What is Love? รักนี้..ยิ่งกว่าที่คิด

-

เขียนโดย Umkung

วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 07.26 น.

  2 ตอน
  2 วิจารณ์
  5,520 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556 19.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) First Time When I Meet You

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          เช้าวันจันทร์เป็นอะไรที่ฉันเกลียดที่สุดรองจากวิชาคณิตศาสตร์ในสมัยมัธยมปลาย มันเหมือนเป็นวันที่ทำให้คนอารมณ์เสียได้โดยที่ยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรเลย วันนี้ฉันมีเรียน drawing ตอนเก้าโมงเช้าที่มหา'ลัย Minerva คลาสนี้ถ้าเข้าสายล่ะก็มีหวังโดน drawing ภาพเหมือนสิบรูปแน่เลย -o-;; อาจารย์โหดเว่อร์ ฉันเลยต้องรีบจัดการตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วคว้ากระเป๋าเป้ลายดราก้อนบอลพร้อมกับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์เพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ดีที่มหา'ลัยอยู่ใกล้บ้าน ระยะเวลาในการเดินทางเลยไม่ต้องใช้เวลามาก ^^             
          ลืมแนะนำตัวไปเลยฉันชื่อแอมเบอร์ค่ะ อยู่ปีสอง มหาวิทยาลัย Minerva เรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกออกแบบนิเทศศิลป์ เป็นคนที่เพื่อนในกลุ่มยกย่องว่า 'เอ๋อ' ที่สุด โดยเฉพาะบุคคลิกที่เปิ่นเสมอขัดกับลุคที่เป็นอยู่ ใครๆก็บอกว่าฉันดูเป็นผู้หญิงที่แลดูเถื่อน อาจจะเป็นเพราะทรงผมที่ตัดม้าเต่อแล้วซอยปลายผมยาวถึงกลางอก ชอบทาสโมกกี้อายส์ ใส่รองเท้าผ้าใบเป็นประจำ ใส่แหวนสองวงต่อมือหนึ่งข้าง รวมทั้งต่างหูรูปไม้กางเขนสีดำกับสร้อยคอจี้แหวนสีดำ ทาเล็บสีดำด้วย หลายคนมาทักว่าฉันเป็นนักร้องวงร็อคในคณะดุริยางค์ฯ -__- เหอะๆ ท่าทางฉันจะดูไม่เหมือนเด็กศิลป์จริงๆแหละ (เพิ่งรู้ตัว)
         ตอนนี้ฉันขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจสีน้ำเงินมาจอดตรงหน้าตึกอาร์ทแล้ว คนนในตึกยังไม่มากเท่าตอนเที่ยงแถมยังสงบกว่าทุกๆครั้งด้วย ฉันชอบบรรยากาศของที่นี่ชะมัด -v- มันเหมือนหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่งที่มีแต่เสียงดนตรีและภาพวาดศิลปะ ตึกคณะศิลปกรรมฯของที่นี่จะรวมพวกภาควิชาดนตรีกับภาควิชาศิลปะเข้าด้วยกัน แต่แยกโซนเป็นฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออกอย่างชัดเจน พวกนักดนตรีจะอยู่ฝั่งตะวันตก ส่วนพวกจิตรกรจะอยู่ฝั่งตะวันออก ส่วนใหญ่ฉันจะทำงานอยู่ในห้องริมสุดทางฝั่งตะวันออก มันให้ความเป็นส่วนตัวได้ดีมากในเวลาที่ฉันต้องทำผลงานชิ้นใหม่ๆ และแปลกที่ไม่ค่อยมีคนจองห้องนี้ไว้ใช้ทำงานกันสักเท่าไหร่ ฉันโชคดีมากสินะเนี่ย ^_^ ระหว่างที่ฉันกำลังเดินตรงไปยังห้องที่ใช้สำหรับเรียนก็ต้องสะดุดกับดวงตาสีน้ำผึ้งของบุคคลอันคุ้นเคย มันยิ้มยิงฟันให้ฉันอย่างเปิดเผยก่อนจะเดินเข้ามาหา คิดว่าหล่อนักหรือไงวะนั่นน่ะ -_-^^ "เป็นอะไร ยิ้มซะเห็นฟันผุเลย" "แกจะบ้าหรือไง คนกำลังอารมณ์ดีเลย -3-" ไอ้เพื่อนตัวแสบทำหน้าบูด อ้อ ฉันลืมแนะนำไปเลย เจ้านี่เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยประถมของฉัน ชื่อติน "อารมณ์ดีอะไรวะ หมั่นไส้ชะมัด -__-" ฉันทำหน้าเซ็งก่อนจะดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เจ้านี่ก็ยังตามมารั้งแขนฉันไว้อีก ฉันหันไปขมวดคิ้วตั้งคำถามอย่างงงๆ "อะไรอีกล่ะ -__-?" "ฉันจะแนะนำเพื่อนที่ตีกลองอยู่วง Relieve ให้แกรู้จักไง เห็นวันนั้นบอกอยากเห็นหน้า ^^" ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะว่าทำไมตินถึงอยากให้ฉันรู้จักกับมือกลองคนนั้นนักหนา เขาเป็นพระเจ้ามาจากไหน? แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจเขาด้วย วันนั้นฉันก็แค่ทำเป็นพูดไปแบบประชด แต่เพื่อนเซ่อของฉันมันดันคิดเอาจริง โอยยยย เซ็งๆๆ -o-^^ ตินเดินนำฉันเข้าไปในห้องที่อยู่ริมสุดทางฝั่งตะวันตก ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีที่เราเห็นกันจนชินตามโปสเตอร์วงร็อคทั่วไป มีกลองชุดสีดำสุดเท่ห์ของ Nobie & Cooley ตู้แอมป์ของกีตาร์กับเบสราคาแพงและไมค์ของ Audio technica ฉันเดินสำรวจห้องอย่างเงียบๆในขณะที่ตินก้มลงเก็บชีทเพลงที่กระจัดกระจายตามพื้นห้อง เป็นห้องที่กว้างขวางจนสามารถซื้อเตียงขนาดคิงไซส์มาวางไว้ได้เลยนะเนี่ย แต่ข้อเสียคือ..มันโคตรซกมกเลย(ว่ะ) -__- "ไอ้พวกเวร! ไม่ยอมเก็บห้องให้เรียบร้อยเลย ให้ตายเถอะ!!" ตินบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ "เพื่อนแกยังไม่เห็นโผล่มากันซักคน อีกยี่สิบนาทีฉันต้องไปแล้วนะ -o-" "ปกติ 'ไอ้นั่น' มันมาเร็วนี่หว่า ทำไมวันนี้มันเลทจัง" ระหว่างที่รอมือกลองคนนั้นอยู่ ฉันก็เริ่มซุกซนเสียบปลั๊กคีย์บอร์ดของ Roland แล้วเริ่มต้นกดคอร์ดที่พอจะเล่นเป็น เอ..คอร์ด C นี่ต้องกดตัว C E และ G เย้ๆ ^o^ ได้แล้ว อย่างน้อยฉันก็พอจะรู้อยู่บ้างอ่ะนะ ตินหันมามองก่อนจะเดินเข้ามายืนดูฉันในระยะใกล้ "ไม่สนใจมาเป็นนักร้องให้วง Relieve เหรอวะ? พวกมันกำลังหานักร้องหญิงมาร้องตอนคอนเสิร์ตเซอร์ไพร์สแฟนคลับอยู่ แกก็เสียงดี.." "ขอผ่านดีกว่า งานในคณะฉันก็วุ่นวายพอแล้ว -o-" "แต่ถ้าลองดู ผมว่ามันก็ไม่เสียหายนะ อย่าเพิ่งปิดตัวเองสิครับ ^^" เสียงผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับคนอีกสี่คนทำให้ฉันเงียบไปแล้วหันไปมองอย่างงงๆ คนที่เพิ่งพูดประโยคเมื่อกี้ยิ้มบางก่อนจะเดินตรงไปยังกลองชุด ส่วนคนอื่นๆก็วางกีตาร์กับเบสที่สะพายมาในที่ของตัวเอง ตินทำหน้าเหวอนิดหน่อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้องโวยวายแทน "เฮ้ยยยย ทำไมพวกแกมาช้าจังวะ? ไหนวันนี้บอกจะมาตั้งแต่แปดโมง -__-^^" "พอดีแม่ไอ้ริซเค้าโวยเรื่องที่มันหนีเที่ยวเมื่อคืน พวกฉันเลยต้องยืนรอมันตั้งนาน" "พูดมากว่ะ -__-^^" คนที่ชื่อริซขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "แกนั่นแหละที่ชวนฉันเมื่อคืน ไอ้ฟอร์ด" เอ่อ..นี่ฉันต้องมานั่งฟังคนเถียงกันงั้นเหรอ -__-;; ตินที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองเริ่มเถียงกันเดินเข้าไปเคาะหัวเพื่อนด้วยไม้กลองก่อนจะเบือนหน้ามาทางฉันเป็นเชิงบอกว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย คราวนี้ทุกคนหันมาให้ความสนใจฉันกันหมดเลย นายคนที่หยิบไม้กลองออกมาจากกระเป๋าซึ่งก็คือคนที่พูดตอนเดินเข้ามาในห้องมองฉันนิ่งๆแต่ก็ไม่เสียมารยาทถึงขนาดทำเย็นชาใส่ คนที่กำลังหยิบเบสออกมามองฉันงงๆว่าเข้ามาทำอะไร ส่วนอีกสองคนที่เพิ่งเถียงกันและคาดว่าจะเป็นมือกีตาร์รีดส์กับริททึ่มก็มองฉันแหยๆ อีกคนหนึ่งเป็นนักร้องนำหันไปกระซิบกับติน ฉันที่ตอนนี้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของทุกสายตาทำได้แค่เพียงยิ้มแหยเท่านั้น เหอะๆๆ ไม่เคยเจอสถานการณ์แยยนี้เลยในชีวิต -v-;; "เอาล่ะทุกคน ฉันพาเพื่อนมาให้รู้จัก ชื่อแอมเบอร์นะ ^^" "เอ่อ..สวัสดีทุกคน เรา..แอมเบอร์ อยู่คณะศิลปกรรมฯ เอกออกแบบนิเทศศิลป์" ให้ตายเถอะ! ตอนนี้ฉันเกรงไปหมดแล้ว >_< "อ้าว อย่างนี้ก็ใกล้ๆกันน่ะสิ ผมริซนะ เป็นมือรีดส์ของวง Relieve" นายคนที่โดนแม่บ่นเมื่อเช้านั่นเอง "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ แอมเบอร์ ^_^" "ผมฟอร์ด มือกีตาร์ริททึ่มของวง ว่างๆมานั่งเล่นห้องนี้ได้นะ ถ้าทนสภาพรกๆไหวน่ะ" ฉันพยักหน้าพร้อมยิ้มรับอย่างเป็นมิตร ดูเหมือนคนชื่อฟอร์ดจะเฟรนลี่นะ ดูจากท่าทางแล้ว "ผมเนิร์ธ มือเบสของวง ตอนแรกนึกว่าเธอเป็นพวกแฟนคลับที่แอบตามมาดูพวกเราซ้อมซะอีก ขอโทษด้วยละกัน -/|\-" "ไม่เป็นไรค่ะ -o-" "ผมมาร์ช นักร้องนำคร้าบบบบ~ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ^o^" มาร์ชเดินเข้ามาพร้อมโบกมือทักทายก่อยจะแตะไหล่ฉันเบาๆ ใบหน้ายิ้มแย้มของเขาทำให้คนมองต้องยิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้ น่าเสียดายที่ซันผิวคล้ำไปนิด ไม่อย่างนั้นคงจะหล่อมากกว่านี้อีก *o* "ผม..เพจ มือกลองของวง ยินดีที่ได้รู้จัก แอมเบอร์.." คนนี้คือคนที่ตินอยากแนะนำให้ฉันรู้จักมากที่สุดสินะ พอได้เห็นหน้าเขา ฉันก็เข้าใจเลยว่าทำไมตินถึงอยากแนะนำให้ฉันรู้จักเขานักหนา นายคนนี้ดูดีเป็นบ้าเลย! แถมยังดูเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงแต่ก็แอบเฟรนลี่ ประโยคที่บอกให้ฉันลองร้องเพลงเป็นคำพูดของเขาเอง มันมีอะไรบางอย่างสะกิดใจฉัน ทำให้ยังคงไม่ละสายตาไปจากเขา หัวใจของฉันเริ่มเต้นเป็นจังหวะแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนอกจากจะต้องพูดหน้าโพเดียมหรือพรีเซ้นส์งานของตัวเองในคลาส รวมถึงความสงบที่แผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ ณ ตอนนี้ด้วย มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมากๆ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน "แล้วแอมเบอร์มีธุระอะไรกับพวกเรารึเปล่า แกถึงได้พามาแนะนำให้รู้จักน่ะฮะ ไอ้ติน?" เนิร์ธพูดก่อนจะเหลือบไปมองหน้าตินที่ยังคงยิ้มระรื่นอยู่ "หรือว่าแอมเบอร์จะมาเป็นนักร้องให้วงของเราในโปรเจ็กต์พิเศษ?" พอได้ยินประโยคนั้นของนักร้องนำ ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หน้าเปลี่ยนกันไปเลยทันที ตินอ้าปากค้างไปเลย เอ่อ..เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับฉันแล้วล่ะ พอก้มมองดูนาฬิกาของตัวเองก็เห็นว่าฉันเลยเวลาเรียนมาห้านาทีแล้ว แย่ล่ะ! สายได้แค่สิบห้านาทีเท่านั้น >_<! ฉันค่อยๆเขยิบออกจากคีย์บอร์ดแล้วโบกมือลาทุกคน เหล่านักดนตรีทั้งหลายก็หันมาบ้ายบายฉันก่อนที่จะออกจากห้องไป ตอนที่เปิดประตูห้องตินกำลังตอบคำถามแทนฉันที่ต้องออกจากห้องไปก่อน ดูทุกคนเป็นเพื่อนที่ไม่แย่เลยแฮะ ^_^ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่มันติดอยู่ในห้วงความคิดของฉันตั้งแต่ก้าวขาออกจากห้องเมื่อกี้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่เผินๆก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันซ่อนเสน่ห์บางอย่างเอาไว้ ผมซอยสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มหน่อยๆของเขา เป็นเพราะอะไร..ทำไมถึงติดตาขนาดนี้? คนคนนั้น..ที่หยิบไม้กลองออกมาจากกระเป๋า คนนั้น..ที่มองฉันนิ่งๆแต่ไม่ได้เย็นชา คนนั้น..ที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ... ..เพจ@ Art Room "แอมเบอร์ วาดอะไรของเธอน่ะ ดูแล้วปวดหัวชะมัด -o-!" เสียงของพี่นิโคลทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างอึนสุดๆ ดวงตาสีควันบุหรี่มองภาพในมือฉันแล้วขมวดคิ้ว เอ่อ..งานของฉันมันดูไม่รู้เรื่องจริงๆแหละ เส้นแลดูงุนงงเหมือนคนกำลังตกอยู่ในหลุมในบ่ออะไรสักอย่าง ศิลปะฉันเข้าขั้นเทพแล้วมั้งเนี่ย -_-;; ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร เจ๊แกก็พูดต่อ "ว่างมากเลยใช่มั้ยเนี่ย - -^^ หรือกำลังสับสนอะไรอยู่?" "เรื่อยเปื่อยน่ะ งานของพี่อ่ะไปถึงไหนแล้ว" "โอยยย อย่าให้พูด ยังไม่ถึงไหนเลยน้องเอ้ย T_T" พี่นิโคลเป็นรุ่นพี่ในคณะที่สนิทกับฉันมากที่สุด เพราะเมื่อก่อนบ้านเราอยู่ใกล้กันและยังแนะนำให้ฉันมาเรียนที่นี่ด้วย ตอนนี้เจ๊แกอยู่ปีสี่แล้ว แล้วยังเป็นดาวเด่นในคณะด้วยนะ ด้วยความน่ารักและเป็นกันเองจึงชนะใจน้องๆเพื่อนๆในคณะหลายคน ^^ ฉันก้มลงมองภาพที่ตัวเองวาดไว้เมื่อกี้อีกครั้ง จู่ๆภาพของ 'คนนั้น' ก็ปรากฏขึ้นมาภายในหัว เอาอีกแล้ว ไอ้ความรู้สึกแปลกประหลาดนี่วาบเข้ามาอีกแล้ว เหมือนตกอยู่ในหลุมที่ปีนออกมาไม่ได้ อยู่กับความสับสนวกวนที่มีแต่เส้นโค้งยึกยักเต็มไปหมด รอยยิ้มบางค่อยๆปรากฏขึ้นแทนความสับสนที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าพี่นิโคลเดินหายไปไหนแล้ว ถ้าอยู่คงจะต้องหาว่าฉันบ้าแน่ๆ ขอสรุปละกันนะว่า ความรู้สึกแบบนี้ทำให้มีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ ^^ "แอมเบอร์ ^_^" พี่นิโคลเรียกฉันด้วยรอยยิ้มหวาน "ว่าไง..จะใช้อะไรแอมแน่เลยล่ะสิ -v-" "อิอิ ไปซื้ออเมริกาโน่ให้พี่หน่อยจิ พอดีพี่ต้องไปห้องพักอาจารย์น่ะ อาจารย์เรียกไปคุย" "ได้ ร้านเดิมใช่รึเปล่าครับผม?" "ใช่จ้ะ ฝากหน่อยนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงแอมแก้วนึง อยากกินอะไรก็ซื้อมาเลย ^^" พอจัดการเรื่องเงินกันเรียบร้อย ฉันก็เดินออกมาจากตึก Art & Music ตรงไปยังร้านกาแฟร้านประจำ ฉันไปนั่งชิลในนั้นบ่อยมากจนพนักงานน่ารักๆในร้านจำหน้าได้แล้ว มันเป็นคาเฟ่ที่มีทั้งอาหาร เบเกอรี่และเครื่องดื่มจำพวกกาแฟ คนส่วนมากเลยชอบมานั่งอ่านหนังสือหรือมานั่งเล่นชิลๆที่นี่ แต่ดีที่ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเลยสักคน ทำให้ร้านดูสงบเงียบ "ยินดีต้อนรับค่ะ อ้าว เธอนี่เอง ^__^" ว่าแล้วพนักงานคนเดิมก็เดินเข้ามาทักทายฉันด้วยรอยยิ้มสดใส "วันนี้หิวข้าวหรือโกโก้ปั่นล่ะ ดูท่าทางจะหิวนะเนี่ย" ฉันยิ้มพลางส่ายหน้า"เอาอเมริกาโน่กับโกโก้ปั่นอย่างล่ะแก้วค่ะ" "ได้ค่ะ รอแป๊บนึงนะจ้ะ ^_^" เธอยิ้มรับก่อนจะหันหลังเดินกลับไปเคาน์เตอร์บาร์ เป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กจัง แถมทรงผมยังยุ่งฟูดูเซอร์ไม่เข้ากับใบหน้ายิ้มแย้มน่ารักแบบเด็กๆเลย แต่ช่างเถอะ ยังไงก็ดูดี -v- ภายในร้านยังคงบรรยากาศเงียบสงบเหมือนทุกครั้งที่มา กลิ่นหอมของเบเกอรี่กับกาแฟอบอวลไปทั่วร้าน ถ้าเป็นไปได้ฉันจะมานอนเล่นที่นี่เลยแหละ แต่ติดที่ต้องเอาอเมริกาโน่ไปเสิร์ฟพี่นิโคล เศร้าแท้เหลา T_T พนักงานในร้านมีแค่สามสี่คนเองที่ฉันเห็น คนที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือพนักงานที่เพิ่งมารับออเดอร์ไป เมื่อกี้ แต่ถ้าร้านคึกคักมากกว่านี้คงจะเสียฟิลล์แบบที่เป็นอยู่อย่างสิ้นเชิงไปเลยแน่ๆ "ได้แล้วจ้ะ ^_^" "ขอบคุณค่ะ ^^" ฉันยื่นมือรับถุงที่ใส่แก้วกาแฟก่อนจะจ่ายเงินให้เธอ เธอยิ้มนิดหน่อยเป็นการตอบรับ "เดี๋ยวจะชวนเพื่อนมาอุดหนุนเยอะๆเลย" "จ้ะ! ว่าแต่เธอชื่อแอมเบอร์รึเปล่า ^_^?" เธอถามฉันด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ฉันช็อกอ้าปากค้างไปแล้วว่าทำไมเธอรู้จักชื่อของฉันได้ "ใช่ค่ะ O_O?" "เธอลืมสมุดบันทึกเอาไว้ที่ร้านน่ะ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว" ฉันแทบจะตาถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเห็นสมุดบันทึกที่น่าปกวาดลวยลายด้วยฝีมือของตัวเองพร้อมกับตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เขียนว่า 'แอมเบอร์' ฉันตามหามันมาสามสี่วันแล้วและรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆที่ทำสมุดบันทึกคู่ใจหายไป แล้ววันนี้ก็ได้เจอมันอยู่ในสภาพดี "ฉันมาลืมไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือเนี่ย แย่ชะมัดเลย ขอบคุณที่อุตส่าห์เก็บไว้ให้นะคะ ^///^" "ด้วยความยินดีจ้า เธอเรียนศิลปกรรมเหรอ? ฉันเห็นเธอวาดรูปเต็มสมุดเลย อุ่ยย! พี่ไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะ แต่เห็นปกมันแง้มๆอยู่เลยแอบเปิดดูนิดหน่อยน่ะ แฮ่.." พนักงานสาวยิ้มแห้งๆเหมือนกลัวฉันจะต่อว่า แต่ฉันยิ้มกลับคืนไปพร้อมส่ายหัวปฏิเสธสิ่งที่เธอคิด "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรียนอยู่คณะศิลปกรรม แล้วพี่เรียนคณะอะไรเหรอคะ?" "พี่เรียนจบมาสามปีแล้วจ้ะ ^^" ม่ะ..ไม่จริงใช่มั้ย!!OoO เธอเนี่ยนะจะเรียนจบแล้ว "ไม่จริงน่า พี่หน้าเด็กมากเลยนะ ฉันนึกว่ารุ่นเดียวกันหรือไม่ก็รุ่นพี่ปีสามปีสี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะจบมาสามปีแล้ว *o*" "ใครๆก็พูดแบบนี้แหละ ^_^ พี่อายุยี่สิบห้าแล้วนะ" "
 
"ไม่เชิงจ้ะ พี่กับพี่สาวหุ้นกันเปิดร้านนี้ขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ตอนนี้พี่สาวพี่ไปอยู่อังกฤษ นานๆทีกว่าจะกลับมาน่ะ ส่วนพี่สาวคนโตของพี่เป็นเชฟมือหนึ่งในร้านอาหารอิตาลีย่านกลางเมืองเลยนะ จะมีแค่บางวันเท่านั้นที่เขาจะแวะเข้ามา"
พี่ไนน์สาธยายเรื่องราวของร้านให้ฟังอย่างมีความสุข เธอมีดวงตาสีน้ำตาลโกโก้เช่นเดียวกับสีผมที่ยุ่งฟูแต่ก็ดูเป็นสไตล์ ใบหน้าผุจผ่องราวกับเด็กมัธยมปลายบวกกับรอยยิ้มที่พระเจ้าตั้งใจปั้นขึ้น เพียงแต่น้ำเสียงของพี่เขากลับเข้มและดูห้าวมากกว่า พี่ไนน์เงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังน้านด้วยความตกใจก่อนจะมองมาที่มือที่ถือถุงแก้วกาแฟของฉัน โอ๊ะ!~ นี่ฉันเลทมากแล้ว >o<
"พี่ขอโทษที เล่าเพลินไปหน่อย -///- เรารีบไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าของกาแฟเค้าจะว่าเอา ^^"
"ไว้เจอกันใหม่นะคะ พรุ่งนี้อาจจะแวะเข้ามาซื้ออะไรกิน ^_^"
"ได้เลยจ้ะ ตั้งใจเรียนนะ แอมเบอร์"
"ค่าาาา~~" ฉันโบกมือลาพี่ไนน์ก่อนจะเปิดประตูร้านเดินออกไปโดยที่ยังมีรอยยิ้มกว้างของเธอส่งอยู่
วันนี้แปลกดีนะ!มีคนใหม่ๆเข้ามาในชีวิตฉันตั้งหลายคนภายในวันเดียว และดูเหมือนมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นวันที่พระเจ้าตั้งไว้ว่าฉันจะได้เจอกับพวกเขา นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของฉัน.. มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฉันไม่รู้เลยว่า...
มันจะเปลี่ยนชีวิตฉันไป..ตลอดกาล...
 
4.05 p.m.
ถึงเวลาเลิกคลาสแล้ว ^o^ วันนี้พี่นิโคลชวนฉันไปเดินตลาดนัดริมน้ำที่เพิ่งเปิดใหม่ เห็นเจ้เขาบอกว่ามีแต่ของสไตล์อาร์ตๆทั้งนั้น ฉันที่เป็นพวกสะสมของแนวนี้อยู่แล้วเลยหูผึ่งทันที งานนี้พลาดไม่ได้อย่างแน่นอนคร้าบบบ~ผม ฉันเก็บชีทใส่กระเป๋าเป้แล้วลุกออกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว แต่พอก้าวออกมาได้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ฉันก็ชะงักไปเพราะคนที่เดินผ่านมาเป็น 'เขา' ที่เพิ่งเจอเมื่อเช้า
ให้ตาย! ทำไมใจเต้นรัวเร็วแบบนี้นะ >_<
เขาเดินผ่านไปแล้ว..มีแต่ฉันเนี่ยแหละยังมัวยืนคาหน้าประตูห้องจนเพื่อนร่วมคลาสหันมามองด้วยสายตาไม่พอใจ ฉันปลีกตัวออกจากประตูมายืนพิงพนังห้องเพื่อให้คนอื่นเขาได้ออกจากห้องไปก่อน บ้าจริง! นี่ฉันเป็นอะไรไปนะ? แค่คนๆเดียวถึงกับทำให้เสียการควบคุมเลยหรือไง? ฉันนี่ท่าจะแย่แล้วล่ะ -__-;;
"ทำไมไม่ออกมาจากห้องสักที ฮะ! ยัยแอม >_<" เสียงพี่นิโคลเล่นเอาซะสะดุ้งโหยงทันที อาการเหม่อลอยทั้งหมดหายไปหมดเลย ฉันหันไปสบตาพี่สาวที่รักพร้อมยิ้มแหย
"ขอโทษค่ะ แอมเหม่อลอยไปหน่อย"
"วันนี้พี่ว่าเราแปลกๆนะ ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?"
"แอมก็ปกตินะ พี่นิคคิดมากไปเปล่าาา" ฉันแก้ตัวน้ำ(โคตร)ขุ่น -.-
"มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังก็บอกได้นะเว้ย ไป! เที่ยวกันให้สนุกดีกว่า ^o^"
ฉันยิ้มรับคำนั้นของเธอก่อนจะเดินออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันจะก้าวต่อไป เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงและรวดเร็วราวสายลมทำให้ทั้งฉันกับพี่นิโคลชะงักไป ไอ้เพื่อนตัวแสบมันวิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางฝั่งตรงข้ามแล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าพวกฉัน แถมยังทำมือเป็นสัญญาณบอกว่าเดี๋ยวก่อนทั้งๆที่ตัวเองกำลังพักเหนื่อยอยู่
"อะไรของนายกันยะ ติน? วิ่งมาซะตกใจหมดเลย" พี่นิโคลทำหน้าเคร่งเครียดพร้อมเอามือกุมหน้าอกตัวเองไว้ "มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?"
"สวัสดีพี่นิโคล ผมมีเรื่องจะมาคุยกับแอมมันน่ะ เรื่องสำคัญด้วย"
"ฮั่นแน่ๆ อย่าบอกนะว่าจะมาสารภาพรักยัยแอมอ่ะ >///<"
อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย อาเมน -.-
"จะบ้าหรือไงพี่นิค! ผมจะมาคุยเรื่องวงดนตรีกับมันต่างหาก -__-^^" ตินบอกพลางทำหน้าจริงจังกึ่งยิ้มมาให้ แต่เป็นยิ้มแบบเนือยๆซะมากกว่า "แอม แกช่วยเป็นนักร้องให้วงไอ้ซันหน่อยได้มั้ย"
"ฮะ! OoO แกพูดอะไรน่ะไอ้ติน"
"ฉันบอกว่าแก-ช่วย-เป็น-นัก-ร้อง-ให้-วง-Relieve-หน่อยยยยย >o<"
"ฉันเนี่ยนะ!? พวกแกคิดกันได้ยังไงน่ะ -o- ฉันไม่เหมาะหรอก"
"นี่ๆๆ เดี๋ยวก่อนเลยนะพวกเธอ.. ติน ทำไมแอมต้องไปร้องเพลงให้วง Relieve ล่ะ?" พี่นิโคลที่ยืนฟังเราคุยอยู่เริ่มอยากมีส่วนร่วม ตินหันไปทางเจ้แกแทนแล้วพูดต่อ
"พี่นิครู้ใช่ป่ะว่าเดือนพฤศจิกายนนี้ วง Relieve ต้องแสดงคอนเสิร์ตน่ะ"
"อื้มมม -.-"
"แล้วพวกมันจะทำเซอร์ไพร์สให้แฟนคลับ โดยการหานักร้องผู้หญิงมาร้องร่วมกับวง เป็นโปรเจ็กต์พิเศษที่มันต้องทำให้แฟนๆกับอาจารย์ประทับใจ ผมก็เลยจะชวนมันไปออดิชั่นเป็นนักร้องหญิงให้วงเพื่อนผม"
"พี่ว่าก็น่าสนใจดีนะ แอมก็ลองดูสิ"
"นี่ เดี๋ยวก่อนสิทุกคน แอมยังไม่พูดแสดงความคิดเห็นอะไรเลยนะ จู่ๆจะมาชวนเป็นนักร้องเลยได้ยังไงกันเล่า -.-^^" ฉันพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ จนตินทำหน้าเบ้ไปรวมถึงพี่นิโคลด้วย
"แต่ว่านะ ถ้าแอมไปเป็นนักร้องให้วง Relieve ล่ะก็ มันต้องเจ๋งสุดยอดแน่เลย แฟนคลับเค้าเยอะมากเลยนะ แล้วดูเหมือนอาจารย์ฝ่ายดนตรีจะส่งวงนี้เข้าไปทำงานในวงการเพลงด้วย เพื่อนพี่มันบอกมา"
คำพูดของพี่นิโคลเริ่มค่อยๆซึบซับเข้าสู่หัวสมองฉันทีละน้อย ถ้าถามว่าฉันชอบร้องเพลงมั้ย ก็ขอตอบเลยว่า..ร้องเพลงคือสิ่งที่สร้างความสุขให้กับฉันมากที่สุด เสียงดนตรีกับท่วงทำนองเพลงทำให้ฉันรู้สึกสงบและมีไอเดียทุกครั้งในเวลาที่ต้องทำงานศิลปะหรือในเวลาที่อยากจะผ่อนคลาย แต่ที่ฉันเลือกมาเดินในเส้นทางการวาดรูปหรือเรียนเป็นนักออกแบบเชิงนิเทศเพราะอย่างน้อยอนาคตมันมั่นคงกว่าการมาเป็นนักร้องนักดนตรีที่ใครๆก็บอกว่าเป็นอาชีพไส้แห้ง และพ่อกับแม่ฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเป็นนักร้อง
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็ไม่ได้ก้าวมาสู่โลกของดนตรีอย่างจริงจังอีกต่อไป เป็นได้แค่เพียงผู้ฟังเท่านั้น..
"ขอร้องล่ะนะแอม ช่วยด้วยเหอะนะ ToT"
แต่มาตอนนี้..เหมือนฉันจำเป็นต้องตัดสินใจอีกครั้งนึง
"ฉันจะลองดูละกัน ^^"
และนี่แหละ..คือสิ่งที่ฉันเลือก...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา