จอมใจ....สุดที่รัก
7.7
เขียนโดย ปลายปากกาสีน้ำเงิน
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.
23 ตอน
50 วิจารณ์
123.68K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) +++ ไม่มีตรงกลาง +++
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ดวงตะวันที่โผล่พ้นขอบฟ้าสาดแสงจ้าส่องเข้ามายังห้องนอนสีขรึมอันแสนจะเงียบสงบ พายุฝนเมื่อค่ำคืนผ่านพ้นไปพร้อมกับพายุรักที่โหมพัดให้กายสองกายต้องนอนหลับใหลในอ้อมกอดของกันและกัน ความเงียบเหงาที่เคยมีในหัวใจนั้นบัดนี้กลับกลายเป็นความสุขที่อบอวลไปทั่วทั้งหัวใจทั้งสองดวง
เหมือนดั่งฟ้าลิขิตหรือฉันใด ที่ทำให้ใจสองใจได้พานพบบรรจบกัน
เหมือนดั่งคำบัญชาของสรวงสวรรค์ ที่เสกสรรให้ความรักนี้….มีแต่สิ่งที่สวยงาม….
“อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยคำอรุณสวัสดิ์ เมื่อร่างเล็กในอ้อมกอดเริ่มขยับและปรือตาขึ้นมามองเขาเล็กน้อย
“อืม….คุณวิลขา….” เสียงเล็กขานแผ่วอย่างออดอ้อน ใบหน้าสวยซุกซกอกกว้างอันแสนอุ่นพลางกกกอดร่างแกร่งไว้อย่างแนบแน่น
“สายแล้วนะดา” วิลเลียมกล่าวพลางมองคนในอ้อมอกอย่างเอ็นดู
“สายแล้วหรอคะ!” จู่ๆร่างสวยก็ดีดตัวผึงลุกขึ้นนั่งและทำตาโตด้วยความตกใจ ทำเอาคนเห็นถึงกับต้องอมยิ้มกลั้นขำเอาไว้จนตัวแทบสั่นโงน
“โอ๊ะ! คุณวิล! แผลของคุณ….”
ใบหน้าหวานที่หันมามองคนข้างกายถึงกับต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าผ้าปิดแผลที่อยู่ตรงต้นแขนซ้ายของเขานั้นมันเป็นสีแดงฉานทั่วไปทั้งแผ่น ทำเอาใบหน้าหล่อคมต้องก้มมองตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ
“สงสัยแผลจะฉีก” เสียงทุ้มพูดแบบติดตลก แต่นั่นกลับทำให้หญิงสาวตื่นตระหนกมากเข้าไปใหญ่
“จะทำยังไงดีคะคุณวิล โถ่เอ๋ย….เมื่อคืนดาก็ลืมทำแผลให้คุณไปเสียสนิท แล้วนี่คงเป็นเพราะดานอนทับแขนคุณแน่ๆถึงได้มีเลือดออกมากขนาดนี้ ดาขอโทษนะคะคุณวิล ขอโทษจริงๆค่ะดาไม่ได้ตั้งใจ” กานดารีบเอ่ยขอโทษขอโพยคนข้างกายอย่างร้อนรน มือเรียวเอื้อมมาสัมผัสบริเวณใกล้กับแผลด้วยความกังวลอย่างยวดยิ่ง ใบหน้าสวยก็ทำหน้าเหมือนดั่งคนจะร้องไห้อยู่รำไรจนชายหนุ่มที่ตอนนี้กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ต้องรีบดึงตัวเธอเข้ามาโอบกอดไว้ในทันที
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เจ็บอะไร” เขาเอ่ยเสียงนุ่มพลางลูบศีรษะหอมเป็นการปลอบประโลมคนในอ้อมอก “มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกนะดา ผมไม่ทันระวังเองต่างหาก อย่าคิดมากเลยนะครับ”
“ดาขอโทษนะคะที่นอนทับแขนคุณ ต่อไปดาจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ” คนขี้กังวลยังคงเอ่ยคำขอโทษไม่ยอมหยุด ทำให้ร่างใหญ่ต้องถอนหายใจเล็กน้อยอย่างเหนื่อยใจกับความขี้ตื่นของเธอ
“ต่อให้คุณนอนทับแขนผมจนเลือดไหลออกหมดตัว ผมก็ไม่มีวันยอมปล่อยให้คุณออกไปจากอ้อมอกของผมหรอกกานดา” วิลเลียมกล่าวก่อนจะบรรจงจูบลงบนหน้าผากมลให้อีกฝ่ายได้อุ่นซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ “เลิกคิดมากได้แล้วครับ ถ้าขืนยังคิดมากอยู่อย่างนี้ผมจะไม่พูดกับคุณแล้วนะ”
“ก็ได้ค่ะ….” หญิงสาวก้มหน้ารับคำเสียงอ่อย ก่อนที่เธอจะเงยหน้ามามองเขาพร้อมกับรอยยิ้มแสนอ่อนหวาน “ถ้าอย่างนั้นคุณไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวดาจะทำแผลให้นะคะ”
“ไปอาบด้วยกันสิครับ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ
“ไม่เอาค่ะ ดาอาย” คนขี้อ้ายเอ่ยพลางก้มหน้างุด
“อายอะไรล่ะ เมื่อคืนผมก็เห็นและสัมผัสตัวคุณมาหมดแล้ว ยังจะอายอีกหรอดา” คำหยอกล้อของเขาทำให้ใบหน้าสวยที่หลบหน้าหลบตาถึงกับต้องหน้าแดงซ่านขึ้นมาในทันที
“คุณวิลอ่ะ….ดาอายนี่คะ พูดอะไรก็ไม่รู้”
“นะครับ….อาบน้ำกับผมนะ ผมอยากให้คุณขัดหลังให้หน่อยน่ะ ดูสิ….ขี้ไคลเต็มหลังผมแล้วเนี่ย” เสียงทุ้มกล่าวอย่างออดอ้อนทำให้คนแพ้คนช่างอ้อนต้องยอมใจอ่อนในที่สุด
“ก็ได้ค่ะ ดาอาบด้วยก็ได้” เสียงหวานตอบกลับหากแต่ดวงหน้าสวยยังคงก้มหน้าไม่ยอมเลิก
“ต้องอย่างนี้สิดา….สุดที่รักของผม น่ารักที่สุดเลย” ว่าแล้วร่างแกร่งก็โน้มไปโอบกอดร่างเล็กเอาไว้อย่างแนบแน่น พลางโยกไปเอนมาเหมือนกำลังปลอบประโลมเด็กน้อยอยู่ก็มิปาน ก่อนที่เขาจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระดังเดิม
วิลเลียมเอื้อมตัวไปหยิบผ้าขนหนูขาวสะอาดทั้งสองผืนจากราวที่อยู่หัวเตียง ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ชอบทำอะไรไวเลยนำผ้าขนหนูนี้มาอยู่ใกล้ๆกับตัวเองเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น มือแกร่งจัดการห่อห่มผ้าพันรอบกายสาวไว้ไม่ให้โป๊ ก่อนที่เขาจะห่อตัวเองบ้างและรีบก้าวลงจากเตียงพลางดึงร่างระหงติดมือมาด้วย
“อ๊ะ!” ความเจ็บร้าวที่ช่วงกลางตัวเมื่อได้ยืนทรงตัวบนพื้นทำให้หญิงสาวต้องอุทานออกมาในทันใด
“เป็นอะไรครับ” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ
“ดา….เอ่อ….ดาเจ็บค่ะ” เสียงหวานตอบกลับไปอย่างอายๆ ก่อนที่ร่างบอบบางจะพยายามทรงตัวหากแต่ความเจ็บร้าวกลับยังคงเล่นงานจนตัวเธอรู้สึกตึงชาไปหมด
“โอ้! เจ็บมากไหมครับ มาๆผมอุ้มคุณไปดีกว่า” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่แขนแกร่งจะช้อนร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมอกและจุมพิตปากหวานเล็กน้อย “ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจ็บอย่างนี้นะดา”
“มะ….ไม่เป็นไรค่ะ” กานดาตอบกลับอย่างขัดเขินพลางเอาหน้าซุกซกไหล่กว้างเพื่อซ่อนความเอียงอายไว้ไม่ให้ร่างใหญ่รู้
ใบหน้าหล่อคมมองคนในอ้อมอกด้วยความเอ็นดูพลางอมยิ้มเล็กน้อยอย่างเปี่ยมสุข ก่อนที่ร่างแกร่งจะก้าวเท้าอย่างมั่นคงไปยังห้องน้ำสุดหรูที่สะอาดสะอ้านจนพื้นและกำแพงที่ปูด้วยหินอ่อนคุณภาพดีเยี่ยมแวววับจับตาเลยทีเดียว แขนแข็งแรงค่อยๆวางร่างน้อยลงบนเก้าอี้นุ่มข้างอ่างอาบน้ำก่อนที่เขาจะจัดแจงเปิดน้ำอุ่นจนเกินครึ่งอ่างและหันมาส่งยิ้มให้เธอ
“ลุกไหวไหมครับ” คนเป็นห่วงถามออกพลางเอามืออังน้ำเพื่อดูอุณหภูมิว่าร้อนเกินไปหรือเปล่า
“ไหวค่ะ” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง ความเจ็บร้าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะทุเลาลงไปมากแล้ว
เวลาอาบน้ำในเช้านี้ช่างดูจะเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขที่อบอวลไปทั่วห้องน้ำแสนสวย ร่างสองร่างนั่งกกกอดกันอยู่ในอ่างอาบน้ำพลางขัดถูตัวให้กันและกันจนสะอาดเอี่ยมอ่อง อารมณ์ชายที่ปะทุขึ้นกลับถูกกลบกลืนไปเพราะกายสาวที่บอบบางทำให้เขาไม่กล้าผลีผลามเล่นบทรักบทสวาทกับเธออีกในตอนนี้ ยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอยังเจ็บอยู่ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วเขาก็ยิ่งต้องถะนุถนอมเธอให้มากเข้าไปใหญ่ เขาจึงได้แต่ชวนเธอหยอกล้อเล่นสนุกเพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้เธอแทนเพียงเท่านั้นและไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ถึงแม้ว่าอยากจะทำใจจะขาดแค่ไหนก็ตาม
เมื่ออาบน้ำเสร็จกานดาก็รีบทำแผลให้กับเจ้านายหนุ่มสุดที่รักในทันที เพราะกลัวว่าเขาอาจจะติดเชื้อหรือแผลอาจจะอักเสบไปมากกว่าเก่าหากเธอไม่รีบ ในใจก็คิดอยากจะบอกให้เข้าไปหาหมอเลยด้วยซ้ำแต่ก็รู้ว่าเขาก็คงจะดึงดันไปยอมไปเป็นแน่ แล้วเดี๋ยวเกิดงอนเธอขึ้นมาเธอก็นะแย่เอาได้ เลยต้องปล่อยไปเลยตามเลยแต่เธอก็ตรวจเช็คแผลอย่างละเอียดแล้วก็เห็นว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมากนัก และแผลก็ดูจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานเป็นอย่างมากอีกด้วยจึงทำให้เธอวางใจและหายกังวลได้บ้างในเวลานี้
“ผูกเนคไทให้ผมหน่อยสิครับที่รัก” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับร่างใหญ่ที่เดินเข้ามาในห้องนอนของหญิงสาวหลังจากที่เธอและเขาแยกย้ายกันแต่งตัวได้สักพัก ก่อนที่มือแกร่งจะยื่นเนคไทในมือมาให้เธอซึ่งเป็นอันเดียวกับที่เธอซื้อให้เขาเมื่อคราวก่อนพร้อมกับแย้มยิ้มนุ่ม
กานดาอมยิ้มพลางรับเนคไทเส้นนั้นจากมือแกร่งและเริ่มผูกให้กับเขาอย่างเชี่ยวชาญ ดวงตาคมจับจ้องแต่ใบหน้าหวานอย่างเพลินตา แขนแข็งแรงโอบรอบเอวคอดไว้และดันร่างเล็กให้เข้ามาใกล้มากเข้าไปอีกอย่างตั้งใจ แก้มนวลใสที่ใกล้แค่เอื้อมทำให้วิลเลียมอดที่จะโน้มตัวไปขโมยหอมแก้มนิ่มนั้นเสียไม่ได้ แถมยังขโมยเสียฟอดใหญ่จนใบหน้าสวยต้องแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มระเรื่อขึ้นมาในทันใดด้วยความเขินอาย หากแต่เธอกลับทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้พอดิบพอดี
“คุณเคยพาผู้หญิงมานอนที่นี่ด้วยหรอคะ” คำถามของคนตรงหน้าแทบทำให้ชายหนุ่มสำลักน้ำลายตัวเองทันทีด้วยความตกใจ
“อะไรนะ….ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะที่รัก” ชายหนุ่มกล่าวพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจในคำถามของเธอ
“ฉันเห็นว่ามีผ้าเช็ดตัวตั้งสองผืนน่ะค่ะ” เธอบอกตามที่คิดทำให้คนได้ยินดังนั้นแทบจะหลุดขำออกมาหากว่าเขาไม่กลั้นเอาไว้ได้ทันเสียก่อน
“แล้วถ้าผมบอกว่าเคยพาผู้หญิงมานอนล่ะ” คนชอบแกล้งเริ่มแกล้งคนตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับทำตาแววตาเจ้าเล่ห์ใส่เธอ
“งั้นหรอคะ….” เสียงหวานตอบแค่เพียงสั้นๆ พลางก้มหน้าก้มตาผูกเนคไทให้เขาด้วยสีหน้าที่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ว่าอะไรเลยหรอ….แล้วถ้าวันนี้หรือวันต่อๆไปผมพาผู้หญิงมานอนด้วยล่ะ คุณจะว่าอะไรผมมั้ย” เขาถามออกไปอย่างอยากจะลองใจหากแต่นั่นกลับทำให้หัวใจดวงน้อยตั้งสั่นคลอนและห่อเหี่ยวลงทันที
“มันเป็นสิทธิ์ของคุณนี่คะ ฉันคงว่าอะไรไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มือก็ยังคงสาละวนอยู่กับการจัดแต่งเนคไทให้เรียบร้อย
“ไม่หึงเลยหรือ” เสียงทุ้มถามต่อพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางนึกน้อยใจขึ้นมาบ้างที่คนในอ้อมกอดทำเหมือนไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาทั้งๆที่เธอมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ แถมยังทำท่าเหมือนไม่หึงเขาอีกทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาก็รู้ว่าเธอกำลังหึงและหวงเขาจนหมดทั้งหัวใจ
“คุณไม่หึงไม่หวงผมเลยจริงๆเหรอดา” เขาถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย แต่พอเมื่อได้ยินคำตอบใบหน้าหล่อคมที่ง้ำงอเล็กน้อยก็กลับเป็นยิ้มร่าออกมาในทันที
“ฉันหึงแล้วก็หวงคุณมากค่ะ แต่….แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ ถ้าคุณอยากจะพาผู้หญิงมานอนด้วยจริงๆ ฉันก็คงจะห้ามคุณไม่ได้ในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของคุณ” กานดาตอบออกมาตามที่คิด ก็เธอจะไปมีสิทธิ์ห้ามเขาไม่ให้พาผู้หญิงคนอื่นมานอนกกกับเขาได้อย่างไรในเมื่อตัวเธอไม่ได้เป็นผู้หญิงที่จะออกคำสั่งเขาได้เสียหน่อย เธอไม่ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขานี่นา แล้วจะให้เธอทำตัววางอำนาจใส่เขาได้อย่างไร
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับดา” เสียงทุ้มกล่าวพลางทำหน้ายุ่งเล็กน้อยเพราะนิสัยความเจียมเนื้อเจียมตัวของคนในอ้อมกอด
“เพราะเรา….ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว หัวใจดวงน้อยหายวาบและสั่นไหวไปกับคำๆนั้น
“อ้าว! แล้วเมื่อคืนคุณยังไม่เป็นเมียผมอีกหรอ หรือว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนกับใครที่ไม่ใช่คุณ โอ้ตายล่ะ!” วิลเลียมกล่าวพลางทำหน้าสยดสยองแกล้งคนตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวต้องหัวเราะออกมาเบาๆเลยทีเดียวแถมยังทำลายความเศร้าหมองในใจของเธอได้จนหมดสิ้น
“เอาจริงๆนะดา เมื่อคืนนี้ผมมีอะไรกับคุณใช่ไหม เป็นคุณจริงๆใช่ไหมดา” เขาถามต่อแบบติดตลกแต่ทำหน้าจริงจังได้อย่างเยี่ยมยอด “เพราะถ้าเมื่อคืนผมมีอะไรกับใครที่ไม่ใช่คุณ….งั้นก็แสดงว่า….เป็นผีผู้หญิงคนนั้น! โอ้….นี่ผมนอนกับผีอย่างนั้นหรอเนี่ย!”
“คุณวิล….” กานดาครางเสียงเรียกคนตรงหน้าพลางทำหน้ายุ่งเล็กน้อย
“ล้อเล่นน่ะครับคนสวย” เขาเอ่ยพลางแย้มยิ้มนุ่มให้กับเธอ ก่อนที่แขนแกร่งจะโอบกอดกายสาวไว้แนบแน่นและเอาคางเกยไว้บนบ่าเล็ก “กานดา….ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง แต่ต่อจากนี้คุณเป็นภรรยาที่ถูกต้องของผมแล้วนะ ถึงจะยังไม่ถูกตามกฎหมายแต่ก็ถูกหลักอนามัยตามทางพฤตินัยแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นสำหรับผม หรือไม่สำคัญสำหรับผม….เพราะว่าคุณเป็นทั้งเลขา เป็นทั้งภรรยา แล้วก็เป็นทั้งหัวใจของผมด้วยรู้หรือเปล่า”
คำพูดที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจทำให้อีกฝ่ายที่ได้ฟังรู้สึกตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก หัวใจดวงน้อยพองโตและอิ่มเอิบกับความสุขที่คนตรงหน้ามอบให้ จนแทบอยากจะหยุดช่วงเวลานี้ไว้ให้ตราบนานเท่านาน….
หยุดเวลา….ให้วินาทีที่แสนสุขนี้อยู่กับเธอ….ไปชั่วนิจนิรันดร์….
“แล้วก็อย่าคิดมากเรื่องผู้หญิงคนอื่นอีกนะ เพราะผมไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในห้องนอนของผม และแม้แต่คฤหาสน์นี้นอกจากคุณ อ้อ….รวมแองจี้ด้วยอีกคนแต่เธอไม่เคยเข้ามาในห้องนอนผมหรอกนะ มีคุณคนเดียวนี่แหละที่ผมยอมให้เข้ามา” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปลี่ยนมามองสบกับดวงตาหวานแทน หากแต่แขนแกร่งยังคงโอบกอดร่างเล็กไว้ไม่ให้ห่าง
“จริงเหรอคะ” เธอถามกลับพร้อมกับแย้มยิ้มด้วยความดีใจ
“ครับ….และคุณก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่ได้เข้าห้องของผม ได้อยู่กับผม….ไปจนตลอดชีวิต”
ดวงตาคมสบกับดวงตากลมหวานอย่างจริงจังและเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้ง ความรู้สึกทุกสิ่งอย่างถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูดและแววตาที่ใช้จับจ้อง ให้คนตรงหน้าได้รู้ว่าหัวใจดวงแกร่งดวงนี้ไม่ได้มีใครที่ไหนมาจับจอง หากแต่คนที่เกาะกุมมันไว้ได้ด้วยหัวใจดวงน้อยอีกดวงนั้น….มันก็คือเธอเอง
และจะไม่มีใครมาแทนที่เธอได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าจะต้องจากกันไปไกลแสนไกล เขาจะมีเธออยู่ในหัวใจไปชั่วนิจนิรันดร์!
“คุณวิล….” มือเรียวเล็กเลื่อนมาปิดปากสวยของตัวเองไว้ด้วยความรู้สึกเต็มตื้น น้ำตาหยดใสค่อยๆไหลรินอาบแก้มนวลทั้งสองข้างอย่างมิอาจจะห้ามได้
“ร้องไห้อีกแล้วเด็กน้อย พอๆ….เราลงไปทานข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวไปทำงานสายโดนผมหักเงินเดือนไม่รู้ด้วยนะ” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มแสนนุ่มพลางใช้มือแกร่งปาดน้ำตาออกจากแก้มนิ่ม ก่อนจะโอบกอดร่างเล็กอีกครั้งให้ชื่นฉ่ำไปทั้งหัวใจที่มีแต่เธอเพียงผู้เดียว
ร่างสองร่างเดินลงไปยังชั้นล่างและตรงไปยังห้องอาหารพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุข มือแกร่งเกาะกุมมือเรียวเล็กไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ถึงแม้ว่าจะเดินผ่านเหล่าสมุนลูกน้องคนรับใช้ต่างๆภายในคฤหาสน์แต่เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยมือนั้นเลยสักนิด ไม่คิดที่จะปกปิดสถานะของพวกเขาสองคน และไม่คิดที่จะทำให้เธอหมองหม่นโดยไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น เขาจะทำทุกๆอย่าง ให้เธอรู้ว่าเขาจริงใจต่อเธอมากแค่ไหน เขาจะทำทุกๆทางให้เธอได้รับได้รู้ถึงความรักที่เขามีให้จนหมดหัวใจ และเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายคำว่า ‘สองเรา’ ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหนก็ตาม….
“อรุณสวัสดิ์สาวๆ” วิลเลียมเอ่ยทักน้องสาวฝาแฝดทั้งสองที่อีกคนนั่งทำหน้าบึ้งส่วนอีกคนก็ทำทีตื่นตระหนกดั่งมีเรื่องลับบางอย่างอยู่ในใจ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเอมิลี่ คุณมีอา” กานดากล่าวทักบ้างพลางส่งรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจให้กับพวกหล่อน
“ดูเหมือนว่าพายุลูกใหญ่เมื่อคืนยังไม่ยอมหายไปไหนนะ” เสียงทุ้มว่าก่อนจะนั่งลงตรงที่ประจำของตนเมื่อเขาเลื่อนเก้าอี้ให้เลขาสาวสุดที่รักแล้ว “มีอะไรก็ว่ามา”
“ป๊ะป๋า….” เอมิลี่เปิดปากพูดหากแต่กลับโดนผู้เป็นน้องสาวฝาแฝดห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่เอานะเอมมี่ อย่าพูด” มีอากล่าวพลางขมวดคิ้วใส่ผู้เป็นพี่สาว ก่อนจะเหลือบมองผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาหวาดหวั่นเล็กน้อย
“เมียร์….ให้เอมิลี่พูด” ผู้เป็นพี่บอกกับน้องสาวคนเล็กเสียงเข้ม
“เมื่อคืน….” หากแต่เมื่อผู้เป็นน้องสาวคนรองจะเอ่ยปากพูด เสียงใสแจ๋วก็ดังขัดขึ้นมาอีกครั้ง
“โอ้! อาหารเช้าน่าทานจัง ของโปรดของฉันเลยนะเนี่ย!”
“มีอา….” วิลเลียมครางเสียงเรียกน้องสาวสุดท้องอย่างตำหนิ
“ก็ได้ค่ะ” มีอากล่าวเสียงอ้อมแอ้มพลางก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“เมื่อคืนนี้ป๊ะป๋ากับคิตตี้มีอะไรกันใช่ไหมคะ” เสียงราบเรียบกล่าวออกมาเหมือนดั่งว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “เมื่อคืนตอนที่ไฟดับฉันกับเมียร์เดินไปที่ห้องของพี่กัน แล้วพวกเราก็ได้ยินเสียง….พวกคุณสองคนมีอะไรกันใช่ไหมคะ”
คำพูดของเอมิลี่ทำเอากานดาต้องตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ดวงตาสวยเบิกตากว้างมองคนตรงหน้านิ่งค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วและโครมครามจนแทบจะออกมานอกอก เนื้อตัวตึงชาไปหมดจนเธอขยับไปไหนไม่ได้เลยสักนิด เหมือนกับโดนน้ำอันแสนจะเย็นเจี๊ยบสาดใส่ตัวเข้าให้อย่างจัง เหมือนกำลังถูกพายุลูกใหญ่พัดโหมกระหน่ำจนไม่สามารถจะหนีรอดพ้นจากพายุลูกนี้ไปได้เลย
“ใช่….ทำไมล่ะ” วิลเลียมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบดั่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นั่นทำให้เลขาสาวต้องหันไปมองด้วยความตกใจมากเข้าไปใหญ่ที่จู่ๆเขาก็ยอมรับออกมาตรงๆ
“ให้ตาย!!” สองพี่น้องแฝดคนละฝาอุทานออกมาพร้อมกันจนแทบจะเป็นเสียงเดียว
“จริงหรอคิตตี้!” มีอาถามแขกคนสำคัญด้วยเสียงที่สูงปรี๊ด
“เอ่อ….เอ่อ….” หญิงสาวได้แต่อ้ำอึ้ง ใบหน้าหวานก้มหน้างุดซ่อนดวงหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงแป๊ดเอาไว้เพราะความเขินอายอย่างยวดยิ่ง แถมเนื้อตัวตอนนี้ก็กลับร้อนผ่าวดั่งเหมือนเธอกำลังอยู่ในตู้อบก็มิปาน
“ไหนเธอบอกจะไม่จับป๊ะป๋าของเราไง เธอโกหก!” เอมิลี่กล่าวหาคนตรงหน้าเสียงเข้มพร้อมกับถลึงตาใส่เธอ
“ฉะ….ฉันเปล่านะคะ” เสียงหวานตอบแผ่วออกมาแถมยังสั่นเครือเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อยู่รำไร
“เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิคิตตี้” เสียงเล็กใสเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาผู้เป็นพี่ทั้งสองต้องหันไปมองและขมวดคิ้วใส่หล่อนทันที
“มีอา!” ผู้เป็นพี่สาวฝาแฝดปรามผู้เป็นน้องเสียงดุ
“ก็ฉันอยากรู้นี่นา” มีอาหันไปบอกกับพี่สาวแสนแสบตามตรงพลางทำหน้าเซ็งเล็กน้อย
“พอเลยสาวๆ นี่ไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้นะ ทานข้าวกันได้แล้ว”
วิลเลียมกล่าวตัดบทเพราะสุดจะทน พลางส่ายไปมาหน้าเล็กน้อยให้กับความก๋ากั่นของน้องสาวสุดแสบทั้งสองที่ชอบทำให้เขาต้องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน แถมมาคราวนี้ก็แทบทำให้เขาประสาทจะกินอีกต่างหากที่เมื่อคืนเจ้าตัวแสบดันมาได้ยินเสียงอันรื่นภิรมย์ของเขาและแม่กระรอกน้อยจนกลายมาเป็นหัวข้อใหญ่ในการพูดคุยบนโต๊ะอาหารในเช้านี้ แต่ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องมาอธิบายให้พวกหล่อนฟังให้ยุ่งยากมากความว่ากับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเลขาสาวสุดที่รัก แต่ช่วงนี้คงต้องคอยระวังภัยให้ดวงใจของเขาหน่อย เพราะสงสัยยัยตัวแสบทั้งสองคงจะต้องวางแผนกลั่นแกล้งเธอเป็นแน่ สำหรับคนเป็นน้องสุดท้องยังไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับน้องสาวคนรองของเขานี่สิ….ร้ายและแสบซ่าอย่าบอกใครเชียว!
คงจะได้ปวดหัวกันทั้งวันเลยล่ะทีนี้….
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จชายหนุ่มและหญิงสาวก็ออกจากคฤหาสน์นั่งรถตรงไปยังบริษัทในทันที แต่ก่อนออกจากบ้านผู้เป็นแขกคนสำคัญก็ถูกเจ้าของบ้านแสนสวยข่มขู่ไว้เรียบร้อยแล้ว จนตอนนี้เธอต้องมานั่งทำหน้าวิตกกังวลอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าสวยทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้แถมมือเรียวก็ยังกุมเข้าหากันแน่นจนคนเห็นต้องเลิกคิ้วเล็กน้อยและเอื้อมมือแกร่งไปสัมผัสแขนนิ่มอย่างนุ่มนวล
“อย่ากังวลไปเลยดา พวกนั้นก็แค่ขู่ไปอย่างนั้นเองแหละ ไม่มีอะไรหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยปลอบใจคนข้างกายเสียงนุ่ม ก่อนที่เขาจะดึงร่างเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น
“แต่ดากลัวนี่คะ ดากลัวว่าพวกเธอจะไม่ยอมเชื่อว่าดาไม่ได้มีเจตนาจะจับคุณจริงๆ ดาไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าดาเป็นผู้หญิงไม่ดี คอยแต่จ้องจะจับคุณเพื่อหวังให้ตัวเองสบาย ก็คุณทั้งหล่อแล้วก็รวยล้นฟ้านี่คะ….ใครๆเขาก็ต้องคิดอย่างนั้นกันทั้งนั้นเพราะดากับคุณมันต่างกันลิบลับ” กานดากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยระคนน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ทำให้คนได้ยินต้องถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและโอบกอดเธอให้แน่นขึ้น
“อย่าคิดอย่างนั้นสิดา ผมไม่เห็นว่าเราจะต่างกันตรงไหนเลย” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะจูบหน้าผากมลเป็นเชิงปลอบ “ความจริงผมก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ที่ต้องการความรักจากผู้หญิงธรรมดาอย่างคุณเท่านั้น”
“ความรักหรอคะ” เสียงหวานถามพร้อมกับเงยหน้ามองสบกับดวงตาคมด้วยความสับสน
“ใช่….คุณจะให้ผมได้หรือเปล่าล่ะ ความรักน่ะ” เขาว่าพลางส่งยิ้มนุ่มละมุนใจให้กับเธอ
หญิงสาวมองใบหน้าคมด้วยแววตาลึกซึ้ง เธอน่ะหรือจะให้ความรักกับเขาไม่ได้ เธอน่ะหรือจะปฏิเสธความรักจากเขา ก็ในเมื่อเธอกำลังรักเขาไปหมดทั้งหัวใจแล้วนี่นา แล้วจะไม่ให้เธอมอบความรักให้เขาได้อย่างไร
ตอนนี้ทั้งตัวและหัวใจมันกลับกลายเป็นของเขาคนที่เธอรักมากที่สุด….แต่เพียงผู้เดียว!
“ทำไมดาจะให้คุณไม่ได้ล่ะคะ” กานดากล่าวก่อนจะซุกหน้าเข้ากับอกกว้างอันแสนจะอบอุ่น “ทั้งตัวและหัวใจของดา….มันเป็นของคุณเพียงคนเดียวแล้วนะคะคุณวิลเลียม เราทำสัญญากันแล้วไม่ใช่หรือคะ”
คำพูดที่ออกมาจากปากหวานทำให้อีกฝ่ายต้องอมยิ้มตามอย่างมีความสุขจนเอ่อล้นใจไปหมด ร่างสองร่างนั่งกกกอดกันไปอย่างนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มไปตลอดระยะทาง จนคนเป็นลูกน้องอย่างโทมัสที่แอบเหลือบมองผู้เป็นนายทั้งสองผ่านกระจกมองหลังต้องแอบอมยิ้มตามไปกับภาพอันแสนหวานนั้นด้วย พลางคิดไปว่าอีกไม่นานคงจะได้มีข่าวงานมงคลเกิดขึ้นหลังจากที่หายไปเนิ่นนานอย่างแน่แท้ และอาจจะมีเรื่องที่น่าปิติยินดีเกิดขึ้นในไม่ช้านี้เป็นแน่ เพราะความรักที่คนทั้งสองมอบให้กัน มันช่างมากล้นจนเขาเองยังสังเกตเห็นได้แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้อยู่ใกล้เจ้านายใหญ่มากนักอย่างโจเซฟเพื่อนสนิทของเขาก็ตาม
และดูเหมือนว่าช่องว่างของหัวใจดวงน้อยและดวงแกร่ง จะถูกเติมเต็มให้แก่กันและกันจนหมดสิ้น อย่างไม่เหลือให้หัวใจดวงไหนมาแทรกมาขวางกางกั้นได้อีก และจะไม่มีคำว่า ‘เธอ’ และ ‘ฉัน’ เหมือนดั่งที่ผ่านมา หากแต่จะมีเพียงคำว่า ‘เรา’ เท่านั้นไปตลอดกาล จนชั่วนิจนิรันดร์
เพราะต่อจากนี้จะไม่มีคำว่า ‘ตรงกลาง’ ระหว่างเราสองคน….
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ