วงกต~~ดอกเหมย
เขียนโดย วสันต์สีเงิน
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 12.05 น.
แก้ไขเมื่อ 12 กันยายน พ.ศ. 2556 09.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) แรกพบพักตร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~~~แรกพบพักตร์~~~
“เร็วเข้า ตงตง อารามร้างอยู่ข้างหน้านี่เอง”
ซุ่มเสียงไม่อาจระบุเพศดังขึ้นจากร่างสูงโปร่ง ดูไปกลับคลับคล้ายบัณฑิตหนุ่มก็มิปาน ดังเร่งเร้า ร่างนั้นวิ่งพลางฉุดลากร่างเล็กบางของเด็กน้อยให้ปลิวตามท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำเท ทั้งที่เมื่อสองชั่วยามที่แล้ว แดดแทบจะเผาร่างให้ไหม้หมอด
“พี่อี้เฟย ข้าหนาวยิ่ง”
เสียงเด็กน้อยแหบพล่า เนื่องจากความหนาวเย็น เด็กน้อยอายุไม่เกิน 10-11 ขวบปี แต่งกายเยี่ยงชาวบ้านชนบททั่วไป ด้านหลังรั้งไว้ด้วยห่อผ้าขนาดเขื่อง ภายในบรรจุเต็มไปด้วยสารพัดรากไม้ ใบไม้ ดอกไม้ ที่ล้วนสามารถหุงต้มเป็นยาหลายสรรพคุณ
หนึ่งเติบใหญ่ หนึ่งทารก ต่างมุ่งหน้าไปที่พุ่มไม้ใหญ่ข้างหน้า มองเห็นเป็นอารามเก่าแก่ และร้างผู้คนหลังหนึ่ง หากทว่าท่ามกลางสายฝนที่เย็นเยียบแบบนี้ ต่อให้เป็นสถานที่ผุพังเยี่ยงไร ย่อมดีกว่าการยืนตากฝนข้างร่มไม่เป็นแน่
“อีกนิดน้องชาย อดทนอีกหน่อยน่ะตงตง”
เสียงใสปลอบพลางเร่งรุดไป จวบจนกระทั่งทั้งคู่ เข้าสู่อารามที่ดูดีเกือบจะมากกว่าโรงนาเก่าๆ เท่านั้น
สายฝนยังคงโหมกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา สรรพสัตว์คล้ายหลับนอน จึงพาลได้ยินเสียงสายพิรุณที่เทลงมาอย่างหนัก ทั้งสองเมื่อเข้ามาสู่ภายในของอารามร้างกลางป่านี้แล้ว ทางหนึ่งขนขวายหาฟืนมากองสุม ทางหนึ่งรีบเร่งจัดหินไฟ ไม่นานแสงไฟก็สว่างให้ความอบอุ่น ไล่ความหนาวเย็นออกไปอย่างแช่มช้า แสงขาวจ้าจากฟ้าแลบและเสียงครึ่กโครมของฟ้าร้อง ทำให้เขารู้ดีว่าอีกนานกว่าฝนนี้จะหยุด
“ข้าว่า วันนี้เราคงต้องพักแรมที่อารามร้างแห่งนี้เสียแล้วล่ะ ให้ฝนซาก่อนแล้วข้าจะออกไปหาอะไรมากินกัน หาไมคงต้องทนกินเจ้าเนื้อแห้งพันปีของเจ้า”
หยางอี้เฟยเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ แต่ก็อดสัพยอกเด็กน้อยตรงหน้าไม่ได้
เด็กน้อยพยายามเหยียดยิ้มอย่างยากเย็น ริมฝีปากซีดขาวจนเกือบเขียว เนื่องจากความหนาวเย็น ทั้งร่างเล็กก็สั่นเทาอย่างน่าสงสาร หยางอี้เฟยเห็นเช่นนั้นแล้วจึงเอื้อมไปหยิบเสื้อตัวนอกที่ตอนเข้ามาได้ถอดผิงไอร้อนจากกองไฟไว้นานแล้ว เมื่อจับดูจึงทราบว่าหมาดจนเกือบแห้งสนิดดีแล้ว มาคลุมให้เด็กชาย
“นอนเสียเถอะ อย่าหว่งเลย สักพักข้าจะปลุกเจ้ามากินอะไรอีกที”
หยางอี้เฟยกล่าวเบาเบา
เด็กน้อยกระชับเสื้อคลุมเข้าแนบตัว ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ร่างสูงมองฝ่าสายวฝนที่กระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา พลางทอดถอนใจ
วันนี้เขาตั้งใจจะมาเก็บสมุนไพรบนเขาแห่งนี้ เนื่องจากเสียงร่ำลือว่าที่แห่งนี้ มีพืชหายากอยู่อย่างมากมาย ส่วนหนึ่งตั้งใจเก็บเอาไปฝากอาเจ่กเล่งหง ที่เคารพสูงล้นพ้นยอดไม้ (หา.............----ไรท์เตอร์) และจะเก็บไปขาย หาลำไพ่พิเศษไปด้วย ดีกว่านอนเล่นอยู่กระท่อมน้อยกลางดงพุทราของตน แต่แล้วเมื่อเด็กน้อยเห็นย่ามใส่ของเท่านั้นก็กลับยึดถือเป็นของตนมิปาน สองมือเกี่ยวเก็บไว้แน่นเหนียว พร้อมยัดเยียดตนเองขอไปด้วย
“น่า...พี่อี้เฟย รับรองได้ว่า ข้าจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะเชื่อฟังคำท่านทุกอย่างเลย” เสียงเด็กน้อยกล่าวเสียงดังอย่างแข็งขัน
พร้อมทำตาวาวๆ คล้ายสุนัขออดอ้อนเจ้าของไปด้วย เขาสุดที่จะทานทนได้จึงยอมให้มา อากาศที่ดี สมุนไพรหายากที่กลับเจอะเจอง่ายดายในที่นี้ ก็ทำให้เพลิดเพลินไปอีกแบบ จวบจนกระทั่งเมื่อชั่วน้ำเดือดที่ผ่านมา สายพิรุณกลับตกเทลงมาอย่างไร้เคร้าลาง
สองเท้าเดินสำรวจไปรอบๆ อารามที่น่าจะมีอายุมานานหลายสิบปี และถูกทิ้งร้างจนน่าเศร้า บางส่วนของฝาผนังก็กระเทาะหลุดออกมาจนมองเห็นภายนอกได้เป็นระยะๆ สายตาสอดส่องไปเรื่อยๆ สองหูก็ทำหน้าที่สดับเสียงต่างๆอย่างเคยชิน เพราะอาชีพของเขาต้องใช้สัมผัสทุกๆด้าน อย่างครบถ้วนทุกยามจนเคยคุ้น
ด้านใน รูปปั้นโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ที่ยังคงรูปพักตร์งดงาม แววตาแฝงความปราณีดูโดดเด่น ขึ้นมาท่ามกลางหยากไหย่ และฝุ่นฝอยที่ปกคลุม ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปให้ใกล้ยิ่งขึ้น
“เปรี้ยง”
แสงสว่างจ้าพร้อมเสียงดังสนั่น กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งขึ้นมาทันที แสดงว่าอัศนีบาตร คราวนี้ลงบริเวณไม่ไกลจากอารามนี้
“ฟ้าผ่าอีกแล้ว”
หยางอี้เฟยพึมพำกับตนเอง
แว่บบบ
ครานี้แสงสว่างจ้าเกิดขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้า จนเขาต้องหยีตามองอย่างสงสัย เพราะไม่ปรากฏเสียงหรืออาการใดใดที่แสดงว่าฟ้าผ่าแต่อย่างใด หากแต่ปรากฏออกมาจากรูปปั้นโพธิสัตว์นั่น?????
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ