The Tenderly
10.0
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.
6 session
0 วิจารณ์
12.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ สาเหตุที่ทำให้เขาจำต้องตกลงรับคำขอร้องของเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้น มาจากมารดาแท้ๆ ที่อุ้มท้องมานานกว่าเก้าเดือนของเขา...คิริซาโตะ อากิโกะ
ย้อนกลับไปราวสองชั่วโมงก่อน...
หากถามว่าเขาได้ผมสีน้ำตาลที่ตัดเป็นทรงซอยสั้นหวีเรียบๆ มาจากใคร คงไม่พ้นหญิงวัยกลางคนผู้กำลังมองด้วยสายตาดุๆ อย่างแน่นอน หล่อนเดินเข้ามาเพื่อจัดแต่งทรงผมกับชุดสูทราคาแพงที่เขาเตรียมไว้ใช้ออกงานสังคมโดยเฉพาะ แต่งวดนี้กลับต้องสวมเข้ามาในโรงแรมฮาคุโระ โรงแรมที่น้องสาวของเขาเป็นผู้บริหารงานแทน
เดิมที...โรงแรมนี้และกิจการในเครือคิริซาโตะควรจะตกเป็นของพี่ชายและทายาทชายสายตรงอย่างเขา แต่คนที่อดีตเจ้าบ้านคิริซาโตะมักพูดถึงบ่อยๆ ว่า ‘เจ้าลูกชายตัวดีมันไม่เอาโรงแรมนี้แหงๆ’ ได้บอกปัดจริงดังคำบิดา ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่จึงถ่ายไปทางน้องสาวซึ่งเป็นเวิร์คกิ้งวูเมนมาตั้งแต่เกิด ส่วนเขารับแค่กิจการโรงเรียนมัธนยมฮาคุโระกับเงินปันหุ้นที่มีในเครือเท่านั้น
ทั้งที่เป็นเช่นนั้น...อาเคจิพบว่าเพื่อนมารดาบางคนเข้าใจว่าเขานับเป็นคนรวยคนหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็รวยในฐานะของพี่ชายเจ้าของโรงแรมคนปัจจุบัน อย่างเช่นคุณน้าอาคิฮานะ มายุโนะ เป็นต้น
หล่อนเป็นผู้หญิงที่ฐานะไม่ได้รวดจัดจนพบปะกับอากิโกะในงานสังคมแต่ประการใด หล่อนเป็นเพื่อนที่คบหากับคุณแม่ของเขามาตั้งแต่มัธยม โดยคุณน้าคนนั้นมีลูกสาวคนหนึ่งที่ถูกหมายมาดจากมารดาสองฝั่งว่าคู่ควรกับอาเคจิที่สุดเท่าที่เคยมีมา หล่อนชื่อมิยูรินะ หญิงสาวผู้มีเส้นผมสีดำรวบหางม้ายาว นับว่าเป็นคนถ่ายรูปขึ้นคนหนึ่งเลย
ใช่...เขาพบกับหล่อนครั้งแรกจากรูปถ่ายดูตัวนั่นแล หลังจากหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันมาหลายปีดีดัก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสีหน้าตื่นเต้นจากอากิโกะ หล่อนยืดหลังตรงโดยอัตโนมัติพร้อมส่งสายตาดุๆ ให้ลูกชายเลิกทำหน้าเบื่อโลกเสียที แล้วยิ้มรับแก่หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามาด้วยชุดกึ่งทางการวัยกลางคนที่รู้จักสนิทสนมกันดี ซึ่งตามหลังคุณน้ามายุโนะคือหญิงสาววัยไล่เลี่ยกันกับเขา คราวนี้หล่อนเกล้าผมขึ้นพร้อมประดับด้วยปิ่นดอกไม้สีส้มสว่าง เข้ากันกับสีชุดกิโมโนผ้าไหมลายเรียบๆ สีเขียวอ่อน พันด้วยโอบิสีส้มอีกชั้นหนึ่ง
อาเคจิมีทีท่าสนใจในรอยยิ้มนั้น หล่อนสวยยิ่งกว่ารูปถ่ายในใบดูตัวเสียอีก และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณน้าไม่ส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ร่วมกับคุณแม่ของเขาในการล้อว่าหล่อนทำคู่ดูตัวตะลึงจนลืมหายใจ ตะลึงจนคุมสติไม่อยู่ โธ่...หล่อนน่าสวยจนจัดได้ว่าสวยยิ่งกว่าผู้หญิงสวยทั่วไปก็จริง แต่หน้าตาไม่ใช่บรรทัดฐานในการแต่งงานของมนุษย์สักหน่อย หล่อนก้มศีรษะด้วยรอยยิ้มนั้นระหว่างแนะนำตัว ไร้ทีท่าต่อต้านอย่างที่ผู้หญิงหลายคนพึงกระทำเมื่อถูกจับคลุมถุงชนทางอ้อม
หรือว่ามีแต่เขาที่ถูกคลุมถุง? ผู้หญิงคนนี้ได้สิทธิ์เตรียมใจก่อนหรอกหรือเนี่ย
“ว่าไงจ๊ะ อาเคจิคุง ลูกสาวน้าสวยยิ่งกว่าคำร่ำลือใช่ไหมล่ะ โฮะๆๆๆ” หล่อนหัวเราะกับหลังมือเหมือนแม่มด “มิยูจังน่ะเป็นแม่บ้านแม่เรือนมาตั้งแต่เด็ก รับรองว่าผู้ชายคนใดรับไปเป็นภรรยาต้องไม่ผิดหวังแน่นอน เห็นอย่างนี้คนมีหน้ามีตาหลายคนก็อยากจะเข้ามาดูตัวเหมือนเธอแต่น้าไม่เคยรับปากนะจ๊ะ โฮะๆๆๆ”
สีหน้ามิยูรินะคล้ายสะดุดไปอยู่ในที ราวกับคำพูดมารดาเป็นแค่คำโฆษณาหลอกลวง ซึ่งคงไม่ใช่...หล่อนคงรู้สึกว่าสิ่งที่มายุโนะกล่าวมาเมื่อครู่มันเหมือนเธอเป็นสินค้าชนิดหนึ่งมากกว่า ส่วนเขาคือผู้ซื้อที่มีสิทธิ์ชี้ขาดว่าจะตกลงหรือไม่ มันชวนให้ปวดใจจนหน้าชาหนึบขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ ดีที่คู่ดูตัวตรงหน้าทำเหมือนมันเป็นคำชมดาษดื่นผ่านหูทั่วไป หากเขาส่งแววยิ้มเยาะขึ้นมาสักนิด หล่อนจะเอาหน้าไปวางที่ไหนกันนี่
หญิงสาววัยยี่สิบเก้าปีคนนี้แอบคิดอยู่ในใจ...ถ้าเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายคนนี้คงไม่มีปัญหาหนักอกอะไร ทั้งยังสมประสงค์มารดาที่ต้องการให้เกี่ยวดองกับลูกชายเพื่อนด้วย
หลังจากบทสนทนาครึ่งแรกผ่านไป (ซึ่งคนพูดมีเพียงคุณน้ากับคุณแม่ของอาเคจิเท่านั้น) ในที่สุด...พวกเขาก็ได้อยู่ตามลำพังเพื่อศึกษานิสัยใจคอเบื้องต้น หล่อนยิ้มรับกับน้ำชาที่เขาบรรจงรินให้ด้วยรอยยิ้มประเภทเดิมอีกครั้ง มันสวยมากจนแทบลืมหายใจก็จริง แต่คราวนี้เขารู้สึกว่าในใจหล่อนช่างเหี่ยวแห้งเสียนี่กระไร มันเหมือนรอยยิ้มเหล่านางงามที่เรียงรายอยู่บนเวที สวย งดงาม อีกมุมหนึ่งมันคือรอยยิ้มที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นมาตรฐาน บางทีหล่อนอาจฝึกยิ้มมาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้
ชายหนุ่มรู้สึกสงสารหล่อนขึ้นมาวูบหนึ่งเลยทีเดียว
“คุณ...เอ่อ...คุณอาคิฮานะ” เขากระแอมเบาๆ เมื่อเริ่มต้นบทสนทนา “วันนี้เป็นวันที่ดีนะครับ”
วันดีอะไรรึ? อาเคจิแอบยิ้มเยาะตนเองอยู่ในใจระหว่างเหลือบมองนาฬิกาข้อมือน้อยๆ อีกครึ่งชั่วโมงพวกคุณน้าจะเข้ามาฟังผลแล้ว ถ้าตอบตกลงโอเคตอนนี้ รับรองได้ว่ามันมีความหมายเดี๋ยวกับคำว่า ‘รับครับ’ ในวันแต่งงานแน่นอน เขาจึงต้องพยายามเหนี่ยวรั้งบทสนทนาเข้าไว้ไม่ให้หล่อนรู้สึกว่าเขาคือผู้ชายยอดเยี่ยมสมบูรณ์พร้อมแบบที่มารดาเขาป่าวประกาศ
หรือจะบอกไปตรงๆ ว่าเขายังไม่อยากเข้าพิธีวิวาห์กับใครดีล่ะ...?
หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ กับแขนเสื้อกิโมโนตนเอง “เรียกว่ามิยูรินะเถอะค่ะ จะได้ไม่ห่างเหินกันมากเกินไป” และหล่อนไม่ได้บอกว่านี่คือคำสั่งมายุโนะด้วย “วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ค่ะ”
หญิงสาวสังเกตว่าเขาอยากให้พวกคุณแม่ของหล่อนกับคุณป้าเข้ามาไวๆ จากสายตาชำเลืองมองนาฬิกานิดๆ นั่น ทั้งยังมีคำกล่าวที่ว่า ‘วันนี้เป็นวันดีนะครับ’ อีก นั่นไม่ใช่คำพูดแรกที่ผู้ชายทั้งหลายอยากพูดกับสาวสวยซึ่งตนหมายปองหรือปรารถนาจะครองรักเลยสักนิด ความจริงหล่อนเองก็เคยรู้สึกว่าเขาพยายามหลบหน้ามาก่อนหน้านี้ ซึ่งมันคงเป็นความจริงแน่แท้
ผู้ชายอายุสามสิบที่ไม่แต่งงานหรือ...ถ้าไม่รักอิสระจนเกินไปคงมีใครอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
หล่อนก้มหน้าลงช้าๆ ระหว่างเติมน้ำชาลงในถ้วยของตน “เห็นในใบประวัติบอกว่าคุณคิริซาโตะเป็นเจ้าของโรงเรียนด้วย คงชอบเด็กๆ สินะคะ”
เด็กๆ ที่ว่าหมายถึงอะไร? หมายถึงลูกหรือเปล่า เขาบอกได้เลยว่ายังไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ! แถมเขายังดูแลโรงเรียนมัธยมฮาคุโระ ส่วนโรงเรียนประถมน่ะเป็นส่วนจัดการบริหารของน้องสาวต่างหาก ฉะนั้น...ไม่ว่าจะเด็กหรือลูกก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้!
อาเคจิยิ้มอย่างเหงื่อตกพิลึก “เอ่อ...อ่า...ผมชอบเป็นพวกเด็กโตมากกว่าน่ะครับ พวกแกดูพูดง่ายกว่าเด็กเล็กๆ เยอะเลย”
“แปลว่าชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยหรือเปล่าคะ?” หล่อนหรี่ตาลงด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เมื่อรวมกับชุดกิโมโนจึงเหมือนมาดามเกอิชาจอมร้ายกาจไปอย่างช่วยไม่ได้ “ได้ข่าวว่าอาชีพครูเองก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือคะ”
อ่ะฮ่า...หล่อนต้องการถามว่าเขามีใครหรือยังนั่นเอง อาเคจิโล่งอกจนเกือบพลั้งปากไปว่าโสดสนิท แต่ใจหนึ่งก็นึกถึงพวกคุณน้ากับระฆังวิวาห์ขึ้นมาได้ ระหว่างปฏิเสธไปเสียตอนนี้แล้วโดนหว่านล้อมว่าในเมื่อไม่มีใครก็ลองคบกับหล่อนหน่อยจะเป็นไร กับบอกโกหกออกไปเผื่อคุณน้ามายุโนะจะรามือ ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าตนอยากเลือกประเภทไหนมากกว่ากัน คำโกหกประเภทนี้มักนำเรื่องยุ่งๆ มาเสมอนั่นแหละ
มิยูรินะเติมน้ำชาให้เขาอย่างช้าๆ “ถ้าคุณมีใครอยู่แล้ว มันคงน่าเสียดายที่การดูตัวครั้งนี้คงล้มเหลว แต่ดิฉันเองก็ยังไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษหรือรังเกียจอะไรคุณหรอกนะคะ อย่าเข้าใจผิดไป”
“อันที่จริง... ผม...” อาเคจิหลบกิริยาวาจาที่ราวกับต้องการแสกนบางอย่างจากตัวเขา ทั้งที่หล่อนก็ไม่ใช่เครื่องจับเท็จอะไร “ผมมีคนรักอยู่คนหนึ่ง...”
คุณนายอากิโกะไม่ได้สนใจว่าลูกชายจะแต่งงานกับใครเป็นพิเศษหรอก แต่เป็นเพราะอายุขึ้นเลขสามของเขาต่างหากที่ทำให้หล่อนนึกเป็นห่วง เมื่อมิยูรินะยืนยันว่าเขาบอกเองว่าตนมีคนรักอยู่แล้วและหล่อนต้องการล้มเลิกพิธีดูตัวครั้ง สิ่งเดียวที่คุณนายต้องการให้เขาทำอย่างด่วนที่สุดคือพาผู้หญิงคนนั้นมาพบให้ได้ภายในอาทิตย์ตกวันนี้ ต่อหน้ามายุโนะที่ลูกสาวแอบกระซิบว่าท่าทางเขาเหมือนคนมีอะไรปิดบังอยู่
ในเมื่อหล่อนรู้ว่าเขาโกหก เรื่องมันควรจะจบ แต่คุณนายอาคิฮานะกลับต้องเอาชนะชายหนุ่มให้ได้ราวกับคนที่ดูตัวคือหล่อน ไม่ใช่ลูกสาวยังไงอย่างงั้น
“...ลุงเนี่ยโรคจิตเนอะ” มิยารุโนะเปลี่ยนชุดกระโปรงชุดที่สาม แล้วโชว์ต่อหน้าพนักงานขายกับอาเคจิ
คนแรก...คือตัวแทนของสายตาผู้หญิง ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ขลุกอยู่กับเครื่องแต่งตัวสารพัดชุดสารพัดรูปแบบอย่างพนักงานร้านขายเสื้อผ้าแล้ว ยิ่งสมควรดูว่าการปลอมแปลงนั้นแนบเนียนแค่ไหนและเขาควรใส่อะไรเพิ่มเติมลงไปหรือไม่ หล่อนกะพริบตาสองสามรอบด้วยความงุนงงต่อแววตาอันแสนจะเดือดร้อน แล้วเข้าใจหน้าที่ตนเองว่าวิจารณ์อย่างเดียว ไม่ต้องถามเรื่องเหตุผลอะไรนักหรอก
ส่วนคนที่สองคือคนที่ต้องแสกนดูอีกทีว่าชุดที่อีกฝ่ายใส่มีความเหมาะสมเช่นไร หากพนักงานไม่เข้าใจในคำว่า ‘พาไปสถานที่สำคัญ’ แล้วยัดชุดสายเดี่ยวเปรี้ยวเข็ดฟันให้อย่างสองชุดแรกล่ะก็ คุณอากิโกะคงรับไม่ได้ยิ่งกว่ารู้ว่าเพศร่างของว่าที่ลูกสะใภ้จอมปลอมเป็นผู้ชายเสียอีก
“...มะ...มีจริงๆ ด้วยเหรอเนี่ย!” คุณอากิโกะอ้าปากค้างระหว่างมองสีหน้าซนๆ ของมิยารุโนะ ตอนแรกที่คู่ดูตัวฝ่ายหญิงแอบมากระซิบว่าคำพูดของอาเคจิมีแววน่าสงสัยหลายจุด ทั้งกิริยาหลบตาเอยอะไรเอย นึกไม่ถึงว่าการขับรถออกไปเพียงสองชั่วโมงจะพาเด็กผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นแฟนกลับมาได้จริงๆ หน้าม้าพวกถูกจ้างวานหรือเปล่า...?
คุณมายุโนะขมวดคิ้ว “บางมุมดูเหมือนเด็กผู้ชายจังเลย ท่าทางก็กระโดกกระเดก แบบนี้จะเป็นสะใภ้ที่ดีได้เหรอ อากิจัง” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงจับผิดเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวมาแพ้เด็กอายุสิบเจ็ดประการหนึ่ง และไม่อยากให้ลูกสาวพลาดจากคนดีพร้อมอย่างอาเคจิอีกประการหนึ่ง
สุดท้ายคือความคิดเห็นของมิยูรินะ “สิบเจ็ดนี่...เด็กมากเกินไปหน่อยล่ะมั้งคะ” แถมยังบอกว่าอยู่ด้วยกันในคอนโดเดียวกันอีก จริงอยู่ที่ทั้งสองคนบอกว่าทุกอย่างเป็นสีขาวว่างเปล่าไร้เรื่องต้องห้ามใดๆ แต่ในฐานะลูกผู้หญิง...การอยู่ในคอนโดเดียวกับผู้ชายสองต่อสองนับเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ควรอย่างยิ่ง แถมสมัยนี้มีคดีล่วงละเมิดทางเพศหลายต่อหลายครั้งบนหัวสีหนังสือพิมพ์ ทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงยอมให้ตัวเองเปลืองตัวเสียขนาดนี้นะ
อาเคจิแอบสะอึกกับสายตาผิดหวังปนตำหนิของอดีตคู่ดูตัวที่งานล้มไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะสัมผัสได้ว่าตัวเองช่างบ้าจี้ดีแท้ที่ใช้วิธีนี้ แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เวลาสองชั่วโมงมันทำให้เขาดึงใครสักคนที่ดันกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยอย่างไม่คาดฝันแบบนี้ อย่างน้อยคุณแม่ของเขาก็ไม่ได้ตำหนิเรื่องอายุเหมือนครอบครัวอาคิฮานะและคงไม่มีปัญหาเรื่องการดูตตัวแบบคลุมถุงชนอีก นั่นหมายความว่าหน้าที่แฟนปลอมๆ ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว
หลังจากแนะนำตัวเบื้องต้นแล้ว คุณอากิโกะใช้สายตาสำรวจเข้าไปในนัยน์ตาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะออกคำสั่งเรียบๆ “อาเคจิ ลูกมองตาเด็กคนนี้ทีซิ เหมือนจะเป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อสายตะวันตกหรือเปล่า ทำไมตาออกสีฟ้าๆ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแทบจะพร้อมเพรียงกับคนถูกทัก เขาจับหน้าจับคางอีกฝ่ายให้อยู่นิ่งๆ ให้มองเข้าในลูกนัยน์ตาสีดำขลับแฝงประกายดุจท้องฟ้ายามรัตติกาลคู่นั้นด้วยความประหลาดใจ แต่พิศมองเท่าไหร่ ประกายสีฟ้าอย่างที่มารดากล่าวมาก็ไม่ปรากฏออกมาเลยสักนิด แถมเจ้าตัวยังย้ำหนักแน่นว่าเชื้อสายตระกูลตนมีได้ก็แต่คนญี่ปุ่นเท่านั้น เรื่องตาสีฟ้าอย่างที่ว่าคงเป็นไปไม่ได้แน่
คุณนายโบกมือให้ลูกชายกลับบ้านเอาดื้อๆ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทด้วยทีท่าสงสัยบางอย่าง “นัยน์ตาของเด็กคนนั้น...”
คุณมายุโนะพยักหน้าหงึกหงักระหว่างเข้าใจไปอีกทาง “ใช่...สวยหรือก็สู้หนูมิยูของฉันไม่ได้สักนิด แถมอายุน้อยแบบนั้นจะเป็นภรรยาที่ดีได้ยังไงกัน”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณป้าไม่ได้หมายถึงเรื่องความสวยหรือตาสีฟ้า” หญิงสาวกล่าวขึ้นอย่างรับความคิดทัน “ดวงตาคู่นั้นมันเรียบเฉยมากเลยนะคะ คุณอาเคจิเองก็เหมือนกัน ตอนที่กำลังสำรวจเข้าไปในนัยน์ตาของคนรักนั่นน่ะ ดูเขาสนใจว่าข้างในมีสีฟ้าจริงดังคุณป้าว่าหรือเปล่าเท่านั้น ไม่มีความซึ้งอย่างที่คนรักควรมอบแก่กันเลย ไม่มีกระทั่งความเอ็นดูอย่างที่ควรจะปรากฏแก่คนรักอายุน้อยกว่าตั้งสิบสามปีด้วยซ้ำไป”
สีหน้าคุณอากิโกะเผยความพึงพอใจในความเฉลียวฉลาดของว่าที่ลูกสะใภ้ซึ่งถูกวางตัวไว้ ทั้งช่างสังเกตทั้งยังรับความคิดหล่อนทัน ทำไมเจ้าลูกชายไม่ได้เรื่องถึงไปหยิบใครมาแนะนำพร่ำเพรื่อกันนะ
ถึงจะไม่ทันรับความคิดของเพื่อนสนิทในรอบแรก แต่คุณมายุโนะต้องรู้ใจเพื่อนสนิทที่มีต่อสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว หล่อนเสนอให้ส่งมิยูรินะไปช่วยพูดคุยตรวจสอบกับคู่รักต่างวัยคู่นี้ให้มากๆ จะได้เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันกว่าเดิม ลูกสาวหล่อนหรือก็ถือว่าเป็นคนงามทั้งหน้าตากิริยาท่าทาง ทำไมคนอยู่ใกล้จึงใจไม่หลงเสน่ห์เผลอไผลมอบใจให้ทั้งดวงกัน?
คุณอากิโกะพยักหน้าแก่หญิงสาวเบาๆ “ยังไงก็ช่วยสอดส่องด้วยนะจ๊ะ”
มิยูรินะฟังความคิดของสองหญิงวัยกลางคนด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะนึกถึงเรื่องการอยู่ในคอนโดเดียวกันได้ ด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงแล้ว หล่อนคงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าสืบรู้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนแล้วยิ่งดี อาเคจิอาจไม่ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่หล่อนเรื่องดูตัว แต่คนที่สามารถอยู่กับเด็กผู้หญิงวัยสิบเจ็ดในคอนโดตามลำพังก็ถือว่าเขากำลังสร้างมลทินในชื่อเสียงเด็กสาวอ่อนต่อโลกคนนั้นแล้ว!
ย้อนกลับไปราวสองชั่วโมงก่อน...
หากถามว่าเขาได้ผมสีน้ำตาลที่ตัดเป็นทรงซอยสั้นหวีเรียบๆ มาจากใคร คงไม่พ้นหญิงวัยกลางคนผู้กำลังมองด้วยสายตาดุๆ อย่างแน่นอน หล่อนเดินเข้ามาเพื่อจัดแต่งทรงผมกับชุดสูทราคาแพงที่เขาเตรียมไว้ใช้ออกงานสังคมโดยเฉพาะ แต่งวดนี้กลับต้องสวมเข้ามาในโรงแรมฮาคุโระ โรงแรมที่น้องสาวของเขาเป็นผู้บริหารงานแทน
เดิมที...โรงแรมนี้และกิจการในเครือคิริซาโตะควรจะตกเป็นของพี่ชายและทายาทชายสายตรงอย่างเขา แต่คนที่อดีตเจ้าบ้านคิริซาโตะมักพูดถึงบ่อยๆ ว่า ‘เจ้าลูกชายตัวดีมันไม่เอาโรงแรมนี้แหงๆ’ ได้บอกปัดจริงดังคำบิดา ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่จึงถ่ายไปทางน้องสาวซึ่งเป็นเวิร์คกิ้งวูเมนมาตั้งแต่เกิด ส่วนเขารับแค่กิจการโรงเรียนมัธนยมฮาคุโระกับเงินปันหุ้นที่มีในเครือเท่านั้น
ทั้งที่เป็นเช่นนั้น...อาเคจิพบว่าเพื่อนมารดาบางคนเข้าใจว่าเขานับเป็นคนรวยคนหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็รวยในฐานะของพี่ชายเจ้าของโรงแรมคนปัจจุบัน อย่างเช่นคุณน้าอาคิฮานะ มายุโนะ เป็นต้น
หล่อนเป็นผู้หญิงที่ฐานะไม่ได้รวดจัดจนพบปะกับอากิโกะในงานสังคมแต่ประการใด หล่อนเป็นเพื่อนที่คบหากับคุณแม่ของเขามาตั้งแต่มัธยม โดยคุณน้าคนนั้นมีลูกสาวคนหนึ่งที่ถูกหมายมาดจากมารดาสองฝั่งว่าคู่ควรกับอาเคจิที่สุดเท่าที่เคยมีมา หล่อนชื่อมิยูรินะ หญิงสาวผู้มีเส้นผมสีดำรวบหางม้ายาว นับว่าเป็นคนถ่ายรูปขึ้นคนหนึ่งเลย
ใช่...เขาพบกับหล่อนครั้งแรกจากรูปถ่ายดูตัวนั่นแล หลังจากหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันมาหลายปีดีดัก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสีหน้าตื่นเต้นจากอากิโกะ หล่อนยืดหลังตรงโดยอัตโนมัติพร้อมส่งสายตาดุๆ ให้ลูกชายเลิกทำหน้าเบื่อโลกเสียที แล้วยิ้มรับแก่หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามาด้วยชุดกึ่งทางการวัยกลางคนที่รู้จักสนิทสนมกันดี ซึ่งตามหลังคุณน้ามายุโนะคือหญิงสาววัยไล่เลี่ยกันกับเขา คราวนี้หล่อนเกล้าผมขึ้นพร้อมประดับด้วยปิ่นดอกไม้สีส้มสว่าง เข้ากันกับสีชุดกิโมโนผ้าไหมลายเรียบๆ สีเขียวอ่อน พันด้วยโอบิสีส้มอีกชั้นหนึ่ง
อาเคจิมีทีท่าสนใจในรอยยิ้มนั้น หล่อนสวยยิ่งกว่ารูปถ่ายในใบดูตัวเสียอีก และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณน้าไม่ส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ร่วมกับคุณแม่ของเขาในการล้อว่าหล่อนทำคู่ดูตัวตะลึงจนลืมหายใจ ตะลึงจนคุมสติไม่อยู่ โธ่...หล่อนน่าสวยจนจัดได้ว่าสวยยิ่งกว่าผู้หญิงสวยทั่วไปก็จริง แต่หน้าตาไม่ใช่บรรทัดฐานในการแต่งงานของมนุษย์สักหน่อย หล่อนก้มศีรษะด้วยรอยยิ้มนั้นระหว่างแนะนำตัว ไร้ทีท่าต่อต้านอย่างที่ผู้หญิงหลายคนพึงกระทำเมื่อถูกจับคลุมถุงชนทางอ้อม
หรือว่ามีแต่เขาที่ถูกคลุมถุง? ผู้หญิงคนนี้ได้สิทธิ์เตรียมใจก่อนหรอกหรือเนี่ย
“ว่าไงจ๊ะ อาเคจิคุง ลูกสาวน้าสวยยิ่งกว่าคำร่ำลือใช่ไหมล่ะ โฮะๆๆๆ” หล่อนหัวเราะกับหลังมือเหมือนแม่มด “มิยูจังน่ะเป็นแม่บ้านแม่เรือนมาตั้งแต่เด็ก รับรองว่าผู้ชายคนใดรับไปเป็นภรรยาต้องไม่ผิดหวังแน่นอน เห็นอย่างนี้คนมีหน้ามีตาหลายคนก็อยากจะเข้ามาดูตัวเหมือนเธอแต่น้าไม่เคยรับปากนะจ๊ะ โฮะๆๆๆ”
สีหน้ามิยูรินะคล้ายสะดุดไปอยู่ในที ราวกับคำพูดมารดาเป็นแค่คำโฆษณาหลอกลวง ซึ่งคงไม่ใช่...หล่อนคงรู้สึกว่าสิ่งที่มายุโนะกล่าวมาเมื่อครู่มันเหมือนเธอเป็นสินค้าชนิดหนึ่งมากกว่า ส่วนเขาคือผู้ซื้อที่มีสิทธิ์ชี้ขาดว่าจะตกลงหรือไม่ มันชวนให้ปวดใจจนหน้าชาหนึบขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ ดีที่คู่ดูตัวตรงหน้าทำเหมือนมันเป็นคำชมดาษดื่นผ่านหูทั่วไป หากเขาส่งแววยิ้มเยาะขึ้นมาสักนิด หล่อนจะเอาหน้าไปวางที่ไหนกันนี่
หญิงสาววัยยี่สิบเก้าปีคนนี้แอบคิดอยู่ในใจ...ถ้าเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายคนนี้คงไม่มีปัญหาหนักอกอะไร ทั้งยังสมประสงค์มารดาที่ต้องการให้เกี่ยวดองกับลูกชายเพื่อนด้วย
หลังจากบทสนทนาครึ่งแรกผ่านไป (ซึ่งคนพูดมีเพียงคุณน้ากับคุณแม่ของอาเคจิเท่านั้น) ในที่สุด...พวกเขาก็ได้อยู่ตามลำพังเพื่อศึกษานิสัยใจคอเบื้องต้น หล่อนยิ้มรับกับน้ำชาที่เขาบรรจงรินให้ด้วยรอยยิ้มประเภทเดิมอีกครั้ง มันสวยมากจนแทบลืมหายใจก็จริง แต่คราวนี้เขารู้สึกว่าในใจหล่อนช่างเหี่ยวแห้งเสียนี่กระไร มันเหมือนรอยยิ้มเหล่านางงามที่เรียงรายอยู่บนเวที สวย งดงาม อีกมุมหนึ่งมันคือรอยยิ้มที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นมาตรฐาน บางทีหล่อนอาจฝึกยิ้มมาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้
ชายหนุ่มรู้สึกสงสารหล่อนขึ้นมาวูบหนึ่งเลยทีเดียว
“คุณ...เอ่อ...คุณอาคิฮานะ” เขากระแอมเบาๆ เมื่อเริ่มต้นบทสนทนา “วันนี้เป็นวันที่ดีนะครับ”
วันดีอะไรรึ? อาเคจิแอบยิ้มเยาะตนเองอยู่ในใจระหว่างเหลือบมองนาฬิกาข้อมือน้อยๆ อีกครึ่งชั่วโมงพวกคุณน้าจะเข้ามาฟังผลแล้ว ถ้าตอบตกลงโอเคตอนนี้ รับรองได้ว่ามันมีความหมายเดี๋ยวกับคำว่า ‘รับครับ’ ในวันแต่งงานแน่นอน เขาจึงต้องพยายามเหนี่ยวรั้งบทสนทนาเข้าไว้ไม่ให้หล่อนรู้สึกว่าเขาคือผู้ชายยอดเยี่ยมสมบูรณ์พร้อมแบบที่มารดาเขาป่าวประกาศ
หรือจะบอกไปตรงๆ ว่าเขายังไม่อยากเข้าพิธีวิวาห์กับใครดีล่ะ...?
หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ กับแขนเสื้อกิโมโนตนเอง “เรียกว่ามิยูรินะเถอะค่ะ จะได้ไม่ห่างเหินกันมากเกินไป” และหล่อนไม่ได้บอกว่านี่คือคำสั่งมายุโนะด้วย “วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ค่ะ”
หญิงสาวสังเกตว่าเขาอยากให้พวกคุณแม่ของหล่อนกับคุณป้าเข้ามาไวๆ จากสายตาชำเลืองมองนาฬิกานิดๆ นั่น ทั้งยังมีคำกล่าวที่ว่า ‘วันนี้เป็นวันดีนะครับ’ อีก นั่นไม่ใช่คำพูดแรกที่ผู้ชายทั้งหลายอยากพูดกับสาวสวยซึ่งตนหมายปองหรือปรารถนาจะครองรักเลยสักนิด ความจริงหล่อนเองก็เคยรู้สึกว่าเขาพยายามหลบหน้ามาก่อนหน้านี้ ซึ่งมันคงเป็นความจริงแน่แท้
ผู้ชายอายุสามสิบที่ไม่แต่งงานหรือ...ถ้าไม่รักอิสระจนเกินไปคงมีใครอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
หล่อนก้มหน้าลงช้าๆ ระหว่างเติมน้ำชาลงในถ้วยของตน “เห็นในใบประวัติบอกว่าคุณคิริซาโตะเป็นเจ้าของโรงเรียนด้วย คงชอบเด็กๆ สินะคะ”
เด็กๆ ที่ว่าหมายถึงอะไร? หมายถึงลูกหรือเปล่า เขาบอกได้เลยว่ายังไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ! แถมเขายังดูแลโรงเรียนมัธยมฮาคุโระ ส่วนโรงเรียนประถมน่ะเป็นส่วนจัดการบริหารของน้องสาวต่างหาก ฉะนั้น...ไม่ว่าจะเด็กหรือลูกก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้!
อาเคจิยิ้มอย่างเหงื่อตกพิลึก “เอ่อ...อ่า...ผมชอบเป็นพวกเด็กโตมากกว่าน่ะครับ พวกแกดูพูดง่ายกว่าเด็กเล็กๆ เยอะเลย”
“แปลว่าชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยหรือเปล่าคะ?” หล่อนหรี่ตาลงด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เมื่อรวมกับชุดกิโมโนจึงเหมือนมาดามเกอิชาจอมร้ายกาจไปอย่างช่วยไม่ได้ “ได้ข่าวว่าอาชีพครูเองก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือคะ”
อ่ะฮ่า...หล่อนต้องการถามว่าเขามีใครหรือยังนั่นเอง อาเคจิโล่งอกจนเกือบพลั้งปากไปว่าโสดสนิท แต่ใจหนึ่งก็นึกถึงพวกคุณน้ากับระฆังวิวาห์ขึ้นมาได้ ระหว่างปฏิเสธไปเสียตอนนี้แล้วโดนหว่านล้อมว่าในเมื่อไม่มีใครก็ลองคบกับหล่อนหน่อยจะเป็นไร กับบอกโกหกออกไปเผื่อคุณน้ามายุโนะจะรามือ ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าตนอยากเลือกประเภทไหนมากกว่ากัน คำโกหกประเภทนี้มักนำเรื่องยุ่งๆ มาเสมอนั่นแหละ
มิยูรินะเติมน้ำชาให้เขาอย่างช้าๆ “ถ้าคุณมีใครอยู่แล้ว มันคงน่าเสียดายที่การดูตัวครั้งนี้คงล้มเหลว แต่ดิฉันเองก็ยังไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษหรือรังเกียจอะไรคุณหรอกนะคะ อย่าเข้าใจผิดไป”
“อันที่จริง... ผม...” อาเคจิหลบกิริยาวาจาที่ราวกับต้องการแสกนบางอย่างจากตัวเขา ทั้งที่หล่อนก็ไม่ใช่เครื่องจับเท็จอะไร “ผมมีคนรักอยู่คนหนึ่ง...”
คุณนายอากิโกะไม่ได้สนใจว่าลูกชายจะแต่งงานกับใครเป็นพิเศษหรอก แต่เป็นเพราะอายุขึ้นเลขสามของเขาต่างหากที่ทำให้หล่อนนึกเป็นห่วง เมื่อมิยูรินะยืนยันว่าเขาบอกเองว่าตนมีคนรักอยู่แล้วและหล่อนต้องการล้มเลิกพิธีดูตัวครั้ง สิ่งเดียวที่คุณนายต้องการให้เขาทำอย่างด่วนที่สุดคือพาผู้หญิงคนนั้นมาพบให้ได้ภายในอาทิตย์ตกวันนี้ ต่อหน้ามายุโนะที่ลูกสาวแอบกระซิบว่าท่าทางเขาเหมือนคนมีอะไรปิดบังอยู่
ในเมื่อหล่อนรู้ว่าเขาโกหก เรื่องมันควรจะจบ แต่คุณนายอาคิฮานะกลับต้องเอาชนะชายหนุ่มให้ได้ราวกับคนที่ดูตัวคือหล่อน ไม่ใช่ลูกสาวยังไงอย่างงั้น
“...ลุงเนี่ยโรคจิตเนอะ” มิยารุโนะเปลี่ยนชุดกระโปรงชุดที่สาม แล้วโชว์ต่อหน้าพนักงานขายกับอาเคจิ
คนแรก...คือตัวแทนของสายตาผู้หญิง ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ขลุกอยู่กับเครื่องแต่งตัวสารพัดชุดสารพัดรูปแบบอย่างพนักงานร้านขายเสื้อผ้าแล้ว ยิ่งสมควรดูว่าการปลอมแปลงนั้นแนบเนียนแค่ไหนและเขาควรใส่อะไรเพิ่มเติมลงไปหรือไม่ หล่อนกะพริบตาสองสามรอบด้วยความงุนงงต่อแววตาอันแสนจะเดือดร้อน แล้วเข้าใจหน้าที่ตนเองว่าวิจารณ์อย่างเดียว ไม่ต้องถามเรื่องเหตุผลอะไรนักหรอก
ส่วนคนที่สองคือคนที่ต้องแสกนดูอีกทีว่าชุดที่อีกฝ่ายใส่มีความเหมาะสมเช่นไร หากพนักงานไม่เข้าใจในคำว่า ‘พาไปสถานที่สำคัญ’ แล้วยัดชุดสายเดี่ยวเปรี้ยวเข็ดฟันให้อย่างสองชุดแรกล่ะก็ คุณอากิโกะคงรับไม่ได้ยิ่งกว่ารู้ว่าเพศร่างของว่าที่ลูกสะใภ้จอมปลอมเป็นผู้ชายเสียอีก
“...มะ...มีจริงๆ ด้วยเหรอเนี่ย!” คุณอากิโกะอ้าปากค้างระหว่างมองสีหน้าซนๆ ของมิยารุโนะ ตอนแรกที่คู่ดูตัวฝ่ายหญิงแอบมากระซิบว่าคำพูดของอาเคจิมีแววน่าสงสัยหลายจุด ทั้งกิริยาหลบตาเอยอะไรเอย นึกไม่ถึงว่าการขับรถออกไปเพียงสองชั่วโมงจะพาเด็กผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นแฟนกลับมาได้จริงๆ หน้าม้าพวกถูกจ้างวานหรือเปล่า...?
คุณมายุโนะขมวดคิ้ว “บางมุมดูเหมือนเด็กผู้ชายจังเลย ท่าทางก็กระโดกกระเดก แบบนี้จะเป็นสะใภ้ที่ดีได้เหรอ อากิจัง” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงจับผิดเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวมาแพ้เด็กอายุสิบเจ็ดประการหนึ่ง และไม่อยากให้ลูกสาวพลาดจากคนดีพร้อมอย่างอาเคจิอีกประการหนึ่ง
สุดท้ายคือความคิดเห็นของมิยูรินะ “สิบเจ็ดนี่...เด็กมากเกินไปหน่อยล่ะมั้งคะ” แถมยังบอกว่าอยู่ด้วยกันในคอนโดเดียวกันอีก จริงอยู่ที่ทั้งสองคนบอกว่าทุกอย่างเป็นสีขาวว่างเปล่าไร้เรื่องต้องห้ามใดๆ แต่ในฐานะลูกผู้หญิง...การอยู่ในคอนโดเดียวกับผู้ชายสองต่อสองนับเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ควรอย่างยิ่ง แถมสมัยนี้มีคดีล่วงละเมิดทางเพศหลายต่อหลายครั้งบนหัวสีหนังสือพิมพ์ ทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงยอมให้ตัวเองเปลืองตัวเสียขนาดนี้นะ
อาเคจิแอบสะอึกกับสายตาผิดหวังปนตำหนิของอดีตคู่ดูตัวที่งานล้มไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะสัมผัสได้ว่าตัวเองช่างบ้าจี้ดีแท้ที่ใช้วิธีนี้ แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เวลาสองชั่วโมงมันทำให้เขาดึงใครสักคนที่ดันกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยอย่างไม่คาดฝันแบบนี้ อย่างน้อยคุณแม่ของเขาก็ไม่ได้ตำหนิเรื่องอายุเหมือนครอบครัวอาคิฮานะและคงไม่มีปัญหาเรื่องการดูตตัวแบบคลุมถุงชนอีก นั่นหมายความว่าหน้าที่แฟนปลอมๆ ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว
หลังจากแนะนำตัวเบื้องต้นแล้ว คุณอากิโกะใช้สายตาสำรวจเข้าไปในนัยน์ตาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะออกคำสั่งเรียบๆ “อาเคจิ ลูกมองตาเด็กคนนี้ทีซิ เหมือนจะเป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อสายตะวันตกหรือเปล่า ทำไมตาออกสีฟ้าๆ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแทบจะพร้อมเพรียงกับคนถูกทัก เขาจับหน้าจับคางอีกฝ่ายให้อยู่นิ่งๆ ให้มองเข้าในลูกนัยน์ตาสีดำขลับแฝงประกายดุจท้องฟ้ายามรัตติกาลคู่นั้นด้วยความประหลาดใจ แต่พิศมองเท่าไหร่ ประกายสีฟ้าอย่างที่มารดากล่าวมาก็ไม่ปรากฏออกมาเลยสักนิด แถมเจ้าตัวยังย้ำหนักแน่นว่าเชื้อสายตระกูลตนมีได้ก็แต่คนญี่ปุ่นเท่านั้น เรื่องตาสีฟ้าอย่างที่ว่าคงเป็นไปไม่ได้แน่
คุณนายโบกมือให้ลูกชายกลับบ้านเอาดื้อๆ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทด้วยทีท่าสงสัยบางอย่าง “นัยน์ตาของเด็กคนนั้น...”
คุณมายุโนะพยักหน้าหงึกหงักระหว่างเข้าใจไปอีกทาง “ใช่...สวยหรือก็สู้หนูมิยูของฉันไม่ได้สักนิด แถมอายุน้อยแบบนั้นจะเป็นภรรยาที่ดีได้ยังไงกัน”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณป้าไม่ได้หมายถึงเรื่องความสวยหรือตาสีฟ้า” หญิงสาวกล่าวขึ้นอย่างรับความคิดทัน “ดวงตาคู่นั้นมันเรียบเฉยมากเลยนะคะ คุณอาเคจิเองก็เหมือนกัน ตอนที่กำลังสำรวจเข้าไปในนัยน์ตาของคนรักนั่นน่ะ ดูเขาสนใจว่าข้างในมีสีฟ้าจริงดังคุณป้าว่าหรือเปล่าเท่านั้น ไม่มีความซึ้งอย่างที่คนรักควรมอบแก่กันเลย ไม่มีกระทั่งความเอ็นดูอย่างที่ควรจะปรากฏแก่คนรักอายุน้อยกว่าตั้งสิบสามปีด้วยซ้ำไป”
สีหน้าคุณอากิโกะเผยความพึงพอใจในความเฉลียวฉลาดของว่าที่ลูกสะใภ้ซึ่งถูกวางตัวไว้ ทั้งช่างสังเกตทั้งยังรับความคิดหล่อนทัน ทำไมเจ้าลูกชายไม่ได้เรื่องถึงไปหยิบใครมาแนะนำพร่ำเพรื่อกันนะ
ถึงจะไม่ทันรับความคิดของเพื่อนสนิทในรอบแรก แต่คุณมายุโนะต้องรู้ใจเพื่อนสนิทที่มีต่อสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว หล่อนเสนอให้ส่งมิยูรินะไปช่วยพูดคุยตรวจสอบกับคู่รักต่างวัยคู่นี้ให้มากๆ จะได้เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันกว่าเดิม ลูกสาวหล่อนหรือก็ถือว่าเป็นคนงามทั้งหน้าตากิริยาท่าทาง ทำไมคนอยู่ใกล้จึงใจไม่หลงเสน่ห์เผลอไผลมอบใจให้ทั้งดวงกัน?
คุณอากิโกะพยักหน้าแก่หญิงสาวเบาๆ “ยังไงก็ช่วยสอดส่องด้วยนะจ๊ะ”
มิยูรินะฟังความคิดของสองหญิงวัยกลางคนด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะนึกถึงเรื่องการอยู่ในคอนโดเดียวกันได้ ด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงแล้ว หล่อนคงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าสืบรู้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนแล้วยิ่งดี อาเคจิอาจไม่ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่หล่อนเรื่องดูตัว แต่คนที่สามารถอยู่กับเด็กผู้หญิงวัยสิบเจ็ดในคอนโดตามลำพังก็ถือว่าเขากำลังสร้างมลทินในชื่อเสียงเด็กสาวอ่อนต่อโลกคนนั้นแล้ว!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ