จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  119.77K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) +++ ขออนุญาต....ห่วงใย +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

http://ookbeetunwalai.s3.amazonaws.com/files/member/3183/1902873586-member.jpg

ไมเคิล - กานดา - วิลเลียม

ซ้ายหรือขวาดีเจ้าคะ *0*

 

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

                ร่างกำยำนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องทำงานกว้างอันเงียบสงบ ใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยฟกช้ำให้เห็นอย่างเด่นชัดตรงบริเวณมุมปากและแก้มสากข้างหนึ่งดูตึงเครียดมากกว่าที่เคยเป็นมา รอยยิ้มแบบต่างๆที่เคยมีบัดนี้กลับจางหายไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยให้ได้เชยชม อาการปวดหนึบที่ศีรษะเพราะผลจากการดื่มสุราเข้าไปมากและเพราะความเจ็บระบมบนใบหน้าทำให้คิ้วหนาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมายังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขาอย่างยากที่จะลบเลือน เรื่องราวต่างๆที่เป็นเหมือนฝันร้ายหากแต่กลับกลายมาเป็นความจริงมันช่างทำให้หัวใจดวงแกร่งอ่อนแอลงได้ดีเยี่ยมเสียเหลือเกิน….

 

‘ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!’

 

“เข้ามา….”

 

                เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนภายนอกให้เข้ามาในห้องด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมระคนอ่อนล้า กายแข็งแกร่งของลูกน้องคนสนิทที่เดินเข้ามาไม่ช่วยให้คนเป็นนายจ้างรู้สึกดีขึ้นมาได้เลย ผู้เป็นนายใหญ่ยังคงทำหน้าเคร่งเครียดเหมือนเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ผู้เป็นลูกน้องได้พบ จนเขาอดที่จะนึกเป็นห่วงคนตรงหน้าเสียไม่ได้ และยิ่งได้เห็นรอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าหล่อๆนั้นแล้ว เขาก็ยิ่งเป็นห่วงผู้เป็นนายมากเข้าไปใหญ่ แต่พอบอกให้ไปทำแผลที่โรงพยาบาล หรือไม่ก็ให้เขาทำแผลให้ก็ได้ คนเป็นเจ้านายกลับปฏิเสธและปล่อยให้แผลมันบวมฉึ่งอยู่อย่างนั้น จนเขาต้องแอบลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ ให้กับความดื้อรั้นของผู้มีพระคุณของเขา ที่ตอนนี้ยังคงทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บจนแทบจะหมดหล่อ….คงจะปวดระบมน่าดู

 

“ทำแผลสักหน่อยเถอะครับคุณวิลเลียม” โจเซฟเอ่ยออกไปกึ่งว่ากำลังร้องขอ

 

“ช่างฉันเถอะ” วิลเลียมตอบกลับอย่างตัดบท ก่อนที่เขาจะพยักพเยิดหน้าบอกให้ผู้เป็นลูกน้องนั่งลง “ได้อะไรมาบ้าง”

 

“เบอร์ที่คุณให้มาเป็นเบอร์ที่พึ่งเปิดใหม่เมื่อวานนี้ครับ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเปิดเพราะเบอร์ไม่ได้ลงทะเบียน” เสียงทุ้มห้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้นเล็กน้อย “แต่ผมลองไปเช็คตามร้านแล้ว มีร้านนึงบอกว่ามีผู้หญิงซื้อเบอร์นี้ไปเมื่อเย็นวาน รูปร่างสูงเพรียวเหมือนกับนางแบบ หน้าตาสวยเฉี่ยวผมออกสีน้ำตาลคาราเมลครับ”

 

                ชายหนุ่มฟังแล้วก็ได้แต่นิ่วหน้า จากลักษณะที่ลูกน้องของเขาบอกมามันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับใครบางคนยิ่งนัก แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะใช่คนเดียวกับที่เขาคิดอยู่หรือไม่ คงต้องรอหลักฐานที่มันกระจ่างชัดกว่านี้และเพียงพอต่อการกล่าวหาคนคนนั้น ไม่เช่นนั้นคนผิดคงไม่ยอมรับสารภาพและเขาเองคงต้องคว้าน้ำเหลวเป็นแน่

 

                เขาใช้ให้ลูกน้องคนสนิทอย่างโจเซฟตรวจเบอร์โทรเข้าออกและสืบเรื่องเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความเข้าเครื่องของเลขาสาวเมื่อเช้านี้ หลังจากที่เขาบ่มเพาะความรักกับเธอเสียจนผล็อยหลับไปและตื่นขึ้นมาใหม่เมื่อผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่า อาการมึนเวียนหลังจากสร่างเมาทำให้เขาแทบจะไม่อยากลุกออกจากเตียงเลยแม้แต่นิด แถมความรู้สึกเจ็บระบมที่ใบหน้ายิ่งทำให้เขาไม่อยากจะขยับไปไหนเลยเข้าไปใหญ่ หากแต่คำว่าภาระหน้าที่ที่เขาแบกไว้ทำให้ร่างใหญ่ต้องจำใจกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ทิ้งให้ร่างน้อยที่นอนคุดคู้แนบกายต้องนอนหนาวอย่างเดียวดายอยู่ในห้องแสนสวย

 

โดยที่ไม่ลืมก้มลงบรรจงจูบแก้มนวลนุ่ม และสูดความหอมเสียฟอดใหญ่ให้ชุ่มฉ่ำหัวใจแทนคำบอกลา….

 

“ส่วนเรื่องเบอร์ที่โทรเข้าออกโทรศัพท์ของคุณกานดาส่วนมากจะเป็นเบอร์ของคุณ แล้วก็มีเบอร์ของคุณมีอากับคุณเอมิลี่บ้าง เบอร์โทรจากที่บ้านบ้าง….ก็มีแต่เมื่อเช้ามีเบอร์แปลกโทรเข้ามาก่อนที่คุณไมเคิลจะโทรหาคุณกานดาตอนแปดโมงครึ่งครับ”

 

“แปดโมงครึ่งงั้นหรือ” ผู้เป็นนายถามกลับอย่างแปลกใจ เพราะตอนที่เขาเห็นเธอคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ในห้องตอนนั้นมันก็ยังไม่แปดโมงเลยหนิ แล้วตกลงเธอคุยกับใครกัน….

 

“ครับ….ก่อนหน้านั้นมีเบอร์ที่ไม่ระบุชื่อโทรเข้ามาตอนเจ็ดโมงสี่สิบห้า ผมลองเช็คดูแล้วมันเป็นเบอร์ของผู้หญิงไทยที่เปิดร้านรับสักร่วมกับสามีในย่านของพวกวัยรุ่น ซึ่งตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องเพราะมีข้อมูลการฝากครรภ์อยู่ที่โรงพยาบาลที่คุณลูคัสทำงานอยู่ครับ”

 

                คำว่าตั้งท้องทำเอาวิลเลียมอึ้งไปชั่วขณะ คำถามหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น เรื่องราวทุกอย่างถูกนำมาปะติดปะต่อและเรียบเรียงโดยเร็วพลัน จนเขาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันหนักกว่าเก่าจนหน้าผากมีรอยยับย่นเต็มไปหมด

 

                เขาล่ะอยากเอาหัวโขกกำแพงเสียจริง ทำไมน้าเขาถึงไม่นึกเอะใจกับคำถามของแม่ภรรยาแสนรักเมื่อคืนและคำอธิบายของเธอเมื่อตอนที่เกิดเรื่องขึ้นมาบ้าง เธอถามคำถามที่เหมือนว่าเขาไปทำใครท้องเข้าหรืออะไรสักอย่าง เธออธิบายให้เขาฟังว่าการที่เธอต้องปิดเรื่องลับนั้นไว้ เป็นเพราะว่าเธอไม่อยากให้เขามีอันตรายและเสื่อมเสียชื่อเสียง จากฝีมือของใครคนหนึ่งที่ขู่เธอไว้กับเรื่องบางอย่าง และถ้าเขาเดาไม่ผิด….ผู้หญิงคนที่โทรมาจะต้องหลอกเธอว่าหล่อนท้องกับเขา และขู่เธอว่าหากนำเรื่องที่พวกเธอคุยกันมาบอกกับเขาหล่อนจะทำลายเขาซะ จนทำให้เธอไม่กล้าจะปริปากบอกอะไรออกมา ได้แต่เก็บปัญหาอันหนักหนาเอาไว้ในใจจนต้องหันไปพึ่งคนที่อยู่ข้างบ้านอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีเป็นแน่

 

แต่หล่อนจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร….เพื่อเงินงั้นหรือ….หรือว่ามีอะไรที่เขายังไม่รู้อีก….หรือที่จริงมันมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังแผนการ….หรือว่าใครคนนั้นที่เขานึกถึงอยู่ในตอนนี้จะเป็นคนชักใย!

 

“ช่วยไปตามเธอมาหาฉันหน่อยได้ไหม” เสียงเครียดกล่าวออกไปด้วยใบหน้าที่ยับยุ่งหนักกว่าเก่า

 

“ผมไปหาเธอมาแล้วครับ ทั้งที่ร้านและที่บ้าน….แต่ผมไม่เจอใครสักคนเลยครับ พอลองถามคนแถวนั้นเขาก็บอกว่าเธอและสามีหายไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว สงสัยจะไปเที่ยวกันตามเคยเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของร้าน ผมก็เลยคิดว่าจะไปหาเธออีกทีตอนค่ำๆครับ” โจเซฟเอ่ยด้วยความรู้สึกตงิดอยู่ในใจ ว่าสิ่งที่เขาได้รับรู้มามันจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด หากแต่มันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็เป็นได้!

 

“ถ้ายังไงฉันขอฝากเรื่องนี้ไว้กับนายหน่อยก็แล้วกัน ช่วงนี้ก็บอกให้โทมัสคอยดูแลเมียฉันให้ดีหน่อย อย่าให้ใครมาข้องแวะกับเธอได้อีกเข้าใจไหม” ผู้เป็นนายสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่เหมือนกับกำลังอารมณ์ดีอยู่เลยสักนิด หากแต่คนเป็นลูกน้องก็อดที่จะลอบอมยิ้มกับคำว่า ‘เมีย’ ที่คนเป็นนายพูดออกมาอย่างเต็มปากเสียไม่ได้

 

“รวมถึงคุณไมเคิลด้วยหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มห้าวแกล้งถามออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม ทำเอาคนตรงหน้าต้องทำตาขวางโลกใส่เขาทันที

 

“ก็รวมหมดนั่นแหละ จะใครหน้าไหนก็อย่าให้มายุ่ง” วิลเลียมว่ากลับอย่างหัวเสีย “รวมทั้งแกด้วยโจเซฟ….พูดมากดีนัก”

 

“เป็นงั้นไปคุณวิลเลียม” ลูกน้องหนุ่มกล่าวพลางทำหน้าจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด จนคนเป็นนายต้องส่ายหัวไปมาเล็กน้อย และอดที่จะกระตุกยิ้มไปกับอารมณ์ขันฝืดๆของคนเป็นลูกน้องเสียไม่ได้ ทำให้ใบหน้าคมเข้มต้องอมยิ้มตามไปด้วย

 

‘กริ๊ง!!! กริ๊ง!!!!’

 

“ว่าไง….”

 

“คุณวิลเลียมคะ มิสเตอร์เจสซี่มาขอพบค่ะ” คำกล่าวของเสียงปลายสายทำให้ชายหนุ่มต้องนิ่งเงียบไปชั่วครู่

 

“พาเขาไปนั่งรอที่ห้องประชุมก่อน อีกเดี๋ยวผมจะไปพบ” เขาตอบกลับไปก่อนจะกดสปีคเกอร์โฟนอีกครั้งเพื่อตัดสาย และหันเหสายตามามองหน้าลูกน้องคนสนิทที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขาทันทีเพราะได้ยินบทสนทนา

 

“คิดซะว่ากำลังเล่นเกมส์ล่าซอมบี้อยู่ก็แล้วกันนะ”

 

                ผู้เป็นนายกล่าวอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่ร่างใหญ่จะลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทำให้คนที่เป็นลูกน้องต้องรีบลุกและเดินตามไปด้วย สองร่างรีบเร่งฝีเท้าไปยังห้องประชุมที่ตอนนี้มีหุ้นส่วนรายใหญ่นั่งคอยพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อมือแกร่งเปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นชายสูงวัยนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ พลางส่งยิ้มให้กับคนที่เป็นเจ้าของบริษัทตัวจริงอย่างเป็นมิตร….หากแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างแยบยล!

 

“สวัสดีครับคุณอีดีธ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ” วิลเลียมกล่าวทักขึ้นมาก่อนพลางเดินไปจับมือกับหุ้นส่วนรายใหญ่ตามธรรมเนียม ก่อนจะพากันนั่งประจำที่

 

“หน้าไปโดนอะไรมาล่ะคุณวิลเลียม” คนแก่กว่าถามออกไปด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เหมือนกำลังเย้ยหยันคนหนุ่มกว่าอยู่เล็กน้อย

 

“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ….ว่าแต่คุณอีดีธมาถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าอยากจะถอนหุ้นออกจากบริษัทของผม

 

               คำท้ายประโยคถูกขีดเส้นให้หนักดั่งเป็นการเน้นย้ำ กับแววตาคมที่ฉายแววไปด้วยความเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน ทำเอาคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทตัวจริงถึงกับหายใจหายคอไม่ถนัดเลยทีเดียว หากแต่ใบหน้าเหี่ยวย่นกลับส่งยิ้มให้คนตรงหน้าเหมือนเช่นเคย ดั่งว่าเขาไม่สะทกสะท้านกับคำประชดประชันของอีกฝ่ายเลยสักนิด

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอยากจะตบหัวใครบางคนสักผัวะสองผัวะให้หลาบจำก็เถอะ!

 

“ใช่อย่างนั้นซะที่ไหนล่ะคุณวิลเลียม ธุรกิจกำลังรุ่งหุ้นกำลังขึ้นอย่างนี้ใครบ้างจะอยากถอนหุ้นออก” เสียงทุ้มเครือกล่าวอย่างเป็นปกติ พลางเยินยอให้คนตรงหน้าตายใจอย่างที่เคยทำมา “ผมว่ามีแต่คนจะอยากซื้อหุ้นเพิ่มซะมากกว่า”

 

“คงอย่างนั้นมั้งครับ” วิลเลียมตอบกลับพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์บ้าง “ธุรกิจกำลังใหญ่โตและมีรายได้หลายพันล้าน….ใครบางคนก็คงอยากจะเข้ามาครอบครองเป็นธรรมดา”

 

                เป็นอีกครั้งที่มิสเตอร์เจสซี่ต้องหายใจติดขัดขึ้นมาอีกหน เนื้อตัวร้อนผ่าวขึ้นดั่งคนกำลังเป็นไข้ เหมือนถูกค้อนใหญ่ทุบเข้าให้ที่กลางศีรษะ หากว่าเขาไม่แก่ประสบการณ์กว่าคนตรงหน้าล่ะก็ ป่านนี้เขาคงได้น็อคดาวน์ชูธงขาวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

‘ฉันกับแกมันคนละชั้นกันไอ้เด็กเมื่อวานซืน!’ เสียงทุ้มเครือประกาศกร้าวอยู่ในใจ ดวงตาหม่นฉายแววร้ายเพียงชั่วครู่ หากแต่กลับถูกคนช่างสังเกตจับได้อย่างทันท่วงที โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว!

 

“คิดไปนั่นหน่าคุณวิล….ตระกูลไหนจะมาเหมาะสมกับบริษัทเท่ากับตระกูลเลสเซิ้ลของคุณได้ล่ะ มันไม่มีอยู่แล้ว” อีดีธเอ่ยเยินยออีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความขุ่นเคืองคนตรงหน้า “ถ้าหากเอเดนอยู่ที่นี่เขาก็คงคิดแบบเดียวกับผม….ไม่มีใครทำได้ดีเท่าคนในตระกูลเลสเซิ้ลอีกแล้ว”

 

“ลุงเอเดนเป็นคนดี….ถ้าไม่ใช่เพราะลุงเอเดนครอบครัวของผมคงไม่มีวันนี้ได้” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หม่นลงเล็กน้อย พลางรู้สึกใจหายเมื่อนึกถึงผู้เป็นเพื่อนรักของบิดาที่จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ….เหมือนกับพ่อและแม่ของเขา

 

“เพราะลุงเป็นคนดึงให้พ่อของผมลุกขึ้นสู้หลังจากที่บริษัทล้มละลายในครั้งนั้น….แล้วลุงก็เป็นแรงผลักดันให้พ่อของผมเดินไปข้างหน้า คอยช่วยเหลือครอบครัวผมทุกอย่าง….จนในที่สุดกิจการของตระกูลเลสเซิ้ลก็ประสบความสำเร็จ….ก่อนที่ลุงจะจากพวกเราไปตลอดกาล”

 

                วิลเลียมเอ่ยออกมาด้วยความเจ็บปวด ชายสูงวัยผู้มีใบหน้าอันอ่อนโยนยังคงติดตรึงอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเขามิเลือนหาย กายแข็งแกร่งอันแสนจะอบอุ่นที่มีกลิ่นใบมิ้นต์เป็นเอกลักษณ์ยังคงลอยคลุ้งอยู่ในของเขามิเสื่อมคลาย ภาพในวัยเด็กที่ได้เห็นชายสองคนซึ่งเป็นเสมือนเพื่อนตายของกันและกันกอดคอร่วมเดินตามความฝันยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม….

 

“ถึงตอนนั้นผมจะยังเป็นเด็ก….แต่ผมก็โตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว”

 

“ก็คงจะอย่างนั้น….” เสียงทุ้มเครือกล่าวอย่างราบเรียบ ไม่รู้สึกสะเทือนใจกับการรำลึกถึงพี่ชายแสนดีของตนเลยสักนิด เขากลับรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอาเจียนเสียมากกว่า!

 

“ได้ข่าวว่าคุณมีเลขาคนใหม่แล้ว แถมยังสวยไม่ใช่เล่นเลยหนิ”

 

                ประโยคเปลี่ยนบทสนทนาของผู้อาวุโสกว่าทำเอาชายหนุ่มต้องชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมมองคงตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในใจอย่างไรบอกไม่ถูก รู้สึกตะขิดตะข่วนที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ดันถามถึงเธอขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น….หรือว่าเขาจะกังวลเกี่ยวกับเธอมากไปนะ….คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

 

“ใช่ครับ….แล้วสรุปคุณอีดีธมีอะไรหรือครับถึงได้มาหาผมที่นี่” เขาเลือกที่จะตอบปัดและเป็นฝ่ายเปลี่ยนบทสนทนาเสียเองบ้าง

 

“ก็ไม่มีอะไรมากมายนักหรอก ผมแค่อยากจะมาถามคุณว่ามีตำแหน่งไหนในบริษัทว่างบ้างหรือเปล่า ผมอยากให้ลูกสาวของผมลองทำงานที่ไม่ใช่เดินแบบหรือถ่ายแบบดูบ้างน่ะ”

 

“เห็นทีว่าจะไม่มีครับ คงจะมีแต่ตำแหน่งคนทำความสะอาด….เธอสนใจไหมล่ะครับ” เสียงทุ้มตอบออกไปและมิวายจะใส่คารมให้คนตรงหน้าเนื้อเต้นเร่า จนต้องกัดฟันกรอดๆเพราะโดนเขาหยามหน้าอย่างชัดเจน

 

“ลูกสาวของผมทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอก เพราะผมเลี้ยงแกมาดุจดั่งว่าแกเป็นราชินีผู้ยิ่งใหญ่” คนเป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักและหยิ่งทะนงแทนลูกสาวคนเดียวของตน “ถ้าไม่มีตำแหน่งไหนว่างก็รับโมนิคไว้เป็นเด็กฝึกงานก็ได้ ผมอยากให้แกเรียนรู้งานจากคุณ เพราะฝีมือการทำงานและทัศนคติของคุณไม่มีใครเทียบชั้นได้เลย”

 

“คุณเองก็มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่ไม่ใช่หรือ แถมยังกิจการใหญ่โตไม่แพ้เลสเซิ้ลเลยสักนิด แล้วทำไมไม่ให้โมนิก้าเข้าทำงานที่บริษัทตระกูลของตัวเองล่ะครับ”

 

“แต่มันก็ไม่ดีเท่าที่นี่….ผมอยากให้ลูกเรียนรู้ชีวิตการทำงานแบบไม่ต้องมีใครให้ท้ายบ้าง เพราะผมรู้ว่าหากโมนิคเข้ามาเรียนรู้งานที่นี่คุณจะสอนแกทุกอย่าง และไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้แกใดๆทั้งสิ้น ตัวผมเป็นพ่อ….จะให้มานั่งดุด่าลูกก็คงจะทำไม่ได้ มีหวังคงจะปล่อยให้แกนั่งสบายๆอยู่ในห้องทำงาน คอยแต่เซ็นต์กระดาษก่อกๆแก่กๆเป็นแน่”

 

“อย่างนั้นหรือครับ” วิลเลียมเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก รวมถึงคนเป็นลูกน้องคนสนิทอย่างโจเซฟที่ถึงกับต้องแกล้งทำเป็นไอกับความเป็นพ่อที่แสนดีของหุ้นส่วนรายใหญ่ผู้นี้

 

ทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่ใช่เลยสักนิด!

 

“ให้แกเรียนรู้ในส่วนของตำแหน่งเลขาก็ได้ครับ ผมเชื่อว่าคนที่คุณดึงมาร่วมงานด้วยจะต้องมีความสามารถมากอยู่พอควร เห็นได้จากแต่ละคนที่ทำงานที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่ทำงานดีกันทั้งนั้น….อีกอย่างช่วงนี้ผมก็กำลังหาเลขาคนใหม่อยู่เหมือนกัน ถ้าหากโมนิคเรียนรู้งานเสร็จแกจะได้มาช่วยเหลืองานผมได้อย่างถูกต้อง ก่อนจะเลื่อนขั้นไปสู่การเป็นประธานบริษัทแทนผมในเร็วๆนี้”

 

                ชายหนุ่มฟังคำอธิบายนั้นแล้วก็ได้แต่นั่งลอบถอนหายใจ ถึงขนาดลงทุนมาพูดให้ลูกสาวเองอย่างนี้คงจะตอบปฏิเสธไปไม่ได้ง่ายๆ เพราะอย่างไรเขาก็มีความเกรงใจในตัวคนตรงหน้าอยู่บ้าง ที่ทั้งเป็นผู้ที่อาวุโสกว่าแถมยังเป็นน้องชายของลุงสุดที่รัก ทั้งเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ที่ถือหุ้นบริษัทของเขาไว้มากอยู่พอดู เรียกได้ว่าเป็นสองรองลงมาจากเขาเลยก็ว่าได้ แล้วอย่างนี้จะให้เขาตอบปฏิเสธได้อย่างไร ขนาดบอกว่าไม่มีตำแหน่งว่างแล้ว อีกฝ่ายก็ยังดึงดันจะประเคนลูกให้อย่างนี้ เขาก็คงต้องทำใจจำยอมน่ะสิ….อยากจะบ้าตายจริงๆ

 

“เอาเป็นว่าผมจะลองหาตำแหน่งให้ก็แล้วกันนะครับ” เสียงทุ้มตอบออกมาในที่สุด ทำเอาคนเป็นลูกน้องต้องหันขวับไปมองผู้เป็นนายในทันที “นี่ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับเผอิญว่ามีประชุมภายในพอดี อีกเดี๋ยวก็จะเริ่มประชุมแล้วครับ”

 

“ได้สิครับได้….ยังไงก็ช่วยส่งข่าวมาบอกกันด้วยนะครับผมจะได้ให้ลูกเตรียมตัวถูก”

 

               อีดีธกล่าวเป็นการตบท้ายพลางลุกขึ้น ทำให้คนเป็นเจ้าของบริษัทตัวจริงต้องลุกขึ้นยืนตามไปด้วยและพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงตอบ ก่อนที่เขาจะจับมือลาอีกฝ่ายตามมารยาทและเดินออกจากห้องเป็นพร้อมกับรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยความร้ายกาจและแพรวพราวไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม!

 

“คุณวิลเลียมครับ….” โจเซฟเอ่ยขึ้นทันทีที่ประตูปิด หากแต่เจ้านายหนุ่มกลับยกมือห้ามไม่ให้เขาพูดเสียก่อน

 

“ถึงมันจะเสี่ยง….แต่มันก็เป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่านะโจเซฟ” วิลเลียมว่าก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังประตู โดยมีลูกน้องหนุ่มเดินตามหลังมาติดๆ “จะฆ่าซอมบี้มันก็ต้องมีการวางแผน หลอกล่อให้มันตายใจนึกว่าเราเป็นพวกเดียวกับมัน ไม่อย่างนั้นมันจะได้กระโดดกัดเราจนเนื้อเละและเน่าเฟะเหมือนกับมันน่ะสิ….ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ เดี๋ยวไม่หล่อ”

 

                คำเปรียบเปรยของเจ้านายหนุ่มทำเอาคนเป็นลูกน้องต้องสำลักน้ำลายตัวเองในทันใด จนเขาไอออกมาไม่ยอมหยุด แต่มีหรือที่ผู้เป็นนายจะทำทีเป็นห่วง เขากลับหัวเราะร่าอย่างชอบใจจนเสียงหัวเราะนั้นดังไปทั่วชั้นที่พวกเขาอยู่ ทำให้คนที่ทำงานอยู่ในแผนกของชั้นนั้นต้องแปลกใจไปตามๆกัน แถมยังพากันยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าเจ้านายของพวกเขาไม่ทำตัวเคร่งเครียดเหมือนเมื่อตอนเช้าและเมื่อตอนที่กลับเข้ามาในบริษัทอีกครั้งแล้ว

 

 

 

                อากาศที่เย็นยะเยือกทำให้ร่างเปลือยต้องขยับตัวคู้เข้าหากันเพื่อสร้างความอบอุ่น ก่อนที่ดวงตากลมจะค่อยๆลืมตาขึ้นและมองไปข้างหน้าที่มีแต่ความว่างเปล่า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างมึนงง ร่างระหงพลิกตัวมาเป็นนอนหงายและนำมือกุมขมับข้างหนึ่งไว้เพราะเกิดอาการเวียนหัว สายตามัวมองไปรอบห้องสีหวานก่อนที่เธอจะหลับตาลงอีกครั้งและลืมตาขึ้นซ้ำไปซ้ำมาจนสามารถมองเห็นได้ชัด และเมื่อทุกอย่างดูจะเข้าที่เข้าทาง ร่างบอบบางก็ดีดตัวผึงลุกขึ้นในโดยเร็วพลัน

 

                กานดากลอกตาไปมาเหมือนดั่งกำลังคิดอะไรบางอย่าง รอยช้ำหม่นที่เป็นจ้ำๆอยู่ตามแขนทำเอาเธอต้องตีหน้ายุ่งมากเข้าไปใหญ่ และเมื่อเปิดผ้าดูกายสาวเธอก็ต้องทำตาโตกับรอยช้ำต่างๆที่กลายเป็นจุดเด่นเต็มตัวเธอไปหมด แถมพอเอามือไปแตะๆกดๆก็รู้สึกปวดจี๊ดขึ้นมาจนเผลอสะดุ้ง พอจะขยับตัวความปวดก็วิ่งพุ่งไปทั่วร่างกายตัดกับความเมื่อยล้าที่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไปเสียที

 

“นี่ก่ะจะให้ดาช้ำในตายเลยหรือไงคะคุณวิล”

 

               เสียงหวานบ่นพึมพำออกมาอย่างอดเสียไม่ได้ ก่อนที่เธอจะเงยหน้ามองนาฬิกาเลือนใหญ่เพื่อดูว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว และก็ต้องนิ่วหน้าอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะสี่โมงเย็น….นี่เธอหลับมาราธอนอีกแล้วหรือ เธอหลับไปตั้งแต่เกิดเรื่องมาจนถึงตอนนี้นี่มันไม่ปาไปเกือบครึ่งวันแล้วหรือไงกัน….อยากจะบ้าตายจริงเชียว!

 

               หญิงสาวค่อยๆนวดและบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าและอาการปวดกล้ามเนื้อให้ลดลงมาบ้าง ก่อนที่ร่างบางจะลุกออกจากเตียงและตรงไปยังห้องน้ำเพื่อช้ำระล้างร่างกายให้สดชื่น จากนั้นก็ทำการแต่งตัวเสียใหม่ด้วยเสื้อยืดแขนกุดสีน้ำเงินเข้มและกางเกงขาสั้นผ้าลื่นสีครีมที่มีผ้าตาข่ายคลุมยาวอยู่ด้านนอกให้ดูไม่โป๊จนเกินไป ส่วนผมที่ถูกปล่อยสยายถึงก็จับมัดรวบตึงและนำผ้าพันคอลายสวยมาผูกคาดไว้แทน ก่อนจะทาลิปมันเล็กน้อยเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและจึงหยิบเสื้อคลุมแขนยาวมาสวมทับเพื่อปกปิดรอยช้ำที่แขนขาว จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไปพร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ใครเห็นเป็นต้องแปลกใจไปตามๆกันเพราะเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่น่าทำให้เธอยิ้มออกได้เลยสักนิดเดียว

 

“ตื่นแล้วหรอคะคุณดา เป็นยังไงบ้างคะเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า” รัญจวนกล่าวทักทันทีเมื่อเห็นแขกคนพิเศษของบ้านเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยสีหน้าแช่มชื่น

 

“ดาไม่เป็นอะไรเลยค่ะป้าจวน คุณวิลเลียมไม่ได้ทำร้ายดาเลยสักนิดค่ะ” เธอตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม พลางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

 

“ป้าล่ะไม่อยากจะเชื่อ….คุณวิลเธอโกรธขนาดนั้นแถมยังเมาอีกต่างหากป้าล่ะกลัวจริงๆว่าเจ้านายของป้าจะทำร้ายคุณ”

 

“ไม่หรอกค่ะคุณป้า คุณวิลของคุณป้าเขาเป็นคนดีที่หนึ่ง….เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางทำร้ายดาแน่นอนค่ะ” กานดาบอกออกไปเสียงหนักแน่น เพื่อให้คนที่เป็นห่วงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าตอนนี้ตัวเธอจะเต็มไปด้วยรอยจ้ำทั้งแดงทั้งเขียวก็ตาม

 

“เอานี่จ้ะยาของเธอ” เสียงนุ่มของเชฟหนุ่มประจำตระกูลทำให้เธอต้องหันไปมองตามด้วยความสงสัย

 

“นั่นยาอะไรน่ะมอร์แกน” รัญจวนถามขึ้นด้วยภาษาอังกฤษอย่างอยากรู้

 

“ยากินแล้วก็ยาทาแก้ปวดน่ะจ้ะ….คุณวิลเลียมเขาฝากฉันไว้ให้คุณกานดา เพราะกลัวว่าถ้าหากเอาไปฝากไว้กับคุณเจนนี่แล้วจะโดนดุเอา” มอร์แกนตอบอย่างยิ้มๆ พลางขยิบตาให้กับหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเจื่อนส่งยิ้มแหยๆให้กับแม่บ้านประจำตระกูลที่ทำตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อได้รู้คำตอบ

 

“ไหนบอกว่าไม่ได้ทำร้ายไงคะ แล้วทำไมคุณวิลถึงฝากยาแก้ปวดไว้ให้ล่ะ ไหนๆ….มาให้ป้าดูหน่อยสิว่าช้ำตรงไหนบ้าง”

 

“แหมถามมาได้….ก็คงจะช้ำไปหมดทั้งตัวทุกซอกทุกมุมนั่นแหละหน่าคุณเจนนี่”

 

                คำหยอกของเชฟหนุ่มหัวใจสีม่วงทำเอากานดาต้องหน้าแดนซ่านเพราะความเขินอายจนแทบอยากจะมุดดินหนี ส่วนคนที่สูงวัยที่สุดก็ได้แต่ตีหน้ายุ่งและส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่ามันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ก่อนที่นางจะลงมือทายาลงบนรอยช้ำที่แขนเรียวทั้งสองข้างเมื่อหญิงสาวยอมเปิดให้ดูอย่างจนใจ แล้วเสียงนุ่มเครือก็เริ่มบ่นไปจนพ่อครัวมือฉมังได้แต่ส่ายหน้า ส่วนคนถูกจับทายาก็ได้แต่นั่งยิ้มแหยๆให้กับนางเพียงเท่านั้น

 

 

                หลังจากที่ทายาและทานยาเสร็จเรียบร้อยแล้วกานดาก็ออกมาเดินเล่นที่หลังคฤหาสน์เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ยามแดดร่มลมตกช่างเป็นบรรยากาศที่อิ่มอุ่นไปด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติกเสียเหลือเกิน ร่างระหงเดินผ่านสวนหย่อมแสนสวยไปตามทาง และผ่านสวนกว้างที่ทำให้ใบหน้าหวานต้องอมยิ้มและหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านทำการเซอร์ไพรซ์เธอ ณ บริเวณนี้ ก่อนที่เท้าเรียวจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จุดหมาย หากแต่พอยิ่งเดินไกลคฤหาสน์ออกไปเธอก็ยิ่งรู้สึกถึงกลิ่นอายของน้ำทะเลที่ลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ พร้อมกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดกระทบพื้นทรายสีขาวที่บัดนี้ทอแสงเป็นสีส้มนวลตามเวลาที่ควรเป็น

 

“โอ้ะ….ทะเลนี่!”

 

                หญิงสาวเบิกตากว้างมองทะเลตรงหน้าอย่างไม่คาดฝัน ทางเดินที่เชื่อมต่อกันระหว่างคฤหาสน์และหาดทรายแสนสวยมันช่างเหมือนดินแดนแห่งความฝันเสียเหลือเกิน ใบหน้าหวานหันกลับไปมองทางคฤหาสน์อีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่อีกหน ดวงตากลมฉายแวววาววับเมื่อได้ยลความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ก้าวเท้าไปหาความตระการตานั้น เสียงทุ้มนุ่มแสนอ่อนโยนก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

 

“แอบหนีหรอครับคุณกานดา” ชายหนุ่มกล่าวอย่างติดตลกพลางเดินไปหาร่างสวยที่หันหน้ามามองเข้าอย่างแปลกใจ

 

“คุณไมเคิล….” กานดาเรียกชื่อคนที่กำลังเดินทอดน่องมาหาอย่างงุนงง “ทำไมคุณมาอยู่แถวนี้ได้คะ”

 

“ช่วงเย็นๆผมออกมาเดินเล่นตามแนวชายหาดเป็นประจำอยู่แล้ว” ไมเคิลตอบพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆให้กับเธอ ถึงแม้ว่าตอนนี้มุมปากของเขาจะขยับได้ค่อนข้างลำบากก็เถอะ “คุณนั่นแหละมาทำอะไรแถวนี้ เดี๋ยวก็โดนเจ้าวิลเลียมดุเข้าให้อีกหรอก”

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พอดีฉันแค่ออกมาเดินเล่นเพราะอยากจะสูดอากาศข้างนอกบ้างเท่านั้น แต่พอเดินๆไปก็ดันมาโผล่ตรงนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้” เสียงหวานตอบกลับพลางกวาดตามองไปรอบๆเล็กน้อย

 

“คฤหาสน์ทุกหลังแถวนี้จะเชื่อมต่อกับชายหาดทั้งหมด….ยกเว้นซะแต่เจ้าของคฤหาสน์จะสร้างกำแพงกั้นไว้เท่านั้น”

 

“งั้นหรอคะ ดีจัง….ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งสองเดือนแล้วแต่กลับพึ่งรู้ว่าคฤหาสน์ติดกับทะเลด้วย….ความจริงฉันมองเห็นมันผ่านหน้าต่างที่ห้องนอนนะคะ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะอยู่ใกล้จนเดินมาถึงได้ขนาดนี้”

 

“มันก็ไม่ค่อยจะใกล้เท่าไหร่หรอกครับ นี่คุณคงจะเดินเพลินจนลืมเมื่อยไปเลยล่ะสิ” ชายหนุ่มว่าพลางแย้มยิ้มให้กับเธอ ก่อนที่เขาจะหันไปทอดมองทะเลตรงหน้าจนไกลสุดลูกหูลูกตา

 

“คงจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างเห็นด้วย ก่อนที่เธอจะมองใบหน้าขาวหล่อที่บัดนี้มีแต่รอยฟกช้ำจากการถูกหมัดหนักๆต่อยเข้าให้อย่างจังด้วยความเป็นห่วง “แล้วนี่คุณเป็นอะไรมากไหมคะ ดูสิ….หน้าช้ำไปหมดเลย คงจะเจ็บแย่เลยสินะคะ เฮ้อ….เป็นเพราะฉันคนเดียวแท้ๆที่ทำให้พวกคุณแตกคอกัน”

 

“อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิครับ คุณไม่ได้ผิดอะไรเลยคุณกานดา คนที่ผิดน่ะคือโมนิก้าต่างหากไม่ใช่พวกเรา” ไมเคิลกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อนึกถึงคนตัวการที่สร้างความร้าวฉานให้กับคนอื่นอย่างไม่นึกละอายใจ และรู้สึกผิดจนจับหัวใจที่เขากลายเป็นฝ่ายที่ทำร้ายเธออย่างไม่รู้ตัวด้วยเหมือนกัน

 

                กานดาได้แต่ทอดมองทะเลแสนสวยที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเศร้าหม่นเล็กน้อย ปากสวยอ้าค้างเพียงนิดเหมือนดั่งอยากจะพูดอะไรออกมาหากแต่กลับไม่มีเสียงหวานๆดังขึ้นเลยสักนิด แสงอาทิตย์ที่กระทบกับใบหน้าสวยใสช่างทำให้คนเห็นต้องหลงใหลไปกับความงามของเธอได้ดียิ่งนัก ดวงตากลมที่ตอนนี้ฉายแววว้าวุ่นช่างเปล่งประกายระยิบระยับล้อแสงตะวันให้ใจดวงแกร่งต้องเต้นตึกตักตามไปด้วย ริมฝีปากชมพูอิ่มสวยที่น่าลองลิ้มชิมรสช่างชวนให้คนมองอยากจะบรรจงจูบลงบนริมฝีปากฉ่ำนั้นยิ่งนัก กายบอบบางและอ่อนหวานช่างน่าทะนุถนอมจนเขาอยากจะดึงตัวเธอเข้ามาโอบกอดไว้ในอ้อมกาย….อย่างที่ไม่มีวันเบื่อหน่าย….อย่างที่ไม่มีวันทอดทิ้งเธอ

 

เหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก….หรือมนตราที่เสกสรรให้หลงใหล….

เหมือนกับถูกเวทมนตร์สะกดใจ….ให้หยุดนิ่งและตรึงไว้ที่เพียงเธอ….

 

“ฮื่อ….มนุษย์นี่ช่างเข้าใจยากจังเลยนะคะ”

 

เสียงหวานที่จู่ๆก็ดังขึ้นทำเอาคนที่ตกอยู่ในภวังค์ต้องสะดุ้งตื่นและรับรู้ถึงสิ่งรอบข้างอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะต้องชะงักงันไปอีกหน เมื่อสายตาอ่อนโยนบังเอิญไปเห็นรอยช้ำที่แขนเรียวของคนข้างกายเพราะเธอเลิกแขนเสื้อขึ้นเข้า!

 

“นี่มันอะไรกับครับคุณกานดา!” เสียงทุ้มถามออกมาด้วยความตกใจ มือแกร่งคว้าแขนเล็กไว้และยกขึ้นมาดูอย่างเร็วพลัน

 

“เอ่อ….คือ….” คนลืมตัวได้แต่อ้ำอึ้ง พยายามดึงแขนให้มาอยู่แนบตัวอีกครั้ง หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

 

“ฝีมือวิลเลียมใช่ไหม….มันทำร้ายคุณใช่ไหมครับ!” ชายหนุ่มถามต่อด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด รู้สึกโมโหเพื่อนตัวดีจนเลือดขึ้นหน้าแทบอยากจะซัดหน้าหล่อเหลากวนบาทานั้นอีกรอบ

 

“ไม่ใช่นะคะคุณไมเคิล คุณวิลเลียมเขาไม่ได้ทำร้ายฉันค่ะ….มันเป็นอุบัติเหตุฉันซุ่มซ่ามเองแหละค่ะ” กานดารีบแก้ตัวให้เจ้านายสุดที่รักอย่างร้อนใจ เธอไม่อยากเป็นคนที่ทำให้เพื่อนรักทั้งสองต้องผิดใจกันอีก เพราะแค่นี้เธอก็รู้สึกแย่มากๆแล้ว

 

“อย่าแก้ตัวให้วิลเลียมเลยครับคุณดา รอยช้ำอย่างนี้ถามเด็กสามขวบเขายังตอบถูกเลยว่าคุณไปโดนอะไรมา” ไมเคิลว่าอย่างหัวเสีย พลางโมโหคนตรงหน้านิดๆที่คอยเอาแต่ปกป้องเพื่อนหนุ่มของเขา อย่างไม่คิดจะเป็นห่วงเป็นใยตัวเองเสียบ้างเลย

 

“คุณวิลเลียมไม่ได้ทำร้ายดาจริงๆค่ะคุณไมเคิล….เอ่อ….เขาแค่จับดาแรงไปหน่อยเพราะกำลังโกรธ แถมตอนนั้นเขาก็เมามากด้วย….แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายดาจริงๆนะคะ เขายังบอกขอโทษดาอยู่เลยค่ะ จริงๆนะคะคุณไมเคิล”

 

                หญิงสาวพยายามแก้ต่างให้กับคนที่รักเป็นพัลวัน พลางทำหน้าอ้อนวอนขอให้ชายหนุ่มเชื่อในคำพูดของเธอบ้าง ทำให้เขาต้องถอนหายใจหนักๆออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมคนตรงหน้าถึงได้เอาแต่อยากจะปกป้องเพื่อนของเขานัก ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงแค่ไหนจะใหญ่โตมากเท่าไหร่เธอก็พร้อมที่จะออกหน้ารับแทนเพื่อนหนุ่มของเขา และพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหานั้นด้วยตัวเองอย่างไม่คิดเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เหมือนดั่งว่าเธอทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวอยู่อย่างนั้นแหละ

 

               นึกแล้วก็น่าหงุดหงิดและน่าโมโหนัก….เธอไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปทำอะไรได้ แค่ลำพังจะดูแลตัวเองให้รอดปลอดภัยจากอันตรายยังยากอยู่มาโขแล้ว นี่ยังทำเป็นเก่งคอยทำตัวเป็นเกาะป้องกันให้คนอื่นเขาอีก มันน่าจับมาตีให้หายอวดเก่งนัก!

 

‘ทำไมคุณไม่รักตัวเองบ้างเลยหืมกานดา….ทำไมคุณต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อวิลเลียมด้วย….เพราะคุณรักมันมากอย่างนั้นหรือ….ฉันอิจฉาแกจริงๆวิลเลียม’

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ….ยิ่งนึกก็ยิ่งอิจฉา….ทำไมหนาเขาถึงไม่ใช่คนที่เธอยอมมอบกายถวายชีวาให้….หรือเพราะเขาอาจจะมาเจอเธอช้าไป….เธอก็เลยมอบหัวใจให้กับใครอีกคนแทนที่จะเป็นเขา….คนที่หลงรักเธอจนหมดหัวใจไม่แพ้กัน

 

                ถ้าเปลี่ยนอดีตได้เขาจะไม่ยอมก้าวช้ากว่าเพื่อนหนุ่มของเขาเด็ดขาด จะไม่มีทางยอมให้เธอตกไปเป็นของของใครง่ายๆอย่างนี้ได้อีก เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหันมามองเขาแต่เพียงผู้เดียว และเขาจะไม่แลเหลียวไปมองหญิงอื่นใดนอกจากเธอเพียงเท่านั้น จะรักมั่นกับเธอไปจนวันตาย จะทะนุถนอมเธอไว้ดั่งไข่ในหินที่บอบบาง….ตราบที่เขายังมีลมหายใจ

 

และจะไม่มีวันทำร้ายให้เธอต้องเจ็บช้ำทั้งกายและใจแบบนี้อย่างแน่นอน!

 

“อะแฮ่ม!!!”

 

                เสียงกระแอมไอของใครบางคนทำเอาคนทั้งสองต้องสะดุ้งและหันไปมองอย่างพร้อมเพียงกัน ร่างกำยำของผู้เป็นลูกน้องเจ้าของคฤหาสน์เดินมายืนเต๊ะท่าและทำท่าเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรทั้งสองเลย หากแต่ความจริงแล้วเขากลับคอยจับตาดูคนทั้งคู่อยู่ตลอดอย่างไม่ให้คลาดสายตา เหมือนกับพญาเหยี่ยวที่คอยจ้องเหยื่อเอาไว้ไม่มีผิด และเมื่อเห็นท่าว่าชายหนุ่มอีกคนเริ่มจะทำตัวใกล้ชิดกับคนสำคัญของเจ้านายหนุ่มจนมากเกินไป เขาจึงตัดสินใจออกมาจากมุมที่ซ่อนและแสดงตัวให้พวกเขารับรู้ในทันที เพื่อยุติความสัมพันธ์ที่อาจจะทำให้ผู้เป็นนายของเขาเกิดพิโรธขึ้นมาอีกได้!

 

“อ้าว! คุณโทมัส….มาตามฉันหรอคะ” กานดาทักคนที่เธอคิดว่าพึ่งมาถึงเสียงใส พลางดึงแขนเรียวกลับมาไว้ข้างตัวเองครั้งโดยง่าย เพราะคนข้างกายยอมปล่อยแขนเธอแต่โดยดีแล้ว

 

“ใช่ครับ….” โทมัสตอบกลับเสียงเรียบพลางทำหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับ

 

“งั้นดาขอตัวกลับก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคุณวิลก็คงจะกลับมาแล้วล่ะค่ะ”

 

               ใบหน้าหวานหันไปบอกกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆพลางส่งยิ้มหวานอันจับหัวใจให้กับเขา ทำเอาคนที่คิดไปไกลต้องรู้สึกหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มตามแบบฉบับของเธอนั้น อย่างมิอาจจะหักห้ามความรู้สึกนั้นไว้ได้เลย

 

“ดูแลตัวเองด้วยนะคะคุณไมเคิล ฉันไปก่อนนะคะ….โชคดีค่ะ”

 

“เช่นกันครับ” ไมเคิลรับคำพลางส่งยิ้มบางๆกลับให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะมองร่างระหงที่เดินกลับเข้าคฤหาสน์ไปจนลับสายตาด้วยความรู้สึกหวิวไหวไปทั่วทั้งหัวใจ

 

                เขาคงไม่มีสิทธิจะได้ครอบครองเธอสินะ….เพราะเธอคือคนพิเศษของเพื่อนข้างบ้านสุดสนิทของเขา และเธอก็รักคนคนนั้นและไม่ได้รักเขาเลยสักนิด สายตาที่เธอมองมาช่างแตกต่างจากเวลาที่เธอมองใครอีกคนยิ่งนัก มันสดใสและเป็นมิตรทุกครั้งที่เธอมองเขา แต่กับคนคนนั้น….แววตาที่สดใสมันกลับกลายมาเป็นอ่อนหวานและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ที่เธอมอบให้กับเขาคนนั้นผู้เดียวเท่านั้น….และไม่มีวันจะมอบมันให้ใครได้อีก

 

               เหมือนกับสายตาของเขาที่มองเธออยู่ตอนนี้ ที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอันมากล้น อย่างที่เขาไม่เคยใช้มองผู้หญิงคนไหนเลยสักคน แต่เขากลับใช้มันมองเธอ….คนที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา

 

แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ….ขอเพียงแค่ให้เขาได้มองเธออยู่ไกลๆอย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว….แค่นี้….เขาก็มีความสุขมากแล้ว

 

จะไม่ขออะไรมากมาย….หากเพียงแค่ได้เห็นว่าเธอมีความสุข

จะไม่ขออยู่ใกล้ๆ….หากเพียงแค่ได้รู้ว่าเธอไม่มีทุกข์

จะยอมกลายเป็นคนด้อยค่า….ที่หากวันใดเธอรู้สึกเหนื่อยล้า….เขาคนนี้….จะเป็นคนดูแลให้เธอหายเหนื่อยเอง

 

‘สู้ต่อไปนะครับนางฟ้าของผม อย่าพึ่งท้อถึงแม้ว่ามันจะน่าท้อมากแค่ไหน ผมเชื่อว่าสักวันเขาจะเห็นในความดีของคุณ และจะรักคุณจนหมดหัวใจ….เหมือนที่ผมรักคุณจนหมดหัวใจในตอนนี้….

 

‘แต่ถ้าวันใดที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้าอยากจะพักบ้าง….ก็ขอให้รู้ไว้ว่าคุณยังมีผมคนนี้ที่คอยยืนดูคุณอยู่ข้างหลัง และพร้อมเป็นที่พักพิงให้กับคุณทุกเวลาเพียงแค่คุณหันกลับมา จนกว่าคุณจะหายเหนื่อยและมีแรงลุกขึ้นสู้ต่อ….นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะขอ’

 

‘….ผมเพียงแค่ขอ….ขออนุญาต….ห่วงใย….

 

 

 

                กานดาก้าวฉับเดินเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าแช่มชื่นหากแต่เจื่อนลงเล็กน้อยเพราะความเหนื่อย เธอนึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะมีแรงเดินไปไกลถึงขนาดนั้น ทั้งๆที่วันนี้เธอก็ยังไม่ได้ทานอะไรนอกจากข้าวต้มในตอนเช้าเพียงเท่านั้น แถมระยะทางตอนเดินกลับมันก็ช่างดูไกลกว่าตอนเดินไปอย่างน่าประหลาด แต่ดีที่มีบอร์ดี้การ์ดของคนเป็นเจ้าของบ้านเดินอยู่เป็นเพื่อน เธอก็เลยได้พูดคุยกับเขาจนลืมเหนื่อยไปได้บ้าง แต่กว่าจะกลับมาถึงคฤหาสน์เธอก็แทบจะลมจับอยู่เหมือนกัน จนเมื่อขึ้นมาถึงห้องนอนเธอต้องรีบถลาและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเลยทีเดียว

 

“แค่นี้ก็หมดแรงเสียแล้วยัยกานดา” เสียงหวานบ่นตัวเองอย่างเหนื่อยล้า ก่อนที่กายสาวจะพลิกตัวมาเป็นนอนหงายและสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆให้คลายความเหนื่อย

 

‘ครืด!!! ครืด!!!’

 

                การสั่นสะเทือนของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงทำให้หญิงสาวต้องรีบดีดตัวผึงและหยิบมันขึ้นมาดูอย่างเร็วรี่ แต่พอได้เห็นว่าใครโทรมาใบหน้าหวานก็นิ่วหน้าลงในทันที ก่อนที่เธอจะกดรับสายอย่างที่ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก

 

“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทักปลายสายตามมารยาท

 

“คุณดา!!! รีบหนีไป!!!! กลับเมืองไทยไปซะ!!!!! อยู่ให้ห่างคุณวิลเลียม….”

 

“อะไรนะคะ! คุณ!! ฮัลโหล!!!”

 

                ความที่มีเสียงเข้าแทรกทำให้เธอฟังปลายสายไม่ค่อยจะถนัด แต่ก็พอจับใจความได้อยู่พอสมควรจนต้องทำตาโตด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ เสียงปลายสายตอนนี้ฟังดูเหมือนคนกำลังวิ่งไปที่ไหนสักแห่ง พร้อมกับเสียงยิงปืนที่ดังแทรกเข้ามาอยู่หลายนัด

 

เสียงปืน! เธอได้ยินเสียงปืนจากปลายสาย!

 

“รีบ…ห..นี…..ไ…..ป!!!!!!”

 

“ฮัลโหล!!!! คุณอยู่ไหนน่ะ! คุณคะ!!!!”

 

‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!’

 

“คุณ!!! เป็นอะไรน่ะ! คุณคะ!!! ตอบฉันเซ่!!!! คุณ!!!!”

 

                กานดาตะโกนใส่โทรศัพท์ของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นทำเอาหัวใจของเธอกระตุกฮวบในทันใด ก่อนที่เธอจะแทบหยุดหายใจเมื่อจู่ๆก็มีเสียงใครบางคนดังผ่านปลายสายเข้ามา….

 

“ราตรีสวัสดิ์แม่เด็กน้อย….แล้วพบกันนะ....ที่รัก!”

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา