จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  123.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) +++ หนึ่งที่จาก.... +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                การประชุมประจำปีของบริษัทรับออกแบบภายในและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านกินเวลาตั้งแต่บ่ายแก่ๆมาจนถึงเลยเวลาเลิกงาน หุ้นส่วนรายใหญ่ต่างก็มาเข้าร่วมการประชุมทั้งในเรื่องความก้าวหน้าของบริษัท การผลิตและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในแต่ละเดือน และในส่วนราคาหุ้นของบริษัทในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว พร้อมทั้งเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการพิเศษโครงการหนึ่งที่ทางบริษัทกำลังวางแผนจัดทำขึ้นด้วย ตามนโยบายการบริหารของผู้เป็นเจ้าของตัวจริง ที่จะให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ๆเข้ามามีบทบาทในการช่วยพัฒนาบริษัทให้เจริญก้าวหน้าต่อไปนั่นเอง

 

               “ราคาหุ้นปีนี้สูงขึ้นมากเลยนะครับ สงสัยเพราะมีเจ้าของเก่งๆอย่างคุณบริษัทก็เลยเติบโตได้หยั่งกับก้าวกระโดดแบบนี้ คุณนี่สุดยอดไปเลยคุณวิลเลียม” ผู้ถือหุ้นหนุ่มใหญ่พูดขึ้นเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากห้องประชุมแล้ว

 

               “ไม่หรอกครับ….มันเป็นเพราะทุกคนร่วมมือร่วมใจกันต่างหาก ไม่ใช่เพราะผมคนเดียว” คนถ่อมตัวตอบกลับไปอย่างถ่อมตน ให้เหล่าผู้ร่วมธุรกิจรู้สึกนับถือมากยิ่งขึ้น

 

               “แต่ถ้าไม่มีประธานที่ทั้งเก่งและฉลาดอย่างคุณ บริษัทก็คงไม่มีทางเติบโตได้มากขนาดนี้แน่ครับ”

 

                วิลเลียมได้แต่ยิ้มรับในคำชมของผู้ถือหุ้นรายนั้น ก่อนที่เขาจะกล่าวคำอำลากับทุกๆคนที่มาเข้าร่วมประชุม ไม่เว้นแต่เหล่าพนักงาน เขาก็กล่าวชมและให้กำลังใจเหมือนทุกครั้งที่ประชุมเสร็จหรือแม้แต่ในเวลางาน ทำให้พวกลูกน้องต่างมีแรงและกำลังใจในการทำงานให้กับบริษัทที่เป็นเสมือนครอบครัวของพวกเขาอีกครอบครัวหนึ่งต่อไปอย่างไม่มีถอย แถมผู้เป็นนายยังใจดีบอกว่าจะมีโบนัสพิเศษให้อีกต่างหาก นั่นยิ่งทำให้พวกเขาอยากจะสร้างผลงานที่ดีเยี่ยมให้กับบริษัทมากเข้าไปใหญ่

 

               “คุณวิลเลียม” เสียงทุ้มเครือที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปมองต้นเสียงด้วยสีหน้าที่หม่นลงเล็กน้อย

 

               “ขอบคุณนะครับที่มาเข้าร่วมประชุมในวันนี้” เขากล่าวขอบคุณตามมารยาทและส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแบบฝืนๆ

 

               “ไม่เป็นไรครับ….มันเป็นหน้าที่ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างผมอยู่แล้ว” ชายสูงวัยเอ่ยอย่างโอ้อวดตนเอง ทำให้คนเป็นเจ้าของบริษัทตัวจริงต้องลอบถอนหายใจให้กับความชอบทะนงตัวของคนตรงหน้า

 

               “แล้วตกลงเรื่องลูกของผม….”

 

               “คือว่าตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งไหนว่างเลยครับ” วิลเลียมรีบพูดแทรกขึ้นในทันที “คงต้องให้โมนิก้ารอไปก่อน”

 

               “ก็ให้แกมาฝึกตำแหน่งเลขา….” เสียงทุ้มเครือยังคงเอ่ยช่วยลูกสาวตัวเองต่อไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายพูดขัดขึ้นมาอีกรอบ

 

               “คงจะไม่ได้หรอกครับคุณอีดีธ….เลขาของผมเขาก็มีงานยุ่งมากเหมือนกัน จะให้มานั่งสอนคนที่ยังทำอะไรไม่เป็นก็เห็นทีว่าจะลำบากเขาเปล่าๆ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างแอบเหน็บแนมฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้คนถูกเหน็บแนมรู้สึกได้จนใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเกิดอาการตึงชาขึ้นมาในทันใด

 

               “อ้อ….งั้นเหรอครับ” อีกฝ่ายทำทีเป็นเข้าใจ แต่น้ำเสียงกลับดูเหมือนประชดประชันเสียมากกว่า

 

               “ครับ….ถ้ายังไงผมจะลองดูแผนกอื่นให้ว่าเขาว่างกันหรือเปล่า อย่างโมนิคน่าจะเริ่มฝึกที่แผนกดีไซน์นะผมว่า เพราะยังไงเธอก็เป็นนางแบบ ทำงานอยู่ในวงการแฟชั่นอยู่แล้ว….คงจะเข้าทางเธอหน่อยน่ะครับ”

 

               “ผมอยากให้แกเรียนรู้งานจากคุณเพื่อก้าวมาเป็นประธานบริษัทต่อจากผม ไม่ได้อยากให้แกเป็นดีไซเนอร์เสียหน่อย” เสียงทุ้มเครือกล่าวเข้มขึ้นเล็กน้อย รู้สึกหงุดหงิดที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมทำตามใจตนเสียที

 

               “แต่การเป็นประธานหรือเจ้าของบริษัทที่ดี….คุณต้องรู้จักและทำงานทุกอย่างในบริษัทเป็นด้วยไม่ใช่หรือครับ” ชายหนุ่มตอกกลับเหมือนเป็นการตำหนิคนตรงหน้ากรายๆ ทำเอาใบหน้ายับย่นต้องทำหน้ายับยุ่งมากเข้าไปใหญ่

 

               “ไม่ว่ายังไงผมก็อยากให้แกมาฝึกกับคุณในตำแหน่งเลขาอยู่ดี” นายอีดีธว่าอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่ใบหน้าที่มีแต่ริ้วรอยจะกระตุกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย “ไม่แน่หรอกนะ….คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้คุณวิลเลียม”

 

               วิลเลียมมองคนตรงหน้าก่อนจะแกล้งหันไปมองทางอื่นและลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนที่เขาจะหันมาเสแสร้างส่งยิ้มอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรนักให้กับชายสูงวัยอีกครั้ง

 

               “เลยเวลากลับบ้านมามากแล้ว ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ” เขาเอ่ยพลางยื่นมือออกไปเพื่อเป็นการล่ำลา

 

               “จะรีบกลับไปหาเลขาสุดสวยหรือครับท่านประธาน” แต่อีกฝ่ายกลับไม่วายพูดแหย่ให้เขาต้องนึกเอือมละอาเล่น

 

               “ใช่ครับ” เสียงทุ้มตอบออกไปตามตรงและดังฟังชัด ใบหน้าหล่อคมไม่มีแววหยอกเล่นเลยแม้แต่นิด

 

               “ถ้าอย่างนั้นก็กลับเถอะครับ….เดี๋ยวเธอจะรอนาน” นายอีดีธกล่าวพลางยื่นมือมาล่ำลาอีกฝ่ายบ้าง

 

                มือใหญ่จับล่ำลากับอีกฝ่ายก่อนที่กายแกร่งจะหมุนตัวกลับและก้าวฉับออกไปจากหน้าห้องประชุมให้เร็วที่สุด โดยไม่คิดจะหันมามองผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ยังคงยืนมองตามเขาไปอย่างสบายใจเลยสักนิด ทำให้เขาไม่ทันได้เห็นดวงตาหม่นที่ฉายแวววาวโรจน์ขึ้นอย่างฉับพลัน ปากแห้งหยักถูกกระตุกขึ้นเป็นยิ้มเหยียดอย่างเย้ยหยันกับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้!

 

 

                วิลเลียมกลับมาเก็บของในห้องทำงานเพื่อเตรียมตัวกลับไปยังคฤหาสน์อันแสนอบอุ่นของเขา รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อนึกถึงร่างบอบบางของใครบางคน ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังรอให้เขากลับไปหาอยู่หรือเปล่า หรือว่าจะแอบไปวิ่งซนที่ไหนให้เขาต้องเป็นห่วงอีก….แม่กระรอกน้อยกลอยใจของเขา

 

แค่เพียงคิดถึงน้ำเสียงใสๆและใบหน้าหวานๆที่คอยส่งยิ้มพิมพ์ใจ….เขาก็อยากจะกลับไปหาเธอจนใจแทบขาดอยู่รำไรแล้ว!

 

               “โจเซฟล่ะ” ผู้เป็นนายเอ่ยถามขึ้นเมื่อร่างใหญ่เดินมาถึงหน้าบริษัทแล้วไม่เห็นวี่แววของลูกน้องคนสนิทแม้แต่เงา แต่กลับเป็นลูกน้องอีกคนที่มารอรับเขาอยู่หน้าบริษัทแทน

 

               “เอ่อ….โจเซฟไปหาตำรวจครับ” ลูกน้องหนุ่มก้มหน้าก้มตาตอบคำถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

               “ไปหาตำรวจ?” วิลเลียมทวนคำด้วยความประหลาดใจ “โจไปหาตำรวจทำไมกัน”

 

               “ทางตำรวจโทรมาบอกว่าเจอรถของเลสเซิ้ลระเบิดอยู่ที่ถนนแนวชายหาดครับ….โจเซฟก็เลยรีบไปที่นั่น”

 

               “อะไรนะ!”

 

                ชายหนุ่มถึงกับอุทานออกมาเสียงดังเมื่อได้ฟังคำตอบของผู้เป็นลูกน้อง ดวงตาคมเบิกตากว้างจนแทบจะเท่าไข่ห่าน ก่อนที่มือใหญ่จะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท และกดเปิดเครื่องโทรไปหาลูกน้องคนสนิทของตัวเองในทันที!

 

               “ครับคุณวิลเลียม”   

 

               “เกิดอะไรขึ้นโจเซฟ นายอยู่ไหน!”

 

               “ตอนนี้ผมอยู่ที่เกิดเหตุครับคุณวิลเลียม ตำรวจกำลังจะย้ายรถไป….คุณรีบมาที่นี่ด่วนเลยนะครับ”

 

                เมื่อได้ยินดังนั้นวิลเลียมจึงรีบกดวางสายและแย่งกุญแจรถมาจากลูกน้องหนุ่มที่มาเป็นสารถีให้เขาในทันที เพราะความร้อนใจทำให้เขาไม่อาจจะเป็นคนคอยนั่งสั่งอยู่เบาะหลังได้ ร่างใหญ่แทบจะกระโจนขึ้นรถจนคนเป็นลูกน้องต้องรีบวิ่งไปนั่งข้างคนขับอย่างเร็วจี๋ ชายหนุ่มรีบสตาร์ทรถอย่างเร็วรี่ก่อนที่เขาจะเหยียบคันเร่งจนแทบมิดให้รถยนต์คันหรูแล่นไปยังที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

                ทางด้านโจเซฟที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ก็ได้แต่ยืนมองรถยนต์ราคาแพงสองคัน ที่ไม่เหลือเค้าของความโก้กำลังถูกยกขึ้นรถคันใหญ่ไปต่อหน้าต่อตา เขารีบบึ่งมายังที่เกิดเหตุทันทีเมื่อได้ทราบข่าวจากแม่บ้านประจำตระกูลแห่งเลสเซิ้ล น้ำเสียงของนางดูจะตื่นตระหนกอย่างยิ่งจนเขาไม่คิดที่จะถามคำถามใดๆกับนางเลย

 

เพราะเขากลัว….กลัวว่าสิ่งที่ผุดขึ้นเป็นคำถาม….มันจะเป็นความจริง!

 

               “โจเซฟ!!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกผู้เป็นลูกน้องเมื่อเขามาถึงที่เกิดเหตุในเวลาไม่กี่อึดใจ

 

               “คุณวิลเลียม….” โจเซฟตอบรับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เศร้าหม่นอย่างเห็นได้ชัด

 

               “เกิดอะไรขึ้นกัน….นั่นมันรถของไมเคิลหนิ!”

 

                วิลเลียมอ้าปากค้างเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างยวดยิ่งเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันคุ้นตาลอยละลิ่วไปอยู่บนรถบรรทุกคันใหญ่ จนหัวใจดวงแกร่งเต้นแรงไปหลายเท่าพร้อมกับบีบรัดจนรู้สึกเจ็บจุกไปหมดทั่วกลางอก และพอเมื่อดวงตาคมหันเหไปสบตากับดวงตาหม่นหัวใจของเขามันก็แทบจะแหลกสลายในทันที

 

               “ไม่จริงใช่ไหมโจเซฟ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือเล็กน้อย

 

               “ไม่ทราบครับ” ผู้เป็นลูกน้องก้มหน้าตอบ “ต้องรอผลการชันสูตร….ศพที่พบก่อนครับ”

 

                ผู้เป็นนายถึงกับใจหายวาบเมื่อได้ยินคำคำนั้นออกมาจากปากของลูกน้องหนุ่ม สมองเริ่มคิดอะไรต่อมิอะไรจนแทบจะกู่ไม่กลับ หากแต่ดวงตาคมกลับต้องทำตาโตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นรถยนต์สีดำสภาพดีถูกลากออกมาจากป่าทึบ พร้อมกับมีร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่งที่ถูกหามตามออกมาติดๆ!

 

               “เจสัน!!” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาก่อนที่ร่างใหญ่จะรีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนของเขา

 

               “ขอโทษครับคุณวิลเลียม อย่าพึ่งแตะต้องตัวศพครับ” ตำรวจนายหนึ่งกล่าวและกันชายหนุ่มให้ห่างออกมาจากร่างที่นอนแน่นิ่งนั้น

 

                ดวงตาคมมองเหล่าหน่วยกู้ภัยที่กำลังทำการห่อร่างศพอย่างเชี่ยวชาญด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด หากแต่เม็ดเหงือกลับผุดไปทั่วใบหน้าดั่งว่าเขาพึ่งไปออกกำลังกายอย่างไงอย่างงั้น กายกำยำได้แต่ยืนแน่นิ่งคิดคำนึงถึงใครบางคนที่เขารักสุดหัวใจจนตอนนี้เขาแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว

 

               “ดา….”

 

               “มีรอยเท้าต่อจากบริเวณของผู้ตาย….” เสียงบทสนทนาที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องหันขวับไปมองต้นเสียงใน “คราวนี้เป็นรอยเท้าของผู้ชายหลายคนและผู้หญิงหนึ่งคน ทำให้คาดว่าผู้ตายอาจจะโดนยิงจนเสียชีวิตในขณะที่กำลังหนีพร้อมกับคนอื่นๆครับ”

 

               “คุณว่าอะไรนะ! รอยเท้า….รอยเท้าผู้หญิงหรอ” วิลเลียมรีบเดินไปกระชากแขนตำรวจผู้นั้นให้หันมาคุยกับเขา

 

               “ครับ….เราพบรอยเท้าผู้หญิงและผู้ชายอีกหลายคนในป่า รอยเท้าหนึ่งเป็นของตัวผู้ตาย….ส่วนอีกที่เหลือไปสิ้นสุดตรงเนินดินที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เจอผู้ตายครับ”

 

               “หมายความว่าไง รอยเท้าทั้งหมดหายไปหลังจากที่พบบริเวณเนินดินงั้นหรือ” นายตำรวจยศใหญ่กว่าถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

 

               “ไม่เชิงครับ….จากการตรวจสอบพบว่ามีรอยเท้าสามรอยหายไปตั้งแต่ตรงเนินดิน และมีรอยเท้าใหม่ๆเพิ่มเข้ามาอยู่หลายรอยตั้งแต่บริเวณบนเนินดินเป็นต้นไปครับ” นายตำรวจผู้นั้นตอบ ก่อนที่เขาจะหันมาหานักธุรกิจหนุ่มอีกครั้ง “รอยเท้าที่หายไปมีรอยเท้าของผู้หญิงด้วยครับ”

 

                วิลเลียมถึงกับนิ่งงันไปในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น เนื้อตัวรู้สึกตึงชาไปหมดจนแทบจะขยับไม่ได้ ใจดวงแกร่งหล่นฮวบลงไปถึงตาตุ่มเหมือนมีคนมาดึงให้หลุดออกจากขั้ว สมองก็สั่งการและคิดทบทวนอยู่กับคำคำหนึ่งที่ดังก้องไปทั่วความคิด….ไม่จริง!

 

               “คุณวิลเลียมครับ” เสียงขอลูกน้องคนสนิทที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์และหันไปมองใบหน้าเรียวคมนั้นด้วยแววตาหวาดหวั่น

 

               “ไม่ใช่กานดาใช่ไหมโจเซฟ….ตอนนี้เมียฉันอยู่ที่บ้านใช่มั้ย” เสียงทุ้มถามออกไปด้วยหัวใจที่ร่ำร้องขอให้คำพูดของเขาเป็นความจริง

 

               “ขอโทษครับ” โจเซฟก้มหน้าเอ่ยออกมาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดอย่างยวดยิ่ง

 

                ชายหนุ่มมองลูกน้องตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้ ร่างใหญ่แทบทรุดฮวบลงกับพื้นเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังหวาดกลัวมันกลับเกิดขึ้นจริง!

 

                เหมือนทุกสิ่งรอบตัวหยุดเคลื่อนที่ เหมือนว่ามีค้อนใหญ่มาทุบกลางศีรษะให้มึนงง เหมือนมีคนเอาหอกดาบมาแทงทิ่มใจและสับกรีดให้แหลกสลาย เหมือนมีแม่น้ำทั้งสายสาดสัดร่างกายให้เปียกโชกและเย็นยะเยือกไปสุดขั้วของหัวใจ….

 

มันไม่จริงใช่ไหม….เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด….มันเป็นแค่ฝันใช่หรือไม่

 

เธอไม่ได้เป็นอะไร….ไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด

 

เธอกำลังรอเขากลับไปหาอยู่ต่างหาก….ใช่….ตอนนี้เธออยู่ที่บ้านของเขา ไม่ได้อยู่ข้างนอกเหมือนที่ทุกคนเข้าใจเสียหน่อย

 

เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงคนนั้นที่หายไป….ไม่….มันไม่ใช่เธอ!

 

               “คุณวิลเลียม”  

               “ไม่จริง….”

 

 

 

 

 

                ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกทิศมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟแบบห้อย ที่ส่องให้มองเห็นแค่ร่างของหญิงสาวซึ่งถูกมัดมือและถูกจับห้อยตัวลงมาจากเพดานเพียงเท่านั้นอากาศอันร้อนอบอ้าวกลับหนาวเหน็บขึ้นมาในทันใดเมื่อสายลมพัดผ่านรอยแยกของตัวเสื้อที่ขาดวิ่น ให้เห็นเป็นรอยแนวยาวตามเนื้อนิ่มที่มีเลือดไหลซิบตามแผลอยู่ตลอดเวลา

 

                ‘เพี๊ยะ!!!’

 

                เสียงแส้ที่ฟาดไปตามกายสาวดังลั่นไปทั่วกระท่อมหลังเก่าในป่าทึบ จนคนที่ถูกจับมัดติดกับเสาต้องก้มหน้าและปิดตาแน่นเพราะรู้สึกเจ็บปวดตรงกลางใจอย่างยวดยิ่งเมื่อได้ยินเสียงฟาดนั้น หากแต่คนถูกกระทำกลับเงียบกริบไม่ปริปากร้องออกมาเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้คนเฆี่ยนรู้สึกหงุดหงิดและเพิ่มแรงฟาดให้หนักมือมากเข้าไปใหญ่ จนเสียงแส้กระทบเนื้อดังก้องไปทั่วกระท่อมไม่ขาดสาย ให้คนที่ถูกจับมัดไว้เฉยๆแทบขาดใจตายแทนเธออยู่รำไร พลางนึกหวาดหวั่นไปไกลว่าร่างน้อยอาจจะหมดลมหายใจไปเสียแล้ว

 

               ‘คุณคิตตี้….’

 

                โทมัสร่ำเรียกผู้หญิงของเจ้านายหนุ่มอยู่ในใจพลางเงยหน้ามองร่างสะบักสะบอมในแสงสว่างนั้นด้วยหัวใจที่แหลกสลาย สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังใกล้ตายแม้แต่น้อย แขนทั้งสองข้างที่ถูกมัดไว้เหนือหัวเต็มไปด้วยรอยแผลที่มีเลือดไหลออกมาเป็นทางยาวทั้งสองข้าง เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยและเต็มไปด้วยรอยเลือดที่เปื้อนเปรอะ ผมยาวนุ่มกระเซอะกระเซิงปกปิดใบหน้าที่ตอนนี้ฟกช้ำไปหมดเพราะแรงตบจากชายโฉดที่ไม่คิดจะยั้งมือ

 

นับตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเข้ามาอยู่ในกำมือของพวกมัน!

 

‘เพี๊ยะ!’

 

               แส้หนังฟาดหนักๆไปที่แผ่นหลังของกานดาอย่างจังจนเธอต้องสะดุ้งเฮือกเพราะความเจ็บแสบที่บาดลึกไปทั่วกาย ร่างน้อยไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะสั่น ใบหน้าบวมช้ำก้มหน้าหลบแสงที่ส่องจ้าอยู่เหนือศีรษะ ปากที่บวมเจ่อและมีเลือดไหลออกมาเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นเดียว ดวงตากลมที่เคยสดใสบัดนี้กลับกลายเป็นหมองหม่นหากแต่ปราศจากน้ำตาที่ไหลริน….

 

เพราะมันแห้งเหือดไปพร้อมกับร่างกาย….ที่ชาชินไปกับความเจ็บปวดสุดรวดร้าวเสียแล้ว    

 

                มันเจ็บ….และแสบ….จนตื้อชาไปหมด….สมองเริ่มสั่งการช้าลงจนแทบจะสิ้นสติ แต่เมื่อไหร่ที่ความมืดมิดเริ่มที่จะคืบคลานเข้ามา น้ำเย็นๆก็ถูกซัดสาดใส่ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลจนมันแสบสันไปถึงทรวง ความเจ็บนั้นดั่งถูกเหล่ามดกัดแทะเนื้อให้ขาดลุ่ยอยู่ก็มิปาน จนเหมือนเธอไม่อาจจะทานทนได้อีกต่อไป แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของเธอมันยังคงเต้นไหวเป็นจังหวะอยู่อย่างนี้ ทำไมเล่าจิตใจของเธอถึงได้แข็งแกร่งจนไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อชะตากรรมชีวิตง่ายๆ

 

เธอต้องทนความโหดร้ายนี้ไปถึงเมื่อไหร่….ทำไมสวรรค์ถึงไม่ยอมดึงเธอให้ขึ้นไปจากขุมนรกแสนเลวร้ายนี้เสียที!

 

ทำไมทุกอย่างถึงไม่จบลงเสียที….

 

               “อีนังนี่มันทนดีจริงๆเลยเว้ย โดนเฆี่ยนขนาดนี้แล้วมันยังไม่ตายอีก” เสียงเหี้ยมของชายโฉดผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนที่มือสากจะออกแรงเฆี่ยนต่อ ให้ร่างบอบบางต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกครั้งเพราะความเจ็บแสบทั่วทั้งกาย

 

               “สงสัยหนังมันจะหนา….ว่าแต่ก็เสียดายมันเหมือนกันนะ สวยซะด้วย….ไม่น่าต้องมาโดนทารุณอย่างนี้เล้ย….น่าจะจับไปทารุณอย่างอื่นมากกว่า” ชายโฉดอีกหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมและเต็มไปด้วยความหื่นกระหายอย่างเห็นได้ชัด

 

               “น้อยๆหน่อย….แกนี่หื่นได้ตลอดเวลาเลยนะไบรอัล”

 

               คนชั่วทั้งสองหัวเราะร่วนออกมาพร้อมกันโดยที่ร่างบอบช้ำยังคงโดนพวกเขาเฆี่ยนอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดชะงักอย่างฉับพลันเมื่อจู่ๆประตูกระท่อมก็เปิดออกให้กายกำยำทั้งสองต้องหันไปมอง ไม่เว้นแม้แต่โทมัสเองก็ตาม

 

               “มันเป็นยังไง” เสียงเย็นชาเอ่ยถามลูกน้องทั้งสองที่ยืนก้มหน้าทำความเคารพตน

 

                “ยังไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ” ผู้เป็นลูกน้องตอบก่อนจะหันมองหน้ากันด้วยความกังวลเล็กน้อย “พวกผมพยายามคั้นให้มันพูดออกมาแล้ว ถึงขนาดเอาแส้ฟาดก็แล้ว….แต่นั่งนี่มันไม่ยอมปริปากพูดเลยครับ แถมยังไม่ยอมตายง่ายๆอีกต่างหาก”

 

               “ถึงขนาดจะเอาให้ตายเลยหรือ” ผู้เป็นนายเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เชลยสาวที่เงยหน้ามองไปในความมืดอย่างไร้ทิศทาง ก่อนที่สายตาดุกร้าวจะถูกตวัดไปหาเหล่าลูกน้องที่รีบก้มหน้าก้มตาลงทันที “ถ้ามันตายพวกแกสองคนนั่นแหละที่จะเป็นรายต่อไป!”

 

               “ขะ….ขอโทษครับ” ลูกน้องทั้งสองกล่าวพร้อมกัน

 

               “คุณพ่อสั่งให้พวกแกเค้นความลับจากมันแล้วค่อยฆ่า….ไม่ใช่ให้พวกแกฆ่ามันก่อนที่มันจะบอกความลับออกมาไม่ใช่หรือไง”

 

               “ขอโทษครับ….พอดีมันหมั่นมือไปหน่อย”

 

               ผู้เป็นลูกน้องทั้งสองได้แต่ยืนก้มหน้าทำตัวลีบเล็กเมื่อถูกเจ้านายสาวเหวี่ยงใส่ หากแต่ในใจกลับคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์โมโหคนตรงหน้าจนต้องกัดฟันแน่นไปตามๆกัน ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหล่อนพาบอร์ดี้การ์ดติดตามมาด้วยตั้งสามคนล่ะก็ พวกเขาคงจะได้จับนายสาวคนนี้มาสั่งสอนเสียให้หลาบจำ!

 

               “คุณโมนิค….”

 

                จู่ๆเสียงแผ่วก็ดังขึ้นขั้นบทสนทนาของอีกฝ่าย ให้คนที่เป็นนางมารร้ายต้องหันขวับกลับไปมองเหยื่อที่แทบจะสิ้นใจอยู่รำไรด้วยสายตาวาวโรจน์ระคนหวาดหวั่น

 

               “คะ…คุณโมนิก้าใช่ไหมคะ….ชะ….ใช่คุณหรือเปล่า” กานดาเอ่ยถามเสียงสั่น พลางพยายามเพ่งมองผ่านผ้าปิดตาถึงแม้จะรู้ว่าไม่ได้ผลก็ตาม

 

               คนถูกเรียกชื่อได้แต่อ้ำอึ้ง ดวงตาคมเฉี่ยวมองหญิงสาวด้วยแววตาอาฆาต หากแต่แฝงไปด้วยความหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด เนื้อขาวนิ่มร้อนผ่าวขึ้นมาในทันตา เมื่อถูกคนตรงหน้าจับได้ว่าตัวเองเป็นใคร!

 

               “รู้ดีนัก” โมนิก้ากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เฆี่ยนมันต่อ!”

 

               “คุณโมนิก้า ทำไมคุณถึงทำแบบนี้!”

 

               โทมัสโพล่งออกมาอย่างสุดจะทน แววตาเจ็บปวดและโกรธแค้นถูกส่งไปให้ดวงตาเฉี่ยวคมที่หันตวัดมามองเขาด้วยสายตาร้ายกาจไม่แพ้กัน ก่อนที่หล่อนจะหันกลับไปมองร่างบางด้วยสีหน้าที่เย็นชากว่าครั้งไหนๆ เหมือนดั่งว่าตอนนี้หล่อนกลายเป็นคนไม่มีหัวใจไปเสียแล้ว!

 

               “เฆี่ยนมัน!!”

 

               สิ้นคำสั่งแส้หนังก็ถูกฟาดลงบนกายสาวหนักๆอีกครั้งจนปากช้ำต้องเม้มเข้าหากันเพราะความเจ็บอีกหน ร่างบอบบางแกว่งไปแกว่งมาตามแรงฟาดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ รอยแผลที่ยังคงมีเลือดไหลกลับถูกซ้ำรอยให้แผลบาดลึกมาเข้าไปอีก จนตอนนี้มันเริ่มปริแตกเป็นแนวยาวมากไปกว่าเดิม เลือดสีสดก็พลันรินร่วงออกมาไม่หยุด ให้คนที่มองดูเหตุการณ์ด้วยความเจ็บปวดต้องถึงกับน้ำตาร่วงพรูเพราะความเสียใจที่ตนไม่สามารถช่วยร่างบอบช้ำนั้นได้ และเจ็บแค้นนางมารร้ายที่ยืนมองความเหี้ยมโหดนั้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา….

 

ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับความผิดบาปที่ตัวเองกำลังก่ออยู่เลยสักนิด!

 

                “หยุด!! พอได้แล้ว!! ไม่เห็นหรือว่าเธอกำลังจะตาย!” โทมัสตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงดุสั่นที่เต็มไปด้วยความโกรธ

 

                “หึ….ยังไงมันก็ต้องตายอยู่แล้วนี่….ดันสะเออะหาเรื่องใส่ตัวเอง!” โมนิก้าตอบกลับเสียงกร้าวพลางมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสะใจ

 

                “เธอไปทำอะไรให้คุณ….ทำไมคุณถึงต้องทำร้ายเธอขนาดนี้ฮะคุณโมนิก้า” ชายหนุ่มยังคงร้องถามต่อไป อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอย่างนี้ไปได้

 

                “เพราะมันแย่งวิลเลียมไปจากฉันยังไงล่ะ!” หล่อนหันขวับไปตอบเขาทันควัน “เพราะมัน….มันทำให้แผนของฉันพังพินาศ….เพราะมันคนเดียว!!”

 

                ‘เพี๊ยะ!!!’

 

                แส้หนังยังคงกระทบเนื้อนิ่มไม่หยุดหย่อน จนคนโดนเฆี่ยนแทบจะหมดสติอยู่รำไร ความเจ็บแสบแปรเปลี่ยนเป็นความตื้อชาจนเธอไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสว่างวาบขึ้นเมื่อผ้าที่ปิดตาถูกปลดออกอย่างไม่ทราบสาเหตุ และแรงฟาดดูจะผ่อนเบาลงกว่าเดิมพอประมาณ หากแต่กลับบาดเนื้อกรีดลึกมากกว่าเก่าเป็นหลายเท่า!

 

                “เพราะแก!! เพราะแกคนเดียวยัยผู้หญิงต่างชาติ!....ถ้าไม่มีแกฉันก็คงทำงานสำเร็จไปนานแล้ว….วิลเลียมก็ต้องกลับมารักฉัน….คุณพ่อก็ต้องชื่นชมฉัน….เพราะแกคนเดียวที่ทำให้ทุกอย่างพังพินาศ….เพราะแกคนเดียว!!!”

 

                มือเรียวจับแส้ไว้มั่นพร้อมกับฟาดไปตามกายสาวอีกกายด้วยความโกรธแค้นที่เก็บกักอยู่ในหัวใจ น้ำตาหยดใสไหลอาบแก้มซีดขาวไม่ขาดสาย ความเจ็บปวดจากเบื้องลึกทางจิตใจถูกระบายออกมาเสียจนหมดสิ้น จนคนถูกกระทำไม่คิดจะต้านทานความเลวร้ายได้อีกต่อไป….

 

                “พอได้แล้วโมนิก้า”

 

                เสียงเหยียบเย็นที่ดังขึ้นทำให้มือเรียวต้องหยุดชะงักในทันใด ร่างเพรียวสวยหันขวับไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูในทันที รวมถึงลูกน้องทั้งหลายที่ต่างโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายใหญ่ ที่ย่างกายเข้ามาในกระท่อมเมื่อสักครู่นี้

 

                “คุณพ่อ….” โมนิก้าเรียกคนตรงหน้าเสียงแผ่ว

 

                “แกกำลังจะทำให้ฉันเสียงาน….รู้บ้างหรือเปล่า” ผู้เป็นบิดากล่าวตำหนิลูกสาวคนเดียวเสียงเข้มจนใบหน้าเรียวซีดกลับหมองหม่นลงมากเข้าไปใหญ่

 

                “ขอโทษค่ะ” หล่อนเอ่ยเสียงสั่นพลางก้มหน้าพร้อมกับทิ้งแส้หนังที่อยู่ในมือ

 

                ผู้เป็นนายใหญ่มองไปรอบกระท่อมที่ถูกเปิดไฟให้สว่างขึ้นตามคำสั่งของเขา สายตาเย็นชาเพ่งตรงไปยังชายหนุ่มที่ถูกมัดตรึงกับเสาอย่างหยามเหยียด ก่อนจะหันเหไปมองหญิงสาวที่อยู่ตรงกลางห้องด้วยสายตาวาววับ ศีรษะที่ก้มงุดลงทำให้เขาเห็นหน้าช้ำๆของเธอไม่ถนัด ทำให้เขาหันกลับไปสนใจลูกน้องมือเอกอีกคนหนึ่งของผู้เป็นศัตรูแทน!

 

                “ว่าไงล่ะโทมัส อะไรทำให้แกมาตกระกำลำบากอย่างนี้ล่ะ” นายอีดีธเดินไปหาร่างแกร่งและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

 

                “แก!...” โทมัสแยกเขี้ยวใส่คนตรงหน้าพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้น

 

                “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว….ฉันคงปล่อยนายไปไม่ได้” เสียงเครือเอ่ยก่อนที่เขาจะเงียบไปเล็กน้อย หากแต่แววตาและรอยยิ้มกลับเคลือบฉายไปด้วยความร้ายกาจอย่างเต็มเปี่ยม “จัดการมันซะ!!”

 

                “ครับ!!!”

 

                สิ้นเสียงคำสั่งเหล่าลูกน้องก็รีบรับคำอย่างเร็วรี่ พร้อมกับปรี่มาปลดเชือกออกจากเชลยหนุ่มและจับล็อกไว้ไม่ให้เขาดิ้นหนีไปไหนได้ แต่มีหรือคนอย่างโทมัสจะไม่ฮึดสู้จนหยดสุดท้าย เขาทั้งสะบัดตัว เตะถีบ และดิ้นหนีเสียจนสุดกำลัง หากแต่ความที่ถูกคนถึงห้าคนจับยึดเอาไว้จึงทำให้เขาไม่มีทางหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเหล่าคนชั่วไปได้เลย

 

               “ปล่อย! ปล่อยนะโว้ย!!” เสียงทุ้มเข้มตะโกนลั่นพร้อมกับสะบัดตัวอย่างแรง แต่ก็ถูกหมัดแกร่งต่อยไปที่ท้องแข็งเข้าให้อย่างจัง จนเขาต้องงอตัวลงเล็กน้อยเพราะความเจ็บจุก ก่อนจะหันกลับมาฮึดสู้ต่ออีกครั้ง

 

               “แล้วอย่าให้เหลือซากล่ะ” ผู้เป็นนายสั่งลูกน้องเป็นการทิ้งท้าย ก่อนที่กายใหญ่จะถูกเอาตัวออกจากกระท่อมไปอย่างทุลักทุเล

 

               “ไม่!!! ปล่อยฉัน!! คุณคิตตี้!!!”

 

               โทมัสตะโกนลั่นเรียกหญิงสาวที่ใกล้จะสิ้นลมอย่างสุดเสียง จนคนถูกเรียกได้สติและเงยหน้ามองไปไร้ทิศทางอย่างมึนงง ทุกอย่างดูพร่ามัวไปหมดจนเธอต้องก้มหน้าและเงยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับเปล่งเสียงอันแผ่วเบาของตัวเองออกไปให้คนที่ยืนหันหลังให้ต้องหันกลับมามอง

 

               “คะ….คุณโทมัส”

 

               อีดีธและโมนิก้าหันกลับมามองคนด้านหลังตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะชะงักงันไปในทันใด การหายใจที่เคยคล่องแคล่วบัดนี้กลับติดขัดขึ้นมาในทันที….

 

เมื่อได้เห็นใบหน้าฟกช้ำนั้นอย่างเต็มตา!

 

       “ดาร่า!!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา