Tale of Utopia
เขียนโดย The_Paper
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.12 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) บทที่ 12 ปะทะดาร์คอาเธอร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 12 ปะทะดาร์คอาเธอร์
“ม่านเวทย์มนต์หายไปแล้ว!” อาเรนตะโกนบอกชินขณะที่ทั้งสองกำลังตะลุมบอนอยู่กับทหารฝ่ายตรงข้ามท่ามกลางสนามรบ
“หมายความว่าไง?” ชินตะโกนตอบ
“พวกเรามีพลังเหนือกว่าก็จริง แต่ไม่สามารถรบชนะได้อย่างเด็ดขาด เพราะไม่สามารถยกกองทัพเข้าไปในแพนดอร่าได้ยังไงล่ะ ม่านเวทมนต์ที่คุ้มครองแพนดอร่าไว้นั้นแข็งแกร่งมากเพราะฝีมือของนักเวทย์เหมือนพวกเรา”
“เดอะมิลเลอร์!” ชินเรียกชื่อนั้นออกมาอย่างโกรธแค้น พูดถึงนักเวทย์ที่ไปอยู่ฝ่ายดาร์คอาเธอร์เขาก็นึกออกอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น อีกทั้งเขายังไม่ลืมสิ่งที่เดอะมิลเลอร์ทำเอาไว้กับแอนน์อีกด้วย เขาคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าได้เจอกันอีกเขาจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปอีกแน่
“ใช่น่ะสิ....แต่ตอนนี้ม่านเวทมนต์นั้นมันหายไปแล้วน่ะสิ โอกาสของเรามาถึงแล้ว!”
“มันจะหายไปเองได้ยังไง?” ชินยังคงเต็มไปด้วยสงสัย เขากลัวว่านี่จะเป็นกับดักหรือเปล่า?
“นั้นสิ....ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ดูเหมือนม่านเวทมนต์จะไม่ได้หายไปเพราะถูกทำลายนะ แต่เจ้าของมนตราเป็นคนปลดผนึกเองมากกว่า”
ชินยังคงมองไปที่หอคอยด้วยสายตากังวลอยู่ดี ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเป็นพวกแอนน์กับคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ท้องฟ้าดูเหมือนจะยิ่งมืดลงทุกขณะทั้งๆที่กำลังจะใกล้รุ่งสางแล้วแท้ๆ
“ท้องฟ้า!” ชินพูดขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า อาเรนเองก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”
“ดาร์คอาเธอร์...” ชินกระซิบ “เร็วเถอะ! อาเรน...ไม่มีเวลาแล้ว ในเมื่อไม่มีม่านเวทมนต์อีกต่อไปแล้วพวกเราก็รีบบุกเข้าไปในแพนดอร่ากันเลยเถอะ”
อาเรนพยักหน้ารีบออกคำสั่งกับทหารทันที
**********
“ทำไมคุณถึงทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ลงไปได้ลงคอคะ?” ฉันถามพยายามใจดีสู้เสือ ทั้งๆที่ตอนนี้กลัวจนตัวสั่นไปหมดซะแล้ว
“หึ พวกนักเวทย์นั้นแหละที่ผิด....”
“คุณรู้รึเปล่าว่าสิ่งที่คุณทำ...ทำให้คนอื่นต้องเดือนร้อนกันมากแค่ไหน....”
“ทำไมฉันไปสนใจด้วยละ พวกที่ไร้ความสามารถน่ะยังไงก็เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้นเอง”
“คุณเป็นคนยุยงให้พวกพ่อมดแม่มดทำเรื่องแบบนี้ล่ะสินะ.... ทั้งนักเวทย์ทั้งพ่อมดแม่มดก็ที่ใช้เวทย์มนต์เหมือนกันแท้ๆ”
“หึ....เจ้าอย่ามาพูดเป็นอันขาดนะว่าพวกเราใช้พลังเหมือนกัน!” ดาร์คอาเธอร์ตะคอกเสียงดังมากจนฉันแทบขยับตัวไม่ได้เพราะความกดดันที่แผ่ออกมา
“พวกแม่มดพ่อมดคนอื่นๆน่ะก็พากันอ่อนแอกันจนเกินไปถึงขั้นไม่ยอมลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธ์ของตนเอง ฉันเลยเข้าควบคุมพวกนั้นมันซะเลย สุดท้ายแล้วพวกนั้นน่ะแหละที่จะต้องขอบคุณฉัน ฮ่าๆๆๆๆ”
“ควบคุม? คุณหมายความว่ายังไง?”
“ศาสตร์มืดนะ... ไม่ได้มีไว้ดูเล่นหรอกนะ พวกที่อ่อนแอก็ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว อย่างเช่น....คนอย่างฉันยังไงล่ะ?”
ฉันเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจเพราะคาดไม่ถึง “หมายความว่าทุกคนที่ต่อสู้ที่จริงแล้ว....ถูกคุณควบคุมอยู่อย่างนั้นเหรอเนี่ย?”
“ฉันไม่มีต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกหน่า ฉันแค่ควบคุมเฉพาะพวกที่ไปครองอาณาจักรอื่นๆเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นพวกพ่อมดแม่มดที่อยู่ในแพนดอร่าเองแล้วละก็....”
“ร้ายกาจที่สุด! คุณบ้าไปแล้วรึไง....ทำเหมือนคนเป็นสิ่งของได้ยังไงกัน คุณกำลังทำลายสมดุลแห่งยูโทเปียนะ คุณกำลังทำให้ทุกคนต้องเข่นฆ่ากันเอง ต้องเจ็บปวด ต้องล้มตายไปมากเท่าไหร่กัน!”
“ไม่เห็นจะสนใจเลย ยังไงๆพ่อมดแม่มดกับนักเวทย์ก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อยู่แล้ว”
“ไม่จริง....มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดแบบนั้น”
“หึ....งั้นฉันจะเล่าอะไรดีๆให้ฟังเอาไหม... แม่ของฉันเป็นแม่มด ส่วนพ่อนะเป็นนักเวทย์.....ตอนที่ฉันเกิดพี่ชายของท่านพ่อของฉันก็คือกษัตริย์แห่งมิดไนท์นั่นเอง แน่นอนว่าเขาเป็นพ่อมดมาจากเลือดผสมเหมือนกัน เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกเลยว่าไหม.....ที่ฉันซึ่งเป็นพี่ชายกลับเป็นพ่อมดแต่น้องชายที่เกิดมาทีหลังกลับเป็นนักเวทย์และได้รับการเชิดชูมากกว่าเสียอย่างนั้น
สุดท้ายแทนที่พ่อจะยกสมบัติให้ลูกคนโตอย่างฉัน กลับไปยกสมบัติให้น้องชายที่เป็นนักเวทย์ไปเสียนี่ เมื่อพี่ชายของท่านพ่อที่เป็นกษัตริย์แห่งมิดไนท์สิ้นไป พวกเขาก็ต้องเลือกทายาทเพื่อมาปกครองอาณาจักรมิดไนท์แทนซึ่งมันควรจะเป็นฉัน ลูกชายคนโตและยังเป็นพ่อมดอย่างฉัน แต่ท่านพ่อกลับแหกกฎแล้วให้นักเวทย์ที่เป็นน้องชายฉันขึ้นปกครองแทนหน้าตาเฉย น่าขันไหมล่ะ...
ตอนนั้นฉันแค้นใจมากจริงๆ เพราะท่านพ่อเองก็เป็นนักเวทย์ถึงไม่ไว้ใจฉันล่ะสินะ....ถึงได้ให้น้องชายของฉันปกครองอาณาจักรมิดไนท์แบบนั้น ทั้งๆที่ไม่เคยมีนักเวทย์คนไหนรับตำแหน่งนี้มาก่อน ฉันไม่มีทางยอมเด็ดขาด!”
“.....” ฉันเงียบกริบใจไม่อยากรู้เลยว่าดาร์คอาเธอร์ลงมือทำเช่นไรต่อไป
“ฉันก็เลยฆ่าน้องชายของตัวเองซะเลยน่ะสิ เห็นไหม...ฉันเก่งกว่าเห็นๆ ฉันต่างหากคือคนที่สมควรจะได้บัลลังก์ แต่สุดท้ายท่านพ่อกลับยังไม่ยอมยกบัลลังก์ให้ฉัน เขาออกคำสั่งเนรเทศฉัน และที่ร้ายที่สุดท่านพ่อก็ยกเมืองมิดไนท์ให้กับพ่อมดที่เป็นที่ปรึกษาสนิทแทน”
“นั้นเป็นเพราะท่านพ่อของคุณรู้ว่าคุณเป็นคนยังไงน่ะสิ คนที่ฆ่าได้แม้กระทั่งน้องชายของตัวเองจะมาปกครองบ้านเมืองได้อย่างไรกัน”
“หุบปากนะ! ท่านพ่อกลัวว่าฉันจะเก่งจนควบคุมไม่อยู่นะสิ กลัวฉันที่เป็นพ่อมดแต่กลับมีพลังมหาศาลมากกว่านักเวทย์บางคนเสียอีก แต่ถึงฉันจะถูกเนรเทศฉันก็หาหนทางกลับมาได้ในที่สุดอยู่ดี ฉันออกเดินทางไปทั่วจนกระทั่งได้มาพบกับคนๆหนึ่งเข้า.....”
ฉันหรี่ตาลงด้วยความสงสัย
“คนๆนั้นไม่เหมือนคนอื่น เธอไม่ยอมบอกฉันว่าเธอเป็นใครหรืออะไร เธอเพียงแต่ถามฉันเพียงคำถามเดียวว่า “ฉันอยากจะปกครองยูโทเปียหรือเปล่า อยากได้พลัง....อยากเหนือกว่าใครทุกคนใช่หรือเปล่า?” แน่นอนฉันต้องตอบว่าใช่อยู่แล้ว หลังจากนั้นเธอคนนั้นก็มอบอำนาจที่ยิ่งใหญ่ให้กับฉันก่อนที่จะจากไป
ศาสตร์มืด....สิ่งที่จะนำฉันไปสู่ความยิ่งใหญ่ ฉันกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมด้วยพลังที่ไม่ว่าใครก็ต้องสะพรึงกลัว คนๆแรกที่ฉันสังหารก็คือกษัตริย์แห่งแพนดอร่า...ท่านพ่อของฉันนั่นเอง”
“อะไรนะ....”
“หลังจากนั้นฉันก็ขึ้นครองเมืองแพนดอร่าแทน ความฝันของฉันกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว.....ฉันจะเป็นคนปกครองยูโทเปียเอง และฉันจะไม่ยอมให้นักเวทย์เป็นใหญ่ในยูโทเปียอีกต่อไปแล้วด้วย แม้แต่ผู้ถูกเลือกอย่างเธอ...เทพธิดาเองก็หยุดฉันไม่ได้เช่นเดียวกัน”
“มันคุ้มแล้วเหรอกับการขายวิญญาณให้กับปีศาจน่ะ” ไม่มีทางที่ฉันจะพูดเกลี้ยกล่อมดาร์คอาเธอร์ได้เลย แบบนี้มีแต่ต้องต่อสู้กันจนชนะกันไปข้างหนึ่งเพียงเท่านั้น
“กับพลังที่ได้มาไม่มีอะไรที่จะคุ้มค่าไปกว่านี้แล้ว....” ดาร์คอาเธอร์สะบัดไม้เท้าใช้พลังเวทย์ทำให้เศษกระจกที่ตกอยู่โดยรอบลอยขึ้นพร้อมกับหันปลายแหลมมาที่ฉัน
“ในฐานะตัวแทนของยูโทเปีย.....ฉันจะเป็นคนหยุดคุณเอง!” ฉันลงมือเสกกระดาษขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วนเตรียมรับมือ
ดาร์คอาเธอร์ยิ้มกริ่มขณะที่บังคับให้กระจกพุ่งมาหาฉันอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน ในขณะที่ฉันก็บังคับให้กระดาษพุ่งเข้าไปปะทะในทันทีเช่นเดียวกัน
**********
“แอนน์บุกเข้าไปถึงข้างในหอคอยแล้วหรือยังนะ?” โมโมะพูดขึ้นอย่างร้อนรน มันใช้พลังในการหลบหนีไปแล้วมากพอสมควร
“อย่างน้อยแผนของแอนน์ใช้ได้ผลล่ะนะ...” เอเรียสล้วงเอาสมุนไพรในกระเป๋ามาสมานแผลให้ตนเองและโมโมะ ร่างเลียนแบบที่อยู่กับเอเรียสถูกทำลายไปแล้ว เขาจึงไม่รอช้ารีบตามหาโมโมะแล้วตามมาสมทบเพื่อปกป้องร่างเลียนแบบร่างสุดท้ายเอาไว้
“พวกนั้นตามหาเรา ยิ่งกว่าอะไรดี....” เอเรียสกล่าวขึ้นพร้อมกับพยักหน้าไปทางร่างปลอมที่นั่งนิ่งอยู่
“อย่างไรก็ตามพวกเราคงต้านได้อีกไม่นานแน่ พวกนั้นมีเยอะเกินไป”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว!” โมโมะพูดขึ้นอย่างหนักแน่น
“อยู่นั่น....” เสียงของคนๆหนึ่งพูดขึ้น โมโมะกับเอเรียสรีบลุกยืนขึ้น เอเรียสหันไปคว้าร่างปลอมของแอนน์ ในขณะที่โมโมะรีบให้เอเรียสขี่หลังแล้ววิ่งไปทันที
ทั้งสองวิ่งหนีออกจากที่ซ่อนอย่างไม่คิดชีวิต ในที่สุดแม่มดคนหนึ่งก็ยิงพลังเวทย์เฉียดไปโดนเอเรียสเข้าจนได้ ชายหนุ่มร้องออกมาเจ็บปวดขณะที่ตัวเองกับร่างแอนน์ตัวปลอมล้มลงกับพื้นทันที โมโมะก็พลอยหยุดชะงัก ตอนนี้ทั้งสองกำลังถูกล้อมเสียแล้ว
“พวกแกหนีไม่รอดแน่...” พ่อมดคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับร่ายมนต์
โมโมะกับเอเรียสยืนนิ่งอึ้ง แต่ทันใดนั้นเองธนูดอกหนึ่งก็พุ่งมาปักที่กลางหลังของพ่อมดคนนั้น
“ชิน! อาเรน!” โมโมะตะโกนออกมาอย่างดีใจ
ชินกับอาเรนที่อยู่บนหลังม้าปรากฏตัวขึ้นอย่างทันการณ์พร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งที่ติดตามเข้ามาด้วย
“แอนน์!” ชินร้องอย่างตกใจเมื่อมองไปเห็นร่างที่ล้มอยู่ เขารีบกระโดดลงจากหลังม้าไปประคองทันที แต่พอเขามองร่างนั้นใกล้ๆจึงรู้สึกได้ว่านี่เป็นเพียงร่างเลียนแบบที่ทำจากกระดาษเท่านั้นเอง
“นี่มัน...”
“แอนน์ล่ะ?” ชินรีบถามโมโมะกับเอเรียสโดยไว
โมโมะได้แต่ทำท่าอึกอักไม่กล้าตอบออกไปตรงๆ นั่นทำให้ชินรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“แอนน์อยู่ไหนกันแน่?”
“ตอนนี้คงจะเข้าไปถึงยอดหอคอยแล้วล่ะ” เอเรียสเป็นคนตอบในที่สุด
“ว่าไงนะ! แอนน์เข้าไปเผชิญหน้ากับดาร์คอาเธอร์คนเดียวเนี่ยนะ!” ชินร้องออกมาอย่างตระหนก
แอนน์ไปที่นั่นคนเดียวได้ยังไงกัน แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อไปนั้นเอง ทหารของฝ่ายตรงข้ามกับพ่อมดแม่มดอีกกลุ่มหนึ่งก็โผล่ออกมาจากทุกทิศทาง
ทุกคนจับอาวุธขึ้นมาทันที ชินยกดาบขึ้นมา
“เจอกันอีกจนได้นะ...เจ้าชาย...”
“แบล็คฮาร์ท!” ชินร้องออกมาอย่างโกรธแค้น เพราะพ่อมดคนนี้นี่เองที่เข้ามาแย่งชิงบัลลังก์ของอาณาจักรฟรีดอมไป
“คราวนี้เจ้าชายอย่าคิดนะว่าจะโชคดีหนีไปได้เหมือนครั้งที่แล้วน่ะ”
“คนที่จะต้องพูดประโยคนั้นออกมามันคือฉันเองต่างหาก...” ชินโต้กลับไปในทันทีทั้งๆที่ใจของเขากำลังเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม
แอนน์....อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ ฉันจะต้องรีบไปช่วยเธอให้เร็วที่สุด!
**********
“ตึกตัก...ตึกตัก....” วินาทีที่เศษกระจกที่เต็มไปด้วยปลายแหลมคมจำวนนับไม่ถ้วนปะทะเข้ากับกระดาษมากมายที่ฉันแสกขึ้นมา ฉันรู้สึกราวกับเวลาได้ถูกหยุดลงอย่างไรอย่างนั้น ภาพที่ฉันจ้องมองอยู่เชื่องช้าลงจนกระทั่งฉันสามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แบบวินาทีต่อวินาที แม้แต่เสียงหัวใจของฉันได้ยามนี้ฉันก็ได้ยินมันชัดเจนอีกกว่าครั้งใด
ฉันรู้สึกไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันควรจะบรรยายความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไรดีนะ....
“หนังสือถูกเปิดออกแล้ว...” ฉันกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบาขณะที่ความรู้สึกปลื้มปิติหลั่งไหลเข้ามาในร่าง
“....” เศษกระจกบางชิ้นคมกริบเกินไปจนกระทั่งกระดาษของฉันไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้ ฉันเบี่ยงตัวหลบเศษกระจกชื้นนั้นได้อย่างง่ายดาย ไม่อย่างนั้นก็เสกกระดาษขึ้นมาอีกชิ้นที่แข็งแรงพอที่จะยับยั้งเศษกระจกที่มุ่งเข้ามาทำร้ายได้ ณ วินาทีนี้ทั้งความลังเล ความหวาดกลัว ความหวั่นไหวได้จากไปจนหมดแล้ว ที่ตรงนี้เหลือแต่เพียงตัวฉันที่เกิดใหม่แล้วเพียงเท่านั้น
ดาร์กอาเธอร์หยุดมองฉันอย่างพิจารณา เขาเองก็เป็นพ่อมดที่มีอำนาจแก่กล้าย่อมสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวฉัน แววตาของพ่อมดผู้ชั่วร้ายไม่มีวี่แววของการล้อเล่นเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว
“เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์นะ....ผู้ถูกเลือก การที่ได้มาเห็นคู่ต่อสู้มีพลังแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นกับตาตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากทีเดียว แต่เธอคงไม่คิดว่าพลังแค่นี้จะสามารถเอาชนะฉันได้หรอกนะ เวลาของเธอมีน้อยเกินไป...ผู้ถูกเลือก ไม่สิ...เดอะเปเปอร์ล่ะสินะ”
“คุณพูดถูก...ฉันไม่มีเวลาอีกแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าตนเองจะแพ้หรอก” ฉันเอ่ยตอบ
“เวลาของเธอจะจบลงด้วยน้ำมือของฉันนี่ล่ะ....ฮ่าๆๆๆ”
ฉันไม่ได้หวั่นไหวไปกับคำพูดของดาร์กอาเธอร์แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่พ่อมดพูดเป็นความจริง อย่างไรก็ตามฉันไม่คิดที่จะอยู่เฉยๆแน่ ฉันเลือกที่จะโจมตีก่อนจึงเสกธนูกระดาษจำนวนมากเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รอช้า ดาร์คอาเธอร์ยิ้มกริ่มขณะที่เหวี่ยงไม้เท้าของตนเองอยากไร้กังวล เมื่อนั้นก็เหมือนเงาดำมืดมาคว้าและปัดป้องธนูของฉันเอาไว้ได้หมด
“อึก....” ฉันไม่ยอมปล่อยให้ดาร์กอาเธอร์ลงมือ ฉันตัดสินใจเสกกระดาษจำวนมากขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่กระดาษเหล่านั้นจะต่อกันเป็นสายยาวจนกลายเป็นเชือกขนาดใหญ่ ฉันรีบบังคับมันให้พุ่งเข้าไปพันธนาการพ่อมดในทันที
“ยังอ่อนหัด...” ดาร์กอาเธอร์พูดอย่างดูถูก ก่อนจะใช้แรงของตนเองสะบัดออกจากพันธนาการของฉัน
“กรี๊ด!” แรงเหวี่ยงนั้นมีกำลังมากจนฉันคาดไม่ถึง ฉันที่จับอีกด้านของเชือกตัวปลิวจนกระเด็นไปชนผนังเข้าอย่างจัง นาทีนั้นฉันรู้สึกเหมือนทุบเข้าที่แผ่นหลังอย่างแรงจนรู้สึกจุกไปหมด
“ฟึ่บส์!” ข้างนอกนั่น...ร่างปลอมร่างสุดท้ายของฉันถูกทำลายลงซะแล้ว ฉันแข็งใจลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งไม่มีทางถอยซะแล้ว
“อ๊ะ..” เศษกระจกที่พื้นบาดเข้าที่มือของฉันจนเลือดไหลออกมา แต่ฉันไม่คิดที่จะสนใจ จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด...
ฉันเสกกระดาษขึ้นนับไม่ถ้วนอีกครั้งก่อนจะใช้พลังบังคับให้หมุนวนไปรอบๆคล้ายพายุ ส่วนดาร์คอาเธอร์ก็ยกไม้เท้าขึ้นมาก่อนที่เงามืดสีดำจะปรากฏขึ้นอีกครา พายุกระดาษสีขาวของฉันกับเงามืดสีดำทะมึนของพ่อมดพุ่งเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร สีขาวกับสีดำตัดกันจนดุวุ่นวาย....เงามืดของดาร์กอาเธอร์พายามที่จะสลายกระดาษของฉัน แต่ว่าฉันคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว คราวนี้ฉันถึงเสกกระดาษจำนวนมากเป็นพิเศษจำนวนมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเสกขึ้นมาเลยทีเดียว
ภายใต้พายุกระดาษภายในพายุนั้นยังมีกระดาษอยู่อีกจำนวนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ ถึงเวลาเป็นฝ่ายโจมตีอีกครั้งแล้ว
“รับมือ!” ฉันเอ่ยขณะที่พายุกระดาษอีกลูกพลันพุ่งออกมาจากท่ามกลางความโกลาหล ฉันใช้มันโจมตีใส่อีกฝ่ายทันที
“.....” ดาร์คอาเธอร์เคลื่อนตัวหลบพลังของฉันเป็นครั้งแรก เขาพยายามเรียกเงามืดของตนเองกลับมาแต่ก็ถูกกระดาษอีกส่วนหนึ่งของกักเอาไว้แล้ว สีหน้าของพ่อมดดูเหมือนจะโมโห เขาควงไม้เท้าของตนเองพร้อมกับร่ายมนต์บทใหม่ออกมา ฉันอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างออกมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเงาสีดำพุ่งออกมาจากไม้เท้านั้นอีกครั้ว แต่คราวนี้เงามืดพวกนั้นกลับมีรูปร่างที่แปลกไป
“เปลวไฟ!” ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจ และแล้วก็เป็นอย่างที่ฉันกลัว....เปลวไฟสีดำพวกนั้นเผาพายุกระดาษของฉันให้กลายเป็นเศษซากได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะลามมาหาตัวฉันด้วย ฉันรีบเสกปีกแล้วบินหนีไปตามสัญชาตญาณในทันที
“หึ...” ดาร์กอาเอร์ยิ้มกริ่มขณะที่เหวี่ยงไม้เท้าอีกครั้ง เมื่อนั้นเปลวไฟก็โหมแรงขึ้นจนฉันหนีไปทัน แย่แล้ว...เปลวไฟนั้นเข้ามาใกล้จนไหม้ปีกของฉันไปจนหมด ก่อนที่มันจะเข้ามาทำร้ายฉันได้ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง...ฉันเสกกระดาษแผ่นใหญ่ขึ้นมาเป็นโล่พันรอบตัวก่อนจะพุ่งออกมาจากวงล้อมเพลิงนั้นอย่างไม่มีทางเลือก
“แค่กๆๆ” ถึงจะหนีออกมาได้ แต่ฉันรู้สึกอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก เปลวไฟนั้นไม่ธรรมดา....
“หนีเก่งจริงนะ!”
“ใครหนีกัน!” ฉันสวนกลับขณะที่เสกร่างปลอมขึ้นมานับสิบร่างแล้วสั่งให้เข้าโจมตีดาร์กอาเธอร์อย่างไม่รอช้า
“ตัวจริงยังเอาชนะฉันไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับตัวปลอมพวกนี้กัน....” ภายในพริบตาร่างปลอมของฉันถูกทำลายไปหลายร่าง แต่ในที่สุดร่างนึงที่เหลือก็พุ่งเข้าไปจับตัวของดาร์คอาเธอร์เอาไว้ได้สำเร็จ
“สำเร็จ!” ฉันวิ่งเข้าไปโจมตี
“ไม่มีทาง....” ดาร์กอาเธอร์ตะโกนตอบขณะที่พยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของฉัน แต่ดูเหมือนเขาจะช้าไปซะแล้ว ฉันเสกกระดาษขึ้นมาเป็นดาบก่อนที่จะพุ่งเข้าไปแทงเข้าที่ร่างของพ่อมดอย่างรวดเร็ว
“ฉึก....” ดาบของฉันเสียบร่างนั้นจนมิดในขณะที่ร่างของดาร์คอาเธอร์กระตุกอย่างแรง ศีรษะของเขาจะตกลู่ลงส่วนฉันหอบหายใจ แต่ทว่าวินาทีถัดมาฉันก็รู้สึกแปลกๆ....แทนที่จิตสังหารของฝ่ายตรงข้ามจะหายไปแต่กลับกลายเป็นเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ฉันเอะใจจึงรีบปล่อยมือออกจากดาบกระดาษแต่ก็ช้าไปแค่เสี้ยววินาทีดาร์คอาเธอร์ที่น่าจะไม่สามารถต่อสู้ได้แล้วกลับยกมือขึ้นมาจับดาบกระดาษของฉันและมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้แน่นพร้อมๆกับที่เงาสีดำจำนวนมากพุ่งออกมาจากตัวเขา
“ฮ่าๆๆๆในที่สุดฉันก็จับตัวเธอไว้ได้แล้วสินะ ถามจริงๆเถอะเธอคิดว่าฉันจะมาเสียท่าเพราะของแบบนี้อย่างนั้นหรือไง?” ฉันใจหายวูบแต่ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก ดาบของฉันกำลังถูกพลังแห่งความมืดนั้นกลืนกินไปอย่างช้าๆ ฉันพยายามดิ้นหนีสุดแรงเกิดแต่มือที่จับฉันไว้อยู่นั้นแข็งแกร่งเกินไป และแล้วในไม่ช้าร่างปลอมก็ถูกกลืนกินไปด้วยเช่นกัน
“ไม่นะ.....” ฉันจะไม่ยอมถูกความมืดกลืนกินจนหายไปแบบนี้ ฉันเกร็งตัวพยายามรีดเร้นพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา จนกระทั่ง....
“ตูม!” ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงระเบิดขณะที่ตนเองกระเด็นออกมาจากเงามืดของดาร์กอาเธอร์ พ่อมดเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ แต่ก็พยายามเดินเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้ง
“....” ก่อนที่ฉันจะคิดได้ว่าควรอะไรทำอย่างไรต่อไป ร่างของดาร์คอาเธอร์ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงซะแล้ว วินาทีนั้นฉันยกมือขึ้นป้องกันโดยสัญชาตญาณ ตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ฉันไม่เคยใช้มาก่อน....มันคือพลังอะไรฉันก็ไม่สามารถบอกได้เหมือนกัน แต่ทว่ามันช่วยป้องกันไม่ให้ดาร์ดอาเธอร์เข้ามาถึงตัวฉันได้ ฉันเกร็งตัวพยายามใช้พลังที่ได้มาใหม่ป้องกันตนเองสุดชีวิต
“เธออยู่ธาตุลมงั้นรึ พลังแบบนี้คนหลายคนต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตกว่าจะสามารถใช้มันได้ น่าทึ่งจริงๆนะ แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพออยู่ดีนั่นแหละ!” สิ้นประโยคนั้นดาร์คอาเธอร์ก็พังทลายกำแพงที่ดูเหมือนจะมองไม่เห็นนั้นลงได้อย่างง่ายดาย ฉันรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้อย่างหมดรูป พลังของอีกฝ่ายดูจะเหนือกว่าฉันทุกด้านจริงๆ.... ฉันรู้สึกหมดหวังขณะที่ฝ่ามือของดาร์คอาเธอร์พุ่งเข้ามารวบคอของฉันเอาไว้อย่างที่ฉันไม่มีทางสู้
“ปล่อยฉันนะ!” ฉันกรีดร้องพร้อมกับดิ้นหนี แต่ก็ไร้ประโยชน์ พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป ฉันถูกฝ่ามือนั้นจับเอาไว้แน่นก่อนที่พ่อมดจะกระแทกตัวฉันลงกับพื้นจนฉันรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว
บ้าที่สุด! มือของเขาบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ฉันกำลังจะตายอย่างนั้นเหรอ...? ฉันคิดอย่างหวาดกลัวเมื่อมองไปเห็นแววตาที่โหดเหี้ยมของอีกฝ่าย เขาไม่คิดที่จะออมมือเลยแม้แต่น้อย ฉันทำได้แต่พยายามตะเกียดตะกายสุดฤทธิ์ ในไม่ช้าดวงตาของฉันเริ่มพร่าเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ก่อนที่สติสุดท้ายของฉันจะหลุดลอยไปทันใดนั้นฉันก็มองขึ้นไปบนเพดานที่ตอนนี้มีสีดำ ความคิดสุดท้ายของฉัน....ทางออกสุดท้ายของฉัน ฉันยกมือขึ้นมาอย่างยากลำบากก่อนที่จะใช้พลังอีกเป็นครั้งสุดท้าย
“....” โครงเหล็กที่ทำหน้าที่ค้ำยันเพดานของหอคอยนี้ไว้บางส่วนค่อยๆกลายเป็นกระดาษแล้ว ฉันที่กำลังจะหมดสติไปในไม่ช้าพยายามรีบทำสิ่งที่ตนเองคิดเอาไว้ให้สำเร็จโดยเร็ว และแล้วในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ....โครงเหล็กนั้นโครงหนึ่งพลันร่วงลงมาตรงที่ฉันกับดาร์อาเธอร์อยู่อย่างพอดิบพอดี
“อะไรน่ะ!” ดาร์คอาเธอร์อุทานก่อนจะรีบเผ่นหลบให้พ้นจากจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เขาปล่อยให้ฉันนั่งเอามือแตะที่ลำคอที่แดงช้ำพร้อมกับไอสำลักอยู่ไว้เพียงลำพัง
โครงเหล็กนั้นร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ฉันเองก็ต้องรีบหนีแต่กลับไม่สามารถเขยื้อนตัวได้ดั่งใจนึก....ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยกมือขึ้นมาแล้วรีดพลังสุดอย่างกำลัง ชั่วขณะนั้นฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าดวงตาและสีผมของฉันกำลังกลับเป็นของค่อยๆกลายเป็นสีฟ้าและสีเงินไปชตามลำดับ ตัวตนที่แท้จริงของฉันเปิดเผยตัวออกมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วโครงเหล็กที่กำลังหล่นลงมานั้นก็ค่อยๆกลายเป็นกระดาษไปหมดสิ้นก่อนที่จะร่วงหล่นลงมาทับร่างของฉันจนได้
“แฮ่กๆ” ฉันลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากพลางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อครู่ฉันใช้พลังเกินกำลังของตัวเองไปมากจริงๆ ดาร์คอาเธอร์ถอยไปตั้งหลักขณะที่จ้องฉันนิ่ง เขาทำหน้าเคร่งขรึมก่อนที่ตัดสินใจร่ายมนต์ชุดใหญ่ ฉันไม่มีแรงพอจะโจมตีได้อีกจึงได้แต่ตั้งท่ารับ
“คราวนี้....เธอไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือฉันไปได้แน่!” ดาร์คอาเธอร์เอ่ยก่อนที่ทันใดนั้นอีกาสีดำสนิทฝูงใหญ่ก็พลันบินลงมาจากฟากฟ้าที่มืดสนิทด้วยพลังของพ่อมด และแน่นอนว่าพวกมันกำลังพากันมุ่งมาที่ตัวฉัน
ฉันพยายามเสกกระดาษขึ้นมาต้านนกเพวกนั้นเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ฉับพลันนกพวกนั้นก็เข้ารุมล้อมฉันไว้จนฉันหลงทิศทางไปหมดรู้ตัวอีกทีร่างของฉันก็ถูกพาขึ้นไปกลางอากาศ ฉันพยายามจะดิ้นหนีแต่ทันใดนั้นเองดาร์คอาเธอร์ก็ชิงเสกเชือกสีดำที่แปลงมาจากนกพวกนั้นมาพันธนาการร่างของฉันเอาไว้อย่างหนาแน่นจนฉันไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้อีก
ฉันรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูกที่ทำไมตนเองถึงได้อ่อนแอขนาดนี้ ฉันควรจะเป็นความหวังของยูโทเปียแต่กลับกลายเป็นแบบนี้ ขณะนั้นเองดาร์อาเธอร์ก็เดินขึ้นมาอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมกับยิ้มเยาะอย่างสะใจสุดขีด เขาค่อยๆเดินขึ้นโดยใช้บันไดที่มีอีกาสีดำเหล่านั้นเป็นฐานให้
“เชื่อหรือยังล่ะ?....ว่าเธอไม่มีทางชนะฉันได้หรอก ผู้ถูกเลือก” เขาเอามือแตะคางฉัน
ฉันไม่ตอบ นอกจากสะบัดหน้าหนี ฉันจะยอมแพ้ได้อย่างไร...จะยอมให้ดาร์คอาเธอร์ผู้ชั่วร้ายคนนี้ทำตามใจชอบได้อย่างไรกัน
“รู้ไหมว่าทำไมเธอถึงไม่มีทางชนะ... ความมืดไงล่ะ ตราบใดที่มีแต่ความมืดฉันก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้”
“แสดงว่าที่ท้องฟ้าไม่ยอมสว่างสักที ก็ฝีมือแกงั้นสิ!” ฉันตะคอกกลับ
“หึ....ใช่แล้วล่ะ ที่นี่คือแพนดอร่า...ถิ่นของฉัน การที่พวกแกคิดจะมาชนะฉันในถิ่นของฉันมันเป็นการกระทำที่โง่เขลาแต่แรกอยู่แล้ว แน่นอนว่าพลังที่ฉันรวบรวมมาตอนนี้คงพอครอบคลุมได้แค่แพนดอร่าเท่านั้น แต่ในอนาคตฉันจะให้มันปกคลุมทั้งยูโทเปียเลย....คราวนี้รับรองได้ว่าบรรดานักเวทย์อย่างเธอจะต้องไม่มีซุกหัว ไม่มีทางเอาชนะฉันได้นอกจากหนีหัวซุกหัวซุนเท่านั้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเลือกที่นี่แต่ไม่ใช่มิดไนท์ล่ะ ที่นั้นท้องฟ้าเป็นกลางคืนตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ มันเพราะอะไรกัน...?”
“ฉันเกลียดที่นั่นที่สุด ความมืดที่เกิดขึ้นจากนักเวทย์ฉันไม่อยากได้หรอก...มิดไนท์เปรียบเสมือนตราบาปของพ่อมดแม่มดทุกคน”
“พลังของแกก็ทำได้แค่เพียงเป็นเงามืดที่ปกคลุมแพนดอร่าเอาไว้เท่านั้น ยูโทเปียแสนกว้างใหญ่พระอาทิตย์ยังคงสาดส่อง แกไม่มีทางปกครองยูโทเปียได้หรอก”
“ปากกล้านักนะ...เธอก็คงพูดได้แค่ตอนนี้ เพราะอีกไม่นานผู้ถูกเลือกก็จะหายไปตลอดกาล เทพธิดาก็ไม่สามารถทำอะไรฉันได้เหมือนกัน ตราบใดที่ฉันอยู่ในความมืด....”
“เหตุผลที่แกไม่ยอมออกจากหอคอย..ก็เพราะเรื่องนี้สินะ น่าสมเพชเป็นถึงผู้มีพลังยิ่งใหญ่แต่กลับต้องมากักขังตัวเองแบบนี้”
“ฉันจะฆ่าแกผู้ถูกเลือก ยูโทเปียจะต้องตกอยู่ในความมืดไปตลอดกาล!”
“ไม่มีวัน!” ฉันพูดพร้อมกับใช้พลังของสายลมอีกครั้งจนกระทั่งมือทั้งสองหลุดออกจากพันธนาการ และเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดนั้นเองฉันเสกดาบกระดาษขึ้นแล้วแทงเข้าไปยังร่างที่อยู่ตรงอย่างสุดแรงเกิด คราวนี้ฉันรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆสีแดงที่กำลังไหลออกมาใส่มือฉัน คราวนี้คงถูกแล้วสินะ...
ดาร์คอาเธอร์หยุดพูดก่อนจะบีบข้อมือที่กำดาบของฉันไว้แรงมากจนฉันต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันปล่อยมือออกจากดาบที่ยังคงเสียบคาร่างของพ่อมดเอาไว้อยู่ ดาร์คอาเธอร์ดึงดาบกระดาษของฉันออกมาจากไหล่ของตนเองอย่างไม่ยี่หร่ะ ก่อนที่จะคว้าคอฉันเอาไว้อีกครั้ง
“ตายซะเถอะแก...” เงามืดของดาร์คอาเธอร์พุ่งเข้ามาที่ตัวฉัน
“.ตึกตึก....ตึกตึก....” ฉันรับรู้ได้ว่าฉันกำลังจะตาย ถูกความมืดกลืนกินแล้วจางหายไป ฉันจะไม่มีวันได้พบกับทุกคนอีก ฉันจะถูกลืมตลอดกาล และยูโทเปีย ทุกคน...จะต้อง....
ไม่นะ...อย่างนี้ไม่เอา ใครก็ได้...ช่วยด้วย พลังฉันต้องการพลัง ในความมืดมิดเช่นนี้....ฉันต้องการแสงสว่าง
“แสงสว่าง....” ฉันกระซิบ ขณะที่รู้สึกได้ถึงสร้อยไวท์ลีฟที่ยังคงแนบอยู่กับเนื้อของฉัน เมื่อฉันก็ยิ้มออกมา ดาร์คอาเธอร์ได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ
“ยอมแพ้เถอะ...ยังไงซะแสงสว่างก็ไม่มีวันจางหายไปจากยูโทเปีย”
“อะไรน่ะ?”
“ไวท์ลีฟ!” ฉันตะโกน และวินาทีถัดมาแสงสว่างที่ได้รับมอบมาจากเอสคาราสก็แผลงฤทธิ์
สร้อยคอของฉันส่องแสงขึ้นมาในชั่วพริบตา ดาร์คอาเธอร์ที่ไม่ทันระวังตัวถูกแสงสว่างที่แสนบริสุทธิ์นั้นอาบเข้าไปอย่างเต็มๆ เขาปล่อยมือจากคอฉันอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสดงท่าทางที่แสนเจ็บปวดออกมา ฉันรู้ว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว
ฉันรีบพันธนาการตนเองเอาไว้กับดาร์คอาเธอร์ก่อนที่จะพาร่างของพ่อมดบินขึ้นไปด้านบนอย่างไม่รอช้า
“สลายไปเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันตะโกนก้องขณะที่ใช้พลังทำให้เพดานของหอคอยกลายเป็นกระดาษจนฉันกับดาร์คอาเธอร์พุ่งทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า
ร่างของเราทั้งสองคนอยู่กลางอากาศเหนือหอคอยแล้วแต่ยังคงอยู่ในเงามืดที่ดาร์คอาเธอร์สร้างขึ้นมา ฉันต้องบินขึ้นให้สูงขึ้นไปกว่านี้อีกสูงขึ้นไปกว่านี้ ระหว่างนั้นเหมือนดาร์คอาเธอร์จะพอรู้แล้วว่าฉันคิดจะทำอะไร เขาพยายามที่จะดิ้นหนีแต่แสงสว่างของไวท์ลีฟทำให้เขาทำอะไรไม่ได้มากนัก
“แกกำลังคิดจะทำอะไร?”
“ทำในสิ่งที่ต้องทำน่ะสิ”” ฉันเอ่ยตอบก่อนที่จะพาร่างของตนเองแล้วดาร์กอาเธอร์ทะลุเงามืดของมนต์ดำจนปรากฏตัวสู่ท้องฟ้ายามเช้าที่แสนงดงามในที่สุด
“ไม่นะ!....อ๊าก ร่างของฉัน ผิวของฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” ดาร์คอาเธอร์กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในทันทีที่ต้องเผชิญหน้ากับแสงของดวงตะวัน
“แกเคยบอกว่าภายใต้ความมืดฉันจะไม่มีวันชนะ แต่ตอนนี้...ฉันคงเอาชนะคุณได้สักทีนะ”
ฉันรั้งตัวของดาร์คอาเธอร์ไว้อย่างสุดความสามารถเท่าที่ฉันจะทำได้ แต่ก็รู้ดีว่าเวลาเหลือไม่มากพลังของไวท์ลีฟกำลังจะหมดลง ฉันมองเห็นจี้ไวท์ลีฟค่อยๆสลายตัวไป พลังของฉันเองก็กำลังจะ....
“พอแล้ว...แสงสว่าง เอาความมืดของฉันคืนมา หยุดนะ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” ดาร์คอาเธอร์ยังคงกรีดร้องไม่หยุด ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทนต่อไปอีกนานแค่ไหน แต่แล้วฉันก็มองเห็นความเปลี่ยนแปลงในที่สุด...
อย่างไม่น่าเชื่อแต่ความมืดที่ปกคลุมแพนดอร่ามาโดยตลอดกำลังค่อยๆจางหายไป แสงอาทิตย์สาดส่องมายังแพนดอร่าอีกครั้ง พลังของฉันไม่เหลือแล้ว.....เมื่อนั้นทั้งฉันและดาร์คอาเธอร์ที่ถูกแสงอาทิตย์เผาไปทั้งร่างก็ร่วงลงสู่เบื้องล่างอีกครั้ง แต่ทำไม...ฉันถึงได้รู้สึกถึงความอบอุ่นแบบนี้นะ แสงสว่างเริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นมากขึ้นทุกขณะ ท้องฟ้ายามเช้าที่แท้จริงกำลังจะเผยโฉมต่อหน้าทุกคน
สำเร็จแล้ว...ฉันคิด แสงสว่างกำลังจะกลับคืนมาอีกครั้ง
“แสงสว่างจะเผยความจริงทุกสิ่ง” ฉันกระซิบ
ในที่สุดดวงอาทิตย์ยามเช้าก็ฉายแสงไปทั่วอาณาจักรแพนดอร่า และทั่วทั้งยูโทเปีย จี้ไวท์ลีฟสลายไปจนหมดหลังจากที่ฉันใช้พลังไปจนหมดสิ้น ร่างของฉันก็ค่อยๆลอยลงมาถึงพื้นอย่างช้าๆพร้อมกับดาร์คอาเธอร์ที่เอาแต่นิ่งเงียบ ฉันแทบจะยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยเสียเหลือเกิน
เมื่อฉันมองไปยังดาร์คอาเธอร์ก็เห็นเขายังคงดิ้นทุรนทุรายอยู่เบื้องหน้าฉัน พ่อมดดำพยายามจะลากตัวเองกลับเข้าสู่เงามืดอีกครั้ง แต่ก็สายไปเสียแล้วจู่ๆร่างของเขาก็กลายเป็นหิน ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ดาร์คอาเธอร์?” หินก้อนนั้นมีดำสนิท แล้วพอมือของฉันไปแตะเข้ามันก็เปื่อยยุ่ยเป็นผุยผงราวกับขี้เลื้อยที่เหลือจากการเผาไหม้ไม่มีผิด ขณะที่ฉันยังเอาแต่ตกตะลึงสายลมที่บังเอิญพัดผ่านมาก็พาเอาฝุ่นละอองเหล่านั้นล่องลอยไปในอากาศจนหมด ฉันได้แต่ยืนนิ่งก่อนที่จะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง
ฉันทำสำเร็จแล้ว.. ภารกิจของฉันสำเร็จแล้ว ยูโทเปียปลอดภัยแล้ว ฉันมองดวงตะวันที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมกับกำสร้อยเอาไว้แน่น
“ขอบคุณมากนะคะไวท์ลีฟ องค์ราชินี..”
เวลาผ่านไปสักพักจนกระทั่งฉันตั้งสติกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว ฉันก็ยืนขึ้นอยู่เพียงลำพังบนยอดหอคอยที่พังทลายเฝ้ามองดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างเหม่อลอย
ตอนคิดถึงทุกคน...ชิน...โมมะ... ยูโทเปีย...
นี่หมายความว่าฉันทำภารกิจสำเร็จแล้วสินะ...ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า....?
“แอนนาเบลล่าโรวีน่า!” จู่ๆก็มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังฉัน
ฉันสะดุ้งเบาๆ แต่ก็จำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินเพียงไม่กี่ครั้ง ฉันกลั้นหายใจก่อนที่จะหันหลังกลับไป
ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งที่อายุราวคราวเดียวกับฉันยืนอยู่เบื้องหน้าฉัน เธอมีใบหน้างดงามขาวบริสุทธิ์และดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ผมของเธอมีสีขาวราวกับหิมะ แววตาสีทองทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ ยามนี้เธออยู่ในชุดสีขาวล้วนที่แสนบริสุทธิ์ และกำลังส่งยิ้มให้กับฉัน
“เทพธิดา...” ฉันกระซิบ
หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าให้ฉันอย่างช้าๆ
**********
ปล. โอ๊ย...หายหน้าไปนาน แหะๆๆ เขียนฉากต่อสู้บทนี้บทเดียวเหนื่อยกว่าเขียนบทดราม่าหลายๆตอนซะอีก ตอนหน้าก็จะเป็นบทสุดท้ายซะแล้ว T^T….อย่าลืมติดตามกันต่อจนน๊า
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าจ้า....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ