The Tenderly
10.0
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.
6 session
0 วิจารณ์
12.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บท 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เอกสารเกี่ยวกับโทษและมุมมองสังคมเชิงลบที่มีต่อความรักระหว่างเขาและผู้อำนวยการซึ่งเขียนโดยฮิมิโกะมีความยาวราวกระดาษเอสี่พิมพ์หน้าหลังยาวเท่ากับพจนานุกรมขนาดย่อมเล่มหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งหมดนั่นวางอยู่บนโต๊ะเรียนของเขาช่วงพักกลางวัน ระหว่างที่ทั้งห้องเฮโลกันไปซื้อข้าวน้ำขนมกิน ถึงครึ่งหนึ่งเธอจะยอมรับว่าคัดลอกให้มันหนายิ่งขึ้นและเป็นฉบับกันหายให้ก็ตาม แต่เด็กสาวยังคงยึดมั่นในการโน้มน้าวใจเพื่อนสนิท (ที่ตน) คิดไม่ซื่อ (ฝ่ายเดียว) อยู่ดี แถมยังกระตือรือร้นแบบไม่สนใจซาโต้ คาโต้ อีกต่างหาก
จะว่าฮิมิโกะไร้หัวใจคงจะเกินเหตุไปหน่อย เพราะเห็นคนที่ชอบแสดงความกระตือรือร้นในการโน้มน้าวใจเพื่อนแฝงผลประโยชน์ด้านความรู้สึกส่วนตนเสียขนาดนั้น ซาโต้ คาโต้ ยังวางสีหน้าเรียบเฉยดุจทะเลไร้คลื่นดังเดิมได้อยู่ดี นอกเหนือจากคำว่า ‘งั้นก็อย่าไปสนใจข่าวลือรอบตัวให้มากล่ะ’ ดูเหมือนเขาจะไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับความรักแสนพิเศษของเพื่อนสนิทอีกเลย ราวกับความสนใจทั้งหมดทั้งมวลถูกเพื่อนสาวประจำแก๊งแย่งไปใช้หมดแล้ว
คำจำกัดความเดียวที่มิยารุโนะมีให้ฮิมิโกะคือ... “ฉันเลิกกับเขาตอนนี้ไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะจ๊ะ!” เด็กสาวดึงดันด้วยน้ำเสียงใสอันเปี่ยมด้วยความว้าวุ่นใจ
เด็กหนุ่มเอียงศีรษะนิดๆ นั่นสินะ...ถ้าจะให้ตอบแบบกั๊กๆ หน่อยล่ะก็ โลกทั้งใบ (บ้าน) ของเขาคือผู้ชายคนนั้น การใช้ชีวิตอยู่ (ค่าขนม) ของเขาคือผู้ชายคนนั้น แม้แต่อาหาร (สามมื้อ รวมของว่างในตู้เย็น) ก็ยังเป็นผู้ชายคนนั้นอีกอยู่ดี เอ่อ...ถึงข้อความมันจะดูโรคจิตอย่างประหลาดก็เถอะ
ฮิมิโกะหน้าเหยเกนิดๆ ระหว่างฟังบอกเล่าแสนหวาน (?) ที่เพื่อนสนิทมีต่อคนรัก แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฉันเข้าใจว่าความรักมันเป็นยังไง บางครั้งมันจะร้อนจนอยากจะปัดมันออกไป บ้างครั้งก็เย็นจนรู้สึกหนาวสั่นได้ หากสิ่งที่ทำให้เกลียดมันไม่ลงคงเป็นความอบอุ่นทุกครั้งที่มันปรากฏในห้วงคำนึงเบาๆ แต่เธอควรเข้าใจว่าความรักบางอย่างมันเป็นไปไม่ได้ และควรเป็นไปไม่ได้อยู่อย่างนั้นด้วยนะจ๊ะ”
ซาโต้ คาโต้ เหลือบมองคนพูดแวบหนึ่ง ก่อนจะสนใจการ์ตูนสายต่อสู้ในมือต่อไป
“แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง...ชีวิตมิยารุโนะคุงยังอีกยาวไกล ไม่คิดหรือว่าเธออาจจะได้เจอกับคนที่ดีกว่า รู้ใจเธอ เข้าใจเธอ แล้วก็...เอ่อ...เป็นผู้หญิง” ใบหน้าของฮิมิโกะแอบแดงเรื่อเมื่อพูดถึงประโยคนี้ “การคบกับผอ.น่ะ มันเป็นความรักที่ห่างกันตั้งสิบสามปีไม่ใช่หรือ แบบนั้นจะเข้าใจกันได้ยังไงล่ะ!”
ซาโต้ คาโต้ ละสายตาจากหนังสือการ์ตูนอีกครั้ง “ความหมายคือผอ.เป็นโคแก่โรคจิตที่ชอบเด็กเอ๊าะๆ อายุสิบเจ็ดไง”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” มิยารุโนะพยักหน้าเอออออย่างไม่ทันคิด “เป็นตาลุงโรคจิตจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันก็นึกอยู่ว่าน่าจะหาใครที่อายุใกล้เคียงกันหน่อย แถมข่าวลือยังทำชีวิตฉันในช่วงสามวันมานี้ปั่นป่วนไปหมด ฉันว่ารสนิยมส่วนตัวของผอ.ต้องชอบเด็กรุ่นๆ ยิ่งอายุห่างกันยิ่งดีแหงแซะ ตาลุงนั่นคิดว่าโรงเรียนเป็นฮาเร็มส่วนตัวของตนเองไปแล้วรึยังก็ไม่รู้ น่ารังเกียจจริงๆ คงไม่มีพวกเด็กสาวคนไหนไปหลงอยู่ในมือมารหรอกนะ”
ซาโต้ คาโต้ เลิกคิ้ว “ไม่มี ‘เด็กสาว’ หรอก เห็นได้ชัดเจนเลยล่ะ ...หรือนายหึง?”
มิยารุโนะสะดุ้งโหยงแล้วรีบปฏิเสธกันพัลวัน เขาพบอีกฝ่ายแค่คืนเดียว แถมเป็นคืนเดียวที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ อีกต่างหาก ถ้าเขาจะหึงจริงๆ ขอหึงเจ้าหมอนข้างหนานุ่มลายตัววายดีกว่า ถึงอดีตปลอกหมอนจะเป็นสีเหลืองทองดูดีมีรสนิยมกว่าปลอกหมอนที่ดันไปถูกใจลายในร้านขายเลหลังก็เถอะ แต่มันกอดรัดฟัดเหวี่ยงได้มันส์ดีจริงๆ เอามาหนุนก็ได้ นอนกอดก็ดี แถมบางทียังจะมีประโยชน์กว่าชายหนุ่มที่ห่างกันเพียงกำแพงกั้นเสียอีก
ฮิมิโกะเหล่มองเพื่อนสนิทแล้วเปิดตำราว่าด้วยฮิมิโกะ and the viewpoint. บทที่ชี้แจงถึงความห่างชั้นยิ่งเพิ่มความไม่เข้าใจกันของความคิดหนุ่มสาวกับความคิดแบบตาลุงวัยสามสิบ ซึ่งในบทนั้นเขียนยืดยาวราวกับตาลุงอายุสามสิบที่ว่าคือตาลุงอายุสามพันปีก็มิปาน ทั้งที่ความจริงแล้ว...ชายหนุ่มอายุสามสิบมิได้มีอายุสูงจัดขนาดนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งหน้าตาอาเคจิยังหล่อเหลาอยู่ในทีอีกต่างหาก เรียกได้ว่ามีเสน่ห์แห่งความเป็นผู้ใหญ่อะไรทำนองนั้น
มิยารุโนะตัดสินใจรับมันมาและรับปากว่าจะพลิกอ่านดู ซึ่งการอ่านชื่อเรื่องกับการอ่านทั้งเล่มก็ถือเป็นการพลิกอ่านดูแล้ว
เพราะมิยูรินะมาหาคู่หมั้นทุกวันทุกเย็นแบบนี้ เด็กหนุ่มจึงต้องเลื่อนนัดทานไอศกรีมที่เพื่อนสาวอ้างว่าใกล้วันหมดอายุเต็มทีไปอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้จะหาโอกาสพูดคุยยังไงกันเล่า...! หญิงสาวกัดมุมผ้าเช็ดหน้าเจ็บใจ โดยไม่สังเกตเห็นสายตาที่มองมุ่งมาของเด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลลอน ผู้สังเกตมานานว่าหล่อนมักมองมาที่เพื่อนสนิทหน้าหวานหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับมีทีท่าต้องการให้เขาอยู่ตามลำพังจนไม่ได้เข้ามาพูดคุยอยู่เรื่อย แหงล่ะ...ช่วงนี้เธอตามประกบเพื่อนซี้ยี่สิบสี่ชั่วโมง กันเขาไว้ไม่ให้เข้าไปพูดคุยกับผู้อำนวยการคนนั้นง่ายๆ ต่อให้รู้ว่าพวกเขาจะกลับไปอยู่ด้วยกันตลอดทั้งเย็นก็เถอะ!
ฮิมิโกะเดินมาเพียงลำพังเพราะไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทอีกคนมายุ่งเรื่องนี้ ในเมื่อเขาไม่มีแก่ใจจะขัดขวางความรักผิดประเภทของเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้น ก็อย่ารู้อะไรเสียดีกว่า! “คุณคือคู่หมั้นของผู้อำนวยการใช่ไหมคะ...?”
“ขอบอกเลยว่าไม่ใช่...” มิยูรินะเกือบส่งเสียงดุต่อคำถามแนวเดิมครั้งที่ร้อยจากเด็กโรงเรียนนี้ ก่อนจะถอดแว่นกันแดดสีชาออกมาพิศหน้าคนถามด้วยความประหลาดใจ นี่มันเด็กผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มสามคนนั่นไม่ใช่รึ? “เธอที่เป็นเพื่อนกับมิยารุโนะจังนี่ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”
ใช่เลย! ก่อนอื่นมันต้องตีสนิทสอบถามข้อมูลก่อน เด็กวัยรุ่นสมัยนี้น่ะมีวัฒนธรรมประจำช่วงชีวิตทีนเอจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือมีอะไรก็บอกเพื่อนสนิทที่ตัวเองไว้ใจทุกอย่าง ทั้งเรื่องแฟนคนแรก เรื่องคนที่แอบชอบ เรื่องดารานักร้องไปจนถึงเรื่องส่วนตัวหลายประการ ถ้ามิยารุโนะบอกเรื่องที่หล่อนสามารถยื่นเป็นคดีพรากผู้เยาว์ได้ล่ะก็ ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้นอีกหน่อย!
ฮิมิโกะมองปราดเดียวก็ดูออกว่าความใจดีในรอยยิ้มแววตาของอีกฝ่ายเป็นของปลอม ผู้หญิงด้วยกันมักมีสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถแยกแยะความเสแสร้งบางอย่างของเพศเดียวกันได้เสมอ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นให้เธอต้องทำหน้าจริงจังเลยสักนิด “คุณต้องการอะไรจากมิยารุโนะคุงกันแน่”
หากสัมผัสของฮิมิโกะคือการมองว่าใครหลอกลวง สัมผัสของมิยูรินะคงเป็นความหึงหวงที่เจือในเสียงของเด็กสาวตรงหน้า หวงเพื่อนงั้นรึ...? หรือว่าไม่เห็นด้วยที่เพื่อนไปค้างกับคนรักสองต่อสองแบบนั้น ลองเสี่ยงดูสักตั้งแล้วกัน!
หล่อนยักยิ้มขึ้นมา “ฉันปรารถนาดีต่อเขาก็เท่านั้นเอง ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อของพวกผู้ใหญ่ที่อาศัยความไร้เดียงสาหรือความวู่ว่ามของเด็กอายุสิบเจ็ดคนหนึ่งจนสร้างตราบาปอันลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต”
ฮิมิโกะหรี่ตาลง “นั่นหมายความว่า...?”
“ทุกวันนี้มีคดีทำร้ายทางเพศมากมาย และหนึ่งในจำนวนนั้นเกิดขึ้นกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ นั่นอาจเป็นความล้มเหลวทางการศึกษา หรือเป็นการวางใจให้เพื่อนต่างเพศหรือคนรักอยู่ในที่ลับตาเพียงลำพัง ฉันมั่นใจว่ามิยารุโนะจังกำลังตกอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบนั้น ไม่ว่าเธอจะเข้าใจว่าความคิดนี้ล้าหลังหรือเห็นการทำอะไรที่ว่าเป็นเรื่องโก้เก๋ก็ตาม แต่ฉันอยากให้เธอรู้ว่าหนึ่งในสิ่งที่สำคัญของลูกผู้หญิงอย่างเรามีน่ะ ไม่ใช่สิ่งที่ควรเสียแก่ความรักชั่ววูบอะไรหรอกนะ นอกจากนี้...การอยู่ในที่ลับตากันเพียงลำพังอย่างเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยวิธีต่างๆ อย่างการวางยาหรือใช้กำลัง เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าตอนนี้เพื่อนของเธอไม่ตกอยู่ในอันตราย?”
“มิยารุโนะคุงบอกว่าตัวเองยังไม่ได้มีสัมพันธ์ถึงขั้นนั้นกับผอ.หรอกนะคะ” ฮิมิโกะขมวดคิ้วน้อยๆ “แต่สาเหตุที่ทำให้คุณมาที่นี่เพื่อจับตาเขามีแค่เรื่องเดียวมใช่ไหมคะ? ไม่ใช่ว่า...โกรธที่มิยารุโนะคุงมีสถานะพิเศษกับคู่หมั้นคุณ ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ยอมให้คุณทำร้ายเขาแน่ ไม่ว่าทางใดก็ตาม ถ้าจะโทษก็ไปโทษผอ.คนเดียว!”
คู่หมั้นอีกแล้ว... มิยูรินะอธิบายเรื่องความสัมพันธ์กับความเข้าใจผิดๆ ที่ข่าวลือในโรงเรียนนี้มีต่อหล่อน ทั้งที่หลายวันก่อน…หล่อนแค่ไปดูตัวเท่านั้นแท้ๆ แถมยังเป็นวันเปิดตัวแฟนสาวของคู่ดูตัวต่อมารดาเขาอีกต่างหาก แบบนั้นต่อให้มายุโนะจะบีบให้หมั้นสักเท่าไหร่ หล่อนก็ไม่มีวันยอมเป็นอันขาดเลย
สิ่งดีสองประการที่หล่อนทราบจากการพูดคุยครั้งนี้ คือความโล่งอกที่เด็กหนุ่มคนนั้นยังอยู่รอดปลอดภัยบริสุทธิ์ไร้ราคีจากเงื้อมมือมาร ถ้าฮิมิโกะบอกมาคำเดียวว่าผู้ชายคนนั้นฉวยโอกาสกับเด็กใสซื่อที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะล่ะก็ หล่อนคงต้องยอมบาดหมางกับคุณป้าแล้วลากตัวเขาเข้าคุกให้ได้ เห็นอย่างนี้ในบรรดาสมาชิกชมรมสิทธิเด็กและสตรี หล่อนคือคนที่มีผลงานไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนอีกประการหนึ่ง... “เธอพูดเหมือนรู้สึกอะไรกับมิรายุโนะจังเลยนะ?” หญิงสาวกล่าวยิ้มๆ วางใจเถอะ...นอกเหนือจากเรื่องต้องห้ามอันเกี่ยวกับการล่อลวงผู้หญิงหรือกระทำอนาจารกับเด็กไร้เดียงสาแล้ว หล่อนเปิดใจกับความรักทุกรูปแบบเสมอ โดยเฉพาะความรักที่ไม่จำกัดเพศแบบนี้ และสีหน้าของเด็กสาวช่วยยืนได้เป็นอย่างดี เคยมีคนบอกว่าความรักทำให้คนน่ารักขึ้นเสมอ คงหมายถึงความรักทำให้คนไม่ต้องเปลืองแป้งปัดแก้มล่ะมั้ง? ตอนนี้เธอหน้าแดงแจ๋ แถมยังพูดอึกอักไม่เป็นภาษาด้วยความเขินเลยทีเดียว
คล้องมิยูรินะ เด็กสาวฮัมเพลงออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี เมื่อรู้มีคนที่คิดเหมือนตนจนได้ ผู้หญิงคนนั้นพึ่งพาได้ยิ่งกว่าใครบางคนที่ดักรออยู่หน้าโรงเรียนเสียอีก ใครบางคนที่ชื่อซาโต้ คาโต้ นั่นยังไงล่ะ เขาโยนน้ำผลไม้ที่เพิ่งไปกดจากตู่ขายอัตโนมัติพร้อมร้องทักเธอเป็นคำแรกว่า... “อารมณ์ดีจริงนะ”
เธอรับน้ำแอปเปิ้ลมาด้วยความเปรมปรีดิ์โดยไม่ยอมบอกอะไรสักคำ ซึ่งซาโต้ คาโต้ เองก็ไม่ต้องการถาม เขาไม่ช่วยทั้งฝ่ายเพื่อนสนิทชายที่กำลังโดนสาวสวยสองคนซุ่มโจมตีความรัก รวมทั้งไม่ช่วยสองสาวที่ว่าในการโจมตีสำเร็จด้วย เคยมีคนบอกว่าการแอบรักอยู่เงียบๆ นั้นเจ็บปวดเสมอ โดยพาะยามที่เห็นใครคนนั้นมีผู้อื่นอยู่ในใจ แต่สำหรับซาโต้ คาโต้ มันออกจะสนุกด้วยซ้ำไป เมื่อรู้ว่าเขาได้บอกความรู้สึกตัวเองออกไปแล้ว และยังเป็นเพื่อนกับสาวผมลอนต่อไปได้
แล้วสักวันกามเทพต้องเห็นใจบ้างล่ะ...ไม่กามเทพก็สาวน้อยน่ารักคนนี้แหละ
เขาถอนหายใจออกมาอย่างคนที่รู้ว่าอีกฝ่ายไปคุยกับใครมา ช่วยไม่ได้ที่ตอนขากลับจากซื้อน้ำดันเหลือบไปเห็นพอดีนี่นา “ทำแบบนี้มากๆ เข้า เดี๋ยวเจ้ามิยะก็โกรธหรอก”
มิยะคือชื่อเรียกย่อที่เจ้าของของนามเกลียดสุดโต่งตั้งแต่สมัยอยู่ประถม เพราะเด็กผู้ชายหน้าหวานยามเสียงยังไม่แตกแทบไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้หญิงเลย สุดท้ายเด็กผู้ชายทั้งห้องก็รุมล้อ เด็กผู้หญิงทั้งห้องก็เมินหน้า หาว่าเป็นเพศอื่นก็ต้องไปเล่นแบบเพศอื่น จนคนเรื่อยๆ อย่างซาโต้ คาโต้ แก้ปัญหาให้ตอนอยู่มัธยมต้นปีหนึ่งโดยการเรียกชื่อย่อรัวๆ แบบไม่ให้เวลาเตรียมใจ หลังจากนั้น...มิยารุโนะก็ไม่กล้าเกลียดชื่อย่อของตัวเองอีกเลย
ส่วนเรื่องคำพูดเมื่อครู่นี้ เขาไม่อยากให้เพื่อนสนิทสองคนต้องหมางใจกันด้วยเหตุผลประเภทนี้หรอกนะ ในความคิดคนที่มีการ์ตูนสายบู๊แฝงมิตรภาพเยอะยิ่งกว่าตำราในกระเป๋าเรียนอย่างเขา เพื่อนกันต้องไม่ผิดใจกันด้วยเรื่องความรัก ความรักของเพื่อนไม่ใช่สิ่งที่ควรยุ่งสักนิดเดียว
น่าเสียดายที่การ์ตูนของฮิมิโกะดันเป็นความรักคอมเมดี้เสียนี่ แถมเป็นแนวที่ตัวเอกดันไปหลงรักสิ่งมีชีวิตแปลกๆ จากต่างดาว ในนามของสาวน้อยชาวมนุษย์โลกจะขอดึงเอาประชากรร่วมดาวกลับคืนสู่ความปกติให้ได้ อะไรทำนองนั้น เธอแสดงความแข็งขันออกมาด้วยการชูน้ำผลไม้สู่ท้องฟ้า “ฉันมั่นใจว่ามิยารุโนะคุงจะต้องขอบใจภายหลังแน่!”
ซาโต้ คาโต้ ยักไหล่เบาๆ ไม่เชื่อก็ตามใจ...
รถสีดำคันหรูของผู้อำนวยการหนุ่มเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถของคอนโด คนหนึ่งยกกระเป๋าเอกสาร อีกคนยกกระเป๋านักเรียน หากไม่รวมกับทางเดินที่พวกเขาขึ้นไปด้วยกันแล้ว ความห่างเหินไม่สนใจกันเปรียบได้กับคู่รักที่วางแผนหย่าร้างหรือคนแปลกหน้าผู้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งมันคงเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะย้ายออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณนายอากิโกะเลิกวางแผนดูตัวเวอร์ชั่นคลุมถุงชนแน่นอนก่อน
แม้ดูเผินๆ จะเป็นอย่างนั้น อาเคจิยอมรับว่าตนรู้สึกแปลกขึ้นเล็กน้อยในการที่มีเด็กหนุ่มหน้าสวยเดินเข้าห้องพักมาด้วย ซึ่งวิธีปัดความรู้สึกแปลกที่ว่าคงเป็นการเดินเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปเลย เพราะอีกฝ่ายใช้โต๊ะทำงานในห้องนอนสำหรับทำการบ้านอยู่แล้ว และจะขลุกอยู่ในนั้นหรือห้องนั่งเล่นที่มีโทรทัศน์จนกว่าจะอาหารเย็น เรื่องนี้เขาวางแผนรับมือเต็มที่ด้วยพิซซ่าถาดเล็กขนาดหนึ่งคนอิ่ม แล้วยื่นเงินให้รูมเมทเอาเงินพันเยนไปใช้ได้ตามใจชอบเลย
ในความคิดมิยารุโนะ ชีวิตแบบนี้เหมือนสัตว์เลี้ยงสิ้นดี
เขารับเงินหนึ่งพันเยนที่ว่าด้วยมาดกวนๆ แล้วชูสองนิ้วบอกราคาข้าว ใช่...เขาจะกินมื้อเย็นจัดเต็มตลอดสามคืนแรกนี่แหละ ส่วนหลังจากนั้นค่อยคิดกันอีกที!
หลังได้รับสองพันเยนพร้อมสีหน้าเหมือนเห็นเด็กน้อยอ่อนต่อโลก เขาเลือกเบอร์โทษสั่งอาหารด้วยความสุขี เปรมปรีดิ์และแฮปปี้ดี๊ด๊า ทำอาหารกินเองหรือเป็นมิตรแท้กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเรอะ? เรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันย่างกรายเข้าใส่ท่านมิยารุโนะผู้นี้อีกแล้ว ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า...!
ว่าแต่...เขาจะกินอะไรดีนะ?
อาหารจีน...? ไม่เอาน่า เขาน่ะอยากกินอาหารที่ไม่มันเลี่ยนช่วงนี้ แต่ขนมจีบหมูจีบกุ้งจีบปูก็น่าอร่อยไม่เลว งั้นสั่งมาเป็นอาหารว่างหรือของหวานตบท้ายแล้วกัน
หรือจะกินซูชิ...? อ้า! เขาเองก็เคยทานซูชิมื้อเย็นนะ แต่ร้านเจ้าประจำดันปิดตัวไปอยู่กับลูกที่เมืองนอกแล้วนี่สิ จะปิดช้ากว่าเดิมสักวันสองวันได้ไหมเล่า โธ่เอ๋ย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจนร่างครุ่นคิดนั่นสะดุ้งตาม มิยารุโนะดูหน้าจอด้วยความประหลาดใจ เพิ่งเจอกันที่โรงเรียนไม่ทันไรจะโทรมาถามอะไร? การบ้านรึ? เมื่อกลางวันโดนรอยยิ้มเจิดจ้านั่นจนทำย้อนหลังไปสะสางงานลืมทำจนถึงสามปีก่อนเชียวนะ ยังมีอาหารกลางวันที่บอกว่าจะทำเผื่อด้วย เขาช่วยคิดไปจนถึงรายการอีกสามปีข้างหน้า ถ้าเปรียบกับบัตรเครดิตก็เท่ากับรูดเกินวงเงินแล้ว
“โทษทีนะจ๊ะ รบกวนอาหารเย็นหรือเปล่าเอ่ย” ปลายสายส่งเสียงใสออกมา
แน่นอนว่าคำตอบต้องเป็น...ไม่ แต่เกือบจะใช่แล้วล่ะ
“พอดีเลย! ฉันมองนาฬิกาแล้วคงยังไม่ทานอะไร เลยโทรมาชวนร่วมโต๊ะกันสักหน่อย” เด็กสาวรวบรัด “งั้นเอาเป็นว่ามีมิยารุโนะคุงหนึ่งที่นะจ๊ะ มาเร็วๆ ล่ะ”
เด็กหนุ่มยืนนิ่งระหว่างมองเงินสองพันเยนอันเย็นเฉียบ แล้วตัดสินใจใช้มันซื้อยาแก้ท้องร่วงเกรดชั้นเลิศสุดมาตุนไว้แทน
จะว่าฮิมิโกะไร้หัวใจคงจะเกินเหตุไปหน่อย เพราะเห็นคนที่ชอบแสดงความกระตือรือร้นในการโน้มน้าวใจเพื่อนแฝงผลประโยชน์ด้านความรู้สึกส่วนตนเสียขนาดนั้น ซาโต้ คาโต้ ยังวางสีหน้าเรียบเฉยดุจทะเลไร้คลื่นดังเดิมได้อยู่ดี นอกเหนือจากคำว่า ‘งั้นก็อย่าไปสนใจข่าวลือรอบตัวให้มากล่ะ’ ดูเหมือนเขาจะไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับความรักแสนพิเศษของเพื่อนสนิทอีกเลย ราวกับความสนใจทั้งหมดทั้งมวลถูกเพื่อนสาวประจำแก๊งแย่งไปใช้หมดแล้ว
คำจำกัดความเดียวที่มิยารุโนะมีให้ฮิมิโกะคือ... “ฉันเลิกกับเขาตอนนี้ไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะจ๊ะ!” เด็กสาวดึงดันด้วยน้ำเสียงใสอันเปี่ยมด้วยความว้าวุ่นใจ
เด็กหนุ่มเอียงศีรษะนิดๆ นั่นสินะ...ถ้าจะให้ตอบแบบกั๊กๆ หน่อยล่ะก็ โลกทั้งใบ (บ้าน) ของเขาคือผู้ชายคนนั้น การใช้ชีวิตอยู่ (ค่าขนม) ของเขาคือผู้ชายคนนั้น แม้แต่อาหาร (สามมื้อ รวมของว่างในตู้เย็น) ก็ยังเป็นผู้ชายคนนั้นอีกอยู่ดี เอ่อ...ถึงข้อความมันจะดูโรคจิตอย่างประหลาดก็เถอะ
ฮิมิโกะหน้าเหยเกนิดๆ ระหว่างฟังบอกเล่าแสนหวาน (?) ที่เพื่อนสนิทมีต่อคนรัก แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฉันเข้าใจว่าความรักมันเป็นยังไง บางครั้งมันจะร้อนจนอยากจะปัดมันออกไป บ้างครั้งก็เย็นจนรู้สึกหนาวสั่นได้ หากสิ่งที่ทำให้เกลียดมันไม่ลงคงเป็นความอบอุ่นทุกครั้งที่มันปรากฏในห้วงคำนึงเบาๆ แต่เธอควรเข้าใจว่าความรักบางอย่างมันเป็นไปไม่ได้ และควรเป็นไปไม่ได้อยู่อย่างนั้นด้วยนะจ๊ะ”
ซาโต้ คาโต้ เหลือบมองคนพูดแวบหนึ่ง ก่อนจะสนใจการ์ตูนสายต่อสู้ในมือต่อไป
“แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง...ชีวิตมิยารุโนะคุงยังอีกยาวไกล ไม่คิดหรือว่าเธออาจจะได้เจอกับคนที่ดีกว่า รู้ใจเธอ เข้าใจเธอ แล้วก็...เอ่อ...เป็นผู้หญิง” ใบหน้าของฮิมิโกะแอบแดงเรื่อเมื่อพูดถึงประโยคนี้ “การคบกับผอ.น่ะ มันเป็นความรักที่ห่างกันตั้งสิบสามปีไม่ใช่หรือ แบบนั้นจะเข้าใจกันได้ยังไงล่ะ!”
ซาโต้ คาโต้ ละสายตาจากหนังสือการ์ตูนอีกครั้ง “ความหมายคือผอ.เป็นโคแก่โรคจิตที่ชอบเด็กเอ๊าะๆ อายุสิบเจ็ดไง”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” มิยารุโนะพยักหน้าเอออออย่างไม่ทันคิด “เป็นตาลุงโรคจิตจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันก็นึกอยู่ว่าน่าจะหาใครที่อายุใกล้เคียงกันหน่อย แถมข่าวลือยังทำชีวิตฉันในช่วงสามวันมานี้ปั่นป่วนไปหมด ฉันว่ารสนิยมส่วนตัวของผอ.ต้องชอบเด็กรุ่นๆ ยิ่งอายุห่างกันยิ่งดีแหงแซะ ตาลุงนั่นคิดว่าโรงเรียนเป็นฮาเร็มส่วนตัวของตนเองไปแล้วรึยังก็ไม่รู้ น่ารังเกียจจริงๆ คงไม่มีพวกเด็กสาวคนไหนไปหลงอยู่ในมือมารหรอกนะ”
ซาโต้ คาโต้ เลิกคิ้ว “ไม่มี ‘เด็กสาว’ หรอก เห็นได้ชัดเจนเลยล่ะ ...หรือนายหึง?”
มิยารุโนะสะดุ้งโหยงแล้วรีบปฏิเสธกันพัลวัน เขาพบอีกฝ่ายแค่คืนเดียว แถมเป็นคืนเดียวที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ อีกต่างหาก ถ้าเขาจะหึงจริงๆ ขอหึงเจ้าหมอนข้างหนานุ่มลายตัววายดีกว่า ถึงอดีตปลอกหมอนจะเป็นสีเหลืองทองดูดีมีรสนิยมกว่าปลอกหมอนที่ดันไปถูกใจลายในร้านขายเลหลังก็เถอะ แต่มันกอดรัดฟัดเหวี่ยงได้มันส์ดีจริงๆ เอามาหนุนก็ได้ นอนกอดก็ดี แถมบางทียังจะมีประโยชน์กว่าชายหนุ่มที่ห่างกันเพียงกำแพงกั้นเสียอีก
ฮิมิโกะเหล่มองเพื่อนสนิทแล้วเปิดตำราว่าด้วยฮิมิโกะ and the viewpoint. บทที่ชี้แจงถึงความห่างชั้นยิ่งเพิ่มความไม่เข้าใจกันของความคิดหนุ่มสาวกับความคิดแบบตาลุงวัยสามสิบ ซึ่งในบทนั้นเขียนยืดยาวราวกับตาลุงอายุสามสิบที่ว่าคือตาลุงอายุสามพันปีก็มิปาน ทั้งที่ความจริงแล้ว...ชายหนุ่มอายุสามสิบมิได้มีอายุสูงจัดขนาดนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งหน้าตาอาเคจิยังหล่อเหลาอยู่ในทีอีกต่างหาก เรียกได้ว่ามีเสน่ห์แห่งความเป็นผู้ใหญ่อะไรทำนองนั้น
มิยารุโนะตัดสินใจรับมันมาและรับปากว่าจะพลิกอ่านดู ซึ่งการอ่านชื่อเรื่องกับการอ่านทั้งเล่มก็ถือเป็นการพลิกอ่านดูแล้ว
เพราะมิยูรินะมาหาคู่หมั้นทุกวันทุกเย็นแบบนี้ เด็กหนุ่มจึงต้องเลื่อนนัดทานไอศกรีมที่เพื่อนสาวอ้างว่าใกล้วันหมดอายุเต็มทีไปอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้จะหาโอกาสพูดคุยยังไงกันเล่า...! หญิงสาวกัดมุมผ้าเช็ดหน้าเจ็บใจ โดยไม่สังเกตเห็นสายตาที่มองมุ่งมาของเด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลลอน ผู้สังเกตมานานว่าหล่อนมักมองมาที่เพื่อนสนิทหน้าหวานหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับมีทีท่าต้องการให้เขาอยู่ตามลำพังจนไม่ได้เข้ามาพูดคุยอยู่เรื่อย แหงล่ะ...ช่วงนี้เธอตามประกบเพื่อนซี้ยี่สิบสี่ชั่วโมง กันเขาไว้ไม่ให้เข้าไปพูดคุยกับผู้อำนวยการคนนั้นง่ายๆ ต่อให้รู้ว่าพวกเขาจะกลับไปอยู่ด้วยกันตลอดทั้งเย็นก็เถอะ!
ฮิมิโกะเดินมาเพียงลำพังเพราะไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทอีกคนมายุ่งเรื่องนี้ ในเมื่อเขาไม่มีแก่ใจจะขัดขวางความรักผิดประเภทของเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้น ก็อย่ารู้อะไรเสียดีกว่า! “คุณคือคู่หมั้นของผู้อำนวยการใช่ไหมคะ...?”
“ขอบอกเลยว่าไม่ใช่...” มิยูรินะเกือบส่งเสียงดุต่อคำถามแนวเดิมครั้งที่ร้อยจากเด็กโรงเรียนนี้ ก่อนจะถอดแว่นกันแดดสีชาออกมาพิศหน้าคนถามด้วยความประหลาดใจ นี่มันเด็กผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มสามคนนั่นไม่ใช่รึ? “เธอที่เป็นเพื่อนกับมิยารุโนะจังนี่ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”
ใช่เลย! ก่อนอื่นมันต้องตีสนิทสอบถามข้อมูลก่อน เด็กวัยรุ่นสมัยนี้น่ะมีวัฒนธรรมประจำช่วงชีวิตทีนเอจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือมีอะไรก็บอกเพื่อนสนิทที่ตัวเองไว้ใจทุกอย่าง ทั้งเรื่องแฟนคนแรก เรื่องคนที่แอบชอบ เรื่องดารานักร้องไปจนถึงเรื่องส่วนตัวหลายประการ ถ้ามิยารุโนะบอกเรื่องที่หล่อนสามารถยื่นเป็นคดีพรากผู้เยาว์ได้ล่ะก็ ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้นอีกหน่อย!
ฮิมิโกะมองปราดเดียวก็ดูออกว่าความใจดีในรอยยิ้มแววตาของอีกฝ่ายเป็นของปลอม ผู้หญิงด้วยกันมักมีสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถแยกแยะความเสแสร้งบางอย่างของเพศเดียวกันได้เสมอ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นให้เธอต้องทำหน้าจริงจังเลยสักนิด “คุณต้องการอะไรจากมิยารุโนะคุงกันแน่”
หากสัมผัสของฮิมิโกะคือการมองว่าใครหลอกลวง สัมผัสของมิยูรินะคงเป็นความหึงหวงที่เจือในเสียงของเด็กสาวตรงหน้า หวงเพื่อนงั้นรึ...? หรือว่าไม่เห็นด้วยที่เพื่อนไปค้างกับคนรักสองต่อสองแบบนั้น ลองเสี่ยงดูสักตั้งแล้วกัน!
หล่อนยักยิ้มขึ้นมา “ฉันปรารถนาดีต่อเขาก็เท่านั้นเอง ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อของพวกผู้ใหญ่ที่อาศัยความไร้เดียงสาหรือความวู่ว่ามของเด็กอายุสิบเจ็ดคนหนึ่งจนสร้างตราบาปอันลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต”
ฮิมิโกะหรี่ตาลง “นั่นหมายความว่า...?”
“ทุกวันนี้มีคดีทำร้ายทางเพศมากมาย และหนึ่งในจำนวนนั้นเกิดขึ้นกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ นั่นอาจเป็นความล้มเหลวทางการศึกษา หรือเป็นการวางใจให้เพื่อนต่างเพศหรือคนรักอยู่ในที่ลับตาเพียงลำพัง ฉันมั่นใจว่ามิยารุโนะจังกำลังตกอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบนั้น ไม่ว่าเธอจะเข้าใจว่าความคิดนี้ล้าหลังหรือเห็นการทำอะไรที่ว่าเป็นเรื่องโก้เก๋ก็ตาม แต่ฉันอยากให้เธอรู้ว่าหนึ่งในสิ่งที่สำคัญของลูกผู้หญิงอย่างเรามีน่ะ ไม่ใช่สิ่งที่ควรเสียแก่ความรักชั่ววูบอะไรหรอกนะ นอกจากนี้...การอยู่ในที่ลับตากันเพียงลำพังอย่างเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยวิธีต่างๆ อย่างการวางยาหรือใช้กำลัง เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าตอนนี้เพื่อนของเธอไม่ตกอยู่ในอันตราย?”
“มิยารุโนะคุงบอกว่าตัวเองยังไม่ได้มีสัมพันธ์ถึงขั้นนั้นกับผอ.หรอกนะคะ” ฮิมิโกะขมวดคิ้วน้อยๆ “แต่สาเหตุที่ทำให้คุณมาที่นี่เพื่อจับตาเขามีแค่เรื่องเดียวมใช่ไหมคะ? ไม่ใช่ว่า...โกรธที่มิยารุโนะคุงมีสถานะพิเศษกับคู่หมั้นคุณ ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ยอมให้คุณทำร้ายเขาแน่ ไม่ว่าทางใดก็ตาม ถ้าจะโทษก็ไปโทษผอ.คนเดียว!”
คู่หมั้นอีกแล้ว... มิยูรินะอธิบายเรื่องความสัมพันธ์กับความเข้าใจผิดๆ ที่ข่าวลือในโรงเรียนนี้มีต่อหล่อน ทั้งที่หลายวันก่อน…หล่อนแค่ไปดูตัวเท่านั้นแท้ๆ แถมยังเป็นวันเปิดตัวแฟนสาวของคู่ดูตัวต่อมารดาเขาอีกต่างหาก แบบนั้นต่อให้มายุโนะจะบีบให้หมั้นสักเท่าไหร่ หล่อนก็ไม่มีวันยอมเป็นอันขาดเลย
สิ่งดีสองประการที่หล่อนทราบจากการพูดคุยครั้งนี้ คือความโล่งอกที่เด็กหนุ่มคนนั้นยังอยู่รอดปลอดภัยบริสุทธิ์ไร้ราคีจากเงื้อมมือมาร ถ้าฮิมิโกะบอกมาคำเดียวว่าผู้ชายคนนั้นฉวยโอกาสกับเด็กใสซื่อที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะล่ะก็ หล่อนคงต้องยอมบาดหมางกับคุณป้าแล้วลากตัวเขาเข้าคุกให้ได้ เห็นอย่างนี้ในบรรดาสมาชิกชมรมสิทธิเด็กและสตรี หล่อนคือคนที่มีผลงานไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนอีกประการหนึ่ง... “เธอพูดเหมือนรู้สึกอะไรกับมิรายุโนะจังเลยนะ?” หญิงสาวกล่าวยิ้มๆ วางใจเถอะ...นอกเหนือจากเรื่องต้องห้ามอันเกี่ยวกับการล่อลวงผู้หญิงหรือกระทำอนาจารกับเด็กไร้เดียงสาแล้ว หล่อนเปิดใจกับความรักทุกรูปแบบเสมอ โดยเฉพาะความรักที่ไม่จำกัดเพศแบบนี้ และสีหน้าของเด็กสาวช่วยยืนได้เป็นอย่างดี เคยมีคนบอกว่าความรักทำให้คนน่ารักขึ้นเสมอ คงหมายถึงความรักทำให้คนไม่ต้องเปลืองแป้งปัดแก้มล่ะมั้ง? ตอนนี้เธอหน้าแดงแจ๋ แถมยังพูดอึกอักไม่เป็นภาษาด้วยความเขินเลยทีเดียว
คล้องมิยูรินะ เด็กสาวฮัมเพลงออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี เมื่อรู้มีคนที่คิดเหมือนตนจนได้ ผู้หญิงคนนั้นพึ่งพาได้ยิ่งกว่าใครบางคนที่ดักรออยู่หน้าโรงเรียนเสียอีก ใครบางคนที่ชื่อซาโต้ คาโต้ นั่นยังไงล่ะ เขาโยนน้ำผลไม้ที่เพิ่งไปกดจากตู่ขายอัตโนมัติพร้อมร้องทักเธอเป็นคำแรกว่า... “อารมณ์ดีจริงนะ”
เธอรับน้ำแอปเปิ้ลมาด้วยความเปรมปรีดิ์โดยไม่ยอมบอกอะไรสักคำ ซึ่งซาโต้ คาโต้ เองก็ไม่ต้องการถาม เขาไม่ช่วยทั้งฝ่ายเพื่อนสนิทชายที่กำลังโดนสาวสวยสองคนซุ่มโจมตีความรัก รวมทั้งไม่ช่วยสองสาวที่ว่าในการโจมตีสำเร็จด้วย เคยมีคนบอกว่าการแอบรักอยู่เงียบๆ นั้นเจ็บปวดเสมอ โดยพาะยามที่เห็นใครคนนั้นมีผู้อื่นอยู่ในใจ แต่สำหรับซาโต้ คาโต้ มันออกจะสนุกด้วยซ้ำไป เมื่อรู้ว่าเขาได้บอกความรู้สึกตัวเองออกไปแล้ว และยังเป็นเพื่อนกับสาวผมลอนต่อไปได้
แล้วสักวันกามเทพต้องเห็นใจบ้างล่ะ...ไม่กามเทพก็สาวน้อยน่ารักคนนี้แหละ
เขาถอนหายใจออกมาอย่างคนที่รู้ว่าอีกฝ่ายไปคุยกับใครมา ช่วยไม่ได้ที่ตอนขากลับจากซื้อน้ำดันเหลือบไปเห็นพอดีนี่นา “ทำแบบนี้มากๆ เข้า เดี๋ยวเจ้ามิยะก็โกรธหรอก”
มิยะคือชื่อเรียกย่อที่เจ้าของของนามเกลียดสุดโต่งตั้งแต่สมัยอยู่ประถม เพราะเด็กผู้ชายหน้าหวานยามเสียงยังไม่แตกแทบไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้หญิงเลย สุดท้ายเด็กผู้ชายทั้งห้องก็รุมล้อ เด็กผู้หญิงทั้งห้องก็เมินหน้า หาว่าเป็นเพศอื่นก็ต้องไปเล่นแบบเพศอื่น จนคนเรื่อยๆ อย่างซาโต้ คาโต้ แก้ปัญหาให้ตอนอยู่มัธยมต้นปีหนึ่งโดยการเรียกชื่อย่อรัวๆ แบบไม่ให้เวลาเตรียมใจ หลังจากนั้น...มิยารุโนะก็ไม่กล้าเกลียดชื่อย่อของตัวเองอีกเลย
ส่วนเรื่องคำพูดเมื่อครู่นี้ เขาไม่อยากให้เพื่อนสนิทสองคนต้องหมางใจกันด้วยเหตุผลประเภทนี้หรอกนะ ในความคิดคนที่มีการ์ตูนสายบู๊แฝงมิตรภาพเยอะยิ่งกว่าตำราในกระเป๋าเรียนอย่างเขา เพื่อนกันต้องไม่ผิดใจกันด้วยเรื่องความรัก ความรักของเพื่อนไม่ใช่สิ่งที่ควรยุ่งสักนิดเดียว
น่าเสียดายที่การ์ตูนของฮิมิโกะดันเป็นความรักคอมเมดี้เสียนี่ แถมเป็นแนวที่ตัวเอกดันไปหลงรักสิ่งมีชีวิตแปลกๆ จากต่างดาว ในนามของสาวน้อยชาวมนุษย์โลกจะขอดึงเอาประชากรร่วมดาวกลับคืนสู่ความปกติให้ได้ อะไรทำนองนั้น เธอแสดงความแข็งขันออกมาด้วยการชูน้ำผลไม้สู่ท้องฟ้า “ฉันมั่นใจว่ามิยารุโนะคุงจะต้องขอบใจภายหลังแน่!”
ซาโต้ คาโต้ ยักไหล่เบาๆ ไม่เชื่อก็ตามใจ...
รถสีดำคันหรูของผู้อำนวยการหนุ่มเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถของคอนโด คนหนึ่งยกกระเป๋าเอกสาร อีกคนยกกระเป๋านักเรียน หากไม่รวมกับทางเดินที่พวกเขาขึ้นไปด้วยกันแล้ว ความห่างเหินไม่สนใจกันเปรียบได้กับคู่รักที่วางแผนหย่าร้างหรือคนแปลกหน้าผู้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งมันคงเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะย้ายออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณนายอากิโกะเลิกวางแผนดูตัวเวอร์ชั่นคลุมถุงชนแน่นอนก่อน
แม้ดูเผินๆ จะเป็นอย่างนั้น อาเคจิยอมรับว่าตนรู้สึกแปลกขึ้นเล็กน้อยในการที่มีเด็กหนุ่มหน้าสวยเดินเข้าห้องพักมาด้วย ซึ่งวิธีปัดความรู้สึกแปลกที่ว่าคงเป็นการเดินเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปเลย เพราะอีกฝ่ายใช้โต๊ะทำงานในห้องนอนสำหรับทำการบ้านอยู่แล้ว และจะขลุกอยู่ในนั้นหรือห้องนั่งเล่นที่มีโทรทัศน์จนกว่าจะอาหารเย็น เรื่องนี้เขาวางแผนรับมือเต็มที่ด้วยพิซซ่าถาดเล็กขนาดหนึ่งคนอิ่ม แล้วยื่นเงินให้รูมเมทเอาเงินพันเยนไปใช้ได้ตามใจชอบเลย
ในความคิดมิยารุโนะ ชีวิตแบบนี้เหมือนสัตว์เลี้ยงสิ้นดี
เขารับเงินหนึ่งพันเยนที่ว่าด้วยมาดกวนๆ แล้วชูสองนิ้วบอกราคาข้าว ใช่...เขาจะกินมื้อเย็นจัดเต็มตลอดสามคืนแรกนี่แหละ ส่วนหลังจากนั้นค่อยคิดกันอีกที!
หลังได้รับสองพันเยนพร้อมสีหน้าเหมือนเห็นเด็กน้อยอ่อนต่อโลก เขาเลือกเบอร์โทษสั่งอาหารด้วยความสุขี เปรมปรีดิ์และแฮปปี้ดี๊ด๊า ทำอาหารกินเองหรือเป็นมิตรแท้กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเรอะ? เรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันย่างกรายเข้าใส่ท่านมิยารุโนะผู้นี้อีกแล้ว ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า...!
ว่าแต่...เขาจะกินอะไรดีนะ?
อาหารจีน...? ไม่เอาน่า เขาน่ะอยากกินอาหารที่ไม่มันเลี่ยนช่วงนี้ แต่ขนมจีบหมูจีบกุ้งจีบปูก็น่าอร่อยไม่เลว งั้นสั่งมาเป็นอาหารว่างหรือของหวานตบท้ายแล้วกัน
หรือจะกินซูชิ...? อ้า! เขาเองก็เคยทานซูชิมื้อเย็นนะ แต่ร้านเจ้าประจำดันปิดตัวไปอยู่กับลูกที่เมืองนอกแล้วนี่สิ จะปิดช้ากว่าเดิมสักวันสองวันได้ไหมเล่า โธ่เอ๋ย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจนร่างครุ่นคิดนั่นสะดุ้งตาม มิยารุโนะดูหน้าจอด้วยความประหลาดใจ เพิ่งเจอกันที่โรงเรียนไม่ทันไรจะโทรมาถามอะไร? การบ้านรึ? เมื่อกลางวันโดนรอยยิ้มเจิดจ้านั่นจนทำย้อนหลังไปสะสางงานลืมทำจนถึงสามปีก่อนเชียวนะ ยังมีอาหารกลางวันที่บอกว่าจะทำเผื่อด้วย เขาช่วยคิดไปจนถึงรายการอีกสามปีข้างหน้า ถ้าเปรียบกับบัตรเครดิตก็เท่ากับรูดเกินวงเงินแล้ว
“โทษทีนะจ๊ะ รบกวนอาหารเย็นหรือเปล่าเอ่ย” ปลายสายส่งเสียงใสออกมา
แน่นอนว่าคำตอบต้องเป็น...ไม่ แต่เกือบจะใช่แล้วล่ะ
“พอดีเลย! ฉันมองนาฬิกาแล้วคงยังไม่ทานอะไร เลยโทรมาชวนร่วมโต๊ะกันสักหน่อย” เด็กสาวรวบรัด “งั้นเอาเป็นว่ามีมิยารุโนะคุงหนึ่งที่นะจ๊ะ มาเร็วๆ ล่ะ”
เด็กหนุ่มยืนนิ่งระหว่างมองเงินสองพันเยนอันเย็นเฉียบ แล้วตัดสินใจใช้มันซื้อยาแก้ท้องร่วงเกรดชั้นเลิศสุดมาตุนไว้แทน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ