Tale of Utopia
6.9
เขียนโดย The_Paper
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.12 น.
15 บท
8 วิจารณ์
19.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) บทที่ 7 ด้านมืด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 7 ด้านมืด
“เดอะมิลเลอร์!” ฉันร้องออกมาด้วยตกในสุดขีด
ผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าฉันในตอนนี้คือเดอะมิลเลอร์ไม่ผิดแน่ ชายหนุ่มรูปงามผู้เฉยชา ใบหน้าซีดขาวของเขา และดวงตาที่แลดูเลือดเย็นคู่นั้น ผมสีทองนั้นปลิวไสวไปตามสายลมที่พัดผ่านมา ตาสีนิลนั้นดูไร้ชีวิตชีวา เขายังดูเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกันไม่มีผิด แค่ได้มองเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้ว เดอะมิลเลอร์...
ชายหนุ่มเผยยิ้มเล็กน้อย “เธอหาคำตอบได้รึยังล่ะ สาวน้อย...ว่าจะเลือกทางใด?” เขาพูดเบาก็จริง แต่ฉันกลับได้ยินคำพูดนั้นทุกถ้อยคำ
ฉันก้าวถอยหลังไป สายตาจ้องอยู่ที่เดอะมิลเลอร์อย่างไม่ไว้วางใจ ครั้งนี้ฉันสัมผัสได้ถึงความประสงค์ร้ายที่แผ่มาจากตัวเขาอย่างชัดเจน ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน...
“กลัวฉันแล้วรึไง รึว่า...เธอเจอคำตอบนั้นแล้ว”
“.....” ฉันไม่ตอบเขา ตอนนี้ฉันกำลังกลัวมากจริงๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะหนีไปจากผู้ชายคนนี้อย่างไรดี
“เจอแล้วสินะ” เขาตอบคำถามนั้นด้วยตนเอง เดอะมิลเลอร์ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันไม่อยากเจอนายอีก!” ฉันพูดออกมาจนได้ ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเดอะมิลเลอร์หมายความว่าอย่างไร...เจอสิ่งใดล่ะ อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการจากฉันกันแน่ เลือก....เลือกทางใดในเมื่อฉันยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
“เธอยังโกรธฉันเรื่องชานั้นหรือเปล่า?”
“ชานั่น...นายใส่อะไรในชาให้ฉันดื่มกันแน่” นี่คือที่มาของความฝันล่ะสินะ...ความฝันซ้ำๆที่ฉันไม่เคยเข้าใจ
“หึ...” เดอะมิลเลอร์ยังไม่เอ่ยตอบในทันที เขาเอาแต่ยิ้มเยาะใส่ฉัน
“นายโกหกฉันนี่.... ฉันจะไม่เชื่อคำพูดของนายอีกแล้ว อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”
“โกหกที่ไหนกัน...ฉันไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปในชานั้นจริงๆนี่หน่า” เขาพูด “ใบชานั้นมีเศษกระจกอยู่ต่างหาก”
“เศษกระจก?” ฉันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่... ฉันตั้งใจจะส่งเศษกระจกของฉันเข้าไปในตัวของเธอ เพื่อที่จะได้ล่วงรู้ความฝันของเธอ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเธอซ่อนอะไรไว้ แต่รู้สึกว่าปริมาณมันจะน้อยไปหน่อยนะ”
“นายจะล่วงรู้ความฝันของฉันไปทำไมกัน?....ที่สำคัญฉันไม่ได้ซ่อนอะไรไว้สักหน่อย”
“หึ ถ้าจะพูดให้เธอเข้าใจง่ายๆก็คือ ฉันแค่ต้องการจะเอาของที่เทพธิดาซ่อนเอาไว้ในหัวใจของเธอยังไงล่ะ” ชั่วพริบตาเดอะมิลเลอร์ก็เข้าถึงตัวฉันซะแล้ว เขาจับแขนฉันไว้แน่นจนฉันรู้สึกเจ็บ
“ของที่เทพธิดาซ่อนไว้!” ฉันรู้สึกตื่นตระหนก
“ใช่...หนังสือที่เธอพยายามเปิดมันอ่านนั่นยังไงล่ะ”
“หนังสือ!” สิ่งที่ฉันพยายามเปิดมันในความฝันทุกๆคืนเนี่ยนะ เทพธิดาซ่อนอะไรไว้ในตัวฉัน แล้วเดอะมิลเลอร์รู้ได้ยังไง นี่มันเกิดอะไรขึ้น...? ช่วยด้วย...ใครก็ได้รีบมาช่วยฉันทีเถอะ
“กระจกของฉันในตัวเธอคงมีปริมาณน้อยเกินไปหรือไม่พลังก็คงไม่เพียงพอที่จะเจาะเข้าไปในความฝันที่ลึกกว่านั้นของเธอได้ วันนี้ฉันเลยต้องมาหาเธอด้วยตัวฉันเองยังไงล่ะ”
“นายจะทำอะไรน่ะ!” ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด ฉันต้องหนี ฉันคิด แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะล่วงรู้ถึงความคิดของฉันเสียแล้ว
“คงต้องเพิ่มปริมาณกระจกขึ้นไปสักหน่อยแล้วมั้ง” ชั่วพริบตานั้นเดอะมิลเลอร์ก็ฉุดเพื่อรั้งให้ฉันเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว และก่อนที่ฉันจะคาดคิดเขาก็ก้มลงประกบริมฝีปากของฉันเอาไว้ทันที
ฉันพยายามดิ้นสุดแรงเกิด แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของชายหนุ่มผู้นั้นได้ บางสิ่งบางอย่างถูกถ่ายทอดมาสู่ฉันอย่างที่ฉันไม่อาจต้านทานได้ ฉันทั้งรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกโกรธ และรู้สึกเสียใจ แต่ในไม่ช้าพลังของเดอะมิลเลอร์ก็เหนือกว่า...ฉันหยุดดิ้นรนโดยพลัน ตาของฉันที่เคยเบิกกว้างค่อยๆหรี่ลงราวคนกำลังนอนหลับ สติค่อยๆเลือนรางไปเรื่อยๆ มือที่ผลักดันชายหนุ่มออกไปบัดนี้กลับตกห้อยอยู่ข้างตัว ในไม่ช้าเดอะมิลเลอร์ก็ถอนริมฝีปากออกไปในที่สุด เขาจ้องมองหญิงสาวที่สลบไปในอ้อมแขนด้วยความพอใจ
เมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่งเดอะมิลเลอร์ก็กระซิบเบาๆที่ข้างหูของหญิงสาว “ตื่นเถิด แอนนา เบลล์”
หญิงสาวผู้ไร้สติค่อยๆลืมตาขึ้นในที่สุด แต่ทว่าดวงตาสีดำสนิทของหญิงสาวกับเหม่อลอยไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
**********
จิ้งจอกเก้าหางยังคงขยับตัวไม่ได้ มันปรารถนาที่จะไล่ตามแอนน์ไปอย่างยิ่งยวดแต่ทำไม่ได้ มันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ทันใดนั้นเองโมโมะก็เห็นแสงสว่างสีขาวพุ่งขึ้นมาจากบริเวณหนึ่งของสวนที่อยู่ไกลออกไปไม่มากนัก
“แอนน์!” โมโมะทำได้เพียงตะโกนร้องออกไปอีกครั้ง แสงสีขาวนั้นปรากฏขึ้นเพียงแค่ชั่วแว่บเดียวก่อนที่จะค่อยๆเลือนหายไป เมื่อนั้นเองที่ร่างของจิ้งจอกขยับได้ในที่สุด มันรีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โมโมะกำลังจะวิ่งออกไปตามหาแอนน์อยู่แล้วถ้าหากว่าไม่มีเสียงรถม้าดังมาจากทางด้านหลัง เมื่อรถม้าคันนั้นจอดสนิทอาเรนก็รีบวิ่งลงจากรถม้ามาหาโมโมะในทันที
“แอนน์หายไปไหนล่ะ โมโมะ?” อาเรนถามขึ้นทันทีเมื่อมองไปที่ม้านั่งแล้วไม่เห็นหญิงสาว เขามองเห็นแต่ผ้าคลุมที่เขาคลุมให้เธอก่อนจากไปเท่านั้น
“อย่าพึ่งให้ฉันอธิบายอะไรตอนนี้เลย...อาเรน ตอนนี้เรารีบไปกันก่อนเถอะ” โมโมะเอ่ยด้วยอาการร้อนรน แม้จะยังไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่จากน้ำเสียงของโมโมะก็ทำให้อาเรนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที เขาพยักหน้าให้กับโมโมะ ก่อนจะตั้งสมาธิเพื่อจับกลิ่นอายว่าแอนน์เดินหายไปทางไหนอย่างไม่รอช้า
“โมโมะเธอแปลงร่างกลับแล้วรีบขึ้นมาบนไหล่ของฉันเร็ว!” อาเรนพูดขึ้น โมโมะนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่จะพอเข้าใจว่าชายหนุ่มต้องการจะทำอะไร มันรีบแปลงร่างกลับแล้วกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของอาเรนโดยทันที
“เกาะแน่นๆล่ะ” อาเรนพูดขึ้นก่อนที่ใช้พลังของตน
โมโมะพยายามเกาะอยู่กับไหล่ของอาเรนให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ นาทีนั่นเองที่มันได้เห็นพลังของอาเรนเป็นครั้งแรก พลังนั้นก็คือความเร็วที่เหนือสิ่งผู้ใดของอาเรน ด้วยพลังนั้นทำให้ชายหนุ่มและจิ้งจอกน้อยเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนทำให้โมโมะรู้สึกราวกับว่าเวลากำลังหยุดนิ่ง มันรู้สึกราวกับว่ามันกำลังอยู่ในอีกมิติหนึ่ง รอบๆตัวของทั้งสองเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร
ทันใดนั้นอาเรนก็หยุดเคลื่อนที่อย่างกะทันหัน โมโมะกลับมามองเห็นภาพตรงหน้าได้อีกครั้ง คราวนี้มันอยู่ในบริเวณสวนที่แตกต่างออกไปจากเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าเพียงแค่อาเรนใช้เวลาชั่วแวบเดียวก็สามารถพาทั้งสองมาถึงเป้าหมายแล้ว โมโมะรีบกระโดดลงจากไหล่ของอาเรนโดยทันที ตอนแรกมันยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆจนกระทั่งมันหันไปเห็นเจ้าชายแห่งเดอะลาสเดสติเนชั่นยืนตาเบิกกว้างอยู่ โมโมะค่อยๆหันกลับมามองเบื้องหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อนั้นภาพที่มันมองเห็นก็ทำให้มันตกตตะลึงไปเหมือนกัน
“แอนน์!”
แอนนา เบลล์ยืนเหม่อลอยไม่ไหวติง หรือหญิงสาวนิ่งเงียบราวกับไม่รับรู้กับสิ่งใดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่รอบๆตัวเลยแม้แต่น้อย เบื้องหลังของเธอมีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยิ้มด้วยความพอใจอยู่
“แอนน์! เกิดอะไรขึ้น?” โมโมะกับอาเรนพากันตะโกนเรียกหญิงสาวด้วยเสียงอันดัง
แต่ทว่าหญิงสาวยังคงไม่รับรู้ถึงสิ่งใด มีเพียงเดอะมิลเลอร์ที่คลี่ยิ้มออกมาให้ทั้งสองเพียงเท่านั้น
“แกเป็นใครกัน?” อาเรนพูดพร้อมกับชักดาบขึ้นมา
“ใครๆก็เรียกฉันว่า “เดอะมิลเลอร์” ” ชายหนุ่มพูดเรียบๆ
โมโมะทำหน้าสงสัย ในขณะที่อาเรนทำหน้าตกใจ “แกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน? แกน่ะต้องอยู่กับ....”
“พอดีฉันมีธุระสำคัญกับผู้ถูกเลือกน่ะสิ” เดอะมิลเลอร์สวนด้วยท่าทางที่ไม่ใส่ใจนัก
“ปล่อยแอนน์ไปเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไว้อีกสักพักก็แล้วกันนะ...พอดีว่าฉันยังไม่เสร็จธุระกับผู้ถูกเลือกน่ะสิ” ว่าจบเดอะมิลเลอร์ก็รั้งร่างของหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขนทันที
อาเรนรู้ว่ายังไงการเจรจาต้องไม่ได้ผล เขาไม่รอช้ารีบใช้เวทย์มนต์เพื่อโจมตีฝั่งตรงตรงข้ามทันที
ในสายตาของโมโมะนั้นดูราวกับว่าอาเรนพึ่งจะหายตัวแล้วไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของเดอะมิลเลอร์แทบจะในทันทีเลยทีเดียว
“อ๊ะ!” โมโมะร้อง เมื่ออาเรนฟันดาบลงไปภาพของแอนน์กับเดอะมิลเลอร์ก็เลือนหายไปในทันที
“รีบร้อนกันจังเลยนะ...เดอะสปีด ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะสนใจพวกพ่อมดแม่มดที่นำทหารเข้ามาถล่มที่นี่มากกว่านะ” เดอะมิลเลอร์ปรากฏตัวอีกครั้งในขณะที่ยืนอยู่กลางอากาศพร้อมกับอุ้มแอนน์เอาไว้ในอ้อมแขน
“นายหมายความว่าไง?” อาเรนไม่เข้าใจ แต่เดอะมิลเลอร์ไม่ตอบในทันที เขาเพียงแต่ส่งสายไปยังงานเทศกาลที่อยู่ห่างออกเพียงเท่านั้น
“ว้าย..!”
“ช่วยด้วย!”
ทันใดนั้นทั้งอาเรนและโมโมะก็พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น ทั้งสองหันไปตามทิศทางของเสียงนั้นด้วยความตกใจก่อนที่จะพบว่าเสียงเหล่านั้นดังมาจากบริเวณที่จัดงานเทศกาล ยิ่งเงี่ยหูฟังมากขึ้นเท่าไหร่ก็รู้ได้ว่าความวุ่นวายโกลาหลกำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะเช่นเดียวกัน
“นี่แก...”
“อ๊ะ...ฉันไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเจ้าพวกนั้นหรอกนะ”
“พวกนั้นตั้งใจจะโจมตีที่นี่วันนี้งั้นรึ?” อาเรนร้องออกมาอย่างเจ็บใจ
“เจ้าทำใจสำหรับเรื่องนี้มาแล้วไม่ใช่หรือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ วินาทีที่ท่านให้ความช่วยเหลือผู้ถูกเลือกท่านก็ถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ดาร์คอาเธอร์ตัดสินว่าท่าน...ว่าเดอะลาสเดสติเนชั่นเป็นศัตรูไปซะแล้ว”
“อึก....” อาเรนไม่อาจเถียงคำใดได้ สิ่งที่เดอะมิลเลอร์เอ่ยออกมานั้นถูกต้องทุกอย่าง
“ถึงเวลาต้องเลือกซะแล้วสิ...เดอะสปีด ไม่ใช่สิเจ้าชายสินะ...” เดอะมิลเลอร์พูดขึ้นแล้วจึงหายตัวไปปล่อยให้อาเรนส่งสายตามองไปอย่างเคียดแค้น
อาเรนยืนแข็งเป็นหิน...ถ้าไล่ตามเดอะมิลเลอร์ไปในตอนนี้ก็อาจจะช่วยแอนน์ได้ แต่ประชาชนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือล่ะ เขาเป็นเจ้าชายแห่งเดอะลาสเดสติเนชั่น...อีกทั้งยังได้ยินเสียงอันเจ็บปวดของผู้คนใกล้ขนาดนี้แล้วเขาจะยังทิ้งไปได้อีกงั้นหรือ....
“โมโมะเธอรีบกลับไปที่ปราสาท บอกให้ทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ฉันขอฝากชินติดตามเดอะมิลเลอร์ไปเพื่อช่วยแอนน์แทนฉันด้วยล่ะ” อาเรนบอกไม่ถูกว่าเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยความรู้สึกเช่นไร
“เข้าใจแล้ว!” มันรับคำโดยทันที “แล้วอาเรนล่ะ?”
“พวกทหารที่ประจำการณ์คงไปที่งานเทศกาลแล้ว ฉันเองก็จะไปช่วยอีกแรง...ฉันทิ้งประชาชนของฉันอย่างนี้ไม่ได้ เข้าใจฉันหน่อยนะโมโมะ...เจ้าเองก็รีบไปเถอะก่อนที่จะไม่ทันการณ์”
“ฉันเข้าใจดี...” โมโมะพยักหน้าก่อนจะรีบพุ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้ทันที
อาเรนถอนหายใจยาวขณะที่ยกดาบขึ้นพร้อมกับเร่งพลังของตนเอง ถึงเวลาต้องเลือกงั้นเรอะ.... สุดท้ายเราก็ดันให้ชินไปช่วยแอนน์แทนซะได้ เราเลือกแล้ว.... เขาเลือกเดอะลาสต์เดิสติเนชั่น!!!!!!!
**********
“ที่นี่มัน...” ฉันพูดกับตัวฉันเอง พื้นดินสีแดง....ทรายละเอียดที่ถูกลมพัดวนไปมาในอากาศร้อนระอุอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ความแห้งแล้งและแสงแดดแผดเผาที่แสนจะคุ้นเคย ชั้นวางหนังสือที่วางเรียงกันอยู่นั้นดูชินตา
ใช่แล้ว...ที่นี่คือสถานที่ในความฝันของฉันเอง
“แต่ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ?” ฉันคิดขณะที่ออกเดิน แต่ในไม่ช้าภาพของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาภายในความทรงจำของฉัน
“ไวท์ลีฟออฟสตาร์...” ฉันเอามือแตะที่สร้อยคอ มันยังคงอยู่ดี แม้แต่ในความฝันมันก็ยังคงมีตัวตนอยู่ ความคิดนั้นทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจอยู่ไม่น้อย
“เดอะมิลเลอร์...” ชายหนุ่มผู้แสนเย็นชาคนนั้น
ทันใดนั้นฉันก็ชะงักฝีเท้า “เขาบอกว่าต้องการหนังสือ” ฉันขนลุกซู่ โดยไม่รู้ตัว “แล้วตอนนั้นเขาก็....” ฉันเอามือที่สั่นเทาของตนเองแตะที่ริมฝีปาก
“บ้าที่สุด!” ฉันสะบัดหน้าเหมือนจะไล่ภาพกับความรู้สึกนั้นให้หายไปจากความทรงจำทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่สามารถทำได้
“ฉันจะไม่มีวันยอมมอบหนังสือเล่มนั้นให้กับเดอะมิลเลอร์เด็ดขาด!” ฉันพูดขึ้น แล้วจึงรีบวิ่งออกไปที่ยังชั้นวางหนังสือที่วางเรียงรายอยู่ทันที
*********
“ดูให้เต็มตาสิผู้ถูกเลือก เธอไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในยูโทเปียได้หรอก ความหวังของยูโทเปียงั้นรึ....ไร้สาระสิ้นดี!” เดอะมิลเลอร์กล่าวขึ้นพลางมองไปยังเบื้องล่าง
ณ ตอนนี้พื้นที่จัดงานเทศกาลเบื้องล่างกำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงของคนร้องขอความช่วยดังไปทั่วทุกสารทิศ เสียงของดาบปะทะกัน เสียงดังแสบแก้วหูของการระเบิด ณ จุดที่เวทมนต์ปะทะกันกลางอากาศ เสียงดังกึกก้องเหล่านี้ฟังดูราวกับดังมาจากขุมนรก แต่ถึงกระนั้นร่างของหญิงสาวก็ยังนิ่งไม่ไหวติงแต่อย่างไร
“สักวันการตัดสินระหว่างพ่อมดแม่มดกับพวกนักเวทย์ก็จะต้องมาถึง...” เขากระซิบที่ข้างหูของแอนนา
“มาทำให้มันจบๆกันไปเลยดีกว่าไหม ผู้ถูกเลือก...”
“หยุดได้แล้วนะ...เดอะมิลเลอร์ เจ้ากำลังเดินทางผิดอยู่นะ!” จู่ๆก็มีเสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาจากร่างของแอนนา
เดอะมิลเลอร์ชะงักงัน เขามองไปที่ใบหน้าของแอนนา แต่ใบหน้านั้นยังคงเฉยเมยไม่รับรู้ถึงเรื่องราวใดๆ เธอยังไม่หลุดจากมนต์สะกดของเขานี่หน่า
“ปล่อยผู้ถูกเลือกไปซะ!” เสียงนั้นดังจากร่างของหญิงสาวจริงๆ แม้ว่าริมฝีปากของแอนนาขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อนั้นเดอะมิลเลอร์จึงตระหนักว่ายามนี้ร่างของแอนนาถูกบางสิ่งบางอย่างเข้าควบคุมซะแล้ว
“เจ้าเป็นใคร?”
“คิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ เดอะมิลเลอร์” แอนนาตอบกลับ
“....” เดอะมิลเลอร์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะกระซิบแทบลืมหายใจว่า “ไม่จริง เทพธิดางั้นเรอะ!”
“......” ร่างของแอนนาที่ถูกคนอื่นเข้าควบคุมอยู่นั้นไม่ได้แสดงอาการใดๆ
“เจ้ากำลังทำลายสมดุลอยู่นะ เดอะมิลเลอร์” เทพธิดาเอ่ยต่อมาราวกับไม่ได้ยินคำถามเมื่อครู่
“หึ....ใช่เทพธิดาจริงๆซะด้วยสินะ อะไรกันพึ่งจะเริ่มเดือดร้อนรึไง...”
“ฉันมาเตือนเธอต่างหาก ฉันรู้นะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำก็เพราะดิไอซ์”
“หุบปาก!” ชายหนุ่มตะคอกกลับ “ฉันจะให้ผู้ถูกเลือกมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!”
“นั้นคือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆงั้นรึ?”
“ใช่นะสิ”
“แม้ว่าจะเห็นใบหน้าของเด็กสาวคนนี้แล้ว....เจ้าก็ยังคิดที่จะเอาชีวิตเธออีกงั้นหรือ?”
“ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด”
“ลืมฉันแล้วเหรอ...ซาเกียร์” ขณะนั้นเองดวงตาของแอนนาที่เคยมีสีดำสนิทก็กลายมาเป็นสีฟ้าสดใส ส่วนเรือนผมสีเดียวกันก็กลับกลายมาเป็นสีขาวบริสุทธิ์
“โรวีน่า...” เสียงของเดอะมิลเลอร์ตกใจสุดขีด
“หึ สิ่งที่เธอคิดจะทำคือสิ่งใดกันแน่ สิ่งที่เดอะเปเปอร์ต้องการงั้นหรือ? ถ้าเจ้าทำในสิ่งที่เดอะเปเปอร์ต้องการแล้วเจ้าจะได้สิ่งที่ตนเองต้องการคืนมาจริงๆน่ะหรือ ตลอดมาเจ้าถูกหลอกใช้มาโดยตลอดต่างหากล่ะ” ในไม่ช้าสีผมและแววตาของแอนนาก็ค่อยๆกลับกลายเป็นสีดำดังเดิมอย่างที่ควรเป็น
“เธอคนนี้คือความหวังของยูโทเปีย...หากเจ้าทำลายเธอก็เท่ากับทำลายความหวังของยูโทเปีย”
ทันใดนั้นร่างของแอนน์ก็ขยับ มือทั้งสองของเธอยื่นมาผลักร่างของเดอะมิลเลอร์ด้วยแรงที่ชายหนุ่มไม่สามารถต้านเอาไว้ได้ เขาจำต้องปล่อยร่างของหญิงสาว แต่ที่น่าแปลก...ร่างของหญิงสาวยังคงลอยอยู่กลางอากาศ
“ฉันไม่สนหรอกว่ายูโทเปียจะเป็นเช่นไร ฉันเพียงแค่ต้องการ...ต้องการเธอคืนมาเท่านั้นเอง”
“สิ่งที่เจ้าต้องการมันเป็นไปไม่ได้...”
“เดอะเปเปอร์จะทำให้มันเป็นไปได้....”
“เฮ้อ...ไม่ว่าฉันจะเกลี้ยกล่อมเอในตอนนี้อย่างไรก็คงไร้ผล ไม่ว่าอย่างไรฉันก็คงยกผู้ถูกเลือกคนนี้ให้เจ้าไม่ได้ เราคงต้องมารอดูกันต่อไป ว่าตอบจบของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร”
“คุณจะพนันกับผมงั้นรึ?” เดอะมิลเลอร์ถอนหายใจ การที่เทพธิดาปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้ทำให้เขาหวั่นใจอยู่ไม่น้อย แต่ในที่สุดชายหนุ่มก็เผยยิ้มออกมาจนได้
“แล้วเราจะได้รู้กันในไม่ช้า ซาเกียร์....” ใบหน้าของแอนนาที่ถูกเทพธิดาควบคุมอยู่เผยยิ้มลึกลับชนิดที่ตีความไม่ได้ออกมา ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวก็ร่วงลงสู่พื้นพิภพทันที
“พลังของฉันคงช่วยผู้ถูกเลือกได้แค่ตอนนี้เท่านั้น แต่หลังจากนี้จะเป็นจิตใจของเจ้าของร่างเองนะที่จะมาเป็นผู้ควบคุมร่างนี้ต่อไป ก็ต้องมาดูกันล่ะ...ว่าผู้ถูกเลือกผู้นี้จะสามารถเอาชนะมนตราของเดอะมิลเลอร์ได้หรือเปล่า ฉันเชื่อใจเธอนะ แอนนา เบลล์”
เสียงของแอนนาก้องสะท้อนไปในความมืด เดอะมิลเลอร์ได้แต่หรี่ตามองดูเธอจากไปอย่างเงียบๆ เขาไม่คิดจะไล่ตามหญิงสาวไปอีกแล้ว ในไม่ช้าชายหนุ่มก็ค่อยๆเลือนหายไปจากที่แห่งนั้นเช่นเดียวกัน
************
“หนังสือ....” ฉันพึมพำอย่างว้าวุ่น ขณะที่กำลังวิ่งไปตามชั้นหนังสือด้วยความกระวนกระวายใจ
“นั้นไง!” หนังสือเล่มนั้นยังคงนอนสงบนิ่งอยู่บนวางหนังสือชั้นหนึ่ง ฉันรีบวิ่งไปที่ชั้นหนังสือนั้นแล้วคว้าหนังสือมาไว้ในมือทันที
**********
ร่างของแอนนาที่กำลังดิ่งลงมาจากฟากฟ้านั้นค่อยๆลดความเร็วลงอย่างน่าอัศจรรย์ ในที่สุดหญิงสาวก็ลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามหญิงสาวยังคงยืนนิ่งขณะที่ดวงตามองไปอย่างไร้จุดหมาย
เมืองเงียบสงัดกว่าที่มันควรจะเป็น เทพธิดานำหญิงสาวมายังอีกฟากหนึ่งของเมืองที่ทหารยังคงบุกมาไม่ถึง แต่ที่นี่ก็คงจะสงบสุขอีกไม่นาน กองทัพของดาร์คอาเธอร์กำลังใกล้เข้ามาทุกที...ทางเดินไร้ผู้คน ประตูของทุกบ้านปิดสนิท ประชาชนคนอื่นๆเข้าไปหลบภัยในที่ปลอดภัยแล้ว ยามนี้ตามถนนมีเพียงเสียงประกาศเตือนภัยเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่เป็นระยะๆ
“พวกพ่อมดแม่มดบุกแล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนรีบตรงไปยังที่หลบภัยทันที ประกาศ....”
ในที่สุดแอนนาก็ค่อยๆเริ่มออกเดินเอื่อยเฉื่อยไปตามทาง เธอยังคงไม่รับรู้อะไร และแน่นอนว่าเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน
**********
ณ ที่หลบภัยใต้ดินของปราสาท ชินแทบจะนั่งไม่ติด ใจของเขาร้อนเป็นไฟ ข่าวเรื่องที่พ่อมดแม่มดบุกโจมตีทำให้ทุกคนต้องมาหลบภัย ณ ที่นี้ เขาพยายามจะออกไปต่อสู้แต่กลับถูกมาริคห้ามไว้
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจากตอนนั้นมากแล้ว แต่เขายังไม่ได้ข่าวของอาเรน โมโมะแล้วก็แอนน์เลย
“พวกเขาไม่เป็นไรหรอก อาเรนก็อยู่ด้วยนี่หน่า” แคทเธอรีนพยายามพูดปลอบชิน
“แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่ส่งข่าวมาอีกเล่า!” ชินตวาดกลับ แคทเธอรีนรู้สึกตกใจ เธอไม่เคยเห็นชินที่เงียบขรึมดูเป็นกังวลเช่นนี้มาก่อน
“เจ้าชาย...” มาริครีบรุดมาหาชินจากประตูอีกฟากด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น?” ชินรีบผุดลุกขึ้นทันที
“โมโมะครับ” มาริคพูดเพียงเท่านั้น ชินก็รีบวิ่งออกไปที่ประตูอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกยิง
“โมโมะ!” เขาร้องขึ้นทันทีเมื่อเห็นร่างของจิ้งจอกขาวที่เปรอะรอยเลือดไปทั่ว มันกำลังหอบแฮ่กเพราะวิ่งติดต่อกันไม่หยุดนับตั้งแต่แยกกับอาเรน
“เจ้าบาดเจ็บ!”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกชิน นี่มันเลือดของศัตรูทั้งนั้นล่ะ”
“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แล้วแอนน์ล่ะ?”
“สงครามเลยน่ะสิ ตอนนี้อาเรนกำลังต่อสู้อยู่ข้างนอก เขาให้ฉันมาส่งข่าวที่นี่” โมโมะรีบส่งบอกต่อข้อความตามที่ได้รับมอบหมายมาในทันที
“แอนน์ล่ะ โมโมะ อย่าบอกนะว่าอยู่สู้ข้างนอกเหมือนกัน!”
“แอนน์ถูกเดอะมิลเลอร์จับตัวไป” โมโมะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ว่าไงนะ!” ชินหน้าซีด จู่ๆทำไมเดอะมิลเลอร์ถึงมาปรากฏตัวในตอนนี้ คนๆนั้น...เป็นสมุนเอกของ...
“อาเรนบอกให้ชินรีบตามไปช่วยแอนน์ เพราะตอนนี้เขาจัดการกับพวกพ่อมดแม่มดอยู่ ชินรีบเข้าเถอะ...เราต้องรีบตามไปช่วยแอนน์แล้วนะ” โมโมะพูดพลางสะบัดหัว ถึงมันจะเหนื่อยมากเพียงใด แต่มันก็จะสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
“แล้วเธอไม่เป็นไรแน่นะ โมโมะ?” ชินเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง
“อื้อ ฉันไหวอยู่แล้วล่ะ...ยังไงฉันก็ต้องไปช่วยแอนน์ด้วยอยู่แล้ว” มันพูดพลางพยักหน้า
ชินไม่รอช้ารีบคว้าดาบขึ้นคาดเอวทันที พร้อมกันนั้นเขาก็รีบเรียกมาริคออกมาสั่งการทันที
“นายรีบส่งทหารออกไปช่วยอาเรนโดยเร็วที่สุด ให้กระจายทหารกองหนุนไปตามจุดต่างๆของเมืองผ่านทางท่อระบายน้ำก็แล้วกัน...พวกนั้นจะได้ไม่ทันรู้ตัว ไม่ต้องปราณีพวกมัน ที่นี่ยังไงเราก็ได้เปรียบกว่า จากนี้ฉันขอมอบหมายให้นายคอยสั่งการต่อก็แล้วกันนะ มาริค”
“เจ้าชายกำลังจะไปไหนเหรอครับ?”
“ผู้ถูกเลือกถูกจับตัวไป ฉันต้องรีบไปช่วยกลับมา ตอนนี้เธอคนนี้คือความหวังของยูโทเปียนะ..... ฝากที่เหลือด้วยนะมาริค เจ้าเป็นทหารเอกอีกคนของอาเรน ข้าเชื่อใจเจ้า!” เขาตบที่บ่าของชายหนุ่มค่อนข้างแรง
สุดท้ายมาริคก็ได้แต่โค้งคำนับตอบรับคำสั่งการนั้นด้วยสีหน้าอันเด็ดเดี่ยว “เข้าใจแล้วครับ เจ้าชายชิน”
“เรารีบไปกันเถอะโมโมะ!” ชินเอ่ยชวนก็ออกไปทางประตูอย่างไม่ลังเล คราวนี้ไม่มีใครห้ามเขาไว้อีกแล้ว แม้แต่แคทเทอรีนเองก็ตาม เธอทำเพียงแค่มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มไปด้วยสายตาที่เศร้าหมองเพียงเท่านั้น
ในไม่ช้าโมโมะและชินก้โผล่ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำแห่งหนึ่งภายในเมือง ทั้งสองเร้นกายหนีออกจากบริเวณสู้รบแล้วหลบเข้าไปในมุมมืดของเมืองในทันที ตอนนี้สิ่งที่ทั้งสองต้องทำคือช่วยเหลือแอนน์เท่านั้น
“โมโมะ เธอพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้แอนน์อยู่ที่ไหนแล้ว ถูกพาออกไปจากเมืองหรือยัง?”
“ยัง...ฉันรู้สึกได้ เรื่องดมกลิ่นฉันก็ไม่แพ้ใครหรอก แอนน์ยังอยู่ในเมืองนี้เพียงแต่อยู่ไกลออกไปสักหน่อย น่าจะอยู่อีกฟากนี้ของเมืองนี่ล่ะ” จิ้งจอกน้อยเอ่ยด้วยความมั่นใจ
“น่าแปลก.... ถ้าเดอะมิลเลอร์ต้องการตัวผู้ถูกเลือกจริง ก็ไม่น่าจะปล่อยให้แอนน์อยู่ที่นี่นานเกินไปแบบนี้ ช่างเถอะ...รีบนำทางไปเถอะโมโมะ”
“ทางนี้...” โมโมะพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งนำออกไปในทันที ชินตามไปอย่างไม่ลังเล
*********
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จนกระทั่งหญิงสาวเดินไปพบกับทหารฝ่ายตรงข้ามเข้าจนได้ แอนน์เพียงแต่ยืนนิ่งขณะที่ประจันหน้ากับทหารฝ่ายตรงข้าม ทหารกลุ่มนั้นมีจำนวนราวสิบคนได้ คนเหล่านี้เป็นกลุ่มแรกที่สามารถบุกรุกเข้ามาถึงส่วนนี้ของเดอะลาสเดสติเนชั่น
“แกเป็นใคร?” ทหารคนหนึ่งตะโกนถามขึ้น
“...”ไม่มีคำตอบจากร่างของหญิงสาว
“เฮ้ย! ฉันถามว่าแกนะเป็นใคร ชาวบ้านหรือไงกัน?” ทหารคนเดิมตะคอกซ้ำ แต่แอนนายังคงเงียบงัน
“ฮึ!ไม่ตอบงั้นรึ ยังไงก็คงเป็นพวกของเดอะลาสต์เดสติเนชั่น...เป็นนักเวทย์ทั้งนั้นแหละ ถ้าเป็นแบบนั้นแกก็อย่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเลย” ทหารผู้นั้นเงื้อดาบเพื่อที่จะฟาดฟันลงบนร่างของหญิงสาว ทันใดนั้นมือของแอนนาก็ยกขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน มือของหญิงกำแน่นอยู่ที่ข้อมือของทหารผู้นั้น แต่ที่น่ากลัวคือแรงของแอนนามีมากเสียจนทำเอาข้อมือของทหารคนแทบแตกเป็นชิ้นๆ ทหารผู้นั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุดดาบก็หลุดจากมือของทหารผู้นั้นไป
“ปล่อยฉันนะ!” ทหารคนนั้นแหกปากร้อง แต่ทว่ามือของแอนนายังคงบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ ทหารคนที่เหลือเอาแต่มองสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง ทุกคนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ป๊อก!” ในที่สุดเสียงของกระดูกหักก็ดังขึ้นเงียบๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของทหารผู้โชคร้ายนั้น
“ทุกคนบุก!” ทหารอีกคนร้องออกมาอย่างร้อนรนด้วยความกลัวมากกว่าความฮึกเหิม คนที่เหลือพากันชักดาบออกมา ก่อนจะพร้อมใจกันพุ่งเข้ามาหาแอนนาโดยทันที
แอนนากระโดดถอยหลังไปเพียงก้าวนึงก็สามารถหลบคมดาบทั้งหมดของทหารพวกนั้นได้อย่างปลอดภัย ท่าทางของเธอคล่องแคล่วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ทันใดนั้นหญิงสาวก็แบมือทั้งสองข้างออกมา เมื่อนั้นกระดาษก็ถูกเสกขึ้น ก่อนที่ในนาทีถัดมากระดาษเหล่านั้นจะกลายมาเป็นดาบกระดาษซึ่งตอนนี้นอนนิ่งสนิทในมือของเธอ
“พลังนั้นมัน...เดอะเปเปอร์!” ทหารคนหนึ่งร้องขึ้นด้วยความหวาดหวั่น
“เป็นไปไม่ได้...”
“พวกเราถอยกันก่อนดีไหม?”
แต่ทว่าแอนนากลับขยับตัวเสียก่อนแล้ว เธอกระชับดาบในมือก่อนจะพุ่งเข้าใส่ทหารคนนั้นอย่างไม่ลังเล เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็เข้าประชิดทหารคนนั้น พริบตาถัดมากว่าเขาจะรู้สึกตัวดาบกระดาษนั้นก็ถูกปาดเข้าลำคอของชายผู้นั้นจนเลือดพุ่งกระจายออกจากร่างเสียแล้ว เลือดแดงสดไหลท่วมจนซึมไปทั่วดาบกระดาษและร่างของหญิงสาว ไม่ต้องบอกก้รู้ว่าทหารผู้นั้นสิ้นลมหายใจลงไปอย่างง่ายดายซะแล้ว
“แก...”
“ฉันจะฆ่าแก!”
ทหารที่เหลือเมื่อเห็นเพื่อนของตนถูกฆ่าก็บุกเข้ามาอย่างไม่กลัวตายทันที แอนนาขยับดาบในมืออีกครั้ง ภายในไม่กี่นาทีหลังจากนั้นการต่อสู้ก็จบลง หญิงสาวสามารถหลบการโจมตีของทหารเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย และทุกครั้งที่เธอฟันดาบลงไปนั้นหมายถึงหนึ่งชีวิตจะต้องดับสิ้นลง
ดาบกระดาษที่เคยมีสีขาวบริสุทธิ์บัดนี้ชุ่มด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง ดาบกระดาษที่ถูกย้อมด้วยเลือด แม้จะทำเรื่องแบบนั้นลงไปแต่หญิงสาวก็ยังคงมีใบหน้าไร้อารมณ์อยู่เช่นเดิม เมื่อการต่อสู้จบลงแล้วแอนนาก็ทิ้งดาบกระดาษลงกับพื้นราวกับเป็นของหมดประโยชน์แล้วจึงออกเดินต่อไป เธอเดินต่อไปอย่างเหม่อลอยขณะที่ทิ้งร่างอันไร้วิญญาณของทหารนับสิบเอาไว้เป็นฉากหลัง
**********
“ฉันได้กลิ่นเลือดล่ะ....จำนวนมากด้วย กลิ่นมันอยู่ในทิศทางเดียวกับที่ที่แอนน์อยู่เลย” โมโมะพูดขึ้นด้วยความตระหนก ขณะนี้ทั้งมันและชินกำลังวิ่งไปตามทางเดินที่มืดมิด
“เกิดเรื่องอะไรข้างหน้าแน่ๆ รีบไปเถอะ!” น้ำเสียงของชินก็ร้อนรนไม่แพ้กัน
“อื้ม” โมโมะตอบรับพลางเร่งความเร็วของตนเองให้มากขึ้นอีก
ทันใดนั้นเองจิ้งจอกขาวที่วิ่งนำหน้าไปก็หยุดวิ่งโดยฉับพลัน
“ชิน!” น้ำเสียงของโมโมะทำให้ชินรู้สึกไม่ดีอย่างรุนแรง ชายหนุ่มรีบรุดมาทันที
“ชิน...ที่พื้นเปียกอะไรก็ไม่รู้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ นี่มันเลือดทั้งนั้นเลยนี่หน่า!” โมโมะก้มลงมองอุ้งเท้าของตน ก็พบว่ามันกำลังยืนอยู่บนกองเลือด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? โมโมะ....พ่นไฟออกมาหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าเรากำลังพบกับอะไรอยู่”
“ได้สิ....” โมโมะพ่นไฟออกมา เมื่อนั้นชินก็ยกมือขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน
“นี่มัน...” เสียงของชินยามนี้แทบจะเรียกได้ว่าตื่นตระหนกถึงที่สุด เสียงของเจ้าชายสั่นเครืออย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อเขามองเห็นสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยในที่สุด
ศพของทหารนอนเกลื่อนกลาดกระจายไปทั่วตามทางเดิน เหตุการณ์นองเลือดนี้คงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่เพราะเลือดบางส่วนยังคงไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่ถูกทำร้ายไม่มีหยุด กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้งไปหมด แม้ว่าชินจะเคยเจอเรื่องแบบนี้มาบ้างแต่เขาก็ไม่เคยเห็นการฆ่าฟันที่โหดร้ายถึงขนาดนี้มาก่อนเลย
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ?” เสียงของโมโมะบ่งบอกถึงความหวาดกลัวสุดขีด
“เหตุการณ์พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เอง...” ชินพึมพำ ตอนนี้เขาพอจะรวบรวมสติกลับมาได้บางส่วนแล้ว
“ทหารฝ่ายไหนกัน หรือว่า...”
“ไม่ นี่เป็นทหารจากพวกพ่อมดแม่มด ทหารของเราไม่ได้ใส่เครื่องแบบแบบนี้”
“ใครกันที่ทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้?”
“ฉันไม่รู้” ชินตอบอย่างจนปัญญา “ฉันไม่รู้จริงๆ”
“เดอะมิลเลอร์หรือเปล่า?” โมโมะร้องขึ้นมา
“เดอะมิลเลอร์จะฆ่าทหารพวกนี้ไปทำไมกัน” ชินขัดขึ้น แต่แล้วเขาก็เห็นของบางสิ่งบางอย่างจมอยู่ในกองเลือดจนได้
ชินค่อยๆคุกเข่าลงเก็บของสิ่งนั้นขึ้นมา ของสิ่งนั้นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อะไรน่ะ ชิน?”
ชินไม่อาจตอบออกมาเป็นคำพูดได้ เขาทำได้เพียงแค่ยื่นของสิ่งนั้นให้โมโมะเห็นด้วยตาของตนเองเพียงเท่านั้น
“ไม่จริง!” โมโมะร้องเสียงหลง
“ไม่มีใครมีอาวุธแบบนี้ได้ นอกจาก....”
“ต้องเป็นการเข้าใจผิด มันต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่ๆ แอนน์อาจจะแค่บังเอิญทำตกไว้นะ”
“ดาบกระดาษเล่มนี้ชุ่มไปด้วยเลือดถึงข้างในน่ะ พวกเราก็รู้กันอยู่ว่าทหารพวกนี้พึ่งถูกฆ่า ถ้าดาบเล่มนั้นมันตกเฉยๆละก็....”
“ชิน แอนน์จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” โมโมะทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มันเดาไม่ออกจริงๆว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“แอนน์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?” ชินพูดขึ้นพร้อมกับกำดาบกระดาษที่ตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดในมือเอาไว้แน่น
**********
แอนนาที่ตอนนี้ทั้งร่างเปรอะไปด้วยเลือดยังไงออกเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง ในที่สุดก็หญิงสาวยกมือขึ้นผลักบานประตูแล้วจึงก้าวเดินเข้าไปภายใน แสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องผ่านกระจกที่ถูกแกะสลักอย่างงามวิจิตรภายในโบสถ์นั้น ทำให้ภายในโบสถ์ไม่มืดจนเกินไปนัก ความเงียบบังเกิดขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับทะเลที่เงียบสงบก่อนที่จะมีพายุลูกใหญ่ผ่านมาอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าแท่นบูชา
“ปัง!” ทันใดนั้นเสียงของประตูโบสถ์ก็ดังขึ้น พ่อมดและแม่มดหลายคนกรูเข้ามาภายในโบสถ์ตามมาด้วยทหารอีกหลายสิบนาย ทั้งหมดพายืนกั้นประตูทางออกเอาไว้ไม่ให้หญิงสาวมีโอกาสหนีไปไหนได้
“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งกล้า... เจ้าคือผู้ถูกเลือกละสินะ” พ่อมดคนหนึ่งถามขึ้นพลางยกไม้เท้าเพื่อเตรียมร่ายมนต์
หญิงสาวเพียงแต่ยืนนิ่ง หยดเลือดที่ได้มาจากการต่อสู้เมื่อครู่ยังหยดไหลลงจากชายผ้าของเธอ ทหารบางคนที่เห็นถึงกลับกระเดือกน้ำลายลงคอ
“หึ” พ่อมดคนนั้นยิ้มกริ่ม ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการคำตอบอีกต่อไปแล้ว เขาท่องมนตราพร้อมกับร่ายเวทย์ใส่หญิงสาวในทันที
แอนนาขยับตัวเพียงนิดเดียวก็สามารถหลบเวทย์นั้นพ้น หลังจากนั้นเธอก็รีบใช้ความเร็วพุ่งเข้าหาตัวของพ่อมด แต่ทว่าพ่อมดผู้นั้นกลับใช้เวทมนต์ป้องกันตนเองอยู่ทำให้หญิงสาวไม่สามารถเข้าประชิดร่างนั้นได้ จังหวะนั่นเองพ่อมดก็รีบร่ายเวทมนต์อีก แต่แน่นอนว่าหญิงสาวยังคงหลบได้อย่างว่องไว
“ไวนักนะ เจอนี่หน่อยเป็นไง!” พ่อมดควงไม้เท้า “เวทย์ดึงดูด” เขากล่าว
ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ เวทย์ดึงดูดนั้นมีผลทำให้เธอขยับร่างกายไม่ได้ พ่อมดไม่ปล่อยให้ช่องว่างนั้นหลุดไปเขารีบร่ายคาถาเพลิงใส่ทันที พลังนั้นโดนร่างของหญิงสาวเข้าไปเต็มๆ
“นึกว่าจะแน่แค่ไหนกัน....” เมื่อเห็นว่าคาถาเพลิงพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามแล้ว พ่อมดก็คลายเวทย์ดึงดูดออก
ตอนนั้นเองพ่อมดก็รู้สึกเจ็บแปลบ อย่างไม่ทันรู้ตัวดาบกระดาษเล่มหนึ่งก็พุ่งทะลุจากแผ่นหลังของเขามาถึงด้านหน้าซะแล้ว พ่อมดคนนั้นถึงกลับกระอักเลือดเมื่อเขาเอี้ยวตัวกลับไปก็เห็นหญิงสาวถือดาบกระดาษปักร่างเขาอยู่
“นี่มัน...” ร่างของหญิงสาวที่รับการโจมตีจากพ่อมดเมื่อครู่พลันสลายกลายเป็นเศษกระดาษไปจนหมดซะอย่างนั้น
“ร่างปลอมรึ” พ่อมดคนนั้นพูดขึ้นเป็นประโยคสุดท้ายพร้อมๆกับที่แอนนากระชากดาบออก ร่างของพ่อมดก็ล้มลง เขากระตุกเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็นิ่งไป
“ทุกคนกระจายตัวกันออกไปเร็ว!”
พ่อมดแม่มดคนอื่นกับพวกทหารที่เหลือพากันกระจายไปโดยรอบในทันที ทุกคนยืนล้อมกันเป็นวงกลมโดยมีร่างของแอนนายืนนิ่งอยู่กลางวงล้อม
ยามนั้นเมฆเคลื่อนที่มาบดบังแสงของพระจันทร์เอาไว้อย่างแช่มช้า แอนนาเสกกระดาษขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน เธอทำให้กระดาษเหล่านั้นมีลักษณะเปรียบเสมือนมีดที่คบกริบ ส่วนพวกพ่อมดแม่มดก็เตรียมร่ายมนตราเอาไว้ ทหารที่เหลือต่างพร้อมใจกันยกอาวุธขึ้นมาไมว่าจะเพื่อโจมตีหรือป้องกันตัวก็ตามแต่ เมฆยังคงเคลื่อนที่ต่อไป.....เมื่อแสงสว่างของดวงจันทร์หวนกลับมาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเปิดฉากโจมตีกันโดยทันที
*********
ปล. บทนี้เนื้อหาพาเอาอารมณ์เปลี่ยจากบทก่อนแบบ 180 องศาเลยเนอะ แหะๆๆๆ มาลงช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ไปนิดนึงอ่า... ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน๊า
“เดอะมิลเลอร์!” ฉันร้องออกมาด้วยตกในสุดขีด
ผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าฉันในตอนนี้คือเดอะมิลเลอร์ไม่ผิดแน่ ชายหนุ่มรูปงามผู้เฉยชา ใบหน้าซีดขาวของเขา และดวงตาที่แลดูเลือดเย็นคู่นั้น ผมสีทองนั้นปลิวไสวไปตามสายลมที่พัดผ่านมา ตาสีนิลนั้นดูไร้ชีวิตชีวา เขายังดูเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกันไม่มีผิด แค่ได้มองเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาซะแล้ว เดอะมิลเลอร์...
ชายหนุ่มเผยยิ้มเล็กน้อย “เธอหาคำตอบได้รึยังล่ะ สาวน้อย...ว่าจะเลือกทางใด?” เขาพูดเบาก็จริง แต่ฉันกลับได้ยินคำพูดนั้นทุกถ้อยคำ
ฉันก้าวถอยหลังไป สายตาจ้องอยู่ที่เดอะมิลเลอร์อย่างไม่ไว้วางใจ ครั้งนี้ฉันสัมผัสได้ถึงความประสงค์ร้ายที่แผ่มาจากตัวเขาอย่างชัดเจน ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน...
“กลัวฉันแล้วรึไง รึว่า...เธอเจอคำตอบนั้นแล้ว”
“.....” ฉันไม่ตอบเขา ตอนนี้ฉันกำลังกลัวมากจริงๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะหนีไปจากผู้ชายคนนี้อย่างไรดี
“เจอแล้วสินะ” เขาตอบคำถามนั้นด้วยตนเอง เดอะมิลเลอร์ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันไม่อยากเจอนายอีก!” ฉันพูดออกมาจนได้ ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเดอะมิลเลอร์หมายความว่าอย่างไร...เจอสิ่งใดล่ะ อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการจากฉันกันแน่ เลือก....เลือกทางใดในเมื่อฉันยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
“เธอยังโกรธฉันเรื่องชานั้นหรือเปล่า?”
“ชานั่น...นายใส่อะไรในชาให้ฉันดื่มกันแน่” นี่คือที่มาของความฝันล่ะสินะ...ความฝันซ้ำๆที่ฉันไม่เคยเข้าใจ
“หึ...” เดอะมิลเลอร์ยังไม่เอ่ยตอบในทันที เขาเอาแต่ยิ้มเยาะใส่ฉัน
“นายโกหกฉันนี่.... ฉันจะไม่เชื่อคำพูดของนายอีกแล้ว อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”
“โกหกที่ไหนกัน...ฉันไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปในชานั้นจริงๆนี่หน่า” เขาพูด “ใบชานั้นมีเศษกระจกอยู่ต่างหาก”
“เศษกระจก?” ฉันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่... ฉันตั้งใจจะส่งเศษกระจกของฉันเข้าไปในตัวของเธอ เพื่อที่จะได้ล่วงรู้ความฝันของเธอ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเธอซ่อนอะไรไว้ แต่รู้สึกว่าปริมาณมันจะน้อยไปหน่อยนะ”
“นายจะล่วงรู้ความฝันของฉันไปทำไมกัน?....ที่สำคัญฉันไม่ได้ซ่อนอะไรไว้สักหน่อย”
“หึ ถ้าจะพูดให้เธอเข้าใจง่ายๆก็คือ ฉันแค่ต้องการจะเอาของที่เทพธิดาซ่อนเอาไว้ในหัวใจของเธอยังไงล่ะ” ชั่วพริบตาเดอะมิลเลอร์ก็เข้าถึงตัวฉันซะแล้ว เขาจับแขนฉันไว้แน่นจนฉันรู้สึกเจ็บ
“ของที่เทพธิดาซ่อนไว้!” ฉันรู้สึกตื่นตระหนก
“ใช่...หนังสือที่เธอพยายามเปิดมันอ่านนั่นยังไงล่ะ”
“หนังสือ!” สิ่งที่ฉันพยายามเปิดมันในความฝันทุกๆคืนเนี่ยนะ เทพธิดาซ่อนอะไรไว้ในตัวฉัน แล้วเดอะมิลเลอร์รู้ได้ยังไง นี่มันเกิดอะไรขึ้น...? ช่วยด้วย...ใครก็ได้รีบมาช่วยฉันทีเถอะ
“กระจกของฉันในตัวเธอคงมีปริมาณน้อยเกินไปหรือไม่พลังก็คงไม่เพียงพอที่จะเจาะเข้าไปในความฝันที่ลึกกว่านั้นของเธอได้ วันนี้ฉันเลยต้องมาหาเธอด้วยตัวฉันเองยังไงล่ะ”
“นายจะทำอะไรน่ะ!” ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด ฉันต้องหนี ฉันคิด แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะล่วงรู้ถึงความคิดของฉันเสียแล้ว
“คงต้องเพิ่มปริมาณกระจกขึ้นไปสักหน่อยแล้วมั้ง” ชั่วพริบตานั้นเดอะมิลเลอร์ก็ฉุดเพื่อรั้งให้ฉันเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว และก่อนที่ฉันจะคาดคิดเขาก็ก้มลงประกบริมฝีปากของฉันเอาไว้ทันที
ฉันพยายามดิ้นสุดแรงเกิด แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของชายหนุ่มผู้นั้นได้ บางสิ่งบางอย่างถูกถ่ายทอดมาสู่ฉันอย่างที่ฉันไม่อาจต้านทานได้ ฉันทั้งรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกโกรธ และรู้สึกเสียใจ แต่ในไม่ช้าพลังของเดอะมิลเลอร์ก็เหนือกว่า...ฉันหยุดดิ้นรนโดยพลัน ตาของฉันที่เคยเบิกกว้างค่อยๆหรี่ลงราวคนกำลังนอนหลับ สติค่อยๆเลือนรางไปเรื่อยๆ มือที่ผลักดันชายหนุ่มออกไปบัดนี้กลับตกห้อยอยู่ข้างตัว ในไม่ช้าเดอะมิลเลอร์ก็ถอนริมฝีปากออกไปในที่สุด เขาจ้องมองหญิงสาวที่สลบไปในอ้อมแขนด้วยความพอใจ
เมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่งเดอะมิลเลอร์ก็กระซิบเบาๆที่ข้างหูของหญิงสาว “ตื่นเถิด แอนนา เบลล์”
หญิงสาวผู้ไร้สติค่อยๆลืมตาขึ้นในที่สุด แต่ทว่าดวงตาสีดำสนิทของหญิงสาวกับเหม่อลอยไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
**********
จิ้งจอกเก้าหางยังคงขยับตัวไม่ได้ มันปรารถนาที่จะไล่ตามแอนน์ไปอย่างยิ่งยวดแต่ทำไม่ได้ มันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ทันใดนั้นเองโมโมะก็เห็นแสงสว่างสีขาวพุ่งขึ้นมาจากบริเวณหนึ่งของสวนที่อยู่ไกลออกไปไม่มากนัก
“แอนน์!” โมโมะทำได้เพียงตะโกนร้องออกไปอีกครั้ง แสงสีขาวนั้นปรากฏขึ้นเพียงแค่ชั่วแว่บเดียวก่อนที่จะค่อยๆเลือนหายไป เมื่อนั้นเองที่ร่างของจิ้งจอกขยับได้ในที่สุด มันรีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โมโมะกำลังจะวิ่งออกไปตามหาแอนน์อยู่แล้วถ้าหากว่าไม่มีเสียงรถม้าดังมาจากทางด้านหลัง เมื่อรถม้าคันนั้นจอดสนิทอาเรนก็รีบวิ่งลงจากรถม้ามาหาโมโมะในทันที
“แอนน์หายไปไหนล่ะ โมโมะ?” อาเรนถามขึ้นทันทีเมื่อมองไปที่ม้านั่งแล้วไม่เห็นหญิงสาว เขามองเห็นแต่ผ้าคลุมที่เขาคลุมให้เธอก่อนจากไปเท่านั้น
“อย่าพึ่งให้ฉันอธิบายอะไรตอนนี้เลย...อาเรน ตอนนี้เรารีบไปกันก่อนเถอะ” โมโมะเอ่ยด้วยอาการร้อนรน แม้จะยังไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่จากน้ำเสียงของโมโมะก็ทำให้อาเรนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที เขาพยักหน้าให้กับโมโมะ ก่อนจะตั้งสมาธิเพื่อจับกลิ่นอายว่าแอนน์เดินหายไปทางไหนอย่างไม่รอช้า
“โมโมะเธอแปลงร่างกลับแล้วรีบขึ้นมาบนไหล่ของฉันเร็ว!” อาเรนพูดขึ้น โมโมะนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่จะพอเข้าใจว่าชายหนุ่มต้องการจะทำอะไร มันรีบแปลงร่างกลับแล้วกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของอาเรนโดยทันที
“เกาะแน่นๆล่ะ” อาเรนพูดขึ้นก่อนที่ใช้พลังของตน
โมโมะพยายามเกาะอยู่กับไหล่ของอาเรนให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ นาทีนั่นเองที่มันได้เห็นพลังของอาเรนเป็นครั้งแรก พลังนั้นก็คือความเร็วที่เหนือสิ่งผู้ใดของอาเรน ด้วยพลังนั้นทำให้ชายหนุ่มและจิ้งจอกน้อยเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนทำให้โมโมะรู้สึกราวกับว่าเวลากำลังหยุดนิ่ง มันรู้สึกราวกับว่ามันกำลังอยู่ในอีกมิติหนึ่ง รอบๆตัวของทั้งสองเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร
ทันใดนั้นอาเรนก็หยุดเคลื่อนที่อย่างกะทันหัน โมโมะกลับมามองเห็นภาพตรงหน้าได้อีกครั้ง คราวนี้มันอยู่ในบริเวณสวนที่แตกต่างออกไปจากเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าเพียงแค่อาเรนใช้เวลาชั่วแวบเดียวก็สามารถพาทั้งสองมาถึงเป้าหมายแล้ว โมโมะรีบกระโดดลงจากไหล่ของอาเรนโดยทันที ตอนแรกมันยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆจนกระทั่งมันหันไปเห็นเจ้าชายแห่งเดอะลาสเดสติเนชั่นยืนตาเบิกกว้างอยู่ โมโมะค่อยๆหันกลับมามองเบื้องหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อนั้นภาพที่มันมองเห็นก็ทำให้มันตกตตะลึงไปเหมือนกัน
“แอนน์!”
แอนนา เบลล์ยืนเหม่อลอยไม่ไหวติง หรือหญิงสาวนิ่งเงียบราวกับไม่รับรู้กับสิ่งใดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่รอบๆตัวเลยแม้แต่น้อย เบื้องหลังของเธอมีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยิ้มด้วยความพอใจอยู่
“แอนน์! เกิดอะไรขึ้น?” โมโมะกับอาเรนพากันตะโกนเรียกหญิงสาวด้วยเสียงอันดัง
แต่ทว่าหญิงสาวยังคงไม่รับรู้ถึงสิ่งใด มีเพียงเดอะมิลเลอร์ที่คลี่ยิ้มออกมาให้ทั้งสองเพียงเท่านั้น
“แกเป็นใครกัน?” อาเรนพูดพร้อมกับชักดาบขึ้นมา
“ใครๆก็เรียกฉันว่า “เดอะมิลเลอร์” ” ชายหนุ่มพูดเรียบๆ
โมโมะทำหน้าสงสัย ในขณะที่อาเรนทำหน้าตกใจ “แกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน? แกน่ะต้องอยู่กับ....”
“พอดีฉันมีธุระสำคัญกับผู้ถูกเลือกน่ะสิ” เดอะมิลเลอร์สวนด้วยท่าทางที่ไม่ใส่ใจนัก
“ปล่อยแอนน์ไปเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไว้อีกสักพักก็แล้วกันนะ...พอดีว่าฉันยังไม่เสร็จธุระกับผู้ถูกเลือกน่ะสิ” ว่าจบเดอะมิลเลอร์ก็รั้งร่างของหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขนทันที
อาเรนรู้ว่ายังไงการเจรจาต้องไม่ได้ผล เขาไม่รอช้ารีบใช้เวทย์มนต์เพื่อโจมตีฝั่งตรงตรงข้ามทันที
ในสายตาของโมโมะนั้นดูราวกับว่าอาเรนพึ่งจะหายตัวแล้วไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของเดอะมิลเลอร์แทบจะในทันทีเลยทีเดียว
“อ๊ะ!” โมโมะร้อง เมื่ออาเรนฟันดาบลงไปภาพของแอนน์กับเดอะมิลเลอร์ก็เลือนหายไปในทันที
“รีบร้อนกันจังเลยนะ...เดอะสปีด ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะสนใจพวกพ่อมดแม่มดที่นำทหารเข้ามาถล่มที่นี่มากกว่านะ” เดอะมิลเลอร์ปรากฏตัวอีกครั้งในขณะที่ยืนอยู่กลางอากาศพร้อมกับอุ้มแอนน์เอาไว้ในอ้อมแขน
“นายหมายความว่าไง?” อาเรนไม่เข้าใจ แต่เดอะมิลเลอร์ไม่ตอบในทันที เขาเพียงแต่ส่งสายไปยังงานเทศกาลที่อยู่ห่างออกเพียงเท่านั้น
“ว้าย..!”
“ช่วยด้วย!”
ทันใดนั้นทั้งอาเรนและโมโมะก็พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น ทั้งสองหันไปตามทิศทางของเสียงนั้นด้วยความตกใจก่อนที่จะพบว่าเสียงเหล่านั้นดังมาจากบริเวณที่จัดงานเทศกาล ยิ่งเงี่ยหูฟังมากขึ้นเท่าไหร่ก็รู้ได้ว่าความวุ่นวายโกลาหลกำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะเช่นเดียวกัน
“นี่แก...”
“อ๊ะ...ฉันไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเจ้าพวกนั้นหรอกนะ”
“พวกนั้นตั้งใจจะโจมตีที่นี่วันนี้งั้นรึ?” อาเรนร้องออกมาอย่างเจ็บใจ
“เจ้าทำใจสำหรับเรื่องนี้มาแล้วไม่ใช่หรือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ วินาทีที่ท่านให้ความช่วยเหลือผู้ถูกเลือกท่านก็ถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ดาร์คอาเธอร์ตัดสินว่าท่าน...ว่าเดอะลาสเดสติเนชั่นเป็นศัตรูไปซะแล้ว”
“อึก....” อาเรนไม่อาจเถียงคำใดได้ สิ่งที่เดอะมิลเลอร์เอ่ยออกมานั้นถูกต้องทุกอย่าง
“ถึงเวลาต้องเลือกซะแล้วสิ...เดอะสปีด ไม่ใช่สิเจ้าชายสินะ...” เดอะมิลเลอร์พูดขึ้นแล้วจึงหายตัวไปปล่อยให้อาเรนส่งสายตามองไปอย่างเคียดแค้น
อาเรนยืนแข็งเป็นหิน...ถ้าไล่ตามเดอะมิลเลอร์ไปในตอนนี้ก็อาจจะช่วยแอนน์ได้ แต่ประชาชนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือล่ะ เขาเป็นเจ้าชายแห่งเดอะลาสเดสติเนชั่น...อีกทั้งยังได้ยินเสียงอันเจ็บปวดของผู้คนใกล้ขนาดนี้แล้วเขาจะยังทิ้งไปได้อีกงั้นหรือ....
“โมโมะเธอรีบกลับไปที่ปราสาท บอกให้ทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ฉันขอฝากชินติดตามเดอะมิลเลอร์ไปเพื่อช่วยแอนน์แทนฉันด้วยล่ะ” อาเรนบอกไม่ถูกว่าเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยความรู้สึกเช่นไร
“เข้าใจแล้ว!” มันรับคำโดยทันที “แล้วอาเรนล่ะ?”
“พวกทหารที่ประจำการณ์คงไปที่งานเทศกาลแล้ว ฉันเองก็จะไปช่วยอีกแรง...ฉันทิ้งประชาชนของฉันอย่างนี้ไม่ได้ เข้าใจฉันหน่อยนะโมโมะ...เจ้าเองก็รีบไปเถอะก่อนที่จะไม่ทันการณ์”
“ฉันเข้าใจดี...” โมโมะพยักหน้าก่อนจะรีบพุ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้ทันที
อาเรนถอนหายใจยาวขณะที่ยกดาบขึ้นพร้อมกับเร่งพลังของตนเอง ถึงเวลาต้องเลือกงั้นเรอะ.... สุดท้ายเราก็ดันให้ชินไปช่วยแอนน์แทนซะได้ เราเลือกแล้ว.... เขาเลือกเดอะลาสต์เดิสติเนชั่น!!!!!!!
**********
“ที่นี่มัน...” ฉันพูดกับตัวฉันเอง พื้นดินสีแดง....ทรายละเอียดที่ถูกลมพัดวนไปมาในอากาศร้อนระอุอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ความแห้งแล้งและแสงแดดแผดเผาที่แสนจะคุ้นเคย ชั้นวางหนังสือที่วางเรียงกันอยู่นั้นดูชินตา
ใช่แล้ว...ที่นี่คือสถานที่ในความฝันของฉันเอง
“แต่ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ?” ฉันคิดขณะที่ออกเดิน แต่ในไม่ช้าภาพของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาภายในความทรงจำของฉัน
“ไวท์ลีฟออฟสตาร์...” ฉันเอามือแตะที่สร้อยคอ มันยังคงอยู่ดี แม้แต่ในความฝันมันก็ยังคงมีตัวตนอยู่ ความคิดนั้นทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจอยู่ไม่น้อย
“เดอะมิลเลอร์...” ชายหนุ่มผู้แสนเย็นชาคนนั้น
ทันใดนั้นฉันก็ชะงักฝีเท้า “เขาบอกว่าต้องการหนังสือ” ฉันขนลุกซู่ โดยไม่รู้ตัว “แล้วตอนนั้นเขาก็....” ฉันเอามือที่สั่นเทาของตนเองแตะที่ริมฝีปาก
“บ้าที่สุด!” ฉันสะบัดหน้าเหมือนจะไล่ภาพกับความรู้สึกนั้นให้หายไปจากความทรงจำทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่สามารถทำได้
“ฉันจะไม่มีวันยอมมอบหนังสือเล่มนั้นให้กับเดอะมิลเลอร์เด็ดขาด!” ฉันพูดขึ้น แล้วจึงรีบวิ่งออกไปที่ยังชั้นวางหนังสือที่วางเรียงรายอยู่ทันที
*********
“ดูให้เต็มตาสิผู้ถูกเลือก เธอไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในยูโทเปียได้หรอก ความหวังของยูโทเปียงั้นรึ....ไร้สาระสิ้นดี!” เดอะมิลเลอร์กล่าวขึ้นพลางมองไปยังเบื้องล่าง
ณ ตอนนี้พื้นที่จัดงานเทศกาลเบื้องล่างกำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงของคนร้องขอความช่วยดังไปทั่วทุกสารทิศ เสียงของดาบปะทะกัน เสียงดังแสบแก้วหูของการระเบิด ณ จุดที่เวทมนต์ปะทะกันกลางอากาศ เสียงดังกึกก้องเหล่านี้ฟังดูราวกับดังมาจากขุมนรก แต่ถึงกระนั้นร่างของหญิงสาวก็ยังนิ่งไม่ไหวติงแต่อย่างไร
“สักวันการตัดสินระหว่างพ่อมดแม่มดกับพวกนักเวทย์ก็จะต้องมาถึง...” เขากระซิบที่ข้างหูของแอนนา
“มาทำให้มันจบๆกันไปเลยดีกว่าไหม ผู้ถูกเลือก...”
“หยุดได้แล้วนะ...เดอะมิลเลอร์ เจ้ากำลังเดินทางผิดอยู่นะ!” จู่ๆก็มีเสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาจากร่างของแอนนา
เดอะมิลเลอร์ชะงักงัน เขามองไปที่ใบหน้าของแอนนา แต่ใบหน้านั้นยังคงเฉยเมยไม่รับรู้ถึงเรื่องราวใดๆ เธอยังไม่หลุดจากมนต์สะกดของเขานี่หน่า
“ปล่อยผู้ถูกเลือกไปซะ!” เสียงนั้นดังจากร่างของหญิงสาวจริงๆ แม้ว่าริมฝีปากของแอนนาขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อนั้นเดอะมิลเลอร์จึงตระหนักว่ายามนี้ร่างของแอนนาถูกบางสิ่งบางอย่างเข้าควบคุมซะแล้ว
“เจ้าเป็นใคร?”
“คิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ เดอะมิลเลอร์” แอนนาตอบกลับ
“....” เดอะมิลเลอร์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะกระซิบแทบลืมหายใจว่า “ไม่จริง เทพธิดางั้นเรอะ!”
“......” ร่างของแอนนาที่ถูกคนอื่นเข้าควบคุมอยู่นั้นไม่ได้แสดงอาการใดๆ
“เจ้ากำลังทำลายสมดุลอยู่นะ เดอะมิลเลอร์” เทพธิดาเอ่ยต่อมาราวกับไม่ได้ยินคำถามเมื่อครู่
“หึ....ใช่เทพธิดาจริงๆซะด้วยสินะ อะไรกันพึ่งจะเริ่มเดือดร้อนรึไง...”
“ฉันมาเตือนเธอต่างหาก ฉันรู้นะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำก็เพราะดิไอซ์”
“หุบปาก!” ชายหนุ่มตะคอกกลับ “ฉันจะให้ผู้ถูกเลือกมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!”
“นั้นคือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆงั้นรึ?”
“ใช่นะสิ”
“แม้ว่าจะเห็นใบหน้าของเด็กสาวคนนี้แล้ว....เจ้าก็ยังคิดที่จะเอาชีวิตเธออีกงั้นหรือ?”
“ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด”
“ลืมฉันแล้วเหรอ...ซาเกียร์” ขณะนั้นเองดวงตาของแอนนาที่เคยมีสีดำสนิทก็กลายมาเป็นสีฟ้าสดใส ส่วนเรือนผมสีเดียวกันก็กลับกลายมาเป็นสีขาวบริสุทธิ์
“โรวีน่า...” เสียงของเดอะมิลเลอร์ตกใจสุดขีด
“หึ สิ่งที่เธอคิดจะทำคือสิ่งใดกันแน่ สิ่งที่เดอะเปเปอร์ต้องการงั้นหรือ? ถ้าเจ้าทำในสิ่งที่เดอะเปเปอร์ต้องการแล้วเจ้าจะได้สิ่งที่ตนเองต้องการคืนมาจริงๆน่ะหรือ ตลอดมาเจ้าถูกหลอกใช้มาโดยตลอดต่างหากล่ะ” ในไม่ช้าสีผมและแววตาของแอนนาก็ค่อยๆกลับกลายเป็นสีดำดังเดิมอย่างที่ควรเป็น
“เธอคนนี้คือความหวังของยูโทเปีย...หากเจ้าทำลายเธอก็เท่ากับทำลายความหวังของยูโทเปีย”
ทันใดนั้นร่างของแอนน์ก็ขยับ มือทั้งสองของเธอยื่นมาผลักร่างของเดอะมิลเลอร์ด้วยแรงที่ชายหนุ่มไม่สามารถต้านเอาไว้ได้ เขาจำต้องปล่อยร่างของหญิงสาว แต่ที่น่าแปลก...ร่างของหญิงสาวยังคงลอยอยู่กลางอากาศ
“ฉันไม่สนหรอกว่ายูโทเปียจะเป็นเช่นไร ฉันเพียงแค่ต้องการ...ต้องการเธอคืนมาเท่านั้นเอง”
“สิ่งที่เจ้าต้องการมันเป็นไปไม่ได้...”
“เดอะเปเปอร์จะทำให้มันเป็นไปได้....”
“เฮ้อ...ไม่ว่าฉันจะเกลี้ยกล่อมเอในตอนนี้อย่างไรก็คงไร้ผล ไม่ว่าอย่างไรฉันก็คงยกผู้ถูกเลือกคนนี้ให้เจ้าไม่ได้ เราคงต้องมารอดูกันต่อไป ว่าตอบจบของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร”
“คุณจะพนันกับผมงั้นรึ?” เดอะมิลเลอร์ถอนหายใจ การที่เทพธิดาปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้ทำให้เขาหวั่นใจอยู่ไม่น้อย แต่ในที่สุดชายหนุ่มก็เผยยิ้มออกมาจนได้
“แล้วเราจะได้รู้กันในไม่ช้า ซาเกียร์....” ใบหน้าของแอนนาที่ถูกเทพธิดาควบคุมอยู่เผยยิ้มลึกลับชนิดที่ตีความไม่ได้ออกมา ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวก็ร่วงลงสู่พื้นพิภพทันที
“พลังของฉันคงช่วยผู้ถูกเลือกได้แค่ตอนนี้เท่านั้น แต่หลังจากนี้จะเป็นจิตใจของเจ้าของร่างเองนะที่จะมาเป็นผู้ควบคุมร่างนี้ต่อไป ก็ต้องมาดูกันล่ะ...ว่าผู้ถูกเลือกผู้นี้จะสามารถเอาชนะมนตราของเดอะมิลเลอร์ได้หรือเปล่า ฉันเชื่อใจเธอนะ แอนนา เบลล์”
เสียงของแอนนาก้องสะท้อนไปในความมืด เดอะมิลเลอร์ได้แต่หรี่ตามองดูเธอจากไปอย่างเงียบๆ เขาไม่คิดจะไล่ตามหญิงสาวไปอีกแล้ว ในไม่ช้าชายหนุ่มก็ค่อยๆเลือนหายไปจากที่แห่งนั้นเช่นเดียวกัน
************
“หนังสือ....” ฉันพึมพำอย่างว้าวุ่น ขณะที่กำลังวิ่งไปตามชั้นหนังสือด้วยความกระวนกระวายใจ
“นั้นไง!” หนังสือเล่มนั้นยังคงนอนสงบนิ่งอยู่บนวางหนังสือชั้นหนึ่ง ฉันรีบวิ่งไปที่ชั้นหนังสือนั้นแล้วคว้าหนังสือมาไว้ในมือทันที
**********
ร่างของแอนนาที่กำลังดิ่งลงมาจากฟากฟ้านั้นค่อยๆลดความเร็วลงอย่างน่าอัศจรรย์ ในที่สุดหญิงสาวก็ลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามหญิงสาวยังคงยืนนิ่งขณะที่ดวงตามองไปอย่างไร้จุดหมาย
เมืองเงียบสงัดกว่าที่มันควรจะเป็น เทพธิดานำหญิงสาวมายังอีกฟากหนึ่งของเมืองที่ทหารยังคงบุกมาไม่ถึง แต่ที่นี่ก็คงจะสงบสุขอีกไม่นาน กองทัพของดาร์คอาเธอร์กำลังใกล้เข้ามาทุกที...ทางเดินไร้ผู้คน ประตูของทุกบ้านปิดสนิท ประชาชนคนอื่นๆเข้าไปหลบภัยในที่ปลอดภัยแล้ว ยามนี้ตามถนนมีเพียงเสียงประกาศเตือนภัยเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่เป็นระยะๆ
“พวกพ่อมดแม่มดบุกแล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนรีบตรงไปยังที่หลบภัยทันที ประกาศ....”
ในที่สุดแอนนาก็ค่อยๆเริ่มออกเดินเอื่อยเฉื่อยไปตามทาง เธอยังคงไม่รับรู้อะไร และแน่นอนว่าเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน
**********
ณ ที่หลบภัยใต้ดินของปราสาท ชินแทบจะนั่งไม่ติด ใจของเขาร้อนเป็นไฟ ข่าวเรื่องที่พ่อมดแม่มดบุกโจมตีทำให้ทุกคนต้องมาหลบภัย ณ ที่นี้ เขาพยายามจะออกไปต่อสู้แต่กลับถูกมาริคห้ามไว้
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจากตอนนั้นมากแล้ว แต่เขายังไม่ได้ข่าวของอาเรน โมโมะแล้วก็แอนน์เลย
“พวกเขาไม่เป็นไรหรอก อาเรนก็อยู่ด้วยนี่หน่า” แคทเธอรีนพยายามพูดปลอบชิน
“แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่ส่งข่าวมาอีกเล่า!” ชินตวาดกลับ แคทเธอรีนรู้สึกตกใจ เธอไม่เคยเห็นชินที่เงียบขรึมดูเป็นกังวลเช่นนี้มาก่อน
“เจ้าชาย...” มาริครีบรุดมาหาชินจากประตูอีกฟากด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น?” ชินรีบผุดลุกขึ้นทันที
“โมโมะครับ” มาริคพูดเพียงเท่านั้น ชินก็รีบวิ่งออกไปที่ประตูอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกยิง
“โมโมะ!” เขาร้องขึ้นทันทีเมื่อเห็นร่างของจิ้งจอกขาวที่เปรอะรอยเลือดไปทั่ว มันกำลังหอบแฮ่กเพราะวิ่งติดต่อกันไม่หยุดนับตั้งแต่แยกกับอาเรน
“เจ้าบาดเจ็บ!”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกชิน นี่มันเลือดของศัตรูทั้งนั้นล่ะ”
“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แล้วแอนน์ล่ะ?”
“สงครามเลยน่ะสิ ตอนนี้อาเรนกำลังต่อสู้อยู่ข้างนอก เขาให้ฉันมาส่งข่าวที่นี่” โมโมะรีบส่งบอกต่อข้อความตามที่ได้รับมอบหมายมาในทันที
“แอนน์ล่ะ โมโมะ อย่าบอกนะว่าอยู่สู้ข้างนอกเหมือนกัน!”
“แอนน์ถูกเดอะมิลเลอร์จับตัวไป” โมโมะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ว่าไงนะ!” ชินหน้าซีด จู่ๆทำไมเดอะมิลเลอร์ถึงมาปรากฏตัวในตอนนี้ คนๆนั้น...เป็นสมุนเอกของ...
“อาเรนบอกให้ชินรีบตามไปช่วยแอนน์ เพราะตอนนี้เขาจัดการกับพวกพ่อมดแม่มดอยู่ ชินรีบเข้าเถอะ...เราต้องรีบตามไปช่วยแอนน์แล้วนะ” โมโมะพูดพลางสะบัดหัว ถึงมันจะเหนื่อยมากเพียงใด แต่มันก็จะสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
“แล้วเธอไม่เป็นไรแน่นะ โมโมะ?” ชินเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง
“อื้อ ฉันไหวอยู่แล้วล่ะ...ยังไงฉันก็ต้องไปช่วยแอนน์ด้วยอยู่แล้ว” มันพูดพลางพยักหน้า
ชินไม่รอช้ารีบคว้าดาบขึ้นคาดเอวทันที พร้อมกันนั้นเขาก็รีบเรียกมาริคออกมาสั่งการทันที
“นายรีบส่งทหารออกไปช่วยอาเรนโดยเร็วที่สุด ให้กระจายทหารกองหนุนไปตามจุดต่างๆของเมืองผ่านทางท่อระบายน้ำก็แล้วกัน...พวกนั้นจะได้ไม่ทันรู้ตัว ไม่ต้องปราณีพวกมัน ที่นี่ยังไงเราก็ได้เปรียบกว่า จากนี้ฉันขอมอบหมายให้นายคอยสั่งการต่อก็แล้วกันนะ มาริค”
“เจ้าชายกำลังจะไปไหนเหรอครับ?”
“ผู้ถูกเลือกถูกจับตัวไป ฉันต้องรีบไปช่วยกลับมา ตอนนี้เธอคนนี้คือความหวังของยูโทเปียนะ..... ฝากที่เหลือด้วยนะมาริค เจ้าเป็นทหารเอกอีกคนของอาเรน ข้าเชื่อใจเจ้า!” เขาตบที่บ่าของชายหนุ่มค่อนข้างแรง
สุดท้ายมาริคก็ได้แต่โค้งคำนับตอบรับคำสั่งการนั้นด้วยสีหน้าอันเด็ดเดี่ยว “เข้าใจแล้วครับ เจ้าชายชิน”
“เรารีบไปกันเถอะโมโมะ!” ชินเอ่ยชวนก็ออกไปทางประตูอย่างไม่ลังเล คราวนี้ไม่มีใครห้ามเขาไว้อีกแล้ว แม้แต่แคทเทอรีนเองก็ตาม เธอทำเพียงแค่มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มไปด้วยสายตาที่เศร้าหมองเพียงเท่านั้น
ในไม่ช้าโมโมะและชินก้โผล่ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำแห่งหนึ่งภายในเมือง ทั้งสองเร้นกายหนีออกจากบริเวณสู้รบแล้วหลบเข้าไปในมุมมืดของเมืองในทันที ตอนนี้สิ่งที่ทั้งสองต้องทำคือช่วยเหลือแอนน์เท่านั้น
“โมโมะ เธอพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้แอนน์อยู่ที่ไหนแล้ว ถูกพาออกไปจากเมืองหรือยัง?”
“ยัง...ฉันรู้สึกได้ เรื่องดมกลิ่นฉันก็ไม่แพ้ใครหรอก แอนน์ยังอยู่ในเมืองนี้เพียงแต่อยู่ไกลออกไปสักหน่อย น่าจะอยู่อีกฟากนี้ของเมืองนี่ล่ะ” จิ้งจอกน้อยเอ่ยด้วยความมั่นใจ
“น่าแปลก.... ถ้าเดอะมิลเลอร์ต้องการตัวผู้ถูกเลือกจริง ก็ไม่น่าจะปล่อยให้แอนน์อยู่ที่นี่นานเกินไปแบบนี้ ช่างเถอะ...รีบนำทางไปเถอะโมโมะ”
“ทางนี้...” โมโมะพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งนำออกไปในทันที ชินตามไปอย่างไม่ลังเล
*********
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จนกระทั่งหญิงสาวเดินไปพบกับทหารฝ่ายตรงข้ามเข้าจนได้ แอนน์เพียงแต่ยืนนิ่งขณะที่ประจันหน้ากับทหารฝ่ายตรงข้าม ทหารกลุ่มนั้นมีจำนวนราวสิบคนได้ คนเหล่านี้เป็นกลุ่มแรกที่สามารถบุกรุกเข้ามาถึงส่วนนี้ของเดอะลาสเดสติเนชั่น
“แกเป็นใคร?” ทหารคนหนึ่งตะโกนถามขึ้น
“...”ไม่มีคำตอบจากร่างของหญิงสาว
“เฮ้ย! ฉันถามว่าแกนะเป็นใคร ชาวบ้านหรือไงกัน?” ทหารคนเดิมตะคอกซ้ำ แต่แอนนายังคงเงียบงัน
“ฮึ!ไม่ตอบงั้นรึ ยังไงก็คงเป็นพวกของเดอะลาสต์เดสติเนชั่น...เป็นนักเวทย์ทั้งนั้นแหละ ถ้าเป็นแบบนั้นแกก็อย่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเลย” ทหารผู้นั้นเงื้อดาบเพื่อที่จะฟาดฟันลงบนร่างของหญิงสาว ทันใดนั้นมือของแอนนาก็ยกขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน มือของหญิงกำแน่นอยู่ที่ข้อมือของทหารผู้นั้น แต่ที่น่ากลัวคือแรงของแอนนามีมากเสียจนทำเอาข้อมือของทหารคนแทบแตกเป็นชิ้นๆ ทหารผู้นั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุดดาบก็หลุดจากมือของทหารผู้นั้นไป
“ปล่อยฉันนะ!” ทหารคนนั้นแหกปากร้อง แต่ทว่ามือของแอนนายังคงบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ ทหารคนที่เหลือเอาแต่มองสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง ทุกคนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ป๊อก!” ในที่สุดเสียงของกระดูกหักก็ดังขึ้นเงียบๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของทหารผู้โชคร้ายนั้น
“ทุกคนบุก!” ทหารอีกคนร้องออกมาอย่างร้อนรนด้วยความกลัวมากกว่าความฮึกเหิม คนที่เหลือพากันชักดาบออกมา ก่อนจะพร้อมใจกันพุ่งเข้ามาหาแอนนาโดยทันที
แอนนากระโดดถอยหลังไปเพียงก้าวนึงก็สามารถหลบคมดาบทั้งหมดของทหารพวกนั้นได้อย่างปลอดภัย ท่าทางของเธอคล่องแคล่วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ทันใดนั้นหญิงสาวก็แบมือทั้งสองข้างออกมา เมื่อนั้นกระดาษก็ถูกเสกขึ้น ก่อนที่ในนาทีถัดมากระดาษเหล่านั้นจะกลายมาเป็นดาบกระดาษซึ่งตอนนี้นอนนิ่งสนิทในมือของเธอ
“พลังนั้นมัน...เดอะเปเปอร์!” ทหารคนหนึ่งร้องขึ้นด้วยความหวาดหวั่น
“เป็นไปไม่ได้...”
“พวกเราถอยกันก่อนดีไหม?”
แต่ทว่าแอนนากลับขยับตัวเสียก่อนแล้ว เธอกระชับดาบในมือก่อนจะพุ่งเข้าใส่ทหารคนนั้นอย่างไม่ลังเล เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็เข้าประชิดทหารคนนั้น พริบตาถัดมากว่าเขาจะรู้สึกตัวดาบกระดาษนั้นก็ถูกปาดเข้าลำคอของชายผู้นั้นจนเลือดพุ่งกระจายออกจากร่างเสียแล้ว เลือดแดงสดไหลท่วมจนซึมไปทั่วดาบกระดาษและร่างของหญิงสาว ไม่ต้องบอกก้รู้ว่าทหารผู้นั้นสิ้นลมหายใจลงไปอย่างง่ายดายซะแล้ว
“แก...”
“ฉันจะฆ่าแก!”
ทหารที่เหลือเมื่อเห็นเพื่อนของตนถูกฆ่าก็บุกเข้ามาอย่างไม่กลัวตายทันที แอนนาขยับดาบในมืออีกครั้ง ภายในไม่กี่นาทีหลังจากนั้นการต่อสู้ก็จบลง หญิงสาวสามารถหลบการโจมตีของทหารเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย และทุกครั้งที่เธอฟันดาบลงไปนั้นหมายถึงหนึ่งชีวิตจะต้องดับสิ้นลง
ดาบกระดาษที่เคยมีสีขาวบริสุทธิ์บัดนี้ชุ่มด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง ดาบกระดาษที่ถูกย้อมด้วยเลือด แม้จะทำเรื่องแบบนั้นลงไปแต่หญิงสาวก็ยังคงมีใบหน้าไร้อารมณ์อยู่เช่นเดิม เมื่อการต่อสู้จบลงแล้วแอนนาก็ทิ้งดาบกระดาษลงกับพื้นราวกับเป็นของหมดประโยชน์แล้วจึงออกเดินต่อไป เธอเดินต่อไปอย่างเหม่อลอยขณะที่ทิ้งร่างอันไร้วิญญาณของทหารนับสิบเอาไว้เป็นฉากหลัง
**********
“ฉันได้กลิ่นเลือดล่ะ....จำนวนมากด้วย กลิ่นมันอยู่ในทิศทางเดียวกับที่ที่แอนน์อยู่เลย” โมโมะพูดขึ้นด้วยความตระหนก ขณะนี้ทั้งมันและชินกำลังวิ่งไปตามทางเดินที่มืดมิด
“เกิดเรื่องอะไรข้างหน้าแน่ๆ รีบไปเถอะ!” น้ำเสียงของชินก็ร้อนรนไม่แพ้กัน
“อื้ม” โมโมะตอบรับพลางเร่งความเร็วของตนเองให้มากขึ้นอีก
ทันใดนั้นเองจิ้งจอกขาวที่วิ่งนำหน้าไปก็หยุดวิ่งโดยฉับพลัน
“ชิน!” น้ำเสียงของโมโมะทำให้ชินรู้สึกไม่ดีอย่างรุนแรง ชายหนุ่มรีบรุดมาทันที
“ชิน...ที่พื้นเปียกอะไรก็ไม่รู้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ นี่มันเลือดทั้งนั้นเลยนี่หน่า!” โมโมะก้มลงมองอุ้งเท้าของตน ก็พบว่ามันกำลังยืนอยู่บนกองเลือด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? โมโมะ....พ่นไฟออกมาหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าเรากำลังพบกับอะไรอยู่”
“ได้สิ....” โมโมะพ่นไฟออกมา เมื่อนั้นชินก็ยกมือขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน
“นี่มัน...” เสียงของชินยามนี้แทบจะเรียกได้ว่าตื่นตระหนกถึงที่สุด เสียงของเจ้าชายสั่นเครืออย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อเขามองเห็นสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยในที่สุด
ศพของทหารนอนเกลื่อนกลาดกระจายไปทั่วตามทางเดิน เหตุการณ์นองเลือดนี้คงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่เพราะเลือดบางส่วนยังคงไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่ถูกทำร้ายไม่มีหยุด กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้งไปหมด แม้ว่าชินจะเคยเจอเรื่องแบบนี้มาบ้างแต่เขาก็ไม่เคยเห็นการฆ่าฟันที่โหดร้ายถึงขนาดนี้มาก่อนเลย
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ?” เสียงของโมโมะบ่งบอกถึงความหวาดกลัวสุดขีด
“เหตุการณ์พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เอง...” ชินพึมพำ ตอนนี้เขาพอจะรวบรวมสติกลับมาได้บางส่วนแล้ว
“ทหารฝ่ายไหนกัน หรือว่า...”
“ไม่ นี่เป็นทหารจากพวกพ่อมดแม่มด ทหารของเราไม่ได้ใส่เครื่องแบบแบบนี้”
“ใครกันที่ทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้?”
“ฉันไม่รู้” ชินตอบอย่างจนปัญญา “ฉันไม่รู้จริงๆ”
“เดอะมิลเลอร์หรือเปล่า?” โมโมะร้องขึ้นมา
“เดอะมิลเลอร์จะฆ่าทหารพวกนี้ไปทำไมกัน” ชินขัดขึ้น แต่แล้วเขาก็เห็นของบางสิ่งบางอย่างจมอยู่ในกองเลือดจนได้
ชินค่อยๆคุกเข่าลงเก็บของสิ่งนั้นขึ้นมา ของสิ่งนั้นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อะไรน่ะ ชิน?”
ชินไม่อาจตอบออกมาเป็นคำพูดได้ เขาทำได้เพียงแค่ยื่นของสิ่งนั้นให้โมโมะเห็นด้วยตาของตนเองเพียงเท่านั้น
“ไม่จริง!” โมโมะร้องเสียงหลง
“ไม่มีใครมีอาวุธแบบนี้ได้ นอกจาก....”
“ต้องเป็นการเข้าใจผิด มันต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่ๆ แอนน์อาจจะแค่บังเอิญทำตกไว้นะ”
“ดาบกระดาษเล่มนี้ชุ่มไปด้วยเลือดถึงข้างในน่ะ พวกเราก็รู้กันอยู่ว่าทหารพวกนี้พึ่งถูกฆ่า ถ้าดาบเล่มนั้นมันตกเฉยๆละก็....”
“ชิน แอนน์จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” โมโมะทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มันเดาไม่ออกจริงๆว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“แอนน์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?” ชินพูดขึ้นพร้อมกับกำดาบกระดาษที่ตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดในมือเอาไว้แน่น
**********
แอนนาที่ตอนนี้ทั้งร่างเปรอะไปด้วยเลือดยังไงออกเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง ในที่สุดก็หญิงสาวยกมือขึ้นผลักบานประตูแล้วจึงก้าวเดินเข้าไปภายใน แสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องผ่านกระจกที่ถูกแกะสลักอย่างงามวิจิตรภายในโบสถ์นั้น ทำให้ภายในโบสถ์ไม่มืดจนเกินไปนัก ความเงียบบังเกิดขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับทะเลที่เงียบสงบก่อนที่จะมีพายุลูกใหญ่ผ่านมาอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าแท่นบูชา
“ปัง!” ทันใดนั้นเสียงของประตูโบสถ์ก็ดังขึ้น พ่อมดและแม่มดหลายคนกรูเข้ามาภายในโบสถ์ตามมาด้วยทหารอีกหลายสิบนาย ทั้งหมดพายืนกั้นประตูทางออกเอาไว้ไม่ให้หญิงสาวมีโอกาสหนีไปไหนได้
“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งกล้า... เจ้าคือผู้ถูกเลือกละสินะ” พ่อมดคนหนึ่งถามขึ้นพลางยกไม้เท้าเพื่อเตรียมร่ายมนต์
หญิงสาวเพียงแต่ยืนนิ่ง หยดเลือดที่ได้มาจากการต่อสู้เมื่อครู่ยังหยดไหลลงจากชายผ้าของเธอ ทหารบางคนที่เห็นถึงกลับกระเดือกน้ำลายลงคอ
“หึ” พ่อมดคนนั้นยิ้มกริ่ม ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการคำตอบอีกต่อไปแล้ว เขาท่องมนตราพร้อมกับร่ายเวทย์ใส่หญิงสาวในทันที
แอนนาขยับตัวเพียงนิดเดียวก็สามารถหลบเวทย์นั้นพ้น หลังจากนั้นเธอก็รีบใช้ความเร็วพุ่งเข้าหาตัวของพ่อมด แต่ทว่าพ่อมดผู้นั้นกลับใช้เวทมนต์ป้องกันตนเองอยู่ทำให้หญิงสาวไม่สามารถเข้าประชิดร่างนั้นได้ จังหวะนั่นเองพ่อมดก็รีบร่ายเวทมนต์อีก แต่แน่นอนว่าหญิงสาวยังคงหลบได้อย่างว่องไว
“ไวนักนะ เจอนี่หน่อยเป็นไง!” พ่อมดควงไม้เท้า “เวทย์ดึงดูด” เขากล่าว
ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ เวทย์ดึงดูดนั้นมีผลทำให้เธอขยับร่างกายไม่ได้ พ่อมดไม่ปล่อยให้ช่องว่างนั้นหลุดไปเขารีบร่ายคาถาเพลิงใส่ทันที พลังนั้นโดนร่างของหญิงสาวเข้าไปเต็มๆ
“นึกว่าจะแน่แค่ไหนกัน....” เมื่อเห็นว่าคาถาเพลิงพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามแล้ว พ่อมดก็คลายเวทย์ดึงดูดออก
ตอนนั้นเองพ่อมดก็รู้สึกเจ็บแปลบ อย่างไม่ทันรู้ตัวดาบกระดาษเล่มหนึ่งก็พุ่งทะลุจากแผ่นหลังของเขามาถึงด้านหน้าซะแล้ว พ่อมดคนนั้นถึงกลับกระอักเลือดเมื่อเขาเอี้ยวตัวกลับไปก็เห็นหญิงสาวถือดาบกระดาษปักร่างเขาอยู่
“นี่มัน...” ร่างของหญิงสาวที่รับการโจมตีจากพ่อมดเมื่อครู่พลันสลายกลายเป็นเศษกระดาษไปจนหมดซะอย่างนั้น
“ร่างปลอมรึ” พ่อมดคนนั้นพูดขึ้นเป็นประโยคสุดท้ายพร้อมๆกับที่แอนนากระชากดาบออก ร่างของพ่อมดก็ล้มลง เขากระตุกเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็นิ่งไป
“ทุกคนกระจายตัวกันออกไปเร็ว!”
พ่อมดแม่มดคนอื่นกับพวกทหารที่เหลือพากันกระจายไปโดยรอบในทันที ทุกคนยืนล้อมกันเป็นวงกลมโดยมีร่างของแอนนายืนนิ่งอยู่กลางวงล้อม
ยามนั้นเมฆเคลื่อนที่มาบดบังแสงของพระจันทร์เอาไว้อย่างแช่มช้า แอนนาเสกกระดาษขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน เธอทำให้กระดาษเหล่านั้นมีลักษณะเปรียบเสมือนมีดที่คบกริบ ส่วนพวกพ่อมดแม่มดก็เตรียมร่ายมนตราเอาไว้ ทหารที่เหลือต่างพร้อมใจกันยกอาวุธขึ้นมาไมว่าจะเพื่อโจมตีหรือป้องกันตัวก็ตามแต่ เมฆยังคงเคลื่อนที่ต่อไป.....เมื่อแสงสว่างของดวงจันทร์หวนกลับมาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเปิดฉากโจมตีกันโดยทันที
*********
ปล. บทนี้เนื้อหาพาเอาอารมณ์เปลี่ยจากบทก่อนแบบ 180 องศาเลยเนอะ แหะๆๆๆ มาลงช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ไปนิดนึงอ่า... ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน๊า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ