จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  123.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) +++ ราตรี....แสนหวาน 2 +++ ความหวานที่.... >///< เอ่อ....NC

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ภาพมันร้อนแรงไปหน่อยไหมเนี่ย ฮาๆๆๆๆ

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

“ไปแล้วนะหมอ แล้วเจอกันใหม่นะ”

 

 

                วิลเลียมกล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องตรวจพร้อมกับเลขาแสนสวยของเขา ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มมาตลอดทางทำให้หญิงสาวต้องมองเขาด้วยความสงสัย หากแต่เมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างเธอก็ก้มหน้าและอมยิ้มตามไปกับเขาด้วย เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอต้องออกมารออยู่หน้าห้องตรวจเธอได้ยินเสียงโวยวายของเขาจึงทำให้เธอต้องรีบเดินไปทางประตูและเอื้อมมือจะเปิด หากแต่คำสนทนาหลังจากนั้นทำให้เธอต้องชะงักและยืนฟังอยู่อย่างนั้นจนได้ยินประโยคทุกประโยคที่ชายหนุ่มพูด แถมคำสนทนาครั้งสุดท้ายมันทำให้หัวใจของเธอพองโตขึ้นมาในทันใด และเต้นรัวเร็วไม่จังหวะเมื่อได้รู้ว่าเธอเป็นคนพิเศษของเขามากแค่ไหน และที่สำคัญ….

 

 

เขาบอกว่าเธอเป็นหัวใจของเขาเสียด้วย!

 

 

“คิดอะไรอยู่หรือดา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” วิลเลียมถามขึ้นเมื่อเห็นแม่เลขาสาวเอาแต่อมยิ้มถึงแม้ว่าจะขึ้นมานั่งในรถคันหรูแล้ว

 

 

“เปล่าค่ะ คุณวิลเจ็บแผลมากไหมคะ” กานดาตอบปัดก่อนจะถามเขาต่อพร้อมกับรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ

 

 

“ไม่เลยครับ แต่แค่รู้สึกตึงๆตรงแผลน่ะ” เสียงทุ้มตอบออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่ม

 

 

“ต่อไปนี้ตอนเช้าและก็ตอนเย็นดาจะทำแผลให้คุณเองนะคะ” หญิงสาวเอ่ยพลางเอื้อมมือไปทาบมือหน้าที่วางอยู่บนตักแกร่งอย่างเบามือ

 

 

“จริงเหรอ….ถ้าคุณทำแผลให้ผมทั้งเช้าและเย็นอย่างนี้ สงสัยแผลผมคงหายภายในสามวันแน่ๆ” ชายหนุ่มกล่าวหยอกและมองสบดวงตาหวานนั้นด้วยแววตาอ่อนโยน

 

 

“ก็ดีสิคะ ดาอยากให้คุณหายเจ็บเร็วๆค่ะ” กานดาบอกก่อนจะส่งยิ้มหวานละลายหัวใจให้กับเขา ทำเอาชายหนุ่มต้องเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอและยิ้มนุ่มด้วยความเอ็นดูอย่างลืมตัว

 

 

“ออกรถได้แล้วโทมัส” วิลเลียมหันไปกล่าวกับลูกน้องหนุ่มที่นั่งแอบอมยิ้มตามไปกับภาพหวานๆของผู้เป็นนายด้วยเหมือนกัน

 

 

 

                รถยนต์คันโก้แล่นออกจากโรงพยาบาลและตรงไปยังบริษัทของชายหนุ่มในทันที และพอเมื่อผู้เป็นนายใหญ่และเลขาสาวถึงที่ทำงานเหล่าพนักงานก็ได้แต่งงเป็นไก่ตาแตกที่วันนี้ดูเหมือนว่าบริษัทจะกลับมาครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขอีกครั้ง ไม่เหมือนกับเมื่อหลายวันก่อนที่มีแต่ความอึมครึมจนพวกเขารู้สึกอึดอัด ผิดกับวันนี้ที่ออกจะดูคึกคักเมื่อประธานบริษัทและเลขาสาวแสนสวยกลับมาคืนดีกันเสียที

 

 

“ยิ้มหน้าระรื่นมาเลยนะคะคุณวิลเลียม” มิสซิสเทนดี้เอ่ยแหย่ผู้เป็นนายเมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

“คนมีความสุขก็ต้องยิ้มสิครับ” วิลเลียมบอกออกไปเป็นภาษาอังกฤษพลางฉีกยิ้มนุ่มให้กับพนักงานสูงวัย ก่อนที่เขาจะหันไปยิ้มกริ่มกับคนข้างกายบ้าง

 

 

“ขอให้มีความสุขแบบนี้ไปตลอดเลยนะคะเจ้านาย” พนักงานคนสนิทกล่าวอย่างยิ้มๆก่อนจะมองหญิงสาวและขยิบตาให้เธอเล็กน้อย ทำเอาเธอต้องยิ้มเก้อเขินให้กับหล่อนเพราะทำอะไรไม่ถูก

 

 

“ขอบคุณครับมิสซิสเทนดี้ที่รัก….ไปกันเถอะคุณว่าที่ภรรยาของผม” ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่เขาจะหันไปพูดหยอกกับคนข้างกาย ทำให้หญิงสาวทำตาโตเพราะเขาดันล้อเธอเรื่องนี้อีกแล้ว

 

 

                กานดาเดินก้มหน้างุดตามร่างใหญ่ของผู้เป็นนายไปด้วยความเขินอาย ใบหน้าหวานแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อไม่หายถึงแม้ว่าจะเดินเข้ามาในห้องทำงานและนั่งประจำโต๊ะของตัวเองแล้ว เธอทำเป็นหยิบจับโน่นนี่ด้วยความเก้อเขินเพราะชายหนุ่มเอาแต่จ้องมองเธอพร้อมกับรอยยิ้มจนเธอทำอะไรไม่ถูก รู้สึกอายแสนอายที่เขายังจำเรื่องที่เธอแกล้งพูดกับเขาได้ทั้งๆที่เธอเองลืมเรื่องนั้นไปแล้วเสียสนิท

 

 

“เขินอะไรกานดา หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเชียว” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแหย่เป็นภาษาไทยอย่างนึกสนุก พลางมองใบหน้าหวานที่แดงแป๊ดนั้นด้วยความเอ็นดู

 

 

“ปะ….เปล่าหนิคะ ดะ….ดาไม่ได้เขินอะไร” กานดาตอบปฏิเสธด้วยเสียงตะกุกตะกัก พลางรีบทำเป็นสนใจเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะถึงแม้ว่าในใจจะไม่ได้คิดถึงมันก็เถอะ

 

 

                วิลเลียมมองเลขาสาวของเขาพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข ความน่ารักน่าเอ็นดูของเธอมันช่างทำให้หัวใจของเขาอิ่มเอิบเสียใจ อยากจะนั่งมองเธออยู่อย่างนี้ไม่ละสายตาไปไหน อยากจะมีเธออยู่ใกล้ๆและคอยพูดคำหวานๆให้เขาฟังทุกคืนวันเพื่อเป็นกำลังใจให้เขามีแรงต่อสู้กับปัญหาต่างๆที่เขาต้องเผชิญ….ไปตลอดชีวิต

 

 

                วันทั้งวันผู้เป็นประธานบริษัทและเลขาสาวต่างก็ทำหน้าที่ของตนอย่างขะมักเขม้น หากแต่กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขจนทำให้พนักงานในบริษัทต่างก็มีความสุขตามไปด้วย ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเป็นคนมีไมตรีที่ดีทำให้หญิงสาวเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และดูเหมือนทุกคนก็ต่างเห็นพ้องต้องใจกันว่าเธอคนนี้นี่แหละที่เหมาะสมกับเจ้านายใหญ่ของพวกเขามากที่สุดแล้ว เพราะต่างก็รู้ดีว่าผู้เป็นนายชอบผู้หญิงตัวเล็กน่ารักอย่างเธอเป็นไหนๆ แถมนิสัยก็ยังอ่อนหวานเรียบร้อยและดูเหมือนว่าจะขี้อ้อนจนคงจะชนะใจเขาไปเต็มๆเสียแล้ว

 

 

อย่างนี้แล้วตำแหน่งคุณนายแห่งตระกูลเลสเซิ้ลคงไม่หนีพ้นเลขาสาวคนนี้ไปไหนแน่นอน!

 

 

“โอย….เมื่อยจังเลยดา” วิลเลียมบ่นออกมาพลางนวดบ่าตัวเองปล้อยๆเพราะความปวดเมื่อยที่สั่งสมมาเป็นเวลากว่าค่อนวันที่เขาต้องนั่งก้มหน้าอ่านแต่เอกสารที่เขาต้องเป็นคนเซ็นรับทราบ จนตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานอยู่รำไรเขาก็ยังคงต้องนั่งอ่านเอกสารทั้งหมดนั้นให้เสร็จ

 

 

“ให้ดานวดให้ไหมคะ ดานวดเก่งนะ” กานดารีบเสนอด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว

 

 

“จริงเหรอ….ตัวเล็กๆอย่างนี้ไม่น่าจะนวดเก่งนะ” เสียงทุ้มกล่าวพลางหรี่ตามองเธออย่างแกล้งๆ

 

 

“จริงสิคะ” ว่าแล้วร่างเล็กก็เดินไปหาร่างใหญ่พลางอ้อมไปด้านหลังของเขา “แต่ก่อนน่ะนะ ดาต้องบีบนวดให้เจ้านายของดาทุกวันเลย ตั้งแต่ที่ดายังเป็นเด็กๆตัวกะเปี๊ยกจนโตเป็นสาวเลยล่ะค่ะคุณวิล”

 

 

“เจ้านาย?” ชายหนุ่มทวนคำอย่างสงสัยพลางหันมองคนด้านหลังที่เริ่มบีบนวดบ่าให้เขาเล็กน้อย

 

 

“ค่ะ….คุณลุงคุณป้าร้านอาหารที่ดาไปขออาศัยทำงานด้วยตั้งแต่เด็กๆ ดาต้องนวดให้พวกท่านทุกวันเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกท่านช่วยดาให้มีที่ซุกหัวนอน แล้วก็ช่วยส่งเสียดาจนเรียนจบมัธยมปลายด้วยค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงหม่นลงเล็กน้อยเมื่อต้องเล่าประวัติของเธอให้ผู้เป็นนายฟัง

 

 

“ตอนนั้นคุณอายุเท่าไหร่” เจ้านายหนุ่มถามต่อพลางทำหน้าครุ่นคิด “ตอนที่เธอไปทำงานที่ร้านอาหารน่ะ”

 

 

“ประมาณสิบสองสิบสามได้แล้วค่ะ ตอนที่ดาเรียนอยู่ชั้นมัธยม” เธอตอบพลางตั้งหน้าตั้งตานวดบ่ากว้างต่อ ในใจก็นึกภาวนาว่าขออย่าให้เขาถามอะไรไปมากกว่านี้เลย เพราะมันทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจทุกครั้งที่ต้องเอ่ยถึงอดีตอันหน้าโศกเศร้าของเธอ

 

 

“แล้วพ่อแม่ของคุณล่ะ” คำถามแทงใจของเขาทำเอาหญิงสาวต้องใจหล่นฮวบและเจ็บจุกตรงกลางกลางในทันที

 

 

“ไม่รู้ค่ะ” กานดาตอบเสียงแผ่วกว่าเดิมและสั่นเครือเล็กน้อย “ตั้งแต่ดาจำความได้….ดาก็อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วค่ะ”

 

 

                คำพูดของเลขาสาวทำเอาวิลเลียมถึงกับจุกจนพูดอะไรไม่ออก รู้สึกอึ้งที่ได้รู้ว่าเธอไม่เคยได้เจอหน้าบิดาและมารดาเลยแม้แต่สักนิด รู้สึกเสียใจไปกับเธอจนกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจว่าไม่น่าไปพูดกระตุกต่อมความมืดหม่นในใจของเธอเลย ขนาดเขาที่ต้องจากคนอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีหวนกลับเพราะอุบัติเหตุยังรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าโศกมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เธอนี่สิ….แม้แต่หน้าพวกท่านเธอคงยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ แถมยังถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังจำความไม่ได้หรือคงตั้งแต่เธอเกิดเลยก็ว่าได้ มันทำให้เขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาอย่างจับใจแต่เป็นความสงสารที่ทำให้หัวใจของเขาต้องการจะดูแลเธอ อยู่เคียงข้างเธอและปกป้องเธอไปตลอดกาล

 

 

“มานี่สิดา” ชายหนุ่มกล่าวพลางตบตักของตัวเองเบาๆ ทำเอาหญิงสาวต้องหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น

 

 

“ไม่เอาค่ะ เผื่อใครเข้ามาแล้วเห็นว่าฉันนั่งอยู่บนตักคุณ เขาจะเอาไปนินทาได้นะคะ” เธอเอ่ยพลางลงมือนวดบ่าให้เขาต่อ

 

 

“ไม่มีใครเข้ามาหรอกนี่มันเวลาเลิกงานแล้ว” เขาว่าพลางหมุนตัวไปหาร่างเล็กแทนและดึงให้เธอนั่งลงบนตักของเขาเบาๆ

 

 

“อย่าทำแบบนี้ค่ะคุณวิล” กานดารีบเอ่ยพลางพยายามลุกจากตักแกร่งหากแต่เขากลับรั้งเธอไว้จนเธอไม่สามารถจะลุกขึ้นได้

 

 

“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้” วิลเลียมกล่าวอย่างขำๆทำเอาใบหน้าสวยต้องหันมาค้อนขวับใส่เขาทันที

 

 

“ก็คุณไว้ใจไม่ได้นี่คะ ยิ่งอยู่ใกล้ๆแบบนี้ยิ่งไว้ใจไม่ได้เข้าไปใหญ่” เสียงหวานบ่นเสียงขุ่นเล็กน้อย ทำให้ชายหนุ่มต้องหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความชอบใจ

 

 

“ไว้ใจไม่ได้ยังไง เมื่อคืนผมก็ไม่ได้ทำอะไรคุณนะอย่าลืมสิ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างยิ้มๆ

 

 

“ก็เมื่อคืนคุณบอกว่าเหนื่อยหนิคะ ใครจะไปรู้ถ้าคุณไม่เหนื่อยคุณอาจจะทำอะไรฉันก็ได้” หญิงสาวว่าตามที่ตัวเองคิดทำให้ใบหน้าหล่อต้องส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความไร้เดียงสาของเธอ

 

 

“ถึงผมจะเหนื่อยหรือไม่เหนื่อยผมก็กินคุณได้ทั้งนั้นแหละดา ถ้าหากผมต้องการน่ะ”

 

 

“แล้วเมื่อคืนคุณไม่ต้องการหรอคะ” เธอถามกลับทันควันอย่างไม่ทันได้คิด

 

 

“ต้องการ” เขาตอบกลับทันควันเหมือนกันพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มให้กับหญิงสาวและอมยิ้มนิดๆ ทำเอาใบหน้าหวานต้องรีบหันหน้าอันแดงแป๊ดกลับและก้มหน้าหงุดด้วยความเขินอายในทันที

 

 

“เอ้อ….ดาว่าดากลับไปทำงานก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะไม่เสร็จเอา” กานดากล่าวก่อนที่ร่างเล็กจะทำท่าลุกออกจากตักแกร่ง หากแต่มือหนากลับรั้งไว้และนำแขนแข็งแรงโอบรอบกายสาวอย่างนุ่มนวลพลางกระซิบเสียงนุ่ม

 

 

“กานดา….ไม่ว่าเมื่อก่อนคุณจะเจออะไรมา ลำบากตรากตรำแค่ไหน หรือว่าต้องต่อสู้กับอุปสรรคอย่างโดดเดี่ยวมานานเท่าไหร่….ขอให้คุณลืมมันไปซะ เพราะต่อไปนี้ผมจะเป็นคนดูแลคุณเอง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ ให้กำลังใจคุณและจะคอยปกป้องคุณจากอันตรายทุกสิ่งอย่าง ผมจะทำให้คุณมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จะทำให้คุณมีแต่ความสุขไปจนตลอดชีวิตและตลอดกาล….ผมสัญญา”

 

 

                คำพูดของชายหนุ่มทำให้หัวใจดวงน้อยต้องเต้นรัวเร็วและระส่ำไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าหวานหันหน้าไปมองใบหน้าหล่อคมด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งตื้นตันดีใจและสับสนจนพูดอะไรไม่ออก หัวใจพองโตจนแทบจะออกมานอกอก หน่วยตาร้อนผ่าวไปหมดจนมีน้ำตาเอ่อคลอหน่วยให้ความร้อนนั้นบรรเทาลงบ้าง

 

 

“ผมพูดจริงนะดา สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ” ชายหนุ่มเอ่ยเน้นย้ำพร้อมกับนำมือเรียวเล็กมาทาบทับไว้ตรงอกด้านซ้าย ให้เธอได้รับรู้ถึงจังหวะของหัวใจที่เต้นรัวเร็วไม่แพ้กัน

 

 

“คุณวิล….” เสียงหวานครางเรียกคนตรงหน้าเสียงสั่นเครือ ก่อนที่น้ำตาหยดใสจะร่วงเผาะอาบแก้มทั้งสองข้าง

 

 

“ร้องไห้ทำไมฮึ ไม่เอาไม่ร้องเดี๋ยวไม่สวยนะรู้หรือเปล่า” เสียงทุ้มนุ่มพูดหยอกพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อให้คนในอ้อมกอดได้ยิ้มออกมาบ้าง พลางนำนิ้วแกร่งมาปาดหยดน้ำตาออกจากแก้มพวงนวลนิ่มทั้งสองข้างอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ปากหยักจะบรรจงจูบลงบนหน้าผากมลให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกซาบซ่านและอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ

 

 

‘ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!’

 

 

                เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ร่างเล็กต้องรีบลุกออกจากตักแกร่งทันทีพลางเช็ดหน้าเช็ดตาและเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานประจำของตัวเอง ก่อนที่เธอจะหันหันไปมองร่างสูงเพรียวที่เดินเข้ามาในห้องอย่างมั่นใจโดยที่ไม่รอให้ผู้เป็นเจ้าของห้องเอ่ยอนุญาตให้หล่อนเข้ามาเลยสักนิด

 

 

“ฉันมาทวงนัดของเราค่ะ” เสียงเซ็กซี่เอ่ยกับชายหนุ่มเมื่อหล่อนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ก่อนที่ใบหน้าสวยคมจะหันไปมองหญิงสาวอีกคนด้วยสายตาหยามเหยียด

 

 

“วันนี้ผมไม่ว่าง” วิลเลียมตอบปัดพลางทำทีเป็นว่ากำลังวุ่นอยู่กับงานตรงหน้า และไม่คิดจะเงยหน้ามามองร่างเพรียวสวยนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

 

“แต่คุณสัญญาแล้วนะคะ คุณพูดเองว่าจะไปทานดินเนอร์กับฉันวันนี้” โมนิก้าเอ่ยพลางกอดอกด้วยความหงุดหงิดที่โดนอดีตคนรักหนุ่มปฏิเสธอีกแล้ว

 

 

“ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมไม่ว่าง ไม่เห็นหรอว่าผมกำลังทำงานอยู่ แล้วผมก็….” ชายหนุ่มตีหน้ายุ่งพลางกล่าวออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ หากแต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อหางตาดันเห็นปากสวยของแม่เลขาสาวกำลังพูดอะไรบางอย่างแบบไม่มีเสียง

 

 

….ไปกับเธอเถอะค่ะ….” กานดาบอกออกมาแบบไร้เสียงพร้อมกับทำไม้ทำมือให้ผู้เป็นนายรู้ถึงความหมายที่เธอพูดเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่อง หากแต่เขากลับขมวดคิ้วใส่เธอและหันไปหาอดีตคนรักที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้า

 

 

“ก็ได้….ผมจะไปกับคุณ” เสียงทุ้มกล่าวออกมาในที่สุดทำให้หญิงสาวตรงหน้าต้องฉีกยิ้มด้วยความดีใจในทันใด แต่ก็ต้องหุบลงทันทีเมื่อร่างใหญ่ลุกขึ้นและพูดเสริมขึ้น “แต่ผมจะพาเลขาของผมไปด้วย….ไปกันเถอะกานดา”

 

 

                คนเป็นเลขาได้แต่ทำหน้าเหรอหราเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะรีบเก็บกระเป๋าและเดินตามร่างสูงสง่าไปเมื่อมือแกร่งหันมาดึงเธอให้ลุกขึ้นพร้อมกับเสียงบ่น ส่วนหญิงสาวอีกคนก็ได้แต่ยินกำมือแน่นด้วยความโกรธที่อดีตคนรักหนุ่มเห็นเลขาสาวของเขาดีกว่าตน รู้สึกอิจฉาริษยาที่หญิงต่างชาติคนนี้ได้อยู่เคียงข้างกายหนุ่มที่สมควรจะเป็นของหล่อนไม่ใช่ของเธอ!

 

 

                หญิงสาวทั้งสองถูกพามาร้านอาหารสุดหรูในย่านดังของปาล์มบีช ร่างสูงเพรียวนั่งเกาะติดชิดร่างใหญ่ของอดีตคนรักหนุ่มและทำท่ายั่วยวนเสียจนเขาต้องรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่าย ส่วนคนที่โดนลากมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ก็ได้แต่นั่งทำหน้าหงอยเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของคนทั้งสองอย่างไงอย่างงั้น ทั้งๆที่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับเพ่งเล็งความสนใจไปที่เธอแต่เพียงผู้เดียวและไม่เหลียวไปมองคนข้างกายเลยแม้แต่หางตา

 

 

“อยากทานอะไรสั่งเลยนะดา ผมเลี้ยงเอง” วิลเลียมกล่าวเสียงชื่นกับเลขาสาวคนพิเศษของเขา ก่อนจะเขยิบตัวให้ห่างจากอดีตคนรักที่ขยับมานั่งชิดเขาทันทีที่เอ่ยประโยคนั้น

 

 

“ดาไม่รู้จะทานอะไรน่ะค่ะ ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ด้วย” กานดาตอบพลางยิ้มแหยๆให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม

 

 

“ถ้าอย่างนั้นผมสั่งให้นะ อืม….ให้ทานสเต้กสักสองจานดีไหมน้า ตัวเล็กๆอย่างนี้ต้องขุนให้อวบซะหน่อยท่าจะดี” เสียงทุ้มกล่าวก่อนจะแกล้งพึมพำกับตัวเองแบบที่ให้อีกฝ่ายได้ยินพลางเปิดเมนูกลับไปกลับมา

 

 

“คุณวิลก็….แค่จานเดียวดาก็ทานไม่หมดแล้วค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าพร้อมกับเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มบางๆให้เขา

 

 

“งั้นเราทานเหมือนกันดีกว่า….ถ้าคุณทานไม่หมดเดี๋ยวผมทานของคุณต่อเอง เอาอย่างนั้นดีกว่านะครับ” ชายหนุ่มกล่าวพลางส่งยิ้มนุ่มจนตาหรี่หยีให้กับเธอ

 

 

“เอ่อ….อย่าเลยค่ะ มันคงจะดูไม่ดีนะคะถ้าจะให้คุณมาทานของเหลือจากดา” เสียงหวานตอบกลับอย่างถ่อมตัว

 

 

“ถ้าอย่างนั้นผมหวังว่าคุณจะทานหมดนะดา รู้ไหมว่าคุณน่ะตัวเล็กจนผมสามารถเหวี่ยงคุณไปไหนต่อไหนก็ได้แล้ว”

 

 

                วิลเลียมบอกพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆอย่างชอบใจเมื่อแม่กระรอกน้อยทำหน้าหงอยลงอีกครั้งกับคำพูดของเขา ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับบริกรที่ยืนรอรับเมนูอยู่ก่อนแล้ว ส่วนคนที่ถูกเมินเฉยปล่อยให้นั่งเงียบก็ได้แต่มองหน้าอดีตคนรักทีและเลขาสาวของเขาทีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา และด้วยเพราะความที่ชายหนุ่มพูดเป็นภาษาไทยหล่อนจึงไม่รู้ว่าเขาและเลขาสาวของเขาคุยเรื่องอะไรกัน มันยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกหงุดหงิดและแค้นเคืองมากเข้าไปใหญ่

 

 

“เอ่อ….คุณสั่งให้คุณโมนิก้าบ้างสิคะ เธอคงอยากให้คุณสั่งให้นะคะ” กานดาเอ่ยขึ้นอย่างเกรงๆเมื่อเห็นว่าหญิงสาวอีกคนนั่งเงียบไม่ยอมสั่งอาหารกับบริกรเสียที

 

 

“คุณอยากทานอะไรล่ะโมนิค” ผู้เป็นนายหันไปถามคนข้างกายตามคำขอของเลขาสาว หากแต่น้ำเสียงที่ใช้ถามนั้นกลับดูห่างเหินและเหมือนเขาโดนบังคับให้ถามเสียมากกว่า

 

 

“อะไรก็ได้ค่ะ” โมนิก้าตอบกลับเสียงมึนตึงเล็กน้อย

 

 

“ถ้างั้นก็เอาเหมือนกันสามที่นั่นแหละ” ชายหนุ่มบอกกับบริกรอย่างไม่ได้ใส่ใจ ก่อนที่เขาจะหันมาส่งยิ้มนุ่มๆให้กับคนตรงหน้าอีกครั้ง

 

 

                  การรับประทานอาหารมื้อดินเนอร์นี้ช่างอบอวลไปด้วยความสุขสำหรับนายจ้างหนุ่มและเลขาสาว ทั้งสองคุยหยอกล้อกันเป็นภาษาไทยดั่งเช่นเคยแถมผู้เป็นนายยังเอาอกเอาใจแม่เลขาแสนสวยเสียจนใครเห็นเป็นต้องอิจฉา ทั้งช่วยตัดเนื้อสเต้กให้และแทบจะป้อนให้ด้วยเลยหากแต่หญิงสาวกลับปฏิเสธด้วยความเกรงใจและคิดว่ามันดูไม่เหมาะ ทั้งคอยดูน้ำในแก้วของเธอว่าใกล้จะหมดหรือยังแล้วก็เรียกให้บริกรมาเติมให้ คอยดูแลเธอชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ว่าเธอต้องการอะไรเขาก็รู้ไปเสียหมดและหามาให้เธอตามที่ต้องการจนคนเป็นเลขารู้สึกเกรงใจเป็นไหนๆ แถมยังต้องรู้สึกเกร็งอยู่ตลอดเมื่อเจ้านายหนุ่มทำอะไรให้ เพราะสายตาอันดุแข็งและปนเปไปด้วยความอิจฉาริษยาของหญิงสาวอีกคนที่ถูกตัดออกไปจากวงจรชีวิตของชายหนุ่มที่มองเธอแทบจะกินเลือดกินเนื้ออยู่แล้ว

 

 

                  โมนิก้านั่งเก็บอารมณ์อย่างสุดความสามารถเมื่อโดนอดีตคนรักหนุ่มไม่สนใจใยดีและไม่เห็นว่าหล่อนมีตัวตนเลยสักนิด เขาไม่หันมาคุยกับหล่อนเลยสักคำ เอาแต่พูดคุยกับเลขาสาวของเขาด้วยภาษาที่หล่อนฟังยังไงก็ไม่รู้เรื่อง มันยิ่งทำให้หล่อนแทบจะระเบิดออกมาหากแต่ความที่ไม่อยากให้ชายหนุ่มมองว่าหล่อนเป็นนางมารร้ายหล่อนเลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆไป หากแต่ในใจกลับระอุไปด้วยไฟเพลิงแห่งความอิจฉาริษยา และสาปแช่งหญิงสาวอีกคนอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่สนใจแม้แต่จะแตะอาหารตรงหน้าเลยสักนิด จนถึงเวลากลับบ้านที่หล่อนต้องรู้สึกเดือดดาลอีกครั้งเมื่ออดีตคนรักหนุ่มเรียกแท็กซี่ให้หล่อนกลับแทนที่จะขับรถไปส่งหล่อนเอง มันเหมือนเป็นการถูกหยามเหยียดต่อหน้าผู้หญิงแสนมารยาในความคิดของหล่อนอีกคนจนหล่อนต้องรู้สึกโกรธเขาลมแทบจะออกจากหู

 

 

“ค่ะพ่อ” เสียงเซ็กซี่ทักปลายสายเมื่อกดรับโทรศัพท์ที่สั่นเตือนมาได้สักระยะแล้ว

 

 

“เป็นยังไง ทานดินเนอร์อร่อยไหม” ปลายสายถามเสียงหยันนิดๆ เหมือนกับรู้ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร

 

 

“หึ….คิดว่าสำเร็จไหมล่ะคะ” ผู้เป็นลูกตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น

 

 

“ฉันบอกแกแล้วโมนิค….อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้จริงไหม” ผู้เป็นพ่อกล่าวอย่างมีเลศนัย ทำให้คนเป็นลูกต้องขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นด้วยความหงุดหงิด

 

 

“ถ้าพ่อจะโทรมาเพื่อพูดพล่ามงั้นก็แค่นี้แหละค่ะ ฉันกำลังอารมณ์เสีย” ว่าแล้วนิ้วเรียวก็กดตัดสายไปทันทีอย่างไม่ยอมฟังว่าผู้เป็นพ่อจะพูดอะไรต่อ

 

 

                ส่วนอีกด้านหนึ่งที่กำลังเดินทางกลับคฤหาสน์เลสเซิ้ลก็ยังคงอบอวลไปด้วยความสุขที่แทบจะล้นออกมาจากใจ ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดพลางอมยิ้มเพราะความน่าเอ็นดูของเธอ แขนแกร่งกระชับกอดให้แน่นขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างบาง หัวใจดวงแกร่งพองโตและอิ่มเอิบจนแทบจะออกมานอกอก ความสุขที่มีเธออยู่เคียงข้างมันช่างเป็นเหมือนความฝันที่เขารอคอยมานานแสนนาน จนไม่อยากจะตื่นจากฝันนี้ไปจนนิรันดร์….  

 

 

“ดูเหมือนว่าวันนี้พายุจะเข้านะ” วิลเลียมเอ่ยขึ้นเมื่อมองไปด้านนอกรถและเห็นว่าฟ้าเป็นสีแดงครึ้งแถมลมภายนอกยังแรงเสียจนเหล่าต้นไม้โอนไปเอนมา

 

 

“ใช่ครับนาย วันนี้มีรายงานว่าจะมีพายุเข้าในเขตฟลอริด้าครับ” โทมัสกล่าวพลางเหลือบมองท้องฟ้าด้วยเหมือนกัน

 

 

“ถ้างั้นก็รีบขับเถอะโทมัส เดี๋ยวพายุมาแล้วพวกเราจะแย่” ผู้เป็นนายกล่าวทำให้คนเป็นลูกน้องต้องรีบเร่งเครื่องเพื่อที่จะได้ถึงคฤหาสน์ก่อนที่พายุจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที

 

 

                เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์เลสเซิ้ลได้สักพัก ฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำตกลงมาไม่ขาดสาย เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างดังสนั่นหวั่นไปทั่วทั้งเมืองปาล์มบีช สายลมพัดโหมแรงจนบางสิ่งบางอย่างลอยปลิวว่อนไปทั่ว ต้นไม้บางต้นล้มโค่นลงมาเพราะต้านแรงลมไม่ไหว คืนที่แสนน่ากลัวนี้ทำให้ร่างเล็กของหญิงต่างชาติต้องนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอนนุ่มด้วยความหวาดกลัว ไฟในห้องถูกเปิดเอาไว้ทุกดวงเพราะเวลานี้เธอรู้สึกไม่อยากอยู่ในความมืดเลยแม้แต่น้อย

 

 

‘พรึ่บ!!!!!!’

 

 

                จู่ๆไฟทุกดวงก็ดับลงอย่างเร็วพลันทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำด้วยความตกใจ ดวงตาสวยเบิกตากว้างอย่างหวาดวิตกก่อนที่ร่างน้อยจะรีบลุกออกจากเตียงและตรงรี่ไปยังประตูเชื่อมห้องทันที

 

 

‘ก๊อกๆๆๆ!!!!!’

 

 

                 เสียงเคาะประตูรัวทำให้คนที่กำลังจะเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง ชายหนุ่มสะบัดหน้าไล่ความมึนเล็กน้อยก่อนจะรีบลุกไปเปิดประตูให้หญิงสาวที่ยังคงเคาะประตูรัวไม่ยอมหยุด

 

 

“ไฟดับค่ะคุณวิล” หญิงสาวพูดออกมาทันทีที่ประตูเปิดออกด้วยน้ำเสียงรนพลางทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

 

 

                วิลเลียมยิ้มรับคำพูดนั้นของคนตรงหน้าก่อนจะจูงมือเล็กให้เดินมายังเตียงนอนใหญ่นุ่มกับเขา ร่างใหญ่ขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงโดยมีร่างเล็กซุกซบอยู่ข้างกาย ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองภายนอกผ่านประตูกระจกใสก่อนจะหันมามองคนที่อยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง

 

 

“กลัวหรือครับ” เสียงทุ้มถามออกมาเสียงนุ่ม

 

 

“ค่ะ….” เสียงหวานตอบกลับอย่างแผ่วเบาพลางขยับร่างเล็กให้ชิดใกล้ร่างแกร่งยิ่งขึ้นและกกกอดเขาไว้แน่น

 

 

“ไม่ต้องกลัวนะ….ผมจะปกป้องคุณเองกานดา….ที่รักของผม”

 

 

                ใบหน้าสวยเงยหน้ามองดวงหน้าคมทันทีเมื่อได้ยินเสียงกระซิบนุ่มเอ่ยประโยคนั้น ทั้งสองสบตากันด้วยแววตาที่ลึกซึ้งและค้นหาบางสิ่งบางอย่างจากก้นบึ้งของความคิด เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่ายังคงดังกระหึ่มไม่ยอมลดละ ภายนอกฝนยังคงตกลงมาเป็นห่าเหมือนกับว่าไม่มีวันสิ้นสุด หากแต่ตอนนี้เมื่อใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันเพียงแค่คืบ ก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกลับหยุดนิ่งอย่างเร็วพลัน มีเพียงใจสองใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเท่านั้นที่กำลังสัมผัสกันอย่างลึกซึ้ง

 

 

                วิลเลียมพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอฝังจุมพิตลงบนริมฝีปากอิ่มสวยของหญิงสาวในอ้อมกอด หากแต่กายของเขามันไม่ยอมทำตามความคิดของเขาเสียเลย ส่วนใจเกินครึ่งก็เอาแต่เรียกร้องขอให้เขาทำตามความปรารถนาที่มีอยู่แรงกล้า จนใบหน้าอันหล่อคมของเขาอยู่ห่างจากดวงหน้าหวานแสนจับใจจนจวนจะหายใจรดกัน ก่อนที่หัวใจของเขาจะต้องเต้นโครมครามเมื่อใบหน้างามเลื่อนขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากแทบจะชนกันอยู่รำไร ส่วนดวงตาใสก็ค่อยๆหลับตาลงเหมือนดั่งเธอรอให้เขาฝากฝังจุมพิตแห่งรักที่ถวิลหามานานแสนนาน….

 

 

                ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยความหวั่นไหวพลางหอมแก้มนุ่มเสียฟอดใหญ่ให้หัวใจได้ชุ่มฉ่ำ ก่อนที่ปากอุ่นจะบรรจงจุมพิตปากงามอย่างแผ่วเบาให้เธอได้สัมผัสกับความนุ่มหวานดั่งกำลังลอยอยู่ในปุยเมฆขาวบนฟากฟ้า แขนแกร่งโอบกอดกายสาวให้แนบชิดกับกายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากอุ่นกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มสลับบนและล่างอย่างพะเน้าพะนอให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกหวามไหว การหายใจของทั้งสองฝ่ายเริ่มจะหนักหน่วงเมื่อจูบที่เคยหวานชื่นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มอย่างเกินที่จะบังคับไว้ได้อีก

 

 

                ปากหยักดูดดึงริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ ก่อนที่ลิ้นร้อนจะเข้าไปทักทายและหยอกเย้าลิ้นเล็กในปากหวานเมื่อหญิงสาวเผยอปากครางเล็กน้อยอย่างหลงลืมตัว จูบอันดูดดื่มถูกสรรค์สร้างให้อีกฝ่ายเคลิบเคลิ้มและเผลอไผลไปตามแต่ใจที่ต้องการ อกอิ่มงามถูกมือแกร่งดันหลังให้แอ่นขึ้นแนบชิดกับอกกว้างจนสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเร็วของกันและกัน ก่อนที่ร่างใหญ่จะดุนดันให้กายสาวนอนราบลงบนพื้นเตียงนุ่มโดยมีกายหนุ่มตามทาบทับอย่างแนบชิดสนิทใจ

 

 

                เสียงฟ้าผ่ายังคงดังเปรี้ยงปร้างไม่ขาดสาย อุณหภูมิภายนอกลดลงต่ำจนเย็นยะเยือกแทบสุดจะทานทน หากแต่ภายในห้องนอนหรูแห่งนี้อุณหภูมิกลับสูงขึ้นจนร้อนระอุไปหมดทุกสัดส่วน เสียงหอบหายใจหนักหน่วงดังไปทั่วห้องเมื่อปากหยักและปากอิ่มถอดถอนจูบออกจากกันเพื่อให้อีกฝ่ายได้หายใจหายคอบ้าง ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะความร้อนเร่าภายในกายกับความปรารถนาที่พุ่งพล่านไปทั่วร่าง เหมือนเลือดสูบฉีดให้กายสาวตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาหวานฉ่ำจ้องมองใบหน้าหล่อคมที่แดงก่ำไม่แพ้กันด้วยแววตาว้าวุ่นและหวาดกลัวเล็กน้อย จนชายหนุ่มต้องอมยิ้มและมองเธอด้วยแววตาที่สุดแสนจะอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก มือแกร่งเลื่อนมาไล้ปลายนิ้วไปตามแนวของไรผมลงมายังข้างแก้มนิ่มด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลและอบอุ่น ก่อนที่หญิงสาวจะหลับตาพริ้มเมื่อปากหยักบรรจงจูบลงบนหน้าผากมลอย่างถะนุถนอม และก่อนที่ดวงตาคมจะจ้องสบกับดวงตากลมอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มนุ่มอันแสนตราตรึงหัวใจ

 

 

“คุณวิล….” เสียงหวานเอ่ยแผ่วพลางมองคนบนร่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน

 

 

“คุณต้องการผมมั้ยดา” เสียงทุ้มถามกลับพร้อมกับจ้องสบตากับดวงตาหวานอย่างจริงจัง หากแต่เธอกลับเงียบกริบไม่ยอมตอบคำถามเขาเลยสักคำ

 

 

“ผมต้องการคุณนะ….ไม่ใช่แค่ชั่วข้ามคืน แต่ผมต้องการคุณ….ไปตลอดชีวิต”

 

 

             คำที่เขาเอื้อนเอ่ยทำให้คนที่ได้ฟังต้องใจระส่ำเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตากลมมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสับสนและว้าวุ่น เสียงฟ้าร้องยังคงดังครืนไม่ยอมขาด หากแต่เสียงหัวใจกลับดังก้องไปด้วยคำว่ารักจนยากที่จะถอดถอนตัวได้อีก….

 

 

“มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย….แล้วผมก็โดนป้าจวนสั่งไว้แล้วว่าอย่าทำอะไรคุณถ้าหากเรายังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ว่า….ผมอยากมั่นใจว่าคุณจะไม่หนีผมไปไหน….และอยากมั่นใจว่าจะมีคุณอยู่ข้างๆผมอย่างนี้ไปตลอดกาล….ถึงแม้ว่าเราจะตายจากกัน”

 

 

                ชายหนุ่มเอ่ยความในใจออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนเพ้อฝัน ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานด้วยแววตาอันแสนลึกซึ้งและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จนยากเกินที่หญิงสาวจะปฏิเสธได้ว่าเธอไม่ได้เห็นคำว่ารักอยู่ในดวงตาคู่คมคู่นี้จริงๆ เพราะมันถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทั้งจากคำพูดของเขาและแววตาที่เขาใช้มอง มันสื่อออกมาว่าเขารักเธอ….จนหมดหัวใจ

 

 

“สัญญากับผมได้หรือเปล่าดา สัญญาว่าคุณจะไม่ไปไหนจากผมและอยู่ข้างๆผมอย่างนี้ตลอดไป สัญญาได้ไหมครับ”

 

 

               เสียงทุ้มเริ่มเว้าวอนขอคำตอบ ทำให้หญิงสาวต้องกรอกตาไปมาด้วยความสับสนและว้าวุ่น ชั่งใจกับความคิดความรู้สึกต่างๆที่ระดมเข้ามาภายในกาย และมองสบตากับเขาอีกครั้งเพื่อค้นหาคำตอบจากคำถามที่มีอยู่ภายในใจ

 

 

ว่าสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้น….มันแค่เป็นเพียงการหลอกให้เชื่อใจหรือเป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจของเขาจริงๆ!

 

 

“ได้ไหมครับที่รัก” เขาถามขึ้นมาอีกครั้งและนำมือเรียวของเธอมาทาบทับตรงอกซ้ายตำแหน่งเดี่ยวกับหัวใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ทำให้ดวงตาหวานต้องหลบสายตาคมอีกรอบ ก่อนที่จะมองตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ผุดขึ้นให้อีกฝ่ายได้มีความหวังกับคำตอบที่เขารอคอยจากเธอ

 

 

“ค่ะ….ดาสัญญา” ในที่สุดเสียงหวานก็ตอบออกมาเป็นคำพูดที่คนบนร่างปรารถนาที่จะได้ฟังอย่างยวดยิ่ง   

 

 

“ขอบคุณครับที่รัก….ขอบคุณนะดา….ผมก็ขอสัญญากับคุณด้วยเหมือนกัน….ขอบคุณจริงๆครับ”

 

 

                เสียงทุ้มนุ่มพร่ำบอกคำขอบคุณพลางพรมจูบไปทั่วไปหน้าหวานให้คนใต้ร่างต้องรู้สึกหวั่นไหวไปทั่วทั้งกายและใจ ก่อนที่ปากหยักจะบรรจงจุมพิตปากอิ่มสวยอีกครั้งเพื่อเป็นการเน้นย้ำในคำสัญญาของกันและกัน ความหวานของสัมผัสอันนุ่มนวลช่างชวนให้ทั้งสองเคลิบเคลิ้มไปกับจูบอันแสนวาบหวาม ลิ้นอุ่นซ่านเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างหยอกเย้าและดูดดื่มจนทำให้คนอ่อนประสบการณ์ต้องหอบหายใจแรงขึ้นเพราะความรู้สึกหวามไหว มือแกร่งที่ลูบไล้ไปตามแขนเรียวและเลื่อนมายังเอวบางช่างสร้างความรู้สึกสยิวซ่านให้กับกายสาวจนเสียงหวานๆต้องครางฮือออกมาอย่างเผลอไผล ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกพึงพอใจและเริ่มเล้าโลมคนใต้ร่างให้ไฟสวาทโหมไหม้มากขึ้น

 

 

“อืม….คุณวิล….”

 

 

                กานดาครางออกมาเมื่อปากหยักถอดถอนจูบออกและเลื่อนมาพรมจูบตรงฐานคอพลางไล้มาจนถึงกกหูนิ่ม มือแกร่งค่อยๆแกะกระดุมทีละเม็ดจากชุดนอนคลุมยาวลายน่ารักจนเผยให้เห็นเนินอกอิ่มขาวน่าสัมผัส ก่อนที่ร่างบอบบางจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากอุ่นหยักลากไล้มาฝังจุมพิตลงบนกลางเนินอกสวยนั้น และดูดดึงจนเป็นรอยแดงจ้ำตัดกับความขาวเหมือนเป็นตราประทับที่บ่งบอกให้รู้ว่าเธอผู้นี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

 

 

“อืม….ดาจ๋า….”

 

 

                ปากอุ่นซ่านไล้ไปตามเนินอกอิ่มอย่างหยอกเย้า หนวดเคราของเขาที่เสียดสีกับเนื้อนิ่มอย่างแผ่วเบายิ่งสร้างความสยิวซ่านให้กับกายสาวยิ่งนัก อกอวบสวยแอ่นรับสัมผัสอันวาบหวามที่คนบนร่างมอบให้อย่างเผลอไผล ฤทธิ์แรงสิเน่หาที่เขามอบให้มันช่างเหมือนเปลวไฟที่หลอมละลายให้ร่างสวยร้อนเร่าไปด้วยความปรารถนาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างยวดยิ่ง

 

 

                สุดจะหักห้ามหัวใจไม่ให้เคลิบเคลิ้มและเผลอไผลไปกับบทเรียนพิศวาสที่เขาสรรค์สร้างขึ้นมาได้อีกต่อไป เมื่อร่างงดงามปรากฏต่อสายตาอันเฉียบคมโดยปราศจากอาภรมากางกั้นเพราะถูกมือหนาปลดเปลื้องออกจากกายไปเสียสิ้น เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าให้คนบนร่างได้เชยชมและลิ้มชิมทางสายตาจนกายสาวต้องบิดไปมาด้วยความเขินอาย แสงจากฟ้าผ่าที่ส่องประกายให้เห็นร่างสวยอยู่รำไรช่างทำให้เธอดูน่าหลงใหลมากขึ้นเหลือเกิน

 

 

เธอเหมือนดั่งรูปปั้นเทพีวีนัส อันสวยสดงดงามจนยากที่จะละสายตาไปจากร่างงามนี้ได้ ยิ่งได้มองได้ชมก็ยิ่งซาบซ่านไปหมดทั่วกาย จนมิอาจจะต้านทานความต้องการทางกายและทางใจได้อีกต่อไป….   

 

 

                มือแกร่งไล้ไปตามเอวคอดอย่างแผ่วเบาให้กายสาวได้สั่นสะท้านกับความรู้สึกสยิวซ่านอีกครั้ง ก่อนที่มือหนาทั้งสอบจะกอบกุมเต้าทรวงสวยและเค้นคลึงให้อบอวบเสียดสีกันไปมา พลางนำลิ้นอุ่นซ่านลากวนไปที่ยอดปทุมถันช้าๆ ก่อนจะขบเม้มอย่างหยอกเย้าจนทำให้คนใต้ร่างต้องดิ้นพล่านบิดไปมาด้วยความซ่านเสียวอย่างยวดยิ่ง ปลายนิ้วอีกข้างก็นวดคลึงอกอวบงามอีกข้างอย่างหมั่นมือก่อนจะรูปไล้ไปตามเอวบางอีกครั้งอย่างทะนุถนอม จนร่างบางต้องร้องครางออกมาอย่างสุดที่จะห้ามไว้ได้ไหว เล็บมลจิกทึ้งผ้าปูที่นอนอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์สวาทให้ลดลงบ้างจนมันยับยู่ยี่ไม่เป็นชิ้นดี

 

 

“ยะ….อย่าค่ะ”

 

 

                หญิงสาวร้องห้ามออกมาเสียวแผ่วเมื่อกายหนุ่มค่อยๆเลื่อนลงต่ำพร้อมกับปากหยักที่พรมจูบไปทั่วร่าง หน้าท้องแบนราบกระเพื่อมขึ้นลงไปมาตามแรงหอบหายใจที่หนักหน่วง ใบหน้าสวยแดงก่ำเพราะฤทธิ์สิเน่หาที่ครอบงำจนลืมเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นไปเสียสิ้น ความอ่อนประสบการณ์กับเรื่องพรรค์นี้ทำให้เธอไม่อาจจะหักห้ามใจไม่ให้หลงใหลไปกับความช่ำชองในเรื่องเสพรักของเขาได้เลย     

 

 

“ผ่อนคลายนะครับคนดี ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดนะ”

 

 

                ชายหนุ่มเลื่อนตัวให้สูงขึ้นอีกครั้งและมองสบตากับดวงตาหวานอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่ปากหยักจะบรรจงจูบปากอิ่มสวยมอบความหวานละมุนเป็นการปลอบใจเธออีกครั้งและค่อยๆไล้เลื่อนลงมายังหน้าท้องแบนราบอีกหน ความซ่านเสียวจนเกินจะทนทำให้ร่างบางต้องบิดตัวไปมาและเกร็งตัวถี่ เมื่อปากอุ่นซ่านขบเม้มและดูดดึงไปตามจุดเสียวกระสันใกล้กับจุดยุทธศาสตร์เข้าไปทุกที เรียวขางามถูกยกให้ตั้งชันเข่าก่อนจะถูกมือหนาจับแยกออกจากกันจนกุหลาบงามฉ่ำแยกแย้มให้ต่อสายตาคมที่เลื่อนสายตาลงมามองอย่างพิสมัย

 

 

                   ความเขินอายสายตาของอีกฝ่ายทำให้มือเรียวเล็กต้องรีบเลื่อนมาปิดสิ่งลับเอาไว้อย่างเร็วรี่ หากแต่กลับโดนมือแกร่งปัดออกมาและจับตรึงเอาไว้ไม่ให้เธอนำมาปกปิดส่วนที่สวยงามนี้ได้ วิลเลียมกวาดสายตามองความสาวที่อยู่ตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายเหนียวเหนอะลงคออย่างหลงลืมตัว ความแดงฉ่ำของมันทำให้เขารู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาในทันใด การหายใจดูจะติดขัดจนต้องสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อเรียกสติ หยาดน้ำทิพย์ที่รวยรินยิ่งทำให้เขาอยากจะหาน้ำมาดับความร้อนในกายหนุ่มในทันที

 

 

“อ๊ะ!!!”

 

 

                เสียงหวานครางแหลมออกมาดังลั่นเมื่อลิ้นร้อนฉกกระหวัดหยาดน้ำผึ้งและไล้เลียกุหลาบฉ่ำอย่างหื่นกระหาย กายสาวบิดบ่ายไปมาพยายามหนีปากร้ายหากแต่เขากลับจับตรึงให้เธออยู่กับที่และขบเม้มตุ่มไตสีเรื่อให้เธอได้ซ่านเสียวมากขึ้นไปอีก ก่อนที่มือหนาจะไล้ไปตามต้นขาเนียนและเลื่อนต่ำมาจนถึงช่องทางรัก ก่อนจะค่อยๆส่งนิ้วเรียวเข้ามารุกล้ำกายสาวอย่างช้าๆให้คนใต้ร่างต้องรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว

 

 

“คุณวิลคะ….”

 

 

                กานดาครางเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงแหบพร่า ใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะดั่งเหมือนคนกำลังจะหัวใจวายก็มิปาน ขาเรียวงามทั้งสองข้างเกร็งแน่นก่อนจะค่อยๆผ่อนคลายลงตามการปรับตัว ก่อนที่เล็บมลจะต้องจิกทึ้งผ้าปูที่นอนอย่างหนักหน่วงอีกครั้งเมื่อนิ้วแกร่งเริ่มขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าแต่เน้นลึก ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรัวเร็วและเร่าร้อนมากยิ่งขึ้นจนร่างเล็กต้องบิดตัวไปมาอย่างสุดที่จะอยู่เฉยได้ไหว ลิ้นร้อนโลมเลียไปทั่วกลีบกุหลาบงามพร้อมกับลิ้มชิมรสน้ำผึ้งหวานที่ถูกกลั่นออกมาจากโพรงสวรรค์อย่างหิวกระหาย จนกายสาวแทบจะแตกสายอยู่รำไรเพราะมิอาจจะทานทนความซ่านเสียวอันมากล้นที่เขามอบให้ได้อีก

 

 

“คะ….คุณวิลคะ ดะ….ดา….ไม่ไหว….”

 

 

                เสียงหวานพร่าบอกออกมาอย่างขาดห้วงเมื่อรู้สึกเหมือนมีเมฆขาวลอยวนอยู่ตรงหน้า สรวงสวรรค์อันสวยงามรอให้มือขาวเอื้อมคว้าอยู่รำไร หากแต่ต้องเหมือนโดนกระชากให้เคว้งคว้างในทันใดเมื่อนิ้วใหญ่และปากหยักถูกถอดถอนจากช่องทางรักโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

 

 

                วิลเลียมมองร่างสวยที่นอนหายใจระทวยอยู่บนเตียงนุ่มพลางรีบปลดเปลื้องอาภรออกจากกายหนุ่ม ก่อนจะตามทาบทับกายสาวไว้ดังเดิมและมอบจุมพิตแสนหวานให้กับเธออีกครั้ง มือแกร่งเค้นคลึงอกอวบสวยที่แทบจะเต็มไม้เต็มมือให้หญิงสาวได้กระสันเสียวมากขึ้น ก่อนที่กายสาวจะเกิดอาการตึงเครียดขึ้นมาเมื่อกุหลาบหวานถูกความเป็นชายค่อยๆรุกล้ำทีละนิด

 

 

“อย่าเกร็งนะครับที่รัก ทำตัวตามสบาย….เชื่อใจผมนะครับ”

 

 

                     เสียงทุ้มกล่าวปลอบอีกฝ่ายให้ใจชื้นขึ้นมาบ้างพลางกลืนกินความสาวของเธออย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป ด้วยความที่ร่างของเขานั้นใหญ่โตกว่าเธอมากและความที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กจึงทำให้เขาต้องระมัดระวังอย่างยวดยิ่ง เพื่อไม่ให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บจากเขา แก่นกายอันบวมเป่งค่อยๆถูกส่งเข้าไปยังโพรงเนื้อสาวทีละน้อย หากแต่ความคับแน่นกลับเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้รุกล้ำแค่เพียงนิด ใบหน้าหล่อคมทำหน้าเหยเกเพราะความซ่านเสียวและความทรมานอย่างยวดยิ่งที่ไม่สามารถจะรุกล้ำกายสาวดั่งใจคิดได้ ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆและกลั้นใจสอบเอวเข้าหาสะโพกผายให้แก่นกายร้อนระอุเดินทางเข้าสู่ช่องทางรักไปกว่าครึ่ง

 

 

“กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!”

 

 

                    หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียงเมื่อความเจ็บรวดร้าวระดมเข้ามายังกายสาวอย่างไม่อาจจะคาดคิด กายสาวเหมือนจะแตกออกไปเสี่ยงๆ รู้สึกตึงชาไปและคับแน่นไปหมดจนไม่อาจจะสามารถขยับตัวไปไหนได้ มีเพียงหยาดน้ำตาที่รินไหลและเสียงสะอื้นไห้ที่ทำให้หัวใจดวงแกร่งต้องหล่นฮวบในทันที

 

 

 “ขอโทษครับดา….ดาจ๋าผมขอโทษนะ อดทนหน่อยนะครับ”

 

 

                ชายหนุ่มเอ่ยปลอบคนใต้ร่างอย่างร้อนใจหากแต่ยังค่อยๆขยับตัวให้ความเป็นชายเดินทางไปสุดปลายทางฝัน ก่อนจะแช่นิ่งไว้อย่างนั้นเพื่อรอให้อีกฝ่ายได้ปรับตัวกับความคับแน่นและความปวดร้าวที่ไม่เคยเจอะเจอจากใครมากก่อน  ริมฝีปากอุ่นหยักกดจูบลงบนหน้าผากนวลมลเป็นการให้กำลังใจ ก่อนที่เขาจะจับแขนนิ่มให้โอบรอบคอแกร่งของเขาไว้และเริ่มสอบสะโพกเข้าออกช้าๆเพื่อบรรเทาความเจ็บเมื่อเห็นว่าร่างบอบบางเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว

 

 

“หายเจ็บหรือยังครับคนดี ผมจะค่อยๆทำนะครับที่รัก ไม่ต้องกลัวนะผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บอีกแล้ว”

 

 

                คำเอ่ยปลอบอันแสนละมุนทำให้กานดารู้สึกอบอุ่นและซาบซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ ความเจ็บร้าวที่ตอนแรกมีอย่างมากล้นค่อยๆลางหายไปจนแทบจะหมดสิ้น ปากสวยเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อแรงปรารถนาแห่งราคะเริ่มเข้ามาแทนที่ ความซ่านเสียวเกาะกุมไปทั่วกายสาวจนเธอต้องร้องครางออกมาไม่เป็นศัพท์ เสียงคำรามหึ่มที่ดังสลับกันช่างทำให้ความเสียวกระสันถ่าโถมเข้ามาในร่างสวยอย่างไม่อาจจะหยุดยั้ง เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังกระหึ่มไม่แพ้กันกลับไม่อาจทำให้ร่างน้อยที่เคยกลัวเกรงหวาดหวั่นเมื่อมีกายใหญ่คอยชี้นำสู่เส้นทางหฤหรรษ์ที่สุดแสนจะสวยงาม

 

 

                บทเพลงรักถูกถ่ายทอดให้อ่อนหวานและร้อนเร่า เหมือนบทเพลงแห่งสรวงสวรรค์ที่ไพเราะเสนาะใจ จนไม่อาจจะหยุดยั้งเพลงบรรเลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักนี้ได้ เสียงร้องหวนแห่งความสุขดังระงมไปทั่วห้องอย่างไม่มีใครยอมใคร จังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วและดังโครมครามนั้นสอดประสานจนกลายเป็นจังหวะเดียวกัน ร่างกายที่แนบแน่นไม่ยอมห่างตอบสนองความต้องการของกันและกันได้เป็นอย่างดี ราตรีที่มีแต่พายุฝนโหมกระหน่ำบัดนี้กลับถูกพายุรักกลบเกลื่อนจนหมดสิ้น ก่อนที่ทำนองรักจะหมดสิ้นเมื่อกายสองกายเดินทางมาสู่ปลายทางฝันที่รอเวลาให้มือสองมือเอื้อมคว้าเส้นชัยมาเนิ่นนาน….

 

 

“อ๊า!!!!!!!!!!!”

 

 

                เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วห้องนอนแสนหรูพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังประสานอย่างลงตัว กายงามกระตุบฮวบกอดรัดร่างแกร่งไว้แน่นเมื่อดำเนินมาถึงจุดหฤหรรษ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต การตอดรัดอย่างรุนแรงของโพรงเนื้อสาวทำให้ใบหน้าหล่อคมต้องเหยเกด้วยความซ่านเสียวจนสุดจะทานทน หากแต่ยังคงต้องนิ่งค้างไว้เมื่อสายธารแห่งรักถูกปลดปล่อยอย่างมากล้นจนโพรงกุหลาบฉ่ำไม่อาจจะเก็บกักไว้ได้หมด ใจสองใจพองโตและอิ่มเอิบเต็มไปด้วยความสุขล้นที่เหมือนมีน้ำเย็นชื่นมาหล่อเลี้ยงให้ชุ่มฉ่ำ ก่อนที่กายกำยำจะถอดถอนกายออกและเลื่อนตัวลงนอนบนพื้นเตียงนุ่มข้างกายสาวพลางดึงเธอเข้ามาโอบกอดอย่างแนบแน่นด้วยความรักและความหวงแหน

 

 

“ฝันดีนะครับ….สุดที่รักของผม”

 

 

                เสียงทุ้มเอ่ยบอกออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ปากหยักบรรจงจูบลงบนศีรษะหอมอย่างเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ก่อนที่กายสองกายจะกอดก่ายกันอยู่อย่างนั้นและเข้าสู่นิทราแห่งฝันที่ช่างหวานหอมละมุนใจ อย่างที่ไม่เคยได้พบพานมาก่อนในชีวิต เหมือนดั่งเป็นวันที่รอคอยมานานแสนนาน

 

 

                ราตรีอันแสนหวาน….อบอวลไปด้วยความรักที่เบ่งบานไปทั่วห้องนอนอันเรียบหรู ค่ำคืนแห่งพายุ….กลับแทนที่ด้วยความสุขที่ใจสองใจเติมเต็มให้แก่กันและกัน….

 

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา