จอมใจ....สุดที่รัก
เขียนโดย ปลายปากกาสีน้ำเงิน
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) +++ ....หนึ่งที่เจอ 1 +++
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ+++++++++++++++++++++++++++
เสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่งไปทั่วห้องสีขาวสะอาดตาที่เงียบสงบ ร่างอันบอบบางนอนซมอยู่บนเตียงนุ่มมานานกว่าสามวันแล้ว ดวงตากลมค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยอาการที่ยังคงมึนเบลอ การไม่ได้รับประทานอะไรเพราะหมดสติไปหลายวันบวกกับพิษไข้ที่รุมเร้าจากร่างกายอันบอบช้ำทำให้กานดารู้สึกไม่มีแรงเลยแม้แต่นิด สิ่งต่างๆที่เคยอยู่ในความคิดตอนนี้มันกลับว่างเปล่าไปหมด จนเธอต้องยกมือมากุมขมับเพราะเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเมื่อลองนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ก่อนที่สายตาหมองหม่นจะหันเหไปเห็นสายเล็กๆสีใสๆเส้นยาวที่ติดอยู่บนหลังมือข้างขวา และต่อเข้ากับขวดน้ำเกลือที่พึ่งถูกใครบางคนเปลี่ยนขวดใหม่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำเอาใบหน้าซีดขาวถึงกับต้องตีหน้ายุ่งขึ้นมาอีกครั้งเพราะตอนนี้เธอกลับจำเหตุการณ์ต่างๆไม่ได้เลย….
“คุณวิล….”
หญิงสาวผงกหัวเรียกชื่อคนในดวงใจทันทีเมื่อประตูห้องเปิดออก หากแต่คนที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่คนที่เธอถวิลหาจนสุดหัวใจเสียอย่างนั้น ดันกลับกลายมาเป็นชายสูงวัยรูปร่างค่อนข้างท้วมใบหน้าเคร่งขรึมเดินเข้ามาหาเธอแทน ทำเอาใบหน้าหมองซีดต้องทำหน้าแปลกใจและฉงนสงสัยว่าชายผู้นี้คือใครกัน เขารู้จักเธอด้วยอย่างนั้นหรือ หรือว่าเขาจะเป็นหมอที่คอยรักษาเธอ แต่เขาก็ไม่ได้แต่งตัวแบบพวกนายแพทย์นี่นะ….ห้องนี้ก็ดูไม่เหมือนอยู่ในโรงพยาบาลเลยสักนิด
แล้วสรุปว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันแน่….บ้าน….โรงพยาบาล….หรือที่ไหนกัน!
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ” เสียงเครือถามขึ้นเป็นภาษาไทยในสไตล์ฝรั่ง ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบหากแต่มีความเป็นห่วงอยู่เต็มเปี่ยมจนคนป่วยสัมผัสได้
“นี่….คุณเป็นใครกันคะ” กานดาถามกลับไปอย่างหวาดๆ กายสาวรีบเขยิบตัวให้ห่างจากร่างใหญ่ที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงข้างเตียง “ระ….เรารู้จักกันด้วยหรอคะ”
อีดีธมองเด็กสาวในสายตาของเขาโดยไม่ตอบคำถามอะไรออกมา ใบหน้าซีดขาวอย่างกับกระดาษของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย ดวงตาเศร้าหม่นที่มองมาทางเขาอย่างไม่เป็นมิตรนักดูหวาดกลัวและหวาดหวั่นกับอะไรบางอย่าง เหมือนกับกลัวว่าจะถูกเขาทำร้ายก็มิปาน จนเขาต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และลากเก้าอี้จากโต๊ะที่อยู่มุมห้องมานั่งคุยกับเธอข้างเตียงแทน
มันจะแปลกอะไรที่เธอจะกลัวถูกเขาทำร้าย….ในเมื่อเหตุผลที่เธอต้องมาป่วยจนปางตายอยู่หลายวันอย่างนี้มันก็เป็นเพราะฝีมือของเขาเองนั่นแหละ เขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องจับตัวเธอมา เพื่อคาดคั้นเอาความลับเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทคู่แข่ง และยังหวังจะคร่าชีวิตไปจากเธอเพียงเพราะแค่เธอรู้ความลับของเขา
เหมือนกับที่เขาสั่งฆ่าทุกๆคนที่ล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับเขามากเกินไป!
แล้วถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง….ถ้าหากว่าเด็กสาวตรงหน้าของเขานี้ตายไปด้วยฝีมือเขาจริงๆ….หรือไม่ว่าจะฝีมือของใครก็ตาม แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่บนฟ้า….เขาก็คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต และไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดกาล
ตราบาปครั้งนี้จะฝังรากลึกอยู่ในตัวของเขาไปชั่วนิรันดร์!
“ขออนุญาตค่ะ” เสียงของสาวรับใช้ที่ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองต้องหันไปมองด้วยสายตาที่แตกต่างกัน
“นอนซมอยู่ตั้งหลายวัน คงจะหิวแย่แล้วล่ะสิ” อีดีธหันมากล่าวเป็นภาษาอังกฤษแบบปกติกับคนป่วย พลางรับถาดโจ๊กมาจากสาวรับใช้ “ทานโจ๊กนี้สักหน่อยนะจะได้ทานยา”
กานดารีบขยับหนีและทำตัวลีบมากเข้าไปอีกเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนมานั่งบนขอบเตียงแทน ก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อมารับคำสั่งจากเจ้านายของเขา
ความทรงจำก่อนหน้าถูกรื้อฟื้นขึ้นมาจนหมดสิ้น ความหวาดกลัวทุกขณะจิตเกาะกุมหัวใจของเธอจนกายสาวสั่นคลอนไปหมด เสียงแส้ที่ฟาดเข้ากับเนื้อนิ่มดังก้องไปทั่วโสตประสาทจนเธอรู้สึกเย็นวาบไปหมดทั้งตัว สายตาอันเหี้ยมเกรียมที่เหลือบมองมาทางเธอเล็กน้อยทำเอาร่างบางต้องสะดุ้งโหยงและรีบหลบสายตานั้นในทันที ก่อนที่เธอจะทำตาโตขึ้นมาอีกเมื่อนึกได้ว่าคนที่นั่งอยู่บนเตียงนุ่มกับเธอนี้….คือคนสั่งจับตัวพวกเธอมาลงทัณฑ์อย่างเหี้ยมโหดเอง!
พวกเธอ….ใช่สิเธอไม่ได้ถูกจับมาคนเดียวนี่ เธอจำได้ว่าตอนวินาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้นจู่ๆเธอก็ถูกฟาดเข้าให้อย่างจังที่ท้ายทอยจนสลบไป ต่อจากนั้นเธอก็มารู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากที่โดนน้ำเย็นสาดเข้าให้อย่างจัง ผ้าหนาถูกนำมาปิดตาเธอไว้จนมองไม่เห็นอะไร หากแต่ความรู้สึกกลับรับรู้ได้ว่าเธอกำลังถูกจับมัดและห้อยตัวลงมาจากที่สูงเพราะเท้าของเธอแตะไม่ถึงพื้น และความเลวร้ายที่สุดในชีวิตก็เกิดขึ้นเมื่อแส้ถูกฟาดเข้ากับตัวเธอเป็นครั้งแรก มันเจ็บแสบจนแทบจะขาดใจตาย ครั้งที่สองและสามเหมือนกับจะกระชากวิญญาณเธอให้ออกจากร่าง ครั้งที่สี่ครั้งที่ห้าและต่อจากนั้นเหมือนกับว่าวิญญาณของเธอมันหลุดลอยออกไปแล้วจนหมดสิ้น
และเธอก็ได้ยินเสียงของโทมัสเป็นระยะๆ เขาร่ำเรียกเธอและบอกให้พวกโหดเหี้ยมนั้นหยุดลงทัณฑ์เธอเสียดี เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียงของเขา จนเธอต้องปิดปากแน่นไม่ร้องออกมาสักแอะเพื่อเป็นการแสดงความแข็งแกร่งออกมา แต่ยิ่งพยายามมันก็ยิ่งเหมือนร่างจะแหลกสลายเข้าไปทุกที จนทุกอย่างเริ่มมึนเบลอและเธอเริ่มไม่ได้ยินเสียงใครอีกแล้ว
‘แล้วคุณไมเคิลหายไปไหนกันหละ’
หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาในใจด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ เธอไม่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มข้างบ้านเลยแม้แต่นิดหลังจากที่โดนจับตัวมา จำได้ว่าตอนที่ถูกเปิดตาเธอก็ไม่ให้เขาแม้แต่เงา เหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่กับพวกเธอด้วยอย่างไงอย่างงั้น หรือว่าเขาจะถูกจับตัวไปที่อื่นกันนะ….
แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกันล่ะ….แต่ก่อนที่เธอจะหมดสติไปอีกครั้ง….เธอได้ยินเสียงเรียกของโทมัสเป็นครั้งสุดท้าย….ก่อนที่เขาจะถูกจับ….ไปฆ่า!
“คุณฆ่าคุณโทมัส!!” หญิงสาวโพล่งออกมาพลางมองชายทั้งสองคนด้วยแววตาวาวโรจน์ “แล้วคุณก็ฆ่าคุณไมเคิลด้วยใช่มั้ย!”
คำถามของเธอทำเอาชายสูงวัยต้องทำหน้าเครียดหนักกว่าเก่า การถูกเด็กสาวกล่าวหาตรงๆมันช่างทำให้เขารู้สึกผิดยิ่งนัก ทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ไม่ว่าเขาจะสั่งฆ่าใครมากี่ร้อยกี่พันคนแล้วก็ตาม
ยกเว้นครั้งหนึ่ง….ที่มีใครบางคนกล่าวหาเขาแบบนี้….เพียงแค่เขาฆ่าลูกนกตัวเล็กๆ….โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ….
“ฉันต้องทำ” อีดีธตอบกลับเสียงเบาพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย
“คุณฆ่าเขาทำไม! เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!!” กานดากล่าวว่าด้วยความโกรธเกรี้ยว กรุ่นโกรธตัวเองที่ทำให้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาสิ้นลมไปตั้งมากมายเพียงเพราะแค่คอยปกป้องเธอ จนอยากจะฆ่าตัวตายตามพวกเขาไปนัก!
“ทำไมคุณถึงไม่ฆ่าฉันด้วย….ฉันนี่สิที่สมควรจะต้องตาย….ฉันนี่ที่รู้ความลับของคุณไม่ใช่พวกเขา!!”
“ฉันฆ่าเธอไม่ได้” ชายสูงวัยกล่าวพลางมองเธอด้วยสายตาหม่นเศร้า
“ทำไม! ทำไมคุณถึงฆ่าฉันไม่ได้….เพราะอะไรกัน!”
หญิงสาวใช้เรี่ยวแรงที่มีตะเบ็งเสียงออกมาอย่างสุดเสียง เนื้อตัวสั่นเทาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวคนตรงหน้าจนสุดใจ หากแต่อีกฝ่ายกลับปิดปากก้มหน้าเงียบกริบไม่ยอมตอบอะไรเธอเลยแม้แต่สักคำ
“คุณรู้มั้ยว่าสิ่งที่คุณทำมันเป็นความผิดร้ายแรงแค่ไหน….ฆ่าคนตาย….โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด….พวกคุณมันไม่ใช่คน!”
คำกล่าวว่าต่างๆนาๆพลั่งพรูออกมาอย่างเหลืออด ตอนนี้เธอไม่กลัวแล้วว่าเธอจะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไร เธอไม่สนว่าตอนนี้เธอจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ ชีวิตของเธอ เธอยอมแลกมันได้….กับชีวิตที่จะต้องตายต่อจากนี้….เพื่อให้ทุกอย่างมันยุติ….
ทุกชีวิต….เธอขอยอมแลกเอาไว้ด้วยชีวิตของเธอเอง!
“ได้โปรดฆ่าฉันเถอะค่ะ….แต่คุณต้องสัญญาก่อนว่าคุณจะยุติเรื่องทุกอย่าง คุณจะไม่สั่งฆ่าใครอีก….แม้แต่คุณวิลเลียม”
อีดีธถึงกับชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำขอของเด็กสาวตรงหน้า ดวงตาอ่อนโรยสบตากับดวงตาเศร้าหม่นแต่แฝงไปด้วยความทะนงอย่างตกใจ หัวใจที่ใกล้วันจะหยุดเต้นหายวาบดั่งมีมือใครมากระชากให้หล่นฮวบ
เขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร….เขาจะยอมแลกเปลี่ยนข้อเสนอนี้ได้อย่างไร….
ในเมื่อเธอคือคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของเขา!
“นายครับ….” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยเรียกนายของตนเมื่อเห็นเขานั่งนิ่งไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา
“ทำตามที่ฉันสั่งเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” ผู้เป็นนายถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับลูกน้องคนสนิท หากแต่นั่นกลับทำให้คนป่วยยิ่งโมโหมากเข้าไปใหญ่ จนต้องคว้าแขนใหญ่และกระชากให้เขาหันมาคุยกับเธอแทน
“ทำไมคุณต้องช่วยฉัน….ทำไมคุณถึงไม่ฆ่าฉันให้ตายไปซะ! ทำไม!!!” กานดาแผดเสียงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว น้ำตาหยดใสเริ่มไหลรินอาบแก้มอย่างสุดจะกลั้น หากแต่อีกฝ่ายกลับยังคงปิดปากเงียบ ไม่พูดตอบอะไรออกมาเสียที
“ตอบฉันมาสิ! ถ้าคุณไม่ต้องการฆ่าฉันแล้วคุณจับฉันมาทำไม….คุณสั่งให้ลูกน้องทำร้ายฉันจนปางตายและกลับมาช่วยรักษาฉันจนหาย….คุณทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร!!” เธอยังคงถามคนตรงหน้าไม่หยุดหย่อน มืออันอ่อนแรงใช้กำลังที่มีอยู่เขย่าแขนของอีกฝ่ายไปมาถึงแม้ว่ามันจะแทบไม่ขยับเลยก็ตาม
“หรือว่าเพราะฉันยังไม่บอกข้อมูลลับของบริษัทกับคุณ คุณถึงช่วยฉันไว้ไม่ให้ฉันตาย….แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ….ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ไม่มีทางบอกให้คุณรู้หรอก….ไม่มีทาง!” แววตาวาวโรจน์มองคนตรงหน้าอย่างหยิ่งทะนง “เพราะฉะนั้นจงฆ่าฉันซะ หรือไม่ก็ปล่อยฉันไป!!”
“ฉันฆ่าเธอไม่ได้….” ในที่สุดเสียงทุ้มเครือก็ยอมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา และฟังดูเจ็บปวดจนคนเป็นลูกน้องต้องรู้สึกตงิดอยู่ในใจ “และก็ปล่อยเธอไปไม่ได้เหมือนกัน”
“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ….คุณช่วยบอกฉันทีได้มั้ย มันเพราะอะไรกัน!”
“เพราะว่าเธอเป็นลูกของพี่ชายฉัน!” อีดีธโพล่งออกมาด้วยเสียงที่ดังฟังชัด พลางมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บปวดอย่างยวดยิ่ง
“เพราะเธอ….เป็นหลานสาวคนเดียวของฉันยังไงล่ะ”
คำพูดของเขาทำเอากานดาชะงักงันไปในทันใด ดวงตาหม่นเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างยวดยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดเคลื่อนที่โดยฉับพลัน คำถามต่างๆที่เคยโลดแล่นอยู่ในหัวสมองนั้นกลับมลายและหายวับไปให้เหลือแต่เพียงความว่างเปล่าในทันที!
“อะไรนะคะ….” เสียงแผ่วถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือเล็กที่เกาะกุมแขนแกร่งเอาไว้เลื่อนหล่นลงมาอยู่ข้างกายสาวดั่งไร้เรี่ยวแรง
ชายสูงวัยมองเด็กสาวในความคิดของเขาพลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่มือสากจะเอื้อมไปเปิดลิ้นชักที่อยู่ข้างหัวเตียงและหยิบกล่องไม้สี่เหลี่ยมใบเก่าออกมา เขานั่งหันหลังให้กับกานดาและก้มมองสิ่งของที่อยู่ในมือด้วยแววตาที่หม่นเศร้า ก่อนที่เขาจะสั่งให้ลูกน้องคนสนิทออกจากห้องไปและหันมามองร่างน้อยด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็นมาเนิ่นนาน
“พี่ชายฉัน….เอเดน…เขาเป็นพ่อของเธอ และห้องๆนี้ก็เป็นห้องของเขาและแม่ของเธอ” เขากล่าวพลางมองไปรอบห้องเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสบตากับเธอด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด “แม่ของเธอเป็นเพื่อนกับฉัน พวกเราเรียนทางด้านกฎหมายมาด้วยกัน….เธอเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่งจริงๆ ฉันยังจำแม่ของเธอได้ไม่มีวันลืม”
อีดีธพูดออกมาด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง ทั้งคิดถึงคะนึงหาเพื่อนรักที่ลาจากอย่างไม่มีวันกลับมา ทั้งรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวตรงกลางใจเกินคณาเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยหวาน ดวงตาวาววับ และน้ำเสียงอ่อนนุ่มของคนที่เปรียบเสมือนกับ….รักแรกของเขา
“ดาร่า….ฉันเรียกแม่ของเธอว่าอย่างนั้น” เสียงเครือว่าพลางอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงชื่อนั้น “ความจริงแล้วเธอชื่อว่าดาวดารา….แต่เพราะว่าฉันไม่อยากเรียกเธอเหมือนคนอื่นๆ ฉันก็เลยตั้งชื่อให้เธอเสียใหม่….ฟังดูน่ารักดีไหมล่ะ”
เขาเล่าพร้อมกับคิดไปถึงสมัยก่อนตอนที่เขายังหนุ่มๆ มันเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันจะลืมเลือน ทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของใครคนนั้น….เขาไม่มีทางจะลบเลือนมันออกไปจากใจได้เลยสักนิด
“เธอเป็นคนชอบท่องเที่ยว….ชอบเที่ยวไปในที่ต่างๆอย่างไม่รู้จักเบื่อ….เป็นคนสนุกสนานและยิ้มเก่ง แถมยังร่าเริงเสียจนบางครั้งก็มากเกินไป จนฉันต้องคอยเตือนและรั้งไว้อยู่บ่อยๆเพราะเธอชอบทำอะไรที่บ้าบิ่นอยู่เสมอ….แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นเธออยู่วันยันค่ำ และมันก็เลยกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชายหลายๆคนสนใจในตัวเธอ….ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของฉันเอง”
กานดาได้แต่นั่งฟังคนตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เพราะตอนนี้เธอกำลังมึนงงและรู้สึกสับสนไปหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ สิ่งที่ชายสูงวัยผู้นี้พูดมานั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือเพียงแค่คำโกหก
เธอ….ยังมีญาติหลงเหลือกับเขาด้วยอีกหรือ….เธอ….เป็นหลานสาวคนเดียวของเขาอย่างนั้นจริงๆหรือ….
แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน….
ในเมื่อตัวเธอดูยังไงก็ไม่เหมือนพวกลูกครึ่งฝรั่งเลยสักนิด!
“ตอนนั้น….”
“คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ” เสียงแหบแห้งถามแทรกขึ้นทำให้คนเล่าต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อย “ฉันนี่หรอคะคือหลานสาวของคุณ….มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะหน้าตาของฉันก็ไม่เห็นจะเหมือนพวกคุณเลยสักนิด ไม่มีเค้าโครงเลยด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ฉันจะเป็นหลานสาวของคุณได้ยังไงคะ”
“นั่นเพราะว่าเธอเหมือนกับแม่ของเธอมากยังไงล่ะ ทั้งรูปร่างและหน้าตา….เหมือนจนฉันไม่อยากจะเชื่อ ว่าเธอสองคนไม่ใช่คนคนเดียวกัน” อีดีธตอบกลับพลางมองใบหน้าซีดโทรมนั้นอย่างพินิจ
“แต่คนเราทุกคนมันก็อาจจะหน้าตาเหมือนกันได้….และอย่างน้อยถ้าฉันเป็นหลานของคุณจริง….เป็นลูกของพี่ชายคุณจริง ฉันก็ต้องมีเค้าโครงของพวกคุณบ้างไม่ใช่หรือคะ” กานดายังคงรั้นไม่ยอมเชื่ออีกฝ่ายง่ายๆ “อีกอย่าง….ถ้าฉันเป็นหลานของคุณจริงๆ แล้วทำไมฉันถึงได้ไปโตที่ประเทศไทย….ทำไมฉันถึงไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแทนที่จะอยู่ที่นี่ล่ะคะ”
คำถามของเธอทำเอาอีกฝ่ายรู้สึกจุกและเจ็บแปลบตรงกลางอกในทันใด ใบหน้าเหี่ยวย่นหันเหไปมองทางอื่นแทนเพื่อเป็นการหลบเลี่ยงการสบสายตากับเธอโดยตรง เหมือนดั่งว่าเขากำลังปกปิดความผิดอะไรบางอย่างอยู่ก็มิปาน
เพราะเขามันผิดจริงๆ….ผิดอย่างไม่น่าให้อภัยเลยสักนิด ถ้าเขาไม่โมโหโทโสจนขาดสติในตอนนั้นเรื่องทุกอย่างมันก็คงจะไม่เป็นเหมือนอย่างทุกวันนี้ พี่ชายและเพื่อนรักของเขาคงไม่ต้องมาตายจากทุกๆคนไปอย่างนี้ เป็นเขาเองที่ก่อเรื่องขึ้นมาทั้งหมด….เป็นเขาเองที่ทำให้หลานสาวคนเดียวต้องระหกระเหินและตกระกำลำบากอย่างที่ไม่สมควรจะเป็นเลยสักนิด
เป็นเขาเองทั้งนั้น….
ปาล์มบีช ฟลอริด้า , สหรัฐอเมริกา
เมื่อ 21 ปีก่อน…
“ทำไมแกต้องไปช่วยพวกนั้นด้วยฮะเอเดน….รู้ไหมว่าพ่อกับแม่ของเราท่านต้องเสียเงินไปมากแค่ไหนกว่าจะสร้างบริษัทนี้ขึ้นมาได้ และที่สำคัญ….พ่อเขายกบริษัทนี้ให้กับฉัน แล้วทำไมแกถึงได้เอามันไปให้กับพวกนั้นฮะ! ทำไม!!!”
เสียงของผู้เป็นน้องชายตะโกนปาวๆใส่ผู้เป็นพี่ชายที่ยืมก้มหน้านิ่งอยู่กลางคฤหาสน์สุดหรู พายุภายนอกเริ่มโหมพัดกระหน่ำแรงขึ้นและแรงขึ้น ดุจดั่งพระเจ้ากำลังพิโรจน์และโกรธเคืองโลกมนุษย์อยู่ก็มิปาน ความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์เจสซี่ทำให้บรรยากาศดูหมองหม่นมากเข้าไปใหญ่ รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับใจดวงหนึ่งยิ่งแตกระแหงจนใกล้จะแหลกสลายอยู่รำไร….
เมื่อถูกผู้เป็นพี่ชายทางสายเลือดแย่งชิงทุกอย่างไปจนหมดสิ้น!
“นายก็รู้หนิว่าจริงๆแล้วบริษัทนั้นมันไม่ใช่ของตระกูลเจสซี่ แต่มันเป็นของตระกูลเลสเซิ้ลมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก….พ่อกับแม่ของพวกเราท่านไปฮุบมันมาจากพวกเขา ที่ต้องเสียเงินไปหลายพันล้านก็ไม่ใช่เพราะต้องการเอาบริษัทเฟอร์นิเจอร์นี้มาเป็นของตัวเองให้ได้หรอกหรือ….ที่พวกเขาต้องก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่จนล้มละลายไปอีกครั้งนี่ก็ไม่ใช่เพราะพวกเราหรอกหรืออีดีธ” ผู้เป็นพี่พูดออกมาเพื่อหวังจะให้คนเป็นน้องหูตาสว่างเสียที “แล้วมันจะผิดอะไร ถ้าพี่จะคืนมันให้กับพวกเขา!”
“แต่มันเป็นของฉัน! บริษัทนั้นมันเป็นของฉันไม่ใช่ของแก….เพราะฉะนั้นแกไม่มีสิทธิ์จะยกให้ใครทั้งนั้น!!”
“อีดีธ….”
“แกไม่มีสิทธิ์!! ไม่มีสิทธิ์กับอะไรทั้งนั้น!....ทุกๆอย่างมันเป็นของฉัน….แม้แต่คฤหาสน์หลังนี้….แม้แต่….”
ผู้เป็นน้องชะงักไปทันควันก่อนที่จะหลุดปากพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา เสียงฟ้าร้องคำรามดั่งกระหึ่มไปทั่วคฤหาสน์กลบความเงียบที่มีอยู่ให้หายวับ ดวงตาแดงก่ำเลื่อนมาจ้องมองพื้นวาววับแทนการสบสายตากับคนตรงหน้า มือทั้งสองถูกกำหมัดเข้าหากันแน่นจนแขนแกร่งเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
‘เปรี้ยง!!!’
เสียงฟ้าที่ผ่าดังสนั่นไปทั่วคฤหาสน์ทำให้พี่น้องทั้งสองต้องเงยหน้ามองไปยังชั้นบน เพราะรู้สึกเป็นห่วงเจ้าตัวน้อยของบ้านที่กำลังนอนหลับใหลขึ้นมาอย่างจับใจ ก่อนที่ผู้เป็นน้องจะหันไปมองหญิงสาวที่ยืนน้ำตาไหลพรากอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก สายตาของเธอที่ส่งมาให้เขานั้นมันช่างบีบรัดหัวใจของเขาได้ดีเยี่ยมเหลือเกิน เหมือนกับว่าเธอกำลังตำหนิในสิ่งที่เขาทำ เหมือนกับว่าความรักที่เธอมีให้เขานั้นมันได้เหือดหายไปจนหมดสิ้นแล้ว….
“อีดีธ….”
“อย่า!!” เสียงทุ้มห้าวหันมาตวาดคนตรงหน้าเสียงลั่นเมื่อมือใหญ่ทำท่าจะทาบทับลงบนไหล่กว้าง “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน….ไอ้คนทรยศ!”
ผู้เป็นพี่มองน้องชายอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเขาเลยสักนิด คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนแทบจับเป็นปมแน่น ก่อนที่ร่างแกร่งกว่าจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยดั่งเอือมละอาเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้นอยู่นี้เต็มทีแล้ว
“ไม่ว่ายังไงพี่ก็ต้องคืนบริษัทให้กับเพื่อนของพี่ เพราะมันเป็นของเขาไม่ใช่ของเรา….ความจริงคุณพ่อยกบริษัทนั้นให้กับพี่ในตอนแรก แต่เพราะพี่ไม่ยอมรับคุณพ่อก็เลยยกให้กับนายแทน แต่ชื่อเจ้าของบริษัท….มันยังเป็นชื่อของพี่นะอีดีธ ถ้านายไม่รู้ และนั่นก็ถือว่ามันยังเป็นบริษัทของพี่อยู่” เสียงขรึมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและเฉียบขาด “เพราะฉะนั้นพี่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้กับบริษัทของพี่”
คำพูดของผู้เป็นพี่ชายทำให้คนเป็นน้องถึงกับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างยวดยิ่ง ร่างทั้งร่างตึงชาไปหมดจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ เนื้อตัวเย็นวาบเหมือนมีลมพายุพัดผ่านไปทั่วกาย ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกำลังแหลกสลายและพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา
นี่เขาคงไม่เหลืออะไรเลยสินะ….เขาไม่เหลืออะไรเลย….แม้แต่คนที่เขาปักใจรักมาเนิ่นนาน….
ตั้งแต่เล็กจนโตคนตรงหน้าเขานี้ก็มักจะแย่งทุกอย่างจากเขาไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นของเล่นที่เขาอยากได้มันหนักหนา พอไปร้องขอผู้เป็นบิดาหรือมารดาให้ซื้อให้เขาก็ได้รับแต่ความผิดหวังกลับมาปลอบใจอยู่เสมอ ไม่เหมือนกับพี่ชายของเขา….ที่เพียงแค่ใช้สายตามองก็ได้ของสิ่งนั้นมาครอบครองในทันทีทันใด ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเอื้อนเอ่ยใดๆเลยสักนิด
ชีวิตของเขาถูกบังคับให้ทำตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งคัดที่ผู้เป็นพ่อและแม่วางไว้ ผิดกับผู้เป็นพี่ที่มักจะได้ทำตามอำเภอใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงานหรือความรัก เขาก็จะถูกจัดวางอยู่ในกรอบเสียทุกอย่าง ส่วนพี่ชายของเขากลับได้เลือกตามแต่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ คนตรงหน้าเขาคนนี้ก็จะเป็นที่หนึ่งในใจของทุกคนเสมอมา
แม้แต่ความรัก….เขาก็ไม่เคยได้รับมันก่อนเลยสักครั้ง….
จนเมื่อเขาได้มาเจอกับใครคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนดั่งนางฟ้าในฝัน เธอโบยบินลงมาพัดพาความอบอุ่นมาสู่ใจเขาเป็นครั้งแรก โลกของเขากลายเป็นสีสดใสในทันใด หลังจากที่มืดหม่นและเป็นสีเทาทึบมาเนิ่นนาน เธอเปรียบเสมือนของขวัญที่สวรรค์เป็นผู้สรรค์สร้าง เป็นเหมือนดั่งคำอวยพรที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้กับเขา
หากแต่ทุกสิ่งกลับพลันแหลกสลายไปทุกอย่าง….เมื่อจู่ๆคนที่ทำตัวเหมือนดั่งเป็นราชากลับมาแย่งนางฟ้าของเขาไปอย่างหน้าตาเฉย….ไม่มีแม้แต่คำเปรย….ไม่มีแม้แต่คำว่าปราณี!
คนตรงหน้าของเขานี้คือใครกัน พี่ชาย….หรือว่าซาตานกันแน่ ทำไมถึงได้แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาจนหมดอย่างนี้
ทำไม….เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ!
“สิ่งที่เป็นของนายในตอนนี้ก็คือคฤหาสน์หลังนี้….คุณพ่อยกให้นายและมันก็เป็นชื่อของนายจริงๆ เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ก้าวก่าย….แต่บริษัทของฉัน ฉันสามารถทำอะไรกับมันก็ได้….ขอให้นายเข้าใจในจุดนี้ไว้ด้วย” ผู้เป็นพี่กล่าวเสียงเรียบพร้อมกับมองน้องชายด้วยแววตาเย็นชา “เลิกคิดไร้สาระซะ แล้วหันมาคิดดีกว่าว่านายจะทำยังไงให้คุณพ่อยกบริษัทใหญ่ให้กับนาย….ก่อนที่ฉันจะคว้ามันมาเป็นของฉันไว้ได้อีกอย่าง”
ร่างใหญ่เอ่ยเสียงเฉียบก่อนที่เขาจะเดินไปหาภรรยาของตนที่ยืนเศร้าโศกกับเหตุการณ์ความบาดหมางระหว่างพี่น้องที่เกิดขึ้น แขนแกร่งโอบรอบกายนิ่มไว้ดั่งเป็นการปลอบใจ หากแต่อีกฝ่ายที่ยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความเจ็บช้ำกลับมองว่าเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ คำพูดต่างๆที่เขาเอ่ยบอกแก่น้องชายสุดที่รักมันเป็นเพียงแค่คำเตือนสติให้ผู้เป็นน้องลืมหูลืมตาขึ้นมาบ้าง และเดินหน้าต่อไปเพื่อคว้าชัยชนะมาเป็นของตัวเองให้ได้สักวันหนึ่ง ไม่ใช่มัวแต่มาจมปักอิจฉาริษยาเขาอยู่อย่างนี้ เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้ทุกๆอย่างมันเกิดขึ้น ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากจะเป็นที่หนึ่งของใครๆ ไม่อยากจะทำให้ใครต้องเสียใจ….โดยเฉพาะคนที่เรียกได้ว่าเป็นน้องชายทางสายเลือดของเขาเอง
แต่ทุกสิ่งกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด….ยิ่งเขาแก้ไขทุกอย่างมันก็ยิ่งผิดพลาดไปหมด จนตอนนี้รอยร้าวความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนมันกลับกลายเป็นยากเกินจะเยียวยาไปเสียแล้ว มันกลายเป็นช่องว่างที่ไม่มีใครสามารถต่อให้ติดได้ กลายเป็นความบาดหมางที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น….แม้ว่าเขาจะรู้ว่าน้องชายคนนี้เกลียดเขามากแค่ไหนก็ตาม
เขารู้ดีว่าเพราะอะไร….และมันสมควรแล้วที่เขาจะโดนผู้เป็นน้องเกลียด….เขามันแย่มากจริงๆ….
“ดึกมากแล้วไปนอนเถอะไป….คิดถึงลูกถึงเมียนายบ้าง ถ้านายยังทำตัวเหลวเป๋วอยู่อย่างนี้แล้วนายจะเอาอะไรมาเลี้ยงดูลูกกับเมียนายฮึ” ผู้เป็นพี่กล่าวพลางตีหน้ายุ่งเหมือนกำลังบ่นน้องชายของตนอยู่ “รีบแสดงฝีมือให้คุณพ่อเห็นได้แล้วอีดีธ….ฉันเชื่อว่านายทำได้”
กายแกร่งประคองร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดให้เดินไปกับเขาเมื่อพูดจบ สองร่างตรงไปยังบันไดหรูทิ้งให้คนที่ยืนอยู่โดดเดี่ยวจมปักอยู่ในความมืดที่คลอบงำไปทั้งจิตใจ ก่อนที่ใบหน้าหวานใสที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาจะหันมามองร่างใหญ่อีกร่างด้วยความเป็นห่วงอย่างยวดยิ่ง แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆมือสากของเพื่อนรักก็ถูกยกขึ้นพร้อมกับกระบอกปืนที่อยู่ในมือ!
“ถ้าไม่มีแกสักคน….มันคงจะดีสินะ”
“อย่า!!!!!”
‘ปัง!!!!’
“ดาว!/ดาร่า!!”
เสียงปืนดังลั่นสนั่นหวั่นไหวไปทั่วคฤหาสน์พร้อมกับเสียงของสายฟ้าฟาดที่ผ่าให้เกิดเสียงสะท้อนพอดิบพอดี ร่างอ่อนแรงทรุดฮวบลงในทันใดเมื่อถูกกระสุนฝังลึกเข้าให้ตรงจุดที่สำคัญ ทำเอาคนที่ประคองกายนิ่มไว้ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่แพ้กับคนยิงที่ยืนนิ่งอึ้งไม่ไหวติงเลยสักนิด
“ดาว!! ดาวฟื้นสิดาว! อย่าพึ่งเป็นอะไรนะ ดาว!!!”
เอเดนรีบรวบร่างของผู้เป็นภรรยามาไว้แนบอก ก่อนจะรีบก้าวฉับไปยังโรงรถที่อยู่หลังคฤหาสน์ พลางตะโกนเรียกสารถีประจำบ้านอย่างสุดเสียงจนพาลให้คนที่อยู่ภายในคฤหาสน์พลอยตกใจตื่นไปด้วย ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุเมื่อได้สติก็รีบวิ่งตามพี่ชายไปติดๆในทันที!
“โถ่ดาว….คุณทำอย่างนี้ทำไม….คุณรับกระสุนแทนผมทำไมฮะ” ปากหยักพร่ำว่าคนในอ้อมอกเสียงสั่น ดวงตาสีอ่อนเริ่มแดงก่ำและเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาของลูกผู้ชายเพราะความกลัวที่ลุกล้ำไปทั่วทั้งหัวใจดวงแกร่ง
“ดาร่า! ฟื้นสิดาร่า!! ฉันขอโทษ….” อีดีธรีบวิ่งไปยังรถยนต์คันหรูได้ทันก่อนที่พี่ชายของเขาจะปิดประตู พลางร่ำเรียกเพื่อนสาวให้ฟื้นจากนิทราที่ไม่มีวันหวนกลับ!
“ออกไป!! ไม่ต้องมายุ่งกับเมียฉัน! เป็นเพราะนาย….เพราะนายคนเดียว!!!”
ผู้เป็นพี่ตะโกนไล่ผู้เป็นน้องเสียงกร้าว ทำให้เหล่าบอร์ดี้การ์ดที่อยู่คุ้มกันในบริเวณแถวนั้นต้องรีบมาลากนายน้อยคนรองออกมาจากรถอย่างเร็วรี่ ความชุลมุนทำให้ร่างแกร่งถูกผลักลงกับพื้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ หากแต่พอเมื่อกายหนุ่มจะตั้งหลักใหม่รถคันโกก็แล่นจากเขาไปไกลเสียแล้ว
‘บึ้มมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!’
เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเพลิงไฟที่ลุกฮือไปทั่วรถคันโก้ต่อหน้าต่อตาทุกคน ความแรงของระเบิดนั้นทำเอาชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แทบจะเผาไหม้เนื้อหากว่าเขาอยู่ใกล้รัศมีอีกเพียงไม่ถึงเมตร ต้นไม้แถวนั้นถูกแผดเผาจนเกิดเป็นเพลิงไหม้วงใหญ่ หากแต่เพราะฝนที่ตกกระหน่ำจึงทำให้เกิดกลุ่มควันไฟลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้นและเคลื่อนตัวแผ่กระจายออกไปทุกสารทิศแทน
อีดีธยืนมองควันไฟกลุ่มใหญ่นั้นด้วยอาการช็อคที่ทำให้เขาตัวตื้อชาไปหมด สิ่งรอบด้านกลายเป็นเสียงอื้ออึงที่ดังก้องอยู่ในหูและโสตประสาทการรับรู้ เหตุการณ์ต่างๆถูกฉายวาบเป็นภาพแบบช็อตต่อช็อต ก่อนที่ทุกๆอย่างจะเคลื่อนช้าลงอย่างกะทันหัน และเลือนรางจนมืดหม่นลงในที่สุด….
ให้เหลือเพียงแค่ความทรงจำสุดท้าย….กับรอยยิ้มที่แสนหวาน….และตราบาปที่ติดอยู่ใจของเขาไปตลอดกาล….
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ