ดีตรงไหน แค่เป็นลูกครึ่งมนุษย์ปีศาจเท่านั้นเองนะเหรอ(ก็ผมเลือกเกิดไม่ได้นี่)ที่ทำให้เธอไม่ชอบผม ไม่น่าใช่นะ อย่างน้อยเราก็ไม่เคยทำร้ายใคร เป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ตลอด(เด็กอมมือชะมัดเลยเรา)เลยนะ ก่อนที่จะคิดเรื่องรางวัลต่อตอนนี้เราต้องหลุดจากปลาหมึกสาวๆพวกนี้ก่อนละกัน
“!@$!@%#$^$%*%#$%#$&(*()#$@%” ฟัง(อ่าน)ไม่ออกอะดิ
ผมร่ายเวทย์ใส่ผู้คนโดยบริเวณรอบๆ และลบความทรงจำของพวกเขาออกไปนิดๆ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตหรือเอะใจอะไร เลยทำให้พวกที่โดนนิ่งไปชั่วขณะ และก็เลยใช้ช่วงนั้นชิ่งหนีออกมาจนได้ รอดจากปากเหยี่ยวปากกาแล้วสิ(เมื่อกี้ยังว่าเขาเป็นปลาหมึกอยู่เลยนะ)
คงจะงงละสินะว่าผมใช้เวทย์หรือพลังลี้ลับได้ยังไง เพราะผมเก่งนะสิฮึๆ ล้อเล่นน่ะถ้าติดตามตั้งแต่ต้นละก็นะคงรู้ว่าพ่อผมเป็นนักโบราณคดี ที่บ้านผมเลยมีของเก่ามากมาย ที่มีมากที่สุดในบ้านผมคือหนังสือคัมภีร์โบราณ แต่น่าแปลกนะที่พ่อของผมค้นคว้าแปลความหมายยังไงมันก็ไม่เคยทำให้พ่อผมอ่านออกเลย แต่พอผมลองอ่านดูกลับอ่านออกได้โดยง่ายดายและผมก็เลยกลายเป็นพจนานุกรมหรือเครื่องแปลภาษาให้พ่อตั้งแต่นั้นมา และผมก็ได้ศึกษาคัมภีร์เวทย์พวกนั้นมาเรื่อยๆจนใช้เวทย์มนต์ได้ ฟังไม่ผิดหรอกนะว่าหนังสือพวกนั้นคือคัมภีร์เวทย์ เพราะแต่ละเล่มมันไม่ได้แค่บอกถึงประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นอย่างเดียว มันบอกถึงพิธีกรรมและคาถาอาคมในยุคนั้นด้วย อย่างเช่น คัมภีร์โฮโนะ มีเนื้อหาเกี่ยวกับบันทึกเล่นแร่แปรธาตุต่างๆรวมถึงวิธีการทำให้ไม่แก่ไม่ตาย และอีกเล่มที่ผมศึกษามานานมากคือ คัมภีร์ของ นักบวช เอบอนด์ เป็นคัมภีร์เกี่ยวกับไสยเวทย์ต่างๆ การถอนคำสาป การรักษาบาดแผล รวมถึงวิชาเวทย์ที่ใช้เมื่อตะกี้นี้ด้วยได้จากเล่มนี้เหมือนกัน ในตอนที่สู้กับคุเรย์ที่ผมบาดเจ็บและหายเร็วก็เพราะวิชาเวทย์นี้เช่นกัน ผมไม่ได้รับอิทธิพลจากพลังในเลือดนามิหรอกนะ แต่น่าแปลกมากเลยนะที่ทำไมผมถึงไม่ได้รับพลังจากเธอเลยทั้งๆที่ผมเป็นปีศาจและอยู่ใกล้เธอมาตลอดแท้ๆ
End chapter of Genkichi
*************************************************************************************
เช้าวันเสาร์
ขนตาดกและงอนๆของฉันเริ่มกระพริบถี่ขึ้น แดดยามเช้าชักเริ่มสาดส่องเข้ามาในห้องนอนแล้วสิ แต่เฮ้อ...ไม่อยากลุกไปไหนเลยอะ เฮ้อเมื่อวานนายนั้นคงไม่ได้คิดจะเอารางวัลจากเราจริงหรอกมั้ง เพราะยัยบ้าเรย์คนเดียวเลยที่ทำให้ฉันเกือบซวย แล้วก็อีกอย่างนะ แล้วไหงแม่ถึงให้ยัยคุเรย์มานอนห้องฉันอีกล่ะเนี้ย คิดดูสิยัยนี่นอนกอดฉันทั้งคืนเลยละ เป็นโรคขาดความอบอุ่นหรือไงกันนะ(เกี่ยวเหรอ) แต่ก็อย่างว่านะน่าสงสารเธอเหมือนกัน ต้องพลัดพรากจากคนที่เธอรัก และยังต้องถูกจับขังในแหวนอีก ตอนนอนหลับก็ดูน่ารักดีนะแต่อยากเห็นร่างจริงๆของยัยนี่จังแฮะจะดูน่ารักแบบนี้หรือเปล่านะ คงไม่ได้กอดใครมานานเลยกอดฉันซะแน่นเลย ที่บอกว่าไม่อยากลุกไปไหนในตอนต้นก็เพราะอย่างนี้แหละ ยังไม่อยากให้ยัยนี่ตื่นเลยแฮะเพราะอยากให้เธอกอดฉันแน่นแบบนี้นานๆกว่านี้ เพราะอะไรไม่รู้สิ แต่อ้อมกอดของเธอคนนี้ อบอุ่นเหมือนๆกับแม่และพ่อของฉันที่เคยกอดฉันตอนยังเด็กๆ
ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นามิ เรย์ ตื่นหรือยังจ๊ะ ถ้าตื่นแล้วลงมาข้างล่างเลยนะมีคนมาหาจ๊ะ” เสียงแม่ฉันเองล่ะมาปลุกทำไมแต่เช้านะ
“ค่า...ตื่นแล้วคะ”
เมื่อวานกะจะเอาเรื่องยัยนี่ซะหน่อยแต่ก็ทำไม่ลง เห็นรอยยิ้มยัยนี่แล้วก็ใจอ่อนทันทีเลย แต่เมื่อวานยัยนี่แกล้งเราทำไมนะหรือว่าอยากทำตัวเป็นแม่สื่อให้นายเก็นรึไงกัน ชิ อย่าหวังซะให้ยากเลยยะอย่างนายเก็นฉันไม่ใจอ่อนกับนายง่ายๆหรอก
“เหรอค่ะ พี่นามิ จะจริงแน่เหรอว่าไม่ใจอ่อนกับเขาง่ายๆ” เสียงของบุคคลที่นอนสงบนิ่งบนเตียงพูดขึ้น
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะเรย์” ยัยนี่พูดบ้าอะไรนะฉันแค่คิดเองนะ หรือว่าเธออ่านใจได้แบบนายเก็นงั้นเหรอ
“ค่ะ ขอโทษนะค่ะที่เสียมารยาทนะคะนายหญิง” ชิเหมือนกันหมดเลยหรือไงปีศาจเนี้ย
“ไม่หรอกค่ะ พลังที่อ่านใจได้มีอยู่แต่พวกชั้นสูงเท่านั้นแหละคะนายหญิง” อีกแล้วนะยัยบ้า
“เลิกเรียกนายหญิงได้แล้ว เรียกแบบเดิมก็ดีแล้วล่ะ อย่าเสียมารยาทอ่านใจใครเขาไปทั่วอย่างนายเก็นเถอะ”
“ไม่เหมือนนะค่ะ พลังของหนูต่างจากเก็นคุงนะค่ะ” งั้นเหรอยังไงล่ะ
“พลังของเก็นนะ ถ้าต้องการจะรู้ว่าคิดอะไรต้องมองตาเท่านั้น คงศึกษาจากคัมภีร์เวทย์หรืออะไรบางอย่างแน่ๆ ส่วนของหนูต้องการรู้เมื่อไหร่แม้จะมองหรือไม่มองคนที่อยากทราบก็ได้ยินคะ เออจริงสิรีบแต่งตัวเหอะคะเดี๋ยวอากิรอนาน” พูดจบเธอก็นอนต่อซะงั้น ก็แปลว่าเธอน่ะเก่งกว่านายเก็นละสินะ
ว่าแต่วันนี้ทำไมแม่มาปลุกแต่เช้านะ นี่มันวันเสาร์นะคะ เออลืมไปเลยเรย์ยัยอากิมาหาเรานี่ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยลงไปละกัน
10นาทีต่อมา
เฮ้อ...น้ำเย็นชะมัดนี่ก็กลางเดือนตุลาแล้วก็เริ่มหนาวเป็นธรรมดาของปลายฝนต้นหนาว แต่ปีนี้หิมะจะตกไหมนะปีที่แล้วยังไม่ตกเลย สมกับที่เขาบอกว่าภาวะโลกร้อนจริงๆ ป่านนี้แล้วยัยเรย์ยังนอนบนเตียงฉันต่ออีกเหรอเนี้ย แต่ก็ช่างเหอะ จริงสิยัยอากิคงรอนานแล้วสินะ คงจะให้เราช่วยทำรายงานละสินะมาแต่เช้าเลย แต่ก็ดีงั้นเราแต่งตัวสวยๆหน่อยละกัน พอทำรายงานเสร็จแล้วให้ยัยอากิพาไปเดินห้างดีกว่า
และอีก 5 นาทีต่อมา
ฉันอยู่ในชุดเดรสสีฟ้า ทำผมหยักศกทรงเดิมให้เข้าที่แล้วแต่งหน้าเล็กน้อยไม่ต้องแต่งอะไรมากนักหรอกมั้งยังไงเราก็สวยอยู่แล้ว(แหวะ)เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็เดินออกจากห้องนอนเพื่อลงไปหายัยอากิ
“โชคดีนะคะ” เสียงยัยเรย์พูดขึ้นตอนฉันจับลูกบิดเพื่อเปิดประตู
“โชคดีอะไรของเธอยะ” น่าสงสัยแฮะ
“เปล่าคะไม่มีอะไร” ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปอีก
แล้วฉันก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วก็ออกจากห้องเพื่อไปหายัยอากิ คงอยู่ห้องรับแขกละมั้ง
“ต้องขอโทษด้วยนะอากิพอดีแต่งตัวนานไป...หน่อย” อ่าวผิดคาดแฮะไม่ได้อยู่ห้องรับแขกเหรอ
หวังว่ารอฉันนานไปหน่อยแล้วกลับก่อนนะยัยเพื่อนเลิฟ แต่เอ๊ะเสียงแม่คุยกับใครอยู่ในครัวนะคงเป็นยัยอากิมาอ้อนแม่ฉันให้ทำของอร่อยๆให้กินแน่ๆเลย
“รอนานมั้ย” ฉันเปิดประตูเขาไมในครัว แต่คนที่อยู่ในครัวดันไม่ใช่อากินะสิ
“ไม่นานหรอก รอทั้งชีวิตฉันก็รอได้” หือ...คุ้นๆนะเสียงยัยอากิเนี้ยแปลกๆไปนะ OoO!!!
“นายเก็น!!!” นายเก็นเหรอที่มาหาฉันแต่เช้า มาทำไมเนี้ย!!!
“นายมาทำอะไรที่นี่ละเนี้ย!!!” แถมเมื่อตะกี้หยอดคำหวานซะชวนอวกเชียว เห็นแม่แอบยิ้มด้วยสิ
“ก็มารับเธอไปเที่ยวไงละ เรย์ไม่ได้บอกเหรอ” ยัยเรย์อีแล้วเหรอ
“บอกอะไรเล่า!!!ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย” ฉันแสร้งพูดทำไม่รู้ไม่ชี้(มันก็จริงนี่)
“จริงเหรอ...แล้วทำไมแต่งตัวซะสวยเชียวล่ะ” บ้าเขินนะยะ
“ก็ยัยอากินัดฉันทำรายงานที่ห้องสมุดนี่ ฉันก็เลยต้องแต่งตัวดีๆบ้างไม่ได้หรือไง”
“อ๋อ รายงานวิชาสังคมนะเหรอ ฉันทำให้อากิเสร็จไปแล้วล่ะ” ว่าไงนะ
“นายทำให้อากิแล้วเหรอ เฮ้อเซ็งเลย” อดไปช้อปปิ้งกับยัยนั้นเลย
“ไหนๆฉันก็ทำรายงานเสร็จแล้ว แล้วของเธอล่ะ”
“ชิใครจะไปทันทำเสร็จล่ะ”
“งั้นก็น่าเสียดายจัง กะชวนเธอไปเที่ยวซะหน่อย” ชวนเที่ยวเหรอใครจะไปกับนายมิทราบ
ระหว่างฉันกำลังพูดกับนายเก็นอยู่ในครัวก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น
“จะไปไหนกันเหรอคะ” เสียงหวานๆแบบนี้ยัยคุเรย์แน่ๆ
“อ้าวเรย์เหรอ สบายดีไหม” นายเก็นทัก
“พูดอย่างกับไม่ได้เจอกันนานอย่างงั้นเลยนะคะ เพ็งเจอกันเมื่อวานเองนะ”
“นั้นสินะ น่าเสียดายจัง นามิยังทำรายงานไม่เสร็จเลย จะชวนไปเที่ยวซะหน่อย” นายเก็นพูดเศร้าๆแล้วทำท่าจะเดินออกไป
“รายงานงั้นเหรอ เล่มนี้หรือเปล่าคะ“ ยัยเรย์หยิบสมุดรายงานที่ยังทำไม่เสร็จแถมยังวางระเกะระกะขึ้นมาดู
“ก็เสร็จแล้วนี่คะ” อะ...อะไรนะ
“บ้าหรือเปล่าเมื่อวานฉันเขียนแค่สารบัญเองนะมันจะเสร็จได้ไง....”ยัยเรย์ยกรายงานฉันขึ้นแล้วเปิดให้ดูทีละหน้า เป็นไปได้ยังไงกัน หรือว่า..
“ไหนบอกว่ายังทำไม่เสร็จไงนามิ หรือว่าแกไม่อยากไม่เที่ยวกับเก็นคุงเขา” แม่พูดขึ้นมาอีกคน
“ไป...เที่ยว...กัน...นะ...(^-^)” นายเก็นพูด ยัยบ้าเรย์แน่เลยที่เป็นคนทำ คงเสกเวทย์มนต์เอาละสิ
และแล้วฉันต้องมากับนายนี่จนได้ เฮ้อ... ทำไมฝนมันไม่ตกมาหนักๆให้ฉันชื่นใจซะหน่อยนะ เดทครั้งแรกของฉันต้องมากับนายเก็นเนี่ยนะเหรอทำอะไรไม่ถูกเลยแฮะ แม่นะแม่กลัวฉันขายไม่ออกหรือไงนะถึงให้นายบ้านี่พาลูกสาวมาเที่ยวได้(งงแฮะ)แต่ก็ดีไปอย่างที่ได้นั่งรถหรูๆของนายนี่ พ่อนายนี่รวยชะมัดเลยซื้อรถยนต์แพงๆให้ลูกขับได้ คันนี้มันคุ้นๆแฮะเหมือนเคยเห็นที่ไหนเลย อืม... อ๋อ แอสตันมาตินในหนังพยัคฆ์ร้ายศูนย์ศูนย์เจ็ดนี่ รถคันนี้แพงขนาดซื้อแกะที่ฟาร์มของยัยอากิได้ทั้งฟาร์มเลยนี่ ไม่แน่ใจนะว่ากี่ล้านกันแต่มันแพงจนน่าลองนักซักครั้งเลยล่ะ แต่วันนี้คงเป็นบุญของฉันละสินะที่ได้นั่งแถมมีคนขับรถแถมมาให้ด้วย แต่...ขัดใจฉันตรงที่เป็นนายเก็นนะสิ
“นี่ นามิเธออยากไปไหนเหรอ” นายเก็นถาม
“เรื่องของนาย”
“งั้นก็...ไปสวนสนุกละกัน” สวนสนุกเหรอ เด็กชะมัดเลยนายนี่
แต่ก็ดีไปอย่างนะไม่ได้มาเที่ยวที่สวนสนุกนานเท่าไหร่แล้วนะ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกสนุกเหมือนตอนเด็กๆหรือเปล่า ตอนที่มาพร้อมหน้าพ่อ แม่ พี่สาวและฉัน ตั้งแต่พ่อเสียไปฉันก็ไม่เห็นแม่เป็นทุกข์เป็นร้อนเท่าไหร่เลยยังอารมณ์ดีเหมือนสาวๆรุ่น(ป้า)เดียวกับฉันอยู่เลยนะ แต่ก็เห็นมีบางครั้งเหมือนกันที่แม่แอบร้องไห้คนเดียวโดยไม่อยากให้ฉันกับพี่รู้ แม่นะแม่ไม่เห็นต้องเก็บไว้ทุกข์ใจคนเดียวเลย แบ่งๆมาให้ฉันไม่ได้หรือไงนะ
“นี่นามิ ถึงแล้วนะ ลงมาได้แล้ว” ถึงแล้วเหรอเนี่ย
“เป็นอะไรไปน่ะนามิ ถ้าไม่สบายใจอะไรก็บอกฉันได้นะ ถ้าฉันพอจะช่วยเธอได้ เห็นเธอเงียบมาตลอดทางเลย ถ้ามันลำบากใจเธอนักละก็ เดี๋ยวฉันขับรถกลับไปส่งเธอที่บ้านก็ได้” นายเก็นพูดขึ้น แล้วทำท่าจะสตาร์ทรถของเขา
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงความหลังนิดหน่อย”
“งั้นเองเหรอ...”
“....”
“งั้นไปหาอะไรกินกันเหอะ” นายเก็นชวนขึ้น“แล้วศูนย์อาหารในนี้มันอยู่ไหนหว่า...”
“ตรงแล้วเลี้ยวซ้ายคะ” มีเสียงแจ้วใสๆดังขึ้น
“โอ๊ะ..ขอบคุณนะครับ” แล้วฉันกับนายเก็นก็หันกลับไปหาต้นเสียงเพื่อขอบคุณแต่ว่า
รางวัล
“โอซากะ เก็นกิชิ!!!”
โอ้พระเจ้าช่วยOoO!!!!
แย่ละสิ นายเรียวไหงแพ้ไอ้บ้าเก็นซะได้ล่ะ เห็นซัดศรใส่คุเรย์ตอนนั้นไม่เห็นพลาดซักดอกเข้าเป้าทุกลูก ก็นึกว่าจะเก่งกาจกว่านายเก็นซะอีก แล้วไหงแพ้ล่ะทำไม ทำไม ทำไม!!!!!!!!
“ในที่สุด เขาก็ชนะจนได้สิว่าไงล่ะนามิจะให้รางวัลเขายังไง” เสียงเรย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้น
“ระ..รางวัลอะไร ฉันไม่ได้อยากให้นายนั้นซะหน่อย” นั้นสิไอ้ปากบ้าพูดอะไรออกไปนะ
ฉันแค่อยากเชียร์นายนั้นเฉยๆเองนะ แล้วทำไมกันปากเราถึงขยับเองได้ และพูดในสิ่งที่ฉันไม่ได้อยากพูดนะ หรือว่าจะเป็นฝีมือของนายเก็น แต่นายนั้นไม่น่าจะทำได้นะใครกันนะใครกัน ผู้ต้องสงสัยก็คงมีแค่...ยัยคุเรย์
“ฝีมือเธอใช่ไหม เรย์” ฉันถามไปแบบเคืองๆ
“มั้งค่ะ ฮึๆ” หนอยว่าแล้วเชียว(ตอนไหนฟะ)
“เธอทำแบบนี้ทำไมกัน เธอแกล้งฉันทำไม” ฉันพูดออกไปเบาๆหวังว่ายัยอากิคงไม่ได้ยินนะ
“ก็พี่นามิอยากให้คุณเก็นชนะไม่ใช่เหรอ แค่อยากจะช่วยเท่านั้นเอง” แบบนี้เนี่ยนะจะมากไปแล้วนะเธอ
“วิธีนี้เนี้ยนะ น่าขอบคุณชะมัดเลยนะเธอ” ชิ ยัยบ้า
“ก็แหม...ฉันก็นึกว่าเธอจะชอบนี่ ฮึๆๆ” ฮึๆไรยะยัยบ้า
“นา...มิ...จ๋า...” อึ๋ยเสียงนายเก็นนี่สยิวเอ๊ยสยองชะมัด
“อะ...อะไรเหรอ” เอาไงดีเขามาทวงสัญญาแน่ๆเลย เพราะยัยเรย์คนเดียว
“ฉันมาทวงสัญญา ฉันชนะนายนั้นแล้วนะ ฮึๆๆ” ฮึๆอีกแล้วไอ้พวกบ้า
“สัญญาอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ขอตัวล่ะ“
ว่าจบฉันก็วิ่งหนีจากนายเก็นโดยเร็วทันทีใครจะยอมรับบาปกันล่ะ ชิถึงบ้านเมื่อไหร่ล่ะน่าดูเลยยัยเรย์ หนอยมาเรียนวันแรกก็ทำฉันแสบซ้านเลยนะ เนี่ยนะเหรอทาสรับใช้ มาทำให้ฉันซวยแบบนี้เนี่ยนะยัยบ้า นายนั้นคิดจะงาบเราอยู่ซะด้วยสิ(คิดไปทั่วแล้วสินางเอกเรา)เล่นพูดไปอย่างงั้นนายนั้นยิ่งได้โอกาสสิ(โอกาสอะไรกัน คนเขียนยังงงๆเลย) หวังว่านายนั้นคงไม่กล้าหายตัวมาดักเรานะคนออกจะเยอะซะขนาดนั้น
Chapter of Genkichi
ฮึ.. ว่าแต่ยัยนี่เป็นทาสรับใช้นามิจริงเหรอ ไหงไปแกล้งเธอแบบนั้นได้ล่ะ แต่...ต้องขอขอบใจยัยคุเรย์นั้น ที่ทำให้ฉันได้รางวัลจากนามิ ถึงแม้เธอจะถูกบงการให้พูดก็ตาม แต่ผมไม่ได้คิดอะไรลามกๆแบบนั้นกับเธอหรอกนะ(หรือคุณคิดอยู่เอ่ย) ว่าแต่จะเรียกรางวัลอะไรกับเธอดีนะ ชวนไปออกเดทซักวันดีไหมนะ ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวสวนสนุกหรือชวนไปกินข้าวดี แต่นามิทำอร่อยกว่าร้านอาหารซะอีก วันหลังค่อยแวะไปกินที่บ้านเธอละกัน แต่ชวนออกเดทก็น่าเบื่อนะ แค่เดินตามสวนสาธารณะน่าจะดีกว่ามั้ง อืม...เอาไงดีนะ คิดไม่ออกแฮะ จะเอาแบบที่กล่าวมาข้างต้นดีไหมนะ ในขณะที่กำลังคิด(วางแผน)อะไรเพลินๆอยู่ก็มีมือปริศนามากมายมาเกาะแกะตามตัวมากมาย
“เก็นคุงจ๋า...ถ้าอยากได้รางวัลจริงไม่ต้องง้อแม่นั้นหรอก ถ้าอยากได้เดี๋ยวบิริจะให้แทนเอง” ยัยนี่ชื่อบิริ(ศัพท์ญี่ปุ่นแปลว่าไฟช็อต)มิน่าจับตัวปั๊บก็สปาร์คทันทีแถมสร้างแม่เหล็กไฟฟ้าได้หรือไงนะเกาะติดแขนเราซะแน่นเลย
“จากฉันก็ได้นะ” ใครอีกเนี่ย!!!!
“จากฉันก็ได้จ้า..”ใครอีกละเนี่ย!!!!
และมีเสียงแบบนี้เขามาในหัวผมอีกมากมาย เฮ้อ...ต้องทำใจครับหล่อเลือกได้ก็เงี้ย(แหวะ)สาวๆพวกนี้เลยติดผมหนึบตลอด ตามไปทุกที่ แต่ว่าตอนผมอยู่กับนามิทำไมแม่พวกนี้ถึงได้แต่มองแบบอิจฉาแล้วเฉยๆล่ะ แต่พอผมไม่อยู่กับนามิปุ๊บแห่กันมาทันทีเลย สงสัยกลัวยัยนั้นแน่ๆเลย ขนาดเขาห้องน้ำ เธอๆพวกนี้ยังเกือบฟังประตูเขาไปหาผมในวันที่ผมนั่งนานไปหน่อย(ไม่ได้ท้องผูกนะแต่หลับในเฉยๆอย่าคิดไปทั่วล่ะ)เล่นเอาพวกผู้ชายในนั้นแตกตื่นไปตามๆกัน(นี่เขาเรียกพังแล้วล่ะพี่เอ๋ย) แต่มันแปลกจริงๆที่พวกนี้ดูกลัวนามิกันทั้งชายทั้งหญิงเลย แค่เธอเป็นสาวห้าวงั้นเหรอจนน่ากลัวงั้นเหรอ แต่ผมไม่ยักกะกลัวเธอเลยนะ
แต่....ที่สำคัญทำไมนามิไม่สนใจผมเลย ทั้งที่เอาใจใส่ ช่วยเหรอ และเอาใจสารพัด ผมมันไม่ดีตรงไหน แค่เป็นลูกครึ่งมนุษย์ปีศาจเท่านั้นเองนะเหรอ(ก็ผมเลือกเกิดไม่ได้นี่)ที่ทำให้เธอไม่ชอบผม ไม่น่าใช่นะ อย่างน้อยเราก็ไม่เคยทำร้ายใคร เป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ตลอด(เด็กอมมือชะมัดเลยเรา)เลยนะ ก่อนที่จะคิดเรื่องรางวัลต่อตอนนี้เราต้องหลุดจากปลาหมึกสาวๆพวกนี้ก่อนละกัน
“!@$!@%#$^$%*%#$%#$&(*()#$@%” ฟัง(อ่าน)ไม่ออกอะดิ
ผมร่ายเวทย์ใส่ผู้คนโดยบริเวณรอบๆ และลบความทรงจำของพวกเขาออกไปนิดๆ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตหรือเอะใจอะไร เลยทำให้พวกที่โดนนิ่งไปชั่วขณะ และก็เลยใช้ช่วงนั้นชิ่งหนีออกมาจนได้ รอดจากปากเหยี่ยวปากกาแล้วสิ(เมื่อกี้ยังว่าเขาเป็นปลาหมึกอยู่เลยนะ)
คงจะงงละสินะว่าผมใช้เวทย์หรือพลังลี้ลับได้ยังไง เพราะผมเก่งนะสิฮึๆ ล้อเล่นน่ะถ้าติดตามตั้งแต่ต้นละก็นะคงรู้ว่าพ่อผมเป็นนักโบราณคดี ที่บ้านผมเลยมีของเก่ามากมาย ที่มีมากที่สุดในบ้านผมคือหนังสือคัมภีร์โบราณ แต่น่าแปลกนะที่พ่อของผมค้นคว้าแปลความหมายยังไงมันก็ไม่เคยทำให้พ่อผมอ่านออกเลย แต่พอผมลองอ่านดูกลับอ่านออกได้โดยง่ายดายและผมก็เลยกลายเป็นพจนานุกรมหรือเครื่องแปลภาษาให้พ่อตั้งแต่นั้นมา และผมก็ได้ศึกษาคัมภีร์เวทย์พวกนั้นมาเรื่อยๆจนใช้เวทย์มนต์ได้ ฟังไม่ผิดหรอกนะว่าหนังสือพวกนั้นคือคัมภีร์เวทย์ เพราะแต่ละเล่มมันไม่ได้แค่บอกถึงประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นอย่างเดียว มันบอกถึงพิธีกรรมและคาถาอาคมในยุคนั้นด้วย อย่างเช่น คัมภีร์โฮโนะ มีเนื้อหาเกี่ยวกับบันทึกเล่นแร่แปรธาตุต่างๆรวมถึงวิธีการทำให้ไม่แก่ไม่ตาย และอีกเล่มที่ผมศึกษามานานมากคือ คัมภีร์ของ นักบวช เอบอนด์ เป็นคัมภีร์เกี่ยวกับไสยเวทย์ต่างๆ การถอนคำสาป การรักษาบาดแผล รวมถึงวิชาเวทย์ที่ใช้เมื่อตะกี้นี้ด้วยได้จากเล่มนี้เหมือนกัน ในตอนที่สู้กับคุเรย์ที่ผมบาดเจ็บและหายเร็วก็เพราะวิชาเวทย์นี้เช่นกัน ผมไม่ได้รับอิทธิพลจากพลังในเลือดนามิหรอกนะ แต่น่าแปลกมากเลยนะที่ทำไมผมถึงไม่ได้รับพลังจากเธอเลยทั้งๆที่ผมเป็นปีศาจและอยู่ใกล้เธอมาตลอดแท้ๆ
End chapter of Genkichi
*************************************************************************************
เช้าวันเสาร์
ขนตาดกและงอนๆของฉันเริ่มกระพริบถี่ขึ้น แดดยามเช้าชักเริ่มสาดส่องเข้ามาในห้องนอนแล้วสิ แต่เฮ้อ...ไม่อยากลุกไปไหนเลยอะ เฮ้อเมื่อวานนายนั้นคงไม่ได้คิดจะเอารางวัลจากเราจริงหรอกมั้ง เพราะยัยบ้าเรย์คนเดียวเลยที่ทำให้ฉันเกือบซวย แล้วก็อีกอย่างนะ แล้วไหงแม่ถึงให้ยัยคุเรย์มานอนห้องฉันอีกล่ะเนี้ย คิดดูสิยัยนี่นอนกอดฉันทั้งคืนเลยละ เป็นโรคขาดความอบอุ่นหรือไงกันนะ(เกี่ยวเหรอ) แต่ก็อย่างว่านะน่าสงสารเธอเหมือนกัน ต้องพลัดพรากจากคนที่เธอรัก และยังต้องถูกจับขังในแหวนอีก ตอนนอนหลับก็ดูน่ารักดีนะแต่อยากเห็นร่างจริงๆของยัยนี่จังแฮะจะดูน่ารักแบบนี้หรือเปล่านะ คงไม่ได้กอดใครมานานเลยกอดฉันซะแน่นเลย ที่บอกว่าไม่อยากลุกไปไหนในตอนต้นก็เพราะอย่างนี้แหละ ยังไม่อยากให้ยัยนี่ตื่นเลยแฮะเพราะอยากให้เธอกอดฉันแน่นแบบนี้นานๆกว่านี้ เพราะอะไรไม่รู้สิ แต่อ้อมกอดของเธอคนนี้ อบอุ่นเหมือนๆกับแม่และพ่อของฉันที่เคยกอดฉันตอนยังเด็กๆ
ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นามิ เรย์ ตื่นหรือยังจ๊ะ ถ้าตื่นแล้วลงมาข้างล่างเลยนะมีคนมาหาจ๊ะ” เสียงแม่ฉันเองล่ะมาปลุกทำไมแต่เช้านะ
“ค่า...ตื่นแล้วคะ”
เมื่อวานกะจะเอาเรื่องยัยนี่ซะหน่อยแต่ก็ทำไม่ลง เห็นรอยยิ้มยัยนี่แล้วก็ใจอ่อนทันทีเลย แต่เมื่อวานยัยนี่แกล้งเราทำไมนะหรือว่าอยากทำตัวเป็นแม่สื่อให้นายเก็นรึไงกัน ชิ อย่าหวังซะให้ยากเลยยะอย่างนายเก็นฉันไม่ใจอ่อนกับนายง่ายๆหรอก
“เหรอค่ะ พี่นามิ จะจริงแน่เหรอว่าไม่ใจอ่อนกับเขาง่ายๆ” เสียงของบุคคลที่นอนสงบนิ่งบนเตียงพูดขึ้น
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะเรย์” ยัยนี่พูดบ้าอะไรนะฉันแค่คิดเองนะ หรือว่าเธออ่านใจได้แบบนายเก็นงั้นเหรอ
“ค่ะ ขอโทษนะค่ะที่เสียมารยาทนะคะนายหญิง” ชิเหมือนกันหมดเลยหรือไงปีศาจเนี้ย
“ไม่หรอกค่ะ พลังที่อ่านใจได้มีอยู่แต่พวกชั้นสูงเท่านั้นแหละคะนายหญิง” อีกแล้วนะยัยบ้า
“เลิกเรียกนายหญิงได้แล้ว เรียกแบบเดิมก็ดีแล้วล่ะ อย่าเสียมารยาทอ่านใจใครเขาไปทั่วอย่างนายเก็นเถอะ”
“ไม่เหมือนนะค่ะ พลังของหนูต่างจากเก็นคุงนะค่ะ” งั้นเหรอยังไงล่ะ
“พลังของเก็นนะ ถ้าต้องการจะรู้ว่าคิดอะไรต้องมองตาเท่านั้น คงศึกษาจากคัมภีร์เวทย์หรืออะไรบางอย่างแน่ๆ ส่วนของหนูต้องการรู้เมื่อไหร่แม้จะมองหรือไม่มองคนที่อยากทราบก็ได้ยินคะ เออจริงสิรีบแต่งตัวเหอะคะเดี๋ยวอากิรอนาน” พูดจบเธอก็นอนต่อซะงั้น ก็แปลว่าเธอน่ะเก่งกว่านายเก็นละสินะ
ว่าแต่วันนี้ทำไมแม่มาปลุกแต่เช้านะ นี่มันวันเสาร์นะคะ เออลืมไปเลยเรย์ยัยอากิมาหาเรานี่ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยลงไปละกัน
10นาทีต่อมา
เฮ้อ...น้ำเย็นชะมัดนี่ก็กลางเดือนตุลาแล้วก็เริ่มหนาวเป็นธรรมดาของปลายฝนต้นหนาว แต่ปีนี้หิมะจะตกไหมนะปีที่แล้วยังไม่ตกเลย สมกับที่เขาบอกว่าภาวะโลกร้อนจริงๆ ป่านนี้แล้วยัยเรย์ยังนอนบนเตียงฉันต่ออีกเหรอเนี้ย แต่ก็ช่างเหอะ จริงสิยัยอากิคงรอนานแล้วสินะ คงจะให้เราช่วยทำรายงานละสินะมาแต่เช้าเลย แต่ก็ดีงั้นเราแต่งตัวสวยๆหน่อยละกัน พอทำรายงานเสร็จแล้วให้ยัยอากิพาไปเดินห้างดีกว่า
และอีก 5 นาทีต่อมา
ฉันอยู่ในชุดเดรสสีฟ้า ทำผมหยักศกทรงเดิมให้เข้าที่แล้วแต่งหน้าเล็กน้อยไม่ต้องแต่งอะไรมากนักหรอกมั้งยังไงเราก็สวยอยู่แล้ว(แหวะ)เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็เดินออกจากห้องนอนเพื่อลงไปหายัยอากิ
“โชคดีนะคะ” เสียงยัยเรย์พูดขึ้นตอนฉันจับลูกบิดเพื่อเปิดประตู
“โชคดีอะไรของเธอยะ” น่าสงสัยแฮะ
“เปล่าคะไม่มีอะไร” ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปอีก
แล้วฉันก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วก็ออกจากห้องเพื่อไปหายัยอากิ คงอยู่ห้องรับแขกละมั้ง
“ต้องขอโทษด้วยนะอากิพอดีแต่งตัวนานไป...หน่อย” อ่าวผิดคาดแฮะไม่ได้อยู่ห้องรับแขกเหรอ
หวังว่ารอฉันนานไปหน่อยแล้วกลับก่อนนะยัยเพื่อนเลิฟ แต่เอ๊ะเสียงแม่คุยกับใครอยู่ในครัวนะคงเป็นยัยอากิมาอ้อนแม่ฉันให้ทำของอร่อยๆให้กินแน่ๆเลย
“รอนานมั้ย” ฉันเปิดประตูเขาไมในครัว แต่คนที่อยู่ในครัวดันไม่ใช่อากินะสิ
“ไม่นานหรอก รอทั้งชีวิตฉันก็รอได้” หือ...คุ้นๆนะเสียงยัยอากิเนี้ยแปลกๆไปนะ OoO!!!
“นายเก็น!!!” นายเก็นเหรอที่มาหาฉันแต่เช้า มาทำไมเนี้ย!!!
“นายมาทำอะไรที่นี่ละเนี้ย!!!” แถมเมื่อตะกี้หยอดคำหวานซะชวนอวกเชียว เห็นแม่แอบยิ้มด้วยสิ
“ก็มารับเธอไปเที่ยวไงละ เรย์ไม่ได้บอกเหรอ” ยัยเรย์อีแล้วเหรอ
“บอกอะไรเล่า!!!ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย” ฉันแสร้งพูดทำไม่รู้ไม่ชี้(มันก็จริงนี่)
“จริงเหรอ...แล้วทำไมแต่งตัวซะสวยเชียวล่ะ” บ้าเขินนะยะ
“ก็ยัยอากินัดฉันทำรายงานที่ห้องสมุดนี่ ฉันก็เลยต้องแต่งตัวดีๆบ้างไม่ได้หรือไง”
“อ๋อ รายงานวิชาสังคมนะเหรอ ฉันทำให้อากิเสร็จไปแล้วล่ะ” ว่าไงนะ
“นายทำให้อากิแล้วเหรอ เฮ้อเซ็งเลย” อดไปช้อปปิ้งกับยัยนั้นเลย
“ไหนๆฉันก็ทำรายงานเสร็จแล้ว แล้วของเธอล่ะ”
“ชิใครจะไปทันทำเสร็จล่ะ”
“งั้นก็น่าเสียดายจัง กะชวนเธอไปเที่ยวซะหน่อย” ชวนเที่ยวเหรอใครจะไปกับนายมิทราบ
ระหว่างฉันกำลังพูดกับนายเก็นอยู่ในครัวก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น
“จะไปไหนกันเหรอคะ” เสียงหวานๆแบบนี้ยัยคุเรย์แน่ๆ
“อ้าวเรย์เหรอ สบายดีไหม” นายเก็นทัก
“พูดอย่างกับไม่ได้เจอกันนานอย่างงั้นเลยนะคะ เพ็งเจอกันเมื่อวานเองนะ”
“นั้นสินะ น่าเสียดายจัง นามิยังทำรายงานไม่เสร็จเลย จะชวนไปเที่ยวซะหน่อย” นายเก็นพูดเศร้าๆแล้วทำท่าจะเดินออกไป
“รายงานงั้นเหรอ เล่มนี้หรือเปล่าคะ“ ยัยเรย์หยิบสมุดรายงานที่ยังทำไม่เสร็จแถมยังวางระเกะระกะขึ้นมาดู
“ก็เสร็จแล้วนี่คะ” อะ...อะไรนะ
“บ้าหรือเปล่าเมื่อวานฉันเขียนแค่สารบัญเองนะมันจะเสร็จได้ไง....”ยัยเรย์ยกรายงานฉันขึ้นแล้วเปิดให้ดูทีละหน้า เป็นไปได้ยังไงกัน หรือว่า..
“ไหนบอกว่ายังทำไม่เสร็จไงนามิ หรือว่าแกไม่อยากไม่เที่ยวกับเก็นคุงเขา” แม่พูดขึ้นมาอีกคน
“ไป...เที่ยว...กัน...นะ...(^-^)” นายเก็นพูด ยัยบ้าเรย์แน่เลยที่เป็นคนทำ คงเสกเวทย์มนต์เอาละสิ
และแล้วฉันต้องมากับนายนี่จนได้ เฮ้อ... ทำไมฝนมันไม่ตกมาหนักๆให้ฉันชื่นใจซะหน่อยนะ เดทครั้งแรกของฉันต้องมากับนายเก็นเนี่ยนะเหรอทำอะไรไม่ถูกเลยแฮะ แม่นะแม่กลัวฉันขายไม่ออกหรือไงนะถึงให้นายบ้านี่พาลูกสาวมาเที่ยวได้(งงแฮะ)แต่ก็ดีไปอย่างที่ได้นั่งรถหรูๆของนายนี่ พ่อนายนี่รวยชะมัดเลยซื้อรถยนต์แพงๆให้ลูกขับได้ คันนี้มันคุ้นๆแฮะเหมือนเคยเห็นที่ไหนเลย อืม... อ๋อ แอสตันมาตินในหนังพยัคฆ์ร้ายศูนย์ศูนย์เจ็ดนี่ รถคันนี้แพงขนาดซื้อแกะที่ฟาร์มของยัยอากิได้ทั้งฟาร์มเลยนี่ ไม่แน่ใจนะว่ากี่ล้านกันแต่มันแพงจนน่าลองนักซักครั้งเลยล่ะ แต่วันนี้คงเป็นบุญของฉันละสินะที่ได้นั่งแถมมีคนขับรถแถมมาให้ด้วย แต่...ขัดใจฉันตรงที่เป็นนายเก็นนะสิ
“นี่ นามิเธออยากไปไหนเหรอ” นายเก็นถาม
“เรื่องของนาย”
“งั้นก็...ไปสวนสนุกละกัน” สวนสนุกเหรอ เด็กชะมัดเลยนายนี่
แต่ก็ดีไปอย่างนะไม่ได้มาเที่ยวที่สวนสนุกนานเท่าไหร่แล้วนะ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกสนุกเหมือนตอนเด็กๆหรือเปล่า ตอนที่มาพร้อมหน้าพ่อ แม่ พี่สาวและฉัน ตั้งแต่พ่อเสียไปฉันก็ไม่เห็นแม่เป็นทุกข์เป็นร้อนเท่าไหร่เลยยังอารมณ์ดีเหมือนสาวๆรุ่น(ป้า)เดียวกับฉันอยู่เลยนะ แต่ก็เห็นมีบางครั้งเหมือนกันที่แม่แอบร้องไห้คนเดียวโดยไม่อยากให้ฉันกับพี่รู้ แม่นะแม่ไม่เห็นต้องเก็บไว้ทุกข์ใจคนเดียวเลย แบ่งๆมาให้ฉันไม่ได้หรือไงนะ
“นี่นามิ ถึงแล้วนะ ลงมาได้แล้ว” ถึงแล้วเหรอเนี่ย
“เป็นอะไรไปน่ะนามิ ถ้าไม่สบายใจอะไรก็บอกฉันได้นะ ถ้าฉันพอจะช่วยเธอได้ เห็นเธอเงียบมาตลอดทางเลย ถ้ามันลำบากใจเธอนักละก็ เดี๋ยวฉันขับรถกลับไปส่งเธอที่บ้านก็ได้” นายเก็นพูดขึ้น แล้วทำท่าจะสตาร์ทรถของเขา
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงความหลังนิดหน่อย”
“งั้นเองเหรอ...”
“....”
“งั้นไปหาอะไรกินกันเหอะ” นายเก็นชวนขึ้น“แล้วศูนย์อาหารในนี้มันอยู่ไหนหว่า...”
“ตรงแล้วเลี้ยวซ้ายคะ” มีเสียงแจ้วใสๆดังขึ้น
“โอ๊ะ..ขอบคุณนะครับ” แล้วฉันกับนายเก็นก็หันกลับไปหาต้นเสียงเพื่อขอบคุณแต่ว่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ