เกมซ่อนเร้น
10.0
เขียนโดย npunpu
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.16 น.
3 chapter
0 วิจารณ์
6,524 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 22.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) new look 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่2
ณ ใจกลางห้างใหญ่ มีหนุ่มสาวค่หนึ่งเดินมาด้วยกันแต่ก็เหมือนไม่มาด้วยกัน เพราะเขาทั้งสองได้เดินหางกันเป็นวา
ชายหนุ่มจับมือสาวสวยเขาร้านเสื้อผ้าร้านหนึง
“นี้นายกล้าดีอย่างไงมาจับมือ ฉันห๊ะ!! คิดว่าได้ทำงานร่วมกันแล้วจะถือวิสาสะจับมาจับมือฉันได้หรอ ปล่อย!!” เธอพูดพร้อมสะบัดมือแล้วเดินนำเข้าร้าน
“หืออ คิดว่าผมอยากจะจับมือคุณมากหรอ” เขาตะโกนใส่คนที่เดินนำหน้าไป
เขาเดินทั่วร้านพร้อมได้เสื้อผ้าติดมือมาซะ 4-5ตัว
“อ่ะ เอาไปลองซะ แล้วพอลองเสร็จก็ออกมาให้ผมดูทีละตัว” เขายื่นเสื้อผ้าที่อยู่ในมือให้
“นี้สรุปนายจะมาเป็นคู่หู๋ฉันหรือจะมาเป็นเจ้านายฉันเนี้ย สั่งๆๆๆๆ อยู่นั้นและ” เธอโวยวายใส่พร้อมอารมณ์ที่ไม่เคยถูกใครสั่งมาก่อน
“ไปลอง อย่ามาเสียเวลาให้มันมากได้ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะรำคาญ เธอตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าจากมือเขาแล้วปิดประตูห้องลองอย่างแรงใส่หน้า เมื่อเธอลองเสร็จแล้ว รัณออกมาทีละชุด เริ่มตั่งแต่ชุดแรกเป็นกระโปรงสั่นเหนือเข่า เปิดหลังนิดๆ ทำให้เตชินถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว รัณเห็นท่าทีแบบนี้นยิ่งทำให้เขินขึ้นไปใหญ่เพราะไม่เคยลองชุดให้ใครหน้าไหนดูเลย
“ นี่นายจะมองฉันอีกนานไหม! ผ่านหรือไม่ผ่านรีบบัญชามา“ เสียงแหลมๆทำให้เตชินหลุดจากพวังค์
“ผมก็ไม่ได้อยากมองนักหรอกนะแค่จะดูเพื่อให้แน่ใจว่าคุณธัสสิดล จะชอบหรือป่าว เอาละๆ ผมให้ผ่าน ไปลองชุดต่อไปได้แล้วๆ” เตชินพูดพร้อมโบกมือ รัณจึงหันหลังไปเปลี่ยนชุดแล้วชุดเล่า
“นี่นายชั้นเปลี่ยนชุดไหนนายก็บอกผ่านหมดเลย ชั้นไมต้องลองแล้วมั้ง ” รัณพูดพร้อมอารมณ์หงุดหงิดแต่ก็รู้สึกเขินนิดๆเพราะเธอคิดว่าถ้าเธอลองชุดแล้วถ้าผ่านแบบนี้หมดแสดงว่ารูปร่างหน้าตาเธอยังใช่ได้อยู่
“ไปจ่ายเงินกันเถอะ” เตชินพูดพร้อมจับมือรัณ เธอไม่มีอารมณ์จะเทียงแล้วเพราะเหนื่อยกับการทะเลาะเหลือเกิน
“แหม่ สามีคุณน้องี่น่ารักจังเลยนะคะซื้อเสื้อผ้าให้เยอะแยะจังเลย” เสียงแซวจากพนักงานดังขึ้น
“ไม่ ไม่ใช่ ค่ะ/ครับ” ทั้งคู่เอ๋ยพร้อมกันอย่าไม่ได้นัดหมายอีกครั้งหนึง
“อีตาคนนี้ไม่ใช้สามีหรือแฟนอะไรทั้งนั้นน่ะค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันค่ะ” เธอรีบอธิบายให้กับพนักงานฟังอย่างชัดเจ่น
“ ใช่ครับ ถ้าผมได้ยายนี้เป็นแฟนไปชีวิตคงจะหาไม่แน่ๆ “ เขารีบพูดอิธิบายอีกรอบ ทีนี้รัณรีบหันมามองหน้าพ่อหนุ่มที่พึงจะแสดงท่าทางรังเกลียดเธอและรีบเดินแแกมาจากร้ายทันที
“จะไปไหนต่อละ รีบๆสั่งมาเลยเพราะว่างานฉันไม่ได้ว่างขนาดจะมาเล่นชอปปิ้งไปวันๆในห้างหรอกน่ะ ฉันเองก็ยังไม่ได้หาข้อมูลเจ้านายคุณเลย ต้องกลับไปหาข้อมูลอีก ส่วนเรื่องเรียนทำอาหารฉันก็ยังไม่ได้เรียนเลย จะมีอะไรทันไหม เนี่ยะ” เธอพูดพรางเดินมุ่งหน้าเข้าไปร้านต่อไป
“เรื่องหาข้อมูลคุณจะหาทำไม มีผมอยู่ข้างๆอย่างงี้แล้วอยากรู้อะไรถามมา เลย”เขาตอบด้วยความอ่อนโยนและรู้สึกว่าเธอกับเขาอาจจะเริ่มเข้ากันได้แล้ว
“หึ ฉันขอหาเองก่อนดีกว่า ไว้ขาดอะไรแล้วค่อยมาถามคุณ” หลังจากที่เธอพูดเสร็จเธอก็รีบเดินนำหน้าไปเลย
เธอและเขาค่อยๆเข้าร้านหนึ่งไปสู่ร้านหนึงจนตอนนี้ในมือของเขาและเธอเต็มไปถุงแบรน์แนมต่างๆไปหมดแล้ว หลังจากที่รู้สึกว่าตอนนี้ได้เสื้อผ้าเกือบๆจะ50ตัวแล้วทั้งสองก็ได้หยุดเพียงเท่านี้
“นี้คุณยังไม่พออีกหรอ ฉันแทบจะเดินไม่ไว้แล้วน่ะพอเถอะ” เธอถามอย่างอ้อนวอนด้วยความเนือยล้าที่ต้องเดินไปร้านต่างๆและก็ลองเสื้อผ้าอีกด้วย
“ผมว่าแค่นี้ก็คงพอแล้วและ เดินต่ออีกหน่อยก็จะถึงร้านทำผมและ ผมจะพาคุณไปร้านทำผม” เขาพูดพร้อมจะพยายามช่วยพะยุงเธอให้ไปถึงจุดหมาย
เธอและเขาเดินไปถึงร้านที่กำนดร้านนี้แทบจะไม่ขาดคนถ้าไม่ได้จองไว้คิดหรอว่าจะมีโอกาสได้เขาไปทำ ไม่มีทาง โชคดีน่ะที่บอสใหญ่ได้ใช้เส้นโทรมาจองเอาไว้แล้ว
“เอาทรงประมาณนี้เลยครับ และผมรบกวลสอนวิธีการทำให้เธอด้วยน่ะครับ” เขาบอกกลับช่างทำผมที่ถือว่าเป็นคนที่ฝีมือดีมากๆ
ช่างทำผมมืออาชีพได้เริ่มลงมือประดิษประดอยลงบนหัวของเธอ เธอจำเป็นจะต้องตัดผมและเปลี่ยนสีผมด้วย เพราะสีผมเก่าของเธอเป็นสีออกน้ำตาลซึ่งคนที่เธอจะต้องปลอมตัวไปจะเป็นคนไทยล้วนเธอจึงจะต้องย้อมผมให้เป็นสีดำสนิทและเหตุผลที่เธอต้องตัดผมเพราะคุณธัสสิดลมีนิสัยที่ค้อนข้างเบื่ออะไรง่ายๆเธอจึงต้องดัดให้หยิกไว้ก่อนเพื่อจะทำให้หยิกก็ได้ง่ายๆและเมื่ออยากให้ตรงก็จะได้ตรงได้ง่ายๆด้วยเช่นกัน
“เป็นไงน่ะคุณ สวยไหมเอ่ย” ช่างทำผมพูดพร้อมกับจัดผมให้เข้าทรงกับรูปหน้าของเธอ
“สวยค่ะ สวยรัณไม่คิดเลยว่าจะออกมาสวยขนาดนี้ ขอบคุณน่ะค่ะ” เธอหันไปพร้อมพูอกับช่างทำผม
“โอเคค่ะ เดี่ยวพี่ไปตามคุณผู้ชายมาดูก่อนน่ะค่ะแล้วถ้ายังไง พี่จะมาสอนคุณน้องทำน่ะค่ะ” ช่างทำผมพูดพร้อมอมยิ้มแล้วเดินไปตามเขาเข้ามานะคะ
แว้บแรกที่เตชินเห็นรัณแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านี้คือคนที่เค้าทะเลาะไปด้วยเมื่อเช้า กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ก็ต้อง กระแอมกระไอ ไปหลายรอบ
“สวยแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ ไปกันเถอะคุณ” พร้อมหันไปฉุดแขนรัณ
“โอ้ย ฉุดกันอยู่นั้น ไม่เอาโซ่มาล่ามคอชั้นเลยหล่ะ” เตชินปล่อยมือรัณแล้วหันไปถาม
“คุณหิวยัง ไปทานข้าวกันไหม” รัณคิดหนักใจนึงอยากปฎิเสธ แต่อีกใจก็หิวจะตายอยู่แล้ว ‘เอาห็เอาหว่ะ เรื่องกินสำคัญกว่า’ เธอคิดในใจ “หาร้านอร่อยๆละกัน” รัณหันไปบอก “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อร่อยแน่นอนนน” เตชินหันมายิ้มแล้วหยิบข้าวของเดินนำไป
ณ ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง
“เห้อ วันนี้เหนื่อยจริงๆเลยยยย” เสียงเตชินพูดออกมา
พอมาถึงที่ร้านอาหารทั้งคู่แทบจะทรุดลงไปบนเก้าอี้เลยทีเดียว
“นายคิดว่าชั้นไม่เหนื่อยหรือไงห่ะ หยุดบ่นแล้วก็สั่งอาหารฉั้นหิว” หลังจากพี่พูดเสร็จเธอก็รีบรับเมนูจากพนักงาน ทั้งคู่เลือกอาหารกันอย่างเมามันส์ ระหว่างรออาหารก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเตชินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
‘กริ้งๆๆ กริ้งๆๆๆๆ กริ้งๆๆ’
“ใครโทรมาน่ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” รัณเอ่ยถามด้วยความสงสัยของสีหน้าเขา
“นายธัสหน่ะ สงสัยถึงกรุงเทพแล้ว มาเร็วกว่ากำหนดแหะ ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับนายนั้นเลย ถึงไม่มีใครตามฆ่าได้ อยากไปก็ไปอยากมาก็มา” เตชินเอ่ยและเธอก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดนั้นเท่าไหร่
“เปิดสปีกเกอร์หน่อย ฉันอยากฟัง” เธอยับเค้าไปใกล้เตชินเพื่อที่จะได้ยินเสียงของนายธัสสิดล ใกล้ๆ
“พง ตอนนี้ฉั้นอยู่ที่สนามบินที่เกาหลีกำลังจะขึ้นเครื่อง อีกไม่เกิน 5 ชม.คงจะถึงกรุงเทพ เตรียมตัวมารับฉั้นด้วย” เตชินทำหน้าเซ็งๆ
“เออแล้วเตรียมที่พักที่กรุงเทพไว้ให้ฉั้นด้วย ฉั้นจะอยู่กรุงเทพคืนหนึง แล้วค่อยไป เชียงราย” ปลายสายเอ่ยมาอย่างสบายใจ
“ครับคุณธัส ไว้พบกันนะครับ” เตชินกดวางสาย แล้วหันมามองรัณ
“เป็นไงบ้างคุณ ช่วยอะไรได้บ้างไหมล่ะ” เขาเอ่ยหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่ต้องมาประชดฉันเลยน่ะ เออ.... ฉันว่านายนั้นดูจู้จี้จุกจิก สั่งงานนายเยอะแยะจนน่ารำค่ญแต่เขาก็ดูเป็ฯไม่พูดมากน่ะ” เธอพูดตามที่เธอได้วิเคราะ “เออ คิดไปคิดมาน่ะฉั้นว่านายนี้ต้องเป็นคนที่ไม่ชอบคนพูดมากแน่ๆ “ หญิงสาวพูดพลางเดินกลับไปที่นั่งเพราะอาหารมาเสริฟแล้ว
“เอาเหอะคุณ เปลี่ยนเรื่องกันเถอะ อาหารมาแล้วพูดถึงนายธัสก็มีแต่จะทำให้อาหารไม่อร่อยป่าวๆ” เขาพูดพร้อมทำหน้าเสีย
“หึๆ นายดูไม่ชอบนายธัสอะไรนี่สักเท่าไรเลยน่ะ” เธอพูดพร้อมกับตักอาหารเข้าปาก เตชินเงยหน้ามาจากอาหาร
“คุณนี้ดูคนเก่งนะ” เขาเอ่ยออกมา
“แน่นอน ไม่งั้นฉันคงไม่มาอยู่จุดนี้หรอก” เธอยิ้มพร้อมเอ่ย
“โหหหหหหห อิ่มจังเลย ขอบคุณนะที่เลี้ยง ไม่ได้อิ่มอย่างนี้มานานแล้ว” รัณพูดพลางลูบท้องตัวเองอย่างสบายใจเฉิบและไม่ได้สนใจคนที่กำลังมองเขม่นใส่เธออยู่
“นี่คุณ!! ไม่ต้องขอบใจหรอกมั่ง เล่นกินซะ ยังกับจะเขมือบช้างไปทั้งตัว ถ้าอ้วนก็คงไม่ต้องบอกก็รู้ละมั่งว่ามาจากไหนอ่ะ” เขาพูดอย่างเย้ยหยัน จนเธอรู้สึกหมั่นไส้
“ไม่ต้องมายุ่งน่า ฉันรู้ของฉันก็แล้วกันว่าต้องทำยังไง พุงก็พุงฉัน ปากก็ปากฉัน อย่ามายุ่งนะ!!” เธอโกรธมากที่มีคนมากล่าวหาว่าเธออ้วน เป็นใครก็คงไม่มีใครรับได้หรอกมั้ง แถมเธอยังตะโกนดังจนคนในห้างหันมามองกันเป็นตาเดียว
“คุณ รัณ ตะโดนแบบนี้ไม่ชวนคนอื่นมาคุยด้วยเลยล่ะ ดูสิเขามองกันหมดแล้วอายบ้าง ” เขาพูดด้วยท่าทางทีค่อนข้างอาย
“แล้วคิดหรอ ว่าคนอย่างฉันจะแคร์หน่ะ เหอะ!!” เธอพูดพร้อยเงยหน้าขึ้นข้างบนแล้วยิ้มเล็กน้อย “ฉันไปรอข้างนอกน่ะ จ่ายเงินอะไรเสร็จแล้งก็ตามมาแล้วกัน” เธอพูดอีกครั้งพร้อมเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมาดูคนจ่ายเงิน
ณ ใจกลางห้างใหญ่ มีหนุ่มสาวค่หนึ่งเดินมาด้วยกันแต่ก็เหมือนไม่มาด้วยกัน เพราะเขาทั้งสองได้เดินหางกันเป็นวา
ชายหนุ่มจับมือสาวสวยเขาร้านเสื้อผ้าร้านหนึง
“นี้นายกล้าดีอย่างไงมาจับมือ ฉันห๊ะ!! คิดว่าได้ทำงานร่วมกันแล้วจะถือวิสาสะจับมาจับมือฉันได้หรอ ปล่อย!!” เธอพูดพร้อมสะบัดมือแล้วเดินนำเข้าร้าน
“หืออ คิดว่าผมอยากจะจับมือคุณมากหรอ” เขาตะโกนใส่คนที่เดินนำหน้าไป
เขาเดินทั่วร้านพร้อมได้เสื้อผ้าติดมือมาซะ 4-5ตัว
“อ่ะ เอาไปลองซะ แล้วพอลองเสร็จก็ออกมาให้ผมดูทีละตัว” เขายื่นเสื้อผ้าที่อยู่ในมือให้
“นี้สรุปนายจะมาเป็นคู่หู๋ฉันหรือจะมาเป็นเจ้านายฉันเนี้ย สั่งๆๆๆๆ อยู่นั้นและ” เธอโวยวายใส่พร้อมอารมณ์ที่ไม่เคยถูกใครสั่งมาก่อน
“ไปลอง อย่ามาเสียเวลาให้มันมากได้ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะรำคาญ เธอตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าจากมือเขาแล้วปิดประตูห้องลองอย่างแรงใส่หน้า เมื่อเธอลองเสร็จแล้ว รัณออกมาทีละชุด เริ่มตั่งแต่ชุดแรกเป็นกระโปรงสั่นเหนือเข่า เปิดหลังนิดๆ ทำให้เตชินถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว รัณเห็นท่าทีแบบนี้นยิ่งทำให้เขินขึ้นไปใหญ่เพราะไม่เคยลองชุดให้ใครหน้าไหนดูเลย
“ นี่นายจะมองฉันอีกนานไหม! ผ่านหรือไม่ผ่านรีบบัญชามา“ เสียงแหลมๆทำให้เตชินหลุดจากพวังค์
“ผมก็ไม่ได้อยากมองนักหรอกนะแค่จะดูเพื่อให้แน่ใจว่าคุณธัสสิดล จะชอบหรือป่าว เอาละๆ ผมให้ผ่าน ไปลองชุดต่อไปได้แล้วๆ” เตชินพูดพร้อมโบกมือ รัณจึงหันหลังไปเปลี่ยนชุดแล้วชุดเล่า
“นี่นายชั้นเปลี่ยนชุดไหนนายก็บอกผ่านหมดเลย ชั้นไมต้องลองแล้วมั้ง ” รัณพูดพร้อมอารมณ์หงุดหงิดแต่ก็รู้สึกเขินนิดๆเพราะเธอคิดว่าถ้าเธอลองชุดแล้วถ้าผ่านแบบนี้หมดแสดงว่ารูปร่างหน้าตาเธอยังใช่ได้อยู่
“ไปจ่ายเงินกันเถอะ” เตชินพูดพร้อมจับมือรัณ เธอไม่มีอารมณ์จะเทียงแล้วเพราะเหนื่อยกับการทะเลาะเหลือเกิน
“แหม่ สามีคุณน้องี่น่ารักจังเลยนะคะซื้อเสื้อผ้าให้เยอะแยะจังเลย” เสียงแซวจากพนักงานดังขึ้น
“ไม่ ไม่ใช่ ค่ะ/ครับ” ทั้งคู่เอ๋ยพร้อมกันอย่าไม่ได้นัดหมายอีกครั้งหนึง
“อีตาคนนี้ไม่ใช้สามีหรือแฟนอะไรทั้งนั้นน่ะค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันค่ะ” เธอรีบอธิบายให้กับพนักงานฟังอย่างชัดเจ่น
“ ใช่ครับ ถ้าผมได้ยายนี้เป็นแฟนไปชีวิตคงจะหาไม่แน่ๆ “ เขารีบพูดอิธิบายอีกรอบ ทีนี้รัณรีบหันมามองหน้าพ่อหนุ่มที่พึงจะแสดงท่าทางรังเกลียดเธอและรีบเดินแแกมาจากร้ายทันที
“จะไปไหนต่อละ รีบๆสั่งมาเลยเพราะว่างานฉันไม่ได้ว่างขนาดจะมาเล่นชอปปิ้งไปวันๆในห้างหรอกน่ะ ฉันเองก็ยังไม่ได้หาข้อมูลเจ้านายคุณเลย ต้องกลับไปหาข้อมูลอีก ส่วนเรื่องเรียนทำอาหารฉันก็ยังไม่ได้เรียนเลย จะมีอะไรทันไหม เนี่ยะ” เธอพูดพรางเดินมุ่งหน้าเข้าไปร้านต่อไป
“เรื่องหาข้อมูลคุณจะหาทำไม มีผมอยู่ข้างๆอย่างงี้แล้วอยากรู้อะไรถามมา เลย”เขาตอบด้วยความอ่อนโยนและรู้สึกว่าเธอกับเขาอาจจะเริ่มเข้ากันได้แล้ว
“หึ ฉันขอหาเองก่อนดีกว่า ไว้ขาดอะไรแล้วค่อยมาถามคุณ” หลังจากที่เธอพูดเสร็จเธอก็รีบเดินนำหน้าไปเลย
เธอและเขาค่อยๆเข้าร้านหนึ่งไปสู่ร้านหนึงจนตอนนี้ในมือของเขาและเธอเต็มไปถุงแบรน์แนมต่างๆไปหมดแล้ว หลังจากที่รู้สึกว่าตอนนี้ได้เสื้อผ้าเกือบๆจะ50ตัวแล้วทั้งสองก็ได้หยุดเพียงเท่านี้
“นี้คุณยังไม่พออีกหรอ ฉันแทบจะเดินไม่ไว้แล้วน่ะพอเถอะ” เธอถามอย่างอ้อนวอนด้วยความเนือยล้าที่ต้องเดินไปร้านต่างๆและก็ลองเสื้อผ้าอีกด้วย
“ผมว่าแค่นี้ก็คงพอแล้วและ เดินต่ออีกหน่อยก็จะถึงร้านทำผมและ ผมจะพาคุณไปร้านทำผม” เขาพูดพร้อมจะพยายามช่วยพะยุงเธอให้ไปถึงจุดหมาย
เธอและเขาเดินไปถึงร้านที่กำนดร้านนี้แทบจะไม่ขาดคนถ้าไม่ได้จองไว้คิดหรอว่าจะมีโอกาสได้เขาไปทำ ไม่มีทาง โชคดีน่ะที่บอสใหญ่ได้ใช้เส้นโทรมาจองเอาไว้แล้ว
“เอาทรงประมาณนี้เลยครับ และผมรบกวลสอนวิธีการทำให้เธอด้วยน่ะครับ” เขาบอกกลับช่างทำผมที่ถือว่าเป็นคนที่ฝีมือดีมากๆ
ช่างทำผมมืออาชีพได้เริ่มลงมือประดิษประดอยลงบนหัวของเธอ เธอจำเป็นจะต้องตัดผมและเปลี่ยนสีผมด้วย เพราะสีผมเก่าของเธอเป็นสีออกน้ำตาลซึ่งคนที่เธอจะต้องปลอมตัวไปจะเป็นคนไทยล้วนเธอจึงจะต้องย้อมผมให้เป็นสีดำสนิทและเหตุผลที่เธอต้องตัดผมเพราะคุณธัสสิดลมีนิสัยที่ค้อนข้างเบื่ออะไรง่ายๆเธอจึงต้องดัดให้หยิกไว้ก่อนเพื่อจะทำให้หยิกก็ได้ง่ายๆและเมื่ออยากให้ตรงก็จะได้ตรงได้ง่ายๆด้วยเช่นกัน
“เป็นไงน่ะคุณ สวยไหมเอ่ย” ช่างทำผมพูดพร้อมกับจัดผมให้เข้าทรงกับรูปหน้าของเธอ
“สวยค่ะ สวยรัณไม่คิดเลยว่าจะออกมาสวยขนาดนี้ ขอบคุณน่ะค่ะ” เธอหันไปพร้อมพูอกับช่างทำผม
“โอเคค่ะ เดี่ยวพี่ไปตามคุณผู้ชายมาดูก่อนน่ะค่ะแล้วถ้ายังไง พี่จะมาสอนคุณน้องทำน่ะค่ะ” ช่างทำผมพูดพร้อมอมยิ้มแล้วเดินไปตามเขาเข้ามานะคะ
แว้บแรกที่เตชินเห็นรัณแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านี้คือคนที่เค้าทะเลาะไปด้วยเมื่อเช้า กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ก็ต้อง กระแอมกระไอ ไปหลายรอบ
“สวยแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ ไปกันเถอะคุณ” พร้อมหันไปฉุดแขนรัณ
“โอ้ย ฉุดกันอยู่นั้น ไม่เอาโซ่มาล่ามคอชั้นเลยหล่ะ” เตชินปล่อยมือรัณแล้วหันไปถาม
“คุณหิวยัง ไปทานข้าวกันไหม” รัณคิดหนักใจนึงอยากปฎิเสธ แต่อีกใจก็หิวจะตายอยู่แล้ว ‘เอาห็เอาหว่ะ เรื่องกินสำคัญกว่า’ เธอคิดในใจ “หาร้านอร่อยๆละกัน” รัณหันไปบอก “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อร่อยแน่นอนนน” เตชินหันมายิ้มแล้วหยิบข้าวของเดินนำไป
ณ ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง
“เห้อ วันนี้เหนื่อยจริงๆเลยยยย” เสียงเตชินพูดออกมา
พอมาถึงที่ร้านอาหารทั้งคู่แทบจะทรุดลงไปบนเก้าอี้เลยทีเดียว
“นายคิดว่าชั้นไม่เหนื่อยหรือไงห่ะ หยุดบ่นแล้วก็สั่งอาหารฉั้นหิว” หลังจากพี่พูดเสร็จเธอก็รีบรับเมนูจากพนักงาน ทั้งคู่เลือกอาหารกันอย่างเมามันส์ ระหว่างรออาหารก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเตชินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
‘กริ้งๆๆ กริ้งๆๆๆๆ กริ้งๆๆ’
“ใครโทรมาน่ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” รัณเอ่ยถามด้วยความสงสัยของสีหน้าเขา
“นายธัสหน่ะ สงสัยถึงกรุงเทพแล้ว มาเร็วกว่ากำหนดแหะ ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับนายนั้นเลย ถึงไม่มีใครตามฆ่าได้ อยากไปก็ไปอยากมาก็มา” เตชินเอ่ยและเธอก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดนั้นเท่าไหร่
“เปิดสปีกเกอร์หน่อย ฉันอยากฟัง” เธอยับเค้าไปใกล้เตชินเพื่อที่จะได้ยินเสียงของนายธัสสิดล ใกล้ๆ
“พง ตอนนี้ฉั้นอยู่ที่สนามบินที่เกาหลีกำลังจะขึ้นเครื่อง อีกไม่เกิน 5 ชม.คงจะถึงกรุงเทพ เตรียมตัวมารับฉั้นด้วย” เตชินทำหน้าเซ็งๆ
“เออแล้วเตรียมที่พักที่กรุงเทพไว้ให้ฉั้นด้วย ฉั้นจะอยู่กรุงเทพคืนหนึง แล้วค่อยไป เชียงราย” ปลายสายเอ่ยมาอย่างสบายใจ
“ครับคุณธัส ไว้พบกันนะครับ” เตชินกดวางสาย แล้วหันมามองรัณ
“เป็นไงบ้างคุณ ช่วยอะไรได้บ้างไหมล่ะ” เขาเอ่ยหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่ต้องมาประชดฉันเลยน่ะ เออ.... ฉันว่านายนั้นดูจู้จี้จุกจิก สั่งงานนายเยอะแยะจนน่ารำค่ญแต่เขาก็ดูเป็ฯไม่พูดมากน่ะ” เธอพูดตามที่เธอได้วิเคราะ “เออ คิดไปคิดมาน่ะฉั้นว่านายนี้ต้องเป็นคนที่ไม่ชอบคนพูดมากแน่ๆ “ หญิงสาวพูดพลางเดินกลับไปที่นั่งเพราะอาหารมาเสริฟแล้ว
“เอาเหอะคุณ เปลี่ยนเรื่องกันเถอะ อาหารมาแล้วพูดถึงนายธัสก็มีแต่จะทำให้อาหารไม่อร่อยป่าวๆ” เขาพูดพร้อมทำหน้าเสีย
“หึๆ นายดูไม่ชอบนายธัสอะไรนี่สักเท่าไรเลยน่ะ” เธอพูดพร้อมกับตักอาหารเข้าปาก เตชินเงยหน้ามาจากอาหาร
“คุณนี้ดูคนเก่งนะ” เขาเอ่ยออกมา
“แน่นอน ไม่งั้นฉันคงไม่มาอยู่จุดนี้หรอก” เธอยิ้มพร้อมเอ่ย
“โหหหหหหห อิ่มจังเลย ขอบคุณนะที่เลี้ยง ไม่ได้อิ่มอย่างนี้มานานแล้ว” รัณพูดพลางลูบท้องตัวเองอย่างสบายใจเฉิบและไม่ได้สนใจคนที่กำลังมองเขม่นใส่เธออยู่
“นี่คุณ!! ไม่ต้องขอบใจหรอกมั่ง เล่นกินซะ ยังกับจะเขมือบช้างไปทั้งตัว ถ้าอ้วนก็คงไม่ต้องบอกก็รู้ละมั่งว่ามาจากไหนอ่ะ” เขาพูดอย่างเย้ยหยัน จนเธอรู้สึกหมั่นไส้
“ไม่ต้องมายุ่งน่า ฉันรู้ของฉันก็แล้วกันว่าต้องทำยังไง พุงก็พุงฉัน ปากก็ปากฉัน อย่ามายุ่งนะ!!” เธอโกรธมากที่มีคนมากล่าวหาว่าเธออ้วน เป็นใครก็คงไม่มีใครรับได้หรอกมั้ง แถมเธอยังตะโกนดังจนคนในห้างหันมามองกันเป็นตาเดียว
“คุณ รัณ ตะโดนแบบนี้ไม่ชวนคนอื่นมาคุยด้วยเลยล่ะ ดูสิเขามองกันหมดแล้วอายบ้าง ” เขาพูดด้วยท่าทางทีค่อนข้างอาย
“แล้วคิดหรอ ว่าคนอย่างฉันจะแคร์หน่ะ เหอะ!!” เธอพูดพร้อยเงยหน้าขึ้นข้างบนแล้วยิ้มเล็กน้อย “ฉันไปรอข้างนอกน่ะ จ่ายเงินอะไรเสร็จแล้งก็ตามมาแล้วกัน” เธอพูดอีกครั้งพร้อมเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมาดูคนจ่ายเงิน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ