จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  123.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) +++ คำเสี่ยงทาย +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://ookbeetunwalai.s3.amazonaws.com/files/member/3183/1305677915-member.jpg 

สองสมรลูกน้องป๋า หล่อตั้งแต่เจ้านายยันลูกน้องเล้ย! *0* ฟินๆ

(ภาพไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แต่แค่อยากนำพี่ๆมาโชว์ความหล่อเท่านั้น= =)

 

คำเตือน :: เป็นพวกแต่งบทบู๊ไม่เก่ง (หรือไม่เป็น) นะ อาจจะทำให้อ่านแล้วไม่อินก็เป็นได้ = =

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

                ท้องฟ้าที่มืดสนิทบ่งบอกถึงยามราตรีที่คืบคลานเข้ามาให้คฤหาสน์เลสเซิ้ลเงียบสงัด หากแต่ร่างเพรียวบางของผู้เป็นแขกคนพิเศษยังคงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าคฤหาสน์ด้วยความวิตกกังวล ใบหน้าหวานเอาแต่ชะเง้อมองไปทางถนนอย่างร้อนใจ มือเรียวเล็กได้แต่เกาะกุมกันไว้แน่นด้วยหัวใจที่ร้อนรน

 

                กานดาถอนหายใจออกมาหลายต่อหลายครั้ง เฝ้าคอยให้ผู้เป็นนายใหญ่ของคฤหาสน์กลับมาจากข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ เธอมายืนรอเขาตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันจะตกดิน จนนี่จวนจะเที่ยงคืนเข้าไปทุกทีเขายังไม่กลับมาอีก นี่เขาไปอยู่ที่ไหนกันนะ ทำไมถึงได้กลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นขนาดนี้ แถมยังไม่ยอมโทรมาบอกเธอเลยสักคำ ยิ่งมีเรื่องน่าสื่อน่าขวัญเกิดขึ้นอยู่ด้วยเขากลับหายตัวไปเสียอย่างนั้น แล้วทีนี้เธอจะทำอย่างไรล่ะ พอโทรไปหาก็ดันปิดเครื่องเสียอีก จนเธอต้องโทรไปบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนข้างบ้านของเขาแทน อย่างนี้จะมาโทษว่าเธอไม่ยอมบอกยอมกล่าวเขาก่อนอีกไม่ได้แล้วนะ!

 

“ไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะคุณดา วันนี้คุณวิลเลียมคงจะงานเยอะน่ะค่ะ” แม่บ้านประจำตระกูลเอ่ยด้วยเสียงล้าเต็มที เพราะนางเองก็ยืนเป็นเพื่อนแขกคนพิเศษของผู้เป็นนายมาตั้งแต่เธอออกมายืนหน้าคฤหาสน์แล้วเหมือนกัน

 

“ไม่ได้ค่ะ ยังไงดาจะต้องคุยกับคุณวิลวันนี้ให้ได้ คุณป้าไปนอนเถอะนะคะดาอยู่คนเดียวได้ค่ะไม่ต้องเป็นห่วง” หญิงสาวหันมาบอกกับหญิงสูงวัยด้วยน้ำเสียงร้อนรนก่อนจะหันไปชะเง้อคอมองถนนต่อ ก่อนที่เธอจะทำตาโตและรีบวิ่งไปยังรถยนต์คันโก้ที่แล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว

 

“เป็นยังไงบ้างคะคุณไมเคิล ได้เรื่องอะไรหรือเปล่า” เสียงหวานโพล่งคำถามออกไปทันทีเมื่อร่างสูงของเพื่อนบ้านหนุ่มเดินลงจากรถ

 

“เป็นพวกเขาจริงๆครับ….ผู้หญิงคนนั้นกับสามีเสียชีวิตแล้วจริงๆ” ไมเคิลตอบกลับมาด้วยเสียงและสีหน้าที่ตึงเครียด

 

“โถ่….ไม่น่าเลย….ใครกันช่างใจดำอัมหิตฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้ได้ลงคอ” กานดาว่าออกมาด้วยความสลดและนึกกรุ่นโกรธอยู่ในใจ “แล้วตำรวจว่ายังไงบ้างคะ พอจะรู้เบาะแสฆาตกรบ้างไหมคะ”

 

“ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่มีเบาะแสอะไรเลยครับ สามีของเธอโดนยิงที่ศีรษะตายคาที่ ส่วนตัวเธอโดนคนร้ายปาดคอจนขาดอากาศหายใจ….แต่ผลการชันสูตรเบื้องต้นตำรวจไม่พบรอยนิ้วมือหรือสิ่งแปลกปลอมบนตัวพวกเขาเลยครับ ในบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่มีสิ่งต้องสงสัยตกอยู่เลย ทำให้ตอนนี้มีทางเดียวคือผ่าเอากระสุนจากศีรษะสามีออกมาเป็นของกลางเพื่อสืบหาคนร้ายต่อไปเท่านั้นครับ”

 

                หญิงสาวได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกใจหายวาบ เสียงกรีดร้องสุดท้ายที่เธอได้ยินผ่านโทรศัพท์มือถือดังก้องอยู่ในหัวของเธอจนเหมือนพึ่งได้ยิ่งเมื่อชั่วครู่ ภาพหญิงสาวแปลกหน้าที่เธอได้เจอเมื่อไม่นานฉายวับเข้ามาในความทรงจำโดยอัตโนมัติ คนที่ดูแข็งแรงและเก่งกาจบัดนี้กลับสิ้นลมหายใจอย่างน่าเศร้าสลด อย่างที่ไม่รู้สาเหตุเลยว่าทำไมหล่อนและสามีถึงได้โดนฆ่าอย่างไร้ปราณีเช่นนี้

 

แต่สิ่งที่หล่อนพร่ำบอกเธอก่อนตาย….มันบ่งบอกอย่างแน่ชัดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคนในดวงใจของเธอเป็นแน่!

 

แถมเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินจากปลายสาย ประโยคสุดท้ายที่เปล่งออกมาจากชายนิรนามมันช่างฟังดูน่ากลัวจนเธอขนลุกซู่และเย็นวาบไปทั้งตัว แถมยังน่าสงสัยยิ่งนัก….

 

แล้วมันเกี่ยวข้องกันยังไงล่ะ….หรือว่า….!

 

“คุณไมเคิลคะ….”

 

                เสียงรถยนต์อันคุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่เธอจะได้ทันพูดอะไรออกมา ทำให้ทั้งหมดต้องหันไปมองทางถนนเป็นตาเดียว รถคันหรูแล่นมาจอดต่อท้ายรถอีกคันจนแทบชิด ก่อนที่ร่างใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ตัวจริงจะลงมาจากรถด้วยสีหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น ทำเอาหญิงสาวต้องใจแป้วรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบเป็นปมแน่นใส่เพื่อนตัวแสบที่มายืนตีมาดขรึมอยู่ตรงหน้า

 

“ดึกดื่นป่านนี้ยังออกมาเจอกันอีกเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบระคนดุเข้ม

 

“นายไปไหนมา ทำไมปล่อยให้คุณดาเขาอยู่คนเดียวแบบนี้ฮะ รู้หรือเปล่าว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว นายไม่เป็นห่วงคุณดาบ้างเลยหรือไง” ไมเคิลถามกลับอย่างหัวเสีย รู้สึกอยากจะซัดแก้มสากอีกข้างของเพื่อนหนุ่มให้ช้ำยิ่งนัก

 

“มันเรื่องของฉัน” วิลเลียมตอบกลับไปอย่างกวนประสาท ก่อนที่เขาจะเดินไปหาภรรยาทางพฤตินัยของเขา และนำแขนโอบเอวเธอเอาไว้ดั่งแสดงความเป็นเจ้าของให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ก่อนจะมองเพื่อนหนุ่มด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก “กลับไปได้แล้ว คฤหาสน์เลสเซิ้ลไม่ใช่สวนสาธารณะ ที่จะเปิดให้นายมาวิ่งเล่นได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”

 

                ไมเคิลมองคนทั้งสองตรงหน้าด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด มือหนาทั้งสองกำหมัดไว้จนเกือบแน่น เขาไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้เขารู้สึกอิจฉาเพื่อนบ้านหนุ่มคนนี้ยิ่งนัก ร่างบอบบางที่เข้าไปอยู่ภายใต้อ้อมกอดอันแข็งแกร่งนั้นช่างสร้างรอยร้าวที่หัวใจของเขาได้ดีเหลือเกิน จนเขาไม่สามารถจะทนยืนดูต่อไปได้อีก ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่ควรจะคิดเรื่องไร้สาระอะไรเลยก็ตาม

 

“ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณกานดา ถ้าทางตำรวจมีอะไรคืบหน้าผมจะรีบบอกให้คุณทราบนะครับ….ไม่ต้องห่วง” เขากล่าวพลางโปรยยิ้มอ่อนๆให้กับหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเป็นกังวลและส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้เขา

 

“ค่ะ คุณก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” กานดาเอ่ยด้วยความเป็นห่วงในแบบคนที่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเท่านั้น หากแต่นั่นกลับทำให้ใจดวงแกร่งของอีกฝ่ายอิ่มเอิบขึ้นมาเล็กน้อย และทำให้ใครอีกคนต้องรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ

 

“ขับรถดีๆล่ะ ไม่ใช่มัวแต่เหม่อจนไปชนกับอะไรเข้า บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้ยังต้องเอารถมาด้วยอีก”

 

               วิลเลียมว่าแกมบ่นเพื่อนตัวแสบพลางตีหน้ายุ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกไม่ชอบหน้าเพื่อนคนนี้เสียเท่าไหร่ แต่ความเป็นเพื่อนทำให้เขาอดนึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน เพราะดึกดื่นขนาดนี้แล้วหนทางก็ออกจะมืดมัว ถึงแม้ว่าจะมีแสงจากไฟถนนแต่มันก็สลัวจนอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ถ้าหากเอาใจไปจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่น ยิ่งเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่ายแล้วด้วย ก็ยิ่งต้องเตือนสติมากเข้าไปใหญ่

 

แต่จะทำอย่างไรได้….ก็เขาหวงแล้วก็หึงคนของเขานี่ จะให้นิ่งดูดายไม่แสดงตนให้อีกฝ่ายรับรู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นของเขา ไม่ใช่ของใครคนไหนทั้งสิ้น!

 

               ร่างใหญ่เดินจูงมือร่างเล็กให้เดินขึ้นมายังห้องนอนของเธอกับเขา ความเงียบปกคลุมไปรอบห้องจนหญิงสาวรู้สึกอึดอัด จนเมื่อกายแกร่งนั่งลงบนขอบเตียงนุ่มและดึงกายสาวให้มานั่งลงบนตัก พลางนำแขนโอบรัดเอวบางไว้อย่างหวงแหน และนำริมฝีปากกดจูบไปที่หน้าผากมลอย่างถะนุถนอม ก่อนจะเลื่อนมาเคล้าคลอกับริมฝีปากอิ่มฉ่ำอย่างโหยหา จึงทำให้ความตึงเครียดทุกอย่างหายวับไปจากห้องนอนแสนหวานนี้ในทันใด และกลับกลายมาเป็นอบอวลไปด้วยความสุขของคนทั้งคู่ในทันที

 

“คุยอะไรกัน” ประโยคคำถามดังขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากที่ริมฝีปากหยักถอดถอนจุมพิตออกแล้ว

 

“ทำไมคุณกลับดึกจังคะ รู้ไหมว่าดาไปยืนรอคุณหน้าคฤหาสน์ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” เสียงหวานเลือกที่จะถามกลับแทนคำตอบ พลางตีหน้ายุ่งใส่คนตรงหน้าเล็กน้อย

 

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องครับคุณภรรยา….ผมถามว่าคุณคุยอะไรกับไมเคิล ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังออกไปหากันอีก” เขาเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พลางมองใบหน้าหวานอย่างดุๆ หากแต่คำว่าคุณภรรยากลับทำให้อีกฝ่ายต้องหน้าแดงเพราะความเขินจนลืมกลัวความดุของเขาไปเลยทีเดียว แต่แล้วเธอก็ต้องรู้สึกเครียดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงคำตอบที่เธอจะบอกออกมา

 

“คนที่ขู่ดาเรื่องของคุณเธอเสียชีวิตแล้วค่ะ” คำตอบของเธอทำเอาชายหนุ่มต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

“อะไรนะ!” เสียงทุ้มอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

“คุณฟังไม่ผิดหรอกค่ะ….คนที่ขู่ดากับสามีของเธอพึ่งถูกคนร้ายฆ่าเมื่อตอนเย็นค่ะ” เสียงหวานพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ความจริงดาพยายามโทรไปหาคุณเพื่อบอกเรื่องนี้ให้คุณรู้ แต่คุณกลับปิดเครื่องหนีดา ดาก็เลยต้องโทรไปบอกคุณไมเคิลก่อนแทนเพราะเขาก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับดาและคุณมาตั้งแต่ต้นด้วยเหมือนกัน พอเขารู้เรื่องก็เลยรีบไปยังที่เกิดเหตุ ตอนแรกดาขอตามไปกับเขาด้วยแต่เขาบอกให้รอคุณอยู่ที่นี่ค่ะ เผื่อคุณมาแล้วไม่เจอดาเรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่ นี่แหละค่ะคือเหตุผลว่าทำไมดากับคุณไมเคิลถึงต้องออกมาเจอกันยามวิกาลอย่างนี้”

 

“ผมมีประชุมก็เลยปิดเครื่องน่ะ และที่กลับช้าเป็นเพราะว่าวันนี้ผมเข้าไปดูความเรียบร้อยของโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์มา แล้วก็เลยลืมเปิดเครื่องไปเสียสนิท….ขอโทษนะครับที่รัก ยกโทษให้ผมนะ”

 

               เขากล่าวก่อนจะหอมแก้มนุ่มเสียฟอดใหญ่เป็นการไถ่โทษ ทำเอาคนที่นึกงอนอยู่ในใจต้องหายงอนเขาไปโดยปริยายในทันที พลางอดดุตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นคนใจอ่อนใจง่ายอย่างนี้ เพียงแค่เขาเอ่ยคำขอโทษและทำตัวน่ารักขึ้นมาหน่อยเธอก็หายโกรธหายงอนเขาเสียแล้ว เธอนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ….

 

“ว่าแต่ทำไมพวกเขาถึงโดนคนร้ายฆ่าได้ล่ะ”

 

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่พบเบาะแสอะไร แต่ถ้าให้ดาคิด….ดาคิดว่าพวกเขาคงจะโดนฆ่าปิดปากแน่ๆ”

 

“ฆ่าปิดปากงั้นหรือ” วิลเลียมทวนคำพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เกี่ยวกับเรื่องของผมหรือเปล่า”

 

“คุณวิลคะ….ถ้าดาบอกอะไรไปคุณจะเชื่อดาไหมคะ” หญิงสาวถามออกไปพลางจ้องสบตาคมด้วยแววตาเป็นกังวล

 

“บอกมาสิ” เขาไม่ตอบคำถามแต่กลับโอบกอดเอวบางให้แน่นขึ้นแทน

 

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อดาหรือไม่ก็ตาม….” เธอกล่าวพลางก้มหน้า ก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับเขาอีกครั้ง “แต่ดาอยากจะบอกคุณว่าตอนนี้มีคนกำลังคิดจะฮุบบริษัทคุณอยู่ค่ะ ซึ่งเป็นคนไม่ใกล้ไม่ไกลตัวคุณด้วย”

 

“ใครบอกคุณ” เสียงทุ้มถามกลับไปอย่างทันควัน เหมือนดั่งว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิด ทำเอาเธอใจแป้วลงในทันที

 

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนบอกดาเองค่ะ เธอรู้เรื่อง….ที่คุณพ่อของคุณโมนิก้าวางแผนจะยึดบริษัทคุณมาเป็นของตัวเอง และดาคิดว่าสามีของเธอคงจะรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน มันก็เลยอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาโดนฆ่าปิดปากเพราะฝ่ายนั้นกลัวว่าข่าวจะโดนแพร่งพรายออกไป แล้วจะทำให้แผนทุกอย่างที่วางไว้ไม่เป็นผลสำเร็จค่ะ”

 

                กานดาก้มหน้าตอบออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆที่หัวใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปเขาจะยอมรับฟังบ้างไหม ในเมื่อคนที่เธอกำลังกล่าวหาอยู่นี้คืออดีตคนรักของเขา ที่พึ่งหลอกเป่าหูเขาได้สำเร็จ บางทีหล่อนอาจจะหลอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็เป็นได้ ว่าถ้าเกิดเธอพูดเกิดบอกอะไรเขาก็อย่าได้หลงเชื่อ เพราะมันคือกลลวงที่เธอและชายอีกคนสร้างไว้เพื่อหลอกลวงเขาเพียงเท่านั้น มันอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ….

 

“อาทิตย์หน้าผมจะไปดูงานที่เมืองไทย….อยากไปกับผมมั้ย”

 

                คำพูดของเขาทำเอาเธอต้องเงยหน้ามามองเขาด้วยความสงสัยในทันใด หากแต่ดวงตาคมกลับไม่สื่ออารมณ์ใดๆออกมาทั้งสิ้น ทำให้เธอต้องนึกตัดพ้ออยู่ในใจว่าเขาคงไม่เชื่อเธอเลยแม้แต่น้อยถึงได้ทำทีเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวและเปลี่ยนเรื่องพูดไปโดยปริยายอย่างนี้ นี่เธออุตส่าห์หวังดีบอกกับเขาได้รับรู้เอาไว้ แล้วเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆเลยสักนิด มันหมายถึงความเป็นอยู่ของเขาเลยก็ว่าได้ เขาไม่คิดจะสนใจในสิ่งที่เธอพูดเลยหรืออย่างไร คิดแล้วมันก็น่าน้อยใจนัก!

 

“ว่ายังไง อยากไปเมืองไทยกับผมหรือเปล่า”

 

“อยากค่ะ….ดาอยากกลับเมืองไทย” เธอก้มหน้าตอบออกไปเหมือนเป็นคำน้อยใจกรายๆ

 

“ผมไม่ได้ให้คุณกลับเมืองไทย….ผมให้คุณไปกับผมและกลับมาที่นี่อีกต่างหาก” เขาว่าพลางทำหน้ายุ่งเล็กน้อย

 

                หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ตอนนี้ส่วนหนึ่งภายในใจมันโหยหาบ้านเกิดของตัวเองขึ้นมาเสียแล้ว เพราะอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะต้องเจ็บช้ำระกำใจ ในเมื่อคนที่เป็นดั่งดวงใจของเธอในตอนนี้ไม่มีความเชื่อมั่นในคำพูดของเธอเลยสักนิด หากแต่การกระทำของเขาก็ดูเหมือนเขาไม่โกรธไม่เคืองเธอแล้วนี่ แต่ทำไมพอเธอพูดบอกอะไรเขาไปเขาถึงได้ปิดหูปิดตาและปฏิเสธที่จะรับฟังอย่างนี้ มันเป็นเพราะเหตุใดกัน….เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

“นอนเถอะวันนี้คุณคงจะเหนื่อยมากแล้ว….ผมก็เหนื่อยมากๆเหมือนกัน” เสียงทุ้มกล่าวก่อนที่แขนแข็งแรงจะเลื่อนร่างเล็กให้ลงมานั่งข้างๆกายแกร่งแทน “ฝันดีนะครับ”

 

                วิลเลียมโน้มหน้าไปหาเลขาสาวสุดที่รักเพื่อหมายจะหอมแก้มนิ่มเสียอีกหนึ่งฟอดให้ชื่นฉ่ำหัวใจ หากแต่เธอกลับสะบัดหน้าหนีเขาไปทางอื่นเหมือนกำลังโกรธเขาอยู่ก็มิปาน ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาเล็กน้อย และจึงฝืนใจลุกขึ้นเดินกลับไปยังห้องนอนของเขาแทน ทิ้งให้คนตัวเล็กต้องนั่งน้ำตาเล็ดด้วยความรู้สึกน้อยใจเขาเต็มประดา ตัดพ้อต่อว่าเขาอยู่ในใจว่าทำไมเขาถึงไม่เชื่อเธอเลยสักนิด ทำไม่เขาถึงทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทำไมเขาถึงทำเป็นเหมือนทุกอย่างที่เธอพูดเป็นเรื่องปกติ ทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนี้ ทำไมกัน….

 

 

 

                เช้ารุ่งขึ้นเลขาสาวก็ถูกผู้เป็นนายใหญ่สั่งห้ามไม่ให้ไปทำงานกับเขา แถมยังสั่งให้ลูกน้องถึงห้าคนคอยดูแลและคุ้มครองเธออยู่ไม่ห่าง โดยมีโทมัสลูกน้องของเขาเป็นหัวหน้านำทีมในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ ทำให้หญิงสาวต้องรู้สึกสับสนและงุนงงไปหมดว่าเจ้านายหนุ่มของเธอกำลังคิดกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้สั่งให้คนมาคอยคุ้มกันเธอเสียแน่นหนา และยังกำชับกับลูกน้องให้คอยตามเธอทุกฝีก้าวอีกต่างหากไม่ว่าเธอจะอยู่ในคฤหาสน์หรือไม่ก็ตาม

 

“เบื่อแย่เลยสิโดนบอร์ดี้การ์ดตามเฝ้าอย่างนี้” มอร์แกนเชฟหนุ่มเทียมประจำตระกูลเอ่ยแหย่แขกคนพิเศษของนายใหญ่ที่นั่งทำหน้าหงอทานของว่างที่เขาจัดให้ตรงเคาน์เตอร์ในห้องครัว

 

“ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ” กานดากล่าวพลางส่งยิ้มแห้งๆให้กับคนตรงหน้า ก่อนใบหน้าหวานจะก้มหน้ามองแซนวิชชิ้นเล็กๆเช่นเดิม “ไม่รู้ทำไมคุณวิลถึงต้องสั่งให้คนมาคอยเฝ้าฉันไว้ด้วย งานก็ไม่ให้ไปทำ พอถามเขาเขาก็ไม่ยอมตอบอะไรฉันสักอย่าง….ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นนักโทษของเขาอย่างนั้นแหละค่ะ”

 

“คุณวิลเลียมคงจะกลัวเธอหนีไปจากเขาล่ะมั้งจ๊ะ” เสียงนุ่มบอกก่อนที่กายล่ำจะโน้มตัวมาด้านหน้าและนำมือทั้งสองข้างยันพื้นเคาน์เตอร์ไว้ “นักโทษทั้งหวานทั้งสวยขนาดนี้ จะไม่ให้คุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ยังไงล่ะจ๊ะ เดี๋ยวเผื่อว่ามีใครคิดพิเรนมาลักพาตัวเธอไป เจ้านายของฉันคงจะได้ลงแดงตายแหงๆ”

 

“คุณมอร์แกนพูดอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ใครเขาจะมาคิดลักพาตัวฉันกัน ในเมื่อลักไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้อยู่แล้วเพราะฉันไม่ใช่คนสลักสำคัญขนาดนั้น มีแต่จะทำให้คนลักพาตัวฉันแย่ลงเสียมากกว่า” เธอกล่าวก่อนจะส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความคิดพิลึกพิลั่นของเชฟหนุ่มหัวใจสาว

 

“ว่างั้นไป….อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละจ้ะ โลกน่ะไม่ได้สวยงามเหมือนในความคิดหรอกนะคุณกานดา เพราะฉะนั้นอย่าประมาทเป็นดีที่สุด” พ่อครัวฝีมือฉมังกล่าวก่อนจะหันไปทำน้ำผลไม้ให้กับเหล่าพนักงานของเลสเซิ้ลต่อ

 

                หญิงสาวคิดตามคำที่อีกฝ่ายพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นั่นสินะ….โลกนี้มันไม่สวยงามอย่างที่เราคิดฝันไว้เลยจริงๆ โลกแห่งความเป็นจริงนี้มันช่างโหดร้ายและน่ากลัวเสียเหลือเกิน คนที่เคยพบเจอเมื่อไม่นานกลับตายจากอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงเพราะความชั่วร้ายของจิตใจมนุษย์ ที่นับวันยิ่งต่ำทรามลงเข้าไปทุกที เหมือนว่าความดีมันถูกความเลวกลบกลืนไปหมดเสียแล้ว มนุษย์ถึงสามารถทำเรื่องแย่ๆได้อย่างไม่ละอายแก่ใจ หรือละอายแก่บาปกรรมที่จะส่งผลต่อตัวเราไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าแม้แต่ชาติไหนเลยสักนิด 

 

‘ตี๊ด!!! ตี๊ด!!!’

 

               จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ยจนร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะรีบกดรับสายทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นหลาอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ใจก็อดระทึกไม่ได้เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เธอกำลังคอยรอฟังข่าวจากเขาอยู่

 

“ว่ายังไงคะคุณไมเคิล”

 

“คุณกานดาอยู่ที่ไหนครับ ทำงานอยู่หรือเปล่า”

 

“เปล่าค่ะ วันนี้ฉันอยู่บ้าน….มีอะไรหรือเปล่าคะ”

 

“ตำรวจต้องการให้คุณมาให้ปากคำเพื่อเป็นข้อมูลให้กับพวกเขาหน่อยน่ะครับ”

 

“อ่อได้ค่ะ….ว่าแต่ดาต้องไปสถานีตำรวจที่ไหนคะ”

 

“ตอนนี้ผมอยู่หน้าคฤหาสน์เลสเซิ้ลแล้วครับ เดี๋ยวผมจะเป็นคนพาคุณไปเอง รีบๆเลยนะครับคุณดา”

 

“ค่ะๆดาจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” กานดากล่าวก่อนจะกดวางสายไป

 

“จะออกไปข้างนอกหรือจ๊ะ” มอร์แกนถามขึ้นพลางหันมามองร่างเล็กที่เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้บาร์ตัวสูง

 

“ใช่ค่ะคุณมอร์แกน พอดีทางตำรวจเขาอยากให้ฉันไปให้ปากคำหน่อยน่ะค่ะ ตอนนี้คุณไมเคิลรออยู่หน้าบ้าน ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอตอบก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องครัวไปทันที

 

“ระวังตัวด้วยนะจ๊ะสาวน้อย!” เสียงนุ่มตะโกนไล่หลังหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปพูดกับบอร์ดี้การ์ดหนุ่มที่รีบส่งสัญญาณไปบอกให้ลูกน้องเอารถออกทันที “ดูแลเธอให้ดีๆด้วยนะโทมัส”

 

                โทมัสโค้งศีรษะรับคำก่อนที่เขาจะรีบออกไปจากห้องครัวตามลูกน้องอีกสี่คนที่นำหน้าเขาไปก่อนแล้ว ส่วนคนที่ถูกคอยคุ้มกันก็รีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองและหยิบกระเป๋าคู่ใจติดตัวออกมา ก่อนจะรีบวิ่งลงมายังชั้นล่างตรงไปยังหน้าคฤหาสน์ที่ตอนนี้มีรถสปอร์ตคันโก้จอดรอรับเธออยู่

 

“ไปกันเถอะค่ะคุณไมเคิล” เสียงหวานกล่าวกับเจ้าของรถเมื่อเธอเข้ามานั่งข้างๆเขาเรียบร้อยแล้ว

 

                ไมเคิลมองใบหน้าหวานแวบหนึ่งก่อนที่เขาจะเร่งเครื่องและขับรถออกจากคฤหาสน์ไปด้วยความเร็วในทันที โดยมีรถยนต์คันสีดำสองคันขับตามเขาไปติดๆ ระยะทางระหว่างคฤหาสน์และสถานีตำรวจนั้นอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นักทำให้ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบนาทีพวกเขาก็มาถึงที่หมาย ร่างเล็กรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยเมื่อย่างกายเข้ามาในสถานีที่มีตำรวจและผู้ต้องหาเต็มไปหมด เธอเดินตามตำรวจนายหนึ่งที่ออกมารับไปยังห้องสี่เหลี่ยมสีทึบที่มีเพียงโต๊ะวางอยู่กลางห้องและมีเก้าอี้นั่งเพียงสามตัวเท่านั้น คนสอบปากคำเชื้อเชิญให้เธอและเขานั่งตรงข้ามก่อนจะเริ่มสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น….

 

 

                ราวหนึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไปการสอบปากคำจึงสิ้นสุดลง กานดาและไมเคิลเดินออกมาจากห้องสอบสวนนั้นด้วยใบหน้าที่มีความตึงเครียดอยู่ไม่น้อย คดีที่ดูเหมือนจะมีผู้ทรงอิทธิพลอยู่เบื้องหลังช่างทำให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างยากลำบากเสียเหลือเกิน เพราะมาถึงตอนนี้แล้วหลักฐานที่จะนำมามัดตัวคนผิดยังหาไม่เจอเลยสักชิ้น เหมือนกับคนร้ายเป็นพวกช่ำชองฝีมือในการก่อเหตุฆาตกรรมอย่างไงอย่างงั้น จนทางตำรวจไม่อาจจะสามารถแกะรอยตามหรือสืบข้อมูลต่างๆได้เลย

 

“คุณไม่เป็นอะไรนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนข้างกายมาทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าสถานี

 

“ค่ะ….ฉันไม่เป็นอะไร” หญิงสาวตอบพลางหันไปส่งยิ้มแห้งๆให้กับเขา

 

“หิวหรือเปล่าครับ เราไปหาอะไรทานกันไหม” ชายหนุ่มถามต่อพลางรีบเปิดประตูรถให้กับเธอเมื่อพวกเขาเดินมาถึงลานจอดรถข้างสถานี

 

“แล้วแต่คุณสิเถอะค่ะ ฉันยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่….” ร่างเล็กตอบพลางเข้าไปนั่งในรถ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะหันไปหาผู้เป็นเจ้าของรถที่เข้ามานั่งประจำที่คนขับเรียบร้อยแล้ว “แต่ถ้าคุณหิวเราไปหาอะไรทานกันก็ได้นะคะ”

 

“ถ้าอย่างนั้นเราไปทานอาหารจีนกันดีไหม ร้านนี้เชฟฝีมือดีมากเลยนะ เป็นร้านโปรดของผมร้านนึงเลยล่ะ” ไมเคิลว่าพลางสตาร์ทรถ

 

“ยังไงก็ได้ค่ะ” กานดาตอบพลางส่งยิ้มบางๆให้กับอีกฝ่ายเมื่อเขาหันมาส่งยิ้มนุ่มๆให้กับเธอ

 

                รถสปอร์ตแล่นไปยังร้านอาหารชื่อดังในย่านที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจเท่าไหร่นัก กลิ่นอาหารเอเชียลอยฟุ้งไปทั่วร้านและเตะจมูกของลูกค้าทันที่เข้ามาในร้าน พนักงานที่ใส่ชุดประจำชาติสีแดงสดพากันต้อนรับและเชื้อเชิญแขกให้เข้ามาลิ้มรสความอร่อยของอาหารอันโอชะได้อย่างน่าชื่นชม หญิงสาวและชายหนุ่มเดินตามพนักงานหญิงคนหนึ่งมานั่งที่โต๊ะตัวริมติดกับผนัง จากนั้นจึงรับเมนูมาจากพนักงานสาวและเริ่มสั่งอาหารมาสี่ห้าอย่าง ก่อนที่ใบหน้าหวานจะหันไปส่งยิ้มให้กับหญิงชราที่เดินถือโถขนมคุ้กกี้มาตรงโต๊ะของเธอ

 

“ขนม….ทานขนม” หญิงชราเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก

 

“ให้ฟรีหรอคะ” เสียงหวานถามออกไปด้วยความสงสัย

 

“ใช่…ฟรีๆ….เอาไปๆ” นางกล่าวพลางยื่นโถขนมมาจ่อตรงหน้าเธอ

 

                กานดามองขนมในโถพร้อมกับเลิกคิ้ว มันเป็นขนมแผ่นแป้งบางๆห่อให้รูปทรงคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว และเมื่อมือเรียวหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งและหักแบ่งครึ่งขนมคุ้กกี้นั้น เธอก็เห็นกระดาษสีขาวใบเล็กๆซ่อนอยู่ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้หันไปพูดอะไรกับหญิงชราผู้นั้น นางก็กลับรีบเดินหายวับไปทางหลังร้านเสียก่อน

 

“คุ้กกี้เสี่ยงทายนี่คะ….ทำไมเขาเอามาให้ตอนนี้ล่ะ มันต้องทานหลังจากที่เราทานอาหารเสร็จไม่ใช่หรอคะ” เธอว่าพร้อมกับทำหน้างุนงง

 

“ปกติผมก็ได้มันหลังจากเรียกเช็คบิลนะครับ เอ….หรือว่าเขาจะเปลี่ยนมาเป็นให้ก่อนแล้ว” ไมเคิลเอ่ยพลางทำหน้างุนงงไม่แพ้กัน

 

“คุณยายแกประสาทไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ แกเป็นแม่ของเจ้าของร้าน….ยังไงก็ต้องขอโทษแทนด้วยนะคะ” พนักงานสาวที่มาเสิร์ฟน้ำพอดีกล่าวขึ้นเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดแจ๋ว ถึงแม้ว่าหน้าตาหล่อนจะออกแนวสาวเอเชียก็ตาม

 

“อ่อ….ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ” กานดากล่าวกับพลางส่งยิ้มให้กับพนักงานสาวคนนั้น

 

“ลองอ่านคำเสี่ยงทายดูสิคะ เผื่อว่าคุณจะโชคดี” พนักงานคนนั้นบอกพร้อมกับสิ่งยิ้มให้เธอเช่นกัน ก่อนที่หล่อนจะเดินไปเสิร์ฟน้ำให้กับโต๊ะอื่นต่อ

 

                หญิงสาวหยิบกระดาษแผ่นเล็กนั้นออกมาจากขนมและคลี่ออก ดวงตากลมจ้องไปที่ตัวอักษรภาษาจีนก่อนจะละมาอ่านคำแปลที่เป็นภาษาอังกฤษ เธออ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นพลางขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย….

 

ขนมเสี่ยงทาย….

 

‘หนึ่งต้องจาก อีกหนึ่งได้เจอ….ความมืดมนปกคลุมไปทั่วทุกทิศ

ลางร้ายซ่อนอยู่ทุกแห่งหน….ชีวิตต้องแลกด้วยซึ่งชีวิต!’

 

“ว่ายังไงบ้างครับ” เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อคนตรงหน้านั่งนิ่งเงียบไปเสียนาน

 

“ฉันก็ไม่เข้าใจค่ะ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ….คุณไมเคิลลองอ่านดูสิคะ” เธอตอบพลางยื่นกระดาษนั้นให้กับชายหนุ่ม เขาจึงรับใบกระดาษนั้นมาและเริ่มอ่านออกเสียง

 

“มีหนึ่งที่ต้องจาก อีกหนึ่งจะได้พบเจอ….ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกทิศ โชคร้ายซ่อนอยู่ทุกที่” ใบหน้าหล่อเงยหน้ามามองหญิงสาวด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความพิศวง “….ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต”

 

“ประโยคสุดท้ายนี่น่ากลัวจังค่ะ ฉันชักจะใจไม่ดีเสียแล้วสิ” กานดากล่าวก่อนจะกอดอกและลูบแขนตัวเองไปมาเล็กน้อย

 

“อย่าไปคิดมากเลยครับ ไม่มีอะไรหรอก….ผมเคยได้แย่กว่านี้อีกยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย มันก็แค่เรื่องขำขันนั่นแหละครับคุณกานดา”

 

                ไมเคิลว่าพลางฉีกแผ่นกระดาษนั้นเพื่อเป็นการทำลาย ก่อนที่เขาจะชวนคนตรงหน้าคุยไปถึงเรื่องอื่นระหว่างรออาหารที่กำลังเตรียมนำมาเสิร์ฟ หากแต่เธอก็อดที่จะนึกถึงคำทำนายนั้นเป็นระยะๆเสียไม่ได้ พลางหาคำตอบอยู่ในใจว่าอะไรคือหนึ่งที่ต้องจาก อะไรคือหนึ่งที่ได้เจอ แล้วความมืดมนนั้นมันหมายความว่าอย่างไร ลางร้ายที่ซ่อนตัวอยู่นี้มันคือสิ่งใดกันแน่ แล้วชีวิตที่ต้องแลกด้วยชีวิต….มันหมายถึงอะไรกัน?

 

                ความกังวลยังซ่อนอยู่ในใจของหญิงสาวตลอดช่วงที่รับประทานอาหาร หากแต่ได้คนที่ไม่เชื่อเรื่องโชคลางคอยหาเรื่องมาเล่าให้เธอหายกังวลบ้างเป็นระยะ แต่พอความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมพวกเขาอีกครั้ง เธอก็คิดถึงคำเสี่ยงทายนั้นขึ้นมาอีกหน จนคนที่คอยสังเกตใบหน้าหวานๆนั้นอยู่ตลอดต้องลอบถอนหายใจและส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

 

“เลิกคิดถึงคำทำนายนั่นได้แล้วครับคุณกานดา….ทำหน้ายุ่งอยู่อย่างนี้เดี๋ยวจะไม่สวยเอานะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยแหย่กับคนที่กำลังคิดไม่ตกถึงคำทำนายจากขนมเสี่ยงทายนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะทานอาหารกันเสร็จสรรพและกำลังเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์สุดหรูแล้วก็ตาม

 

“ก็มันอดคิดไม่ได้หนิคะ เล่นทำนายมาแย่ซะขนาดนั้น เป็นคนอื่นได้เขาก็ต้องคิดมากเหมือนฉันนี่แหละค่ะ” กานดากล่าวพลางหันไปทำหน้ายุ่งใส่คนข้างกายจนเขาต้องหัวเราะออกมาเล็กน้อยเพราะความน่ารักน่าชังของเธอ

 

“มันก็แค่กระดาษแผ่นนึงนั่นแหละครับ….”

 

‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!’

 

‘ปังๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!’

 

                เท้าหนาเหยียบเบรกจนตัวโก่งเมื่อจู่ๆด้านหน้าก็มีรถยนต์สีดำแล่นมาขวางทางไว้แบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ตามมาด้วยเสียงลั่นไกปืนที่ดังรัวนับครั้งไม่ถ้วนจนทั้งคู่ตั้งรีบก้มตัวหลบกระสุนอย่างเร็วรี่ หากแต่คนที่ยิงไม่ได้เล็งเป้ามาที่พวกเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะกระสุนหลายนัดถูกฝังลงบนล้อรถด้านหน้าทั้งสองจนยางเกิดรั่วและแล่นขับต่อไปอีกไม่ได้ ทำให้คนเป็นเจ้าของรถที่รู้ว่าตอนนี้รถยนต์ของเขาไม่พร้อมใช้งานและอาจเกิดการเหตุระเบิดขึ้นได้ต้องรีบดับเครื่องในทันที

 

‘ปังๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!’

 

                เสียงปืนยังดังตลอดไม่ขาดสาย แต่คราวนี้กลับเป็นการยิงสวนกันระหว่างฝ่ายคนร้ายและฝ่ายของโทมัสลูกน้องของวิลเลียมที่คอยติดตามหญิงสาวมาตลอดไม่ให้คลาดเคลื่อน รถยนต์สีดำของบอร์ดี้การ์ดคันหนึ่งแล่นมาขวางหน้ารถสปอร์ตไว้เพื่อเป็นการป้องกัน เพราะรถของตระกูลเลสเซิ้ลทุกครั้งเป็นรถกันกระสุนทั้งหมดจึงทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถยิงทะลุผ่านไปได้ ก่อนที่ร่างน้อยที่กำลังอยู่ในอาการตกใจจะถูกมือใหญ่ของคนที่เป็นเจ้าของรถสปอร์ตดึงให้ลงมาจากรถ และพามาหลบอยู่ในรถอีกคันที่มีโทมัสเป็นคนขับ หากแต่พอเมื่อรถกำลังจะเลี้ยวกลับไปทางเดิมก็กลับมีรถยนต์อีกคันแล่นมาปิดทางไว้เช่นกัน

 

“บ้าเอ๊ย!!!”

 

                โทมัสสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อถูกอีกฝ่ายปิดทางไม่ให้หนีไปไหนได้ ใบหน้าเรียวคมที่มีหนวดเคราขึ้นครึ้มหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางหนี หากแต่ตรงบริเวณที่พวกเขาอยู่นั้นฝั่งหนึ่งเป็นป่ารกทึบแต่อีกฝั่งหนึ่งกลับเป็นทะเลและชายหาด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังเบื้องหน้าอีกครั้งก่อนที่สายตาของเขาจะเปลี่ยนมาเป็นมาดมั่นพร้อมกับที่เท้าใหญ่เริ่มเร่งเครื่องในทันที!

 

‘บรื้นนนนนนน!!!!!!!!!’

 

‘ปังๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!’

 

                เสียงยิงปืนรัวดังสนั่นไปทั่วเมื่ออดีตนักแข่งรถบ้าระห่ำเร่งเครื่องและพุ่งตรงไปยังรถยนต์อีกคันที่จอดขวางด้วยความเร็ว ทำเอาคนที่ยืนอยู่นอกรถต้องรีบวิ่งหลบกันจ้าละหวั่น ส่วนคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ด้านเบาะหลังของรถก็รีบเอามือปิดหน้าปิดตาและงอตัวลงในทันใด โดยมีร่างแกร่งคอยคุ้มครองป้องกันอยู่ไม่ห่าง แต่ก่อนที่รถทั้งสองคันจะประสานงากันแขนกำยำก็รีบหักพวงมาลัยให้รถตีโค้งเลี้ยวไปทางขวาลงไปยังชายหาดในทันที!

 

“จับไว้ดีๆนะครับคุณคิตตี้คุณไมเคิล!” โทมัสกึ่งพูดกึ่งตะโกนบอกคนสำคัญทั้งสองของเจ้านายพลางเหยียบคันเร่งให้รถแล่นเร็วเข้าไปอีก

 

“พวกมันตามมาแล้วโทมัส!” ลูกน้องอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าตะโกนบอกพลางชะโงกตัวผ่านหน้าต่างไปยิงสวนอีกฝ่ายอย่างช่ำชอง

 

‘ปังๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!’

 

“หลบเข้ามาก่อนเจสัน!”

 

‘บึ้มมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!’

 

“กรี๊ดดดดด!!!!!!!!”

 

                เสียงระเบิดที่ดังขึ้นทำให้กานดาต้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ไมเคิลหันไปมองทางด้านหลังแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ระเบิดนั้นคือรถของเขาและรถอีกคันจากตระกูลเลสเซิ้ลซึ่งมีลูกน้องอยู่ในนั้นด้วยสามคน แรงระเบิดที่กระจายกว้างอยู่พอดูทำให้รถของอีกฝ่ายที่จอดขวางทางอยู่ได้รับผลกระทบไปด้วยเต็มๆ เหล่าคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างกระเด็นกระดอนและถูกเผาไหม้จนแทบไม่เหลือชิ้นดี ยกเว้นแต่รถสองคันที่พ้นระยะรัศมีระเบิดมาได้อย่างหวุดหวิดทำให้การไล่ล่าดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

 

“ซวยล่ะ! มาจากไหนกันอีกเนี่ย”

 

                โทมัสสบถออกมาอีกรอบเมื่อทางข้างหน้าถูกรถหลายคันแล่นขวางเอาไว้จนเขาเกือบจะหักพวกมาลัยหลบไม่ทัน ความที่รถไม่อยู่ในสภาพพร้อมลุยป่าทำให้อดีตนักซิ่งถึงกับแทบคลั่งเพราะไม่มีหนทางหนีรอดต่อไปได้อีก แถมอีกทางก็ดันเป็นทะเลแล้วเสียนี่ เท่ากับว่าตอนนี้พวกเขาโดนล้อมไว้จนน่าใจหายเลยทีเดียว

 

‘ปังๆๆๆๆๆ!!!!’

 

                เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ทุกคนจะสัมผัสได้ถึงล้อรถที่แฟบลงอย่างรวดเร็ว แต่คนบ้าระห่ำก็ยังมิวายเร่งเครื่องจนสุดกำลังเพื่อขับพุ่งเข้าป่าทึบไปเพราะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเขาจะมีโอกาสรอดเพิ่มขึ้น ก่อนที่นักขับมือหนึ่งจะรีบลงมาจากรถเมื่อเขาขับชนเข้ากับต้นไม้อย่างจังหากเป็นความตั้งใจของเขาเอง

 

“ลงมาครับคุณ!” เสียงห้าวบอกกับคนที่นั่งกอดกันอยู่เบาะหลังพร้อมกับดึงกระตุ้นให้พวกเขาออกมาจากรถโดยเร็ว

 

“มันอยู่นั่น!!!”

 

                เสียงเข้มของอีกฝ่ายที่ดังขึ้นทำให้ทั้งหมดรีบวิ่งอย่างสุดชีวิต การปะทะกันระหว่างสองฝ่ายเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งด้วยอีกฝ่ายที่มีกองกำลังเป็นเท่าตัวกับฝ่ายของหญิงสาวที่มีคนคอยคุ้มกันอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น หากแต่ความรกทึบของป่าทำให้การตามล่าเป็นไปอย่างยากลำบากอยู่พอควร จึงทำให้ตอนนี้ต่างก็ทำได้แค่ยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเท่านั้น

 

“โทมัสคุ้มครองคุณคิตตี้ก่อนเร็ว!”

 

“แกนั่นแหละรีบหลบไป!”

 

“ไม่! ไปเร็วเซ่คุณวิลเขาให้แกดูแลเธอไม่ใช่หรือไง!”

 

“แต่….”

 

“ไป!!!!”

 

                โทมัสมองเจสันเพื่อนหนุ่มของเขาพลางสบถออกมาเป็นรอบที่สามอย่างหัวเสีย แต่ก็ยอมจำใจถอยกำลังตัวเองเพื่อไปคุ้มครองหญิงสาวคนสำคัญของผู้เป็นนายใหญ่อย่างชิดใกล้แต่โดยดี วินาทีนี้คนในความดูแลของพวกเขาจะต้องปลอดภัยเท่านั้น….

 

แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยซึ่งชีวิตของพวกเขาอย่างไรก็ยอม!

 

‘ปัง! ปัง!!’

 

“เจสัน!!!!!”

 

                เสียงห้าวเรียกชื่อเพื่อนรักสุดเสียงเมื่อได้ยินเสียงปืนและเสียงร้องดังขึ้นแทบพร้อมกัน ใบหน้าเรียวคมหันไปมองร่างกำยำที่ล้มลงพร้อมกับเบิกตากว้าง หากแต่เท้าแกร่งยังคงเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าด้วยแรงดันของกายกำยำของชายหนุ่มอีกคน แขนแข็งแรงของชายทั้งสองโอบลอบกายสาวเอาไว้เพื่อเป็นเกาะป้องกันชั้นดี แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ปีนหนีขึ้นไปบนเนินสูง พวกเขาทั้งหมดก็ต้องหยุดหยุดชะงักและเบิกตากว้างในทันที!

 

“ต่อให้แกหนีให้ตาย ยังไงแกก็ไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอกโทมัส”

 

                เสียงเหี้ยมเกรียมที่ดังมาจากชายร่างสูงที่ยืนจ่อปืนมาทางพวกเขาทำเอากานดาต้องรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว พลันนึกย้อนไปถึงเสียงๆหนึ่งที่เธอได้ยินเป็นเสียงสุดท้ายจากปลายสายเมื่อวานนี้….

 

เสียงที่ทำให้เธอต้องขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน!

 

“สาวน้อยๆ….”

 

               ใบหน้าเข้มโหดหันมาหาคนที่เงยหน้าทำตาโตและแน่นิ่งไปด้วยความช็อค ดวงตาวาวโรจน์จ้องสบกับดวงตากลมหวานพลางกระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนที่ปากกระบอกปืนจะถูกเล็งจ่อมาที่กลางหน้าผากของหญิงสาว พร้อมกับเสียงเหี้ยมเกรียมที่ดังบอกกับเธอว่า….

 

“ราตรีสวัสดิ์….ที่รัก!”  

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

http://ookbeetunwalai.s3.amazonaws.com/files/member/3183/2140093203-member.jpg

ว่าด้วยเกร็ดความรู้ของขนมเสี่ยงทาย ::

ขนมเสี่ยงทาย / คุ้กกี้เสี่ยงทาย / Furtune Cookie

รายละเอียดทั่วไป:”Fortune Cookie” มีความหมายว่า “คุ้กกี้เสี่ยงทาย” (บ้างเรียกว่า”คุ้กกี้ทำนายดวง” หรือเรียก “ขนมดวงดี”ก็มี) เป็นขนมที่ทำจากแผ่นแป้งบางๆรสชาติหวานกรอบคล้ายๆคุ้กกี้ รูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ข้างในจะใส่กระดาษที่เขียนหมายเลขนำโชคบอกคำทำนายเอาไว้ บ้างก็เขียนคำอวยพร หรือคำคมด้วยภาษาจีนเอาไว้ด้วย คุ้กกี้เสี่ยงทายจะถูกนำมาแจกให้ลูกค้าในร้านอาหารจีนหรือภัตตาคารจีน เมื่อจบมื้ออาหารและเรียกเก็บคิดเงินขนมคุ้กกี้เสี่ยงทายจะนำมาแจกให้คุณพร้อมกับใบเสร็จ เสิร์ฟพร้อมกับผลส้มที่ฝานเป็นแผ่นบางๆพร้อมกับน้ำชาในถ้วยใบเล็กๆ คุ้กกี้เสี่ยงทายโด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกและนิยมกันมากในร้านอาหารจีนของสหรัฐอเมริกา

 

ที่มา:ที่มาของคุ้กกี้เสี่ยงทายไม่ใช่ขนมไหว้พระจันทร์ และที่แปลกที่สุดก็คือ คุ้กกี้เสี่ยงทายไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนและคนจีนเองก็ไม่รู้จักมัน แท้ที่จริงคุ้กกี้เสี่ยงทายเพิ่งถูกคิดขึ้นเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 นี่เองที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งหมดนี้ก็มาจากไอเดียที่ทำขึ้นโดยชาวอเมริกันทั้งนั้น ตัวขนมเองก็ไม่ได้มีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้ คำทำนาย คำคมหรือคำอวยพรที่เขียนด้วยภาษาจีน ก็มาจากการคิดสร้างสรรค์ของชาวอเมริกันที่เลือกหยิบคำที่มีความหมายดีๆมาใช้

การปฏิบัติ:กล่าวกันว่า หากคุณชื่นชอบรสชาติอาหารจีนในร้านอาหารหรือภัตตาคารจีนต่างๆ เมื่อคุณได้ลิ้มรสชาติอาหารประเภทไข่ห่อรสเลิศ ไก่โรยถั่ว หมูทอดคำโต จนกระทั่งอิ่มหนำสำราญแล้ว เมื่อถึงเวลาเช็คบิลค่าอาหาร พนักงานของร้านจะมาเสิร์ฟขนมคุ้กกี้เสี่ยงทายพร้อมด้วยแผ่นบางๆของผลส้มกับน้ำชารสกลมกล่อมหนึ่งถ้วยเล็ก มันเป็นเหมือนกับโชคชะตาชักนำให้หมายเลขและข้อความมงคลเหล่านี้มาหาตัวคุณ เมื่อคุณกัดหรือหักแผ่นคุ้กกี้ให้แตกออก ก็จะปราฎฎแผ่นกระดาษชิ้นเล็กๆซ่อนอยู่ภายในข้อความต่างๆในนั้นจะเป็นคำมงคลที่มีความหมายดีๆหรือเป็นคำคม คำอวยพร และคำทำนายดีๆที่เขียนเป็นภาษาจีน พร้อมคำแปลที่เป็นภาษาอังกฤษ ขนมคุ้กกี้เสี่ยงทายเป็นที่นิยมของชาวอเมริกัน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาแปลกๆหรือรสชาติที่ทำจากแป้งโรยถั่วหรือเกลือ ไม่ได้มีส่วนที่ทำให้อร่อยไปมากกว่าคุ้กกี้ทั่วๆไป แต่ความสนุกอยู่ที่การลุ้นว่าข้างในจะมีคำว่าอะไรเขียนไว้มากกว่า

ขอบพระคุณข้อมูลจาก // http://www.tlcthai.com 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา