The Tenderly

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.

  6 session
  0 วิจารณ์
  12.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      สาเหตุที่ทำให้เขาจำต้องตกลงรับคำขอร้องของเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้น  มาจากมารดาแท้ๆ ที่อุ้มท้องมานานกว่าเก้าเดือนของเขา...คิริซาโตะ อากิโกะ

     ย้อนกลับไปราวสองชั่วโมงก่อน...

     หากถามว่าเขาได้ผมสีน้ำตาลที่ตัดเป็นทรงซอยสั้นหวีเรียบๆ มาจากใคร  คงไม่พ้นหญิงวัยกลางคนผู้กำลังมองด้วยสายตาดุๆ อย่างแน่นอน  หล่อนเดินเข้ามาเพื่อจัดแต่งทรงผมกับชุดสูทราคาแพงที่เขาเตรียมไว้ใช้ออกงานสังคมโดยเฉพาะ  แต่งวดนี้กลับต้องสวมเข้ามาในโรงแรมฮาคุโระ  โรงแรมที่น้องสาวของเขาเป็นผู้บริหารงานแทน

     เดิมที...โรงแรมนี้และกิจการในเครือคิริซาโตะควรจะตกเป็นของพี่ชายและทายาทชายสายตรงอย่างเขา  แต่คนที่อดีตเจ้าบ้านคิริซาโตะมักพูดถึงบ่อยๆ ว่า ‘เจ้าลูกชายตัวดีมันไม่เอาโรงแรมนี้แหงๆ’  ได้บอกปัดจริงดังคำบิดา  ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่จึงถ่ายไปทางน้องสาวซึ่งเป็นเวิร์คกิ้งวูเมนมาตั้งแต่เกิด  ส่วนเขารับแค่กิจการโรงเรียนมัธนยมฮาคุโระกับเงินปันหุ้นที่มีในเครือเท่านั้น

     ทั้งที่เป็นเช่นนั้น...อาเคจิพบว่าเพื่อนมารดาบางคนเข้าใจว่าเขานับเป็นคนรวยคนหนึ่ง  หรืออย่างน้อยก็รวยในฐานะของพี่ชายเจ้าของโรงแรมคนปัจจุบัน  อย่างเช่นคุณน้าอาคิฮานะ มายุโนะ เป็นต้น

     หล่อนเป็นผู้หญิงที่ฐานะไม่ได้รวดจัดจนพบปะกับอากิโกะในงานสังคมแต่ประการใด  หล่อนเป็นเพื่อนที่คบหากับคุณแม่ของเขามาตั้งแต่มัธยม  โดยคุณน้าคนนั้นมีลูกสาวคนหนึ่งที่ถูกหมายมาดจากมารดาสองฝั่งว่าคู่ควรกับอาเคจิที่สุดเท่าที่เคยมีมา  หล่อนชื่อมิยูรินะ  หญิงสาวผู้มีเส้นผมสีดำรวบหางม้ายาว  นับว่าเป็นคนถ่ายรูปขึ้นคนหนึ่งเลย

     ใช่...เขาพบกับหล่อนครั้งแรกจากรูปถ่ายดูตัวนั่นแล  หลังจากหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันมาหลายปีดีดัก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสีหน้าตื่นเต้นจากอากิโกะ  หล่อนยืดหลังตรงโดยอัตโนมัติพร้อมส่งสายตาดุๆ ให้ลูกชายเลิกทำหน้าเบื่อโลกเสียที  แล้วยิ้มรับแก่หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามาด้วยชุดกึ่งทางการวัยกลางคนที่รู้จักสนิทสนมกันดี  ซึ่งตามหลังคุณน้ามายุโนะคือหญิงสาววัยไล่เลี่ยกันกับเขา  คราวนี้หล่อนเกล้าผมขึ้นพร้อมประดับด้วยปิ่นดอกไม้สีส้มสว่าง  เข้ากันกับสีชุดกิโมโนผ้าไหมลายเรียบๆ สีเขียวอ่อน  พันด้วยโอบิสีส้มอีกชั้นหนึ่ง

     อาเคจิมีทีท่าสนใจในรอยยิ้มนั้น  หล่อนสวยยิ่งกว่ารูปถ่ายในใบดูตัวเสียอีก  และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณน้าไม่ส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ร่วมกับคุณแม่ของเขาในการล้อว่าหล่อนทำคู่ดูตัวตะลึงจนลืมหายใจ  ตะลึงจนคุมสติไม่อยู่  โธ่...หล่อนน่าสวยจนจัดได้ว่าสวยยิ่งกว่าผู้หญิงสวยทั่วไปก็จริง  แต่หน้าตาไม่ใช่บรรทัดฐานในการแต่งงานของมนุษย์สักหน่อย  หล่อนก้มศีรษะด้วยรอยยิ้มนั้นระหว่างแนะนำตัว  ไร้ทีท่าต่อต้านอย่างที่ผู้หญิงหลายคนพึงกระทำเมื่อถูกจับคลุมถุงชนทางอ้อม

     หรือว่ามีแต่เขาที่ถูกคลุมถุง?  ผู้หญิงคนนี้ได้สิทธิ์เตรียมใจก่อนหรอกหรือเนี่ย

“ว่าไงจ๊ะ  อาเคจิคุง  ลูกสาวน้าสวยยิ่งกว่าคำร่ำลือใช่ไหมล่ะ  โฮะๆๆๆ”  หล่อนหัวเราะกับหลังมือเหมือนแม่มด  “มิยูจังน่ะเป็นแม่บ้านแม่เรือนมาตั้งแต่เด็ก  รับรองว่าผู้ชายคนใดรับไปเป็นภรรยาต้องไม่ผิดหวังแน่นอน  เห็นอย่างนี้คนมีหน้ามีตาหลายคนก็อยากจะเข้ามาดูตัวเหมือนเธอแต่น้าไม่เคยรับปากนะจ๊ะ  โฮะๆๆๆ”

     สีหน้ามิยูรินะคล้ายสะดุดไปอยู่ในที  ราวกับคำพูดมารดาเป็นแค่คำโฆษณาหลอกลวง  ซึ่งคงไม่ใช่...หล่อนคงรู้สึกว่าสิ่งที่มายุโนะกล่าวมาเมื่อครู่มันเหมือนเธอเป็นสินค้าชนิดหนึ่งมากกว่า  ส่วนเขาคือผู้ซื้อที่มีสิทธิ์ชี้ขาดว่าจะตกลงหรือไม่  มันชวนให้ปวดใจจนหน้าชาหนึบขึ้นมาอย่างไรไม่รู้  ดีที่คู่ดูตัวตรงหน้าทำเหมือนมันเป็นคำชมดาษดื่นผ่านหูทั่วไป  หากเขาส่งแววยิ้มเยาะขึ้นมาสักนิด  หล่อนจะเอาหน้าไปวางที่ไหนกันนี่

     หญิงสาววัยยี่สิบเก้าปีคนนี้แอบคิดอยู่ในใจ...ถ้าเข้าพิธีวิวาห์กับผู้ชายคนนี้คงไม่มีปัญหาหนักอกอะไร  ทั้งยังสมประสงค์มารดาที่ต้องการให้เกี่ยวดองกับลูกชายเพื่อนด้วย

     หลังจากบทสนทนาครึ่งแรกผ่านไป  (ซึ่งคนพูดมีเพียงคุณน้ากับคุณแม่ของอาเคจิเท่านั้น)  ในที่สุด...พวกเขาก็ได้อยู่ตามลำพังเพื่อศึกษานิสัยใจคอเบื้องต้น  หล่อนยิ้มรับกับน้ำชาที่เขาบรรจงรินให้ด้วยรอยยิ้มประเภทเดิมอีกครั้ง  มันสวยมากจนแทบลืมหายใจก็จริง  แต่คราวนี้เขารู้สึกว่าในใจหล่อนช่างเหี่ยวแห้งเสียนี่กระไร  มันเหมือนรอยยิ้มเหล่านางงามที่เรียงรายอยู่บนเวที  สวย งดงาม อีกมุมหนึ่งมันคือรอยยิ้มที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นมาตรฐาน  บางทีหล่อนอาจฝึกยิ้มมาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้

     ชายหนุ่มรู้สึกสงสารหล่อนขึ้นมาวูบหนึ่งเลยทีเดียว

     “คุณ...เอ่อ...คุณอาคิฮานะ”  เขากระแอมเบาๆ เมื่อเริ่มต้นบทสนทนา  “วันนี้เป็นวันที่ดีนะครับ”

     วันดีอะไรรึ?  อาเคจิแอบยิ้มเยาะตนเองอยู่ในใจระหว่างเหลือบมองนาฬิกาข้อมือน้อยๆ  อีกครึ่งชั่วโมงพวกคุณน้าจะเข้ามาฟังผลแล้ว  ถ้าตอบตกลงโอเคตอนนี้  รับรองได้ว่ามันมีความหมายเดี๋ยวกับคำว่า ‘รับครับ’ ในวันแต่งงานแน่นอน  เขาจึงต้องพยายามเหนี่ยวรั้งบทสนทนาเข้าไว้ไม่ให้หล่อนรู้สึกว่าเขาคือผู้ชายยอดเยี่ยมสมบูรณ์พร้อมแบบที่มารดาเขาป่าวประกาศ

     หรือจะบอกไปตรงๆ ว่าเขายังไม่อยากเข้าพิธีวิวาห์กับใครดีล่ะ...?

     หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ กับแขนเสื้อกิโมโนตนเอง  “เรียกว่ามิยูรินะเถอะค่ะ  จะได้ไม่ห่างเหินกันมากเกินไป”  และหล่อนไม่ได้บอกว่านี่คือคำสั่งมายุโนะด้วย  “วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ค่ะ”

     หญิงสาวสังเกตว่าเขาอยากให้พวกคุณแม่ของหล่อนกับคุณป้าเข้ามาไวๆ จากสายตาชำเลืองมองนาฬิกานิดๆ นั่น  ทั้งยังมีคำกล่าวที่ว่า ‘วันนี้เป็นวันดีนะครับ’ อีก  นั่นไม่ใช่คำพูดแรกที่ผู้ชายทั้งหลายอยากพูดกับสาวสวยซึ่งตนหมายปองหรือปรารถนาจะครองรักเลยสักนิด  ความจริงหล่อนเองก็เคยรู้สึกว่าเขาพยายามหลบหน้ามาก่อนหน้านี้  ซึ่งมันคงเป็นความจริงแน่แท้

     ผู้ชายอายุสามสิบที่ไม่แต่งงานหรือ...ถ้าไม่รักอิสระจนเกินไปคงมีใครอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว

     หล่อนก้มหน้าลงช้าๆ ระหว่างเติมน้ำชาลงในถ้วยของตน  “เห็นในใบประวัติบอกว่าคุณคิริซาโตะเป็นเจ้าของโรงเรียนด้วย  คงชอบเด็กๆ สินะคะ”

     เด็กๆ ที่ว่าหมายถึงอะไร?  หมายถึงลูกหรือเปล่า  เขาบอกได้เลยว่ายังไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน  ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ!  แถมเขายังดูแลโรงเรียนมัธยมฮาคุโระ  ส่วนโรงเรียนประถมน่ะเป็นส่วนจัดการบริหารของน้องสาวต่างหาก  ฉะนั้น...ไม่ว่าจะเด็กหรือลูกก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้!

     อาเคจิยิ้มอย่างเหงื่อตกพิลึก  “เอ่อ...อ่า...ผมชอบเป็นพวกเด็กโตมากกว่าน่ะครับ  พวกแกดูพูดง่ายกว่าเด็กเล็กๆ เยอะเลย”

     “แปลว่าชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยหรือเปล่าคะ?”  หล่อนหรี่ตาลงด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์  เมื่อรวมกับชุดกิโมโนจึงเหมือนมาดามเกอิชาจอมร้ายกาจไปอย่างช่วยไม่ได้  “ได้ข่าวว่าอาชีพครูเองก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือคะ”

     อ่ะฮ่า...หล่อนต้องการถามว่าเขามีใครหรือยังนั่นเอง  อาเคจิโล่งอกจนเกือบพลั้งปากไปว่าโสดสนิท  แต่ใจหนึ่งก็นึกถึงพวกคุณน้ากับระฆังวิวาห์ขึ้นมาได้  ระหว่างปฏิเสธไปเสียตอนนี้แล้วโดนหว่านล้อมว่าในเมื่อไม่มีใครก็ลองคบกับหล่อนหน่อยจะเป็นไร  กับบอกโกหกออกไปเผื่อคุณน้ามายุโนะจะรามือ  ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าตนอยากเลือกประเภทไหนมากกว่ากัน  คำโกหกประเภทนี้มักนำเรื่องยุ่งๆ มาเสมอนั่นแหละ

     มิยูรินะเติมน้ำชาให้เขาอย่างช้าๆ  “ถ้าคุณมีใครอยู่แล้ว  มันคงน่าเสียดายที่การดูตัวครั้งนี้คงล้มเหลว  แต่ดิฉันเองก็ยังไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษหรือรังเกียจอะไรคุณหรอกนะคะ  อย่าเข้าใจผิดไป”

     “อันที่จริง...  ผม...”  อาเคจิหลบกิริยาวาจาที่ราวกับต้องการแสกนบางอย่างจากตัวเขา  ทั้งที่หล่อนก็ไม่ใช่เครื่องจับเท็จอะไร  “ผมมีคนรักอยู่คนหนึ่ง...”

     คุณนายอากิโกะไม่ได้สนใจว่าลูกชายจะแต่งงานกับใครเป็นพิเศษหรอก  แต่เป็นเพราะอายุขึ้นเลขสามของเขาต่างหากที่ทำให้หล่อนนึกเป็นห่วง  เมื่อมิยูรินะยืนยันว่าเขาบอกเองว่าตนมีคนรักอยู่แล้วและหล่อนต้องการล้มเลิกพิธีดูตัวครั้ง  สิ่งเดียวที่คุณนายต้องการให้เขาทำอย่างด่วนที่สุดคือพาผู้หญิงคนนั้นมาพบให้ได้ภายในอาทิตย์ตกวันนี้  ต่อหน้ามายุโนะที่ลูกสาวแอบกระซิบว่าท่าทางเขาเหมือนคนมีอะไรปิดบังอยู่

     ในเมื่อหล่อนรู้ว่าเขาโกหก  เรื่องมันควรจะจบ  แต่คุณนายอาคิฮานะกลับต้องเอาชนะชายหนุ่มให้ได้ราวกับคนที่ดูตัวคือหล่อน  ไม่ใช่ลูกสาวยังไงอย่างงั้น

 

     “...ลุงเนี่ยโรคจิตเนอะ”  มิยารุโนะเปลี่ยนชุดกระโปรงชุดที่สาม  แล้วโชว์ต่อหน้าพนักงานขายกับอาเคจิ

     คนแรก...คือตัวแทนของสายตาผู้หญิง  ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ขลุกอยู่กับเครื่องแต่งตัวสารพัดชุดสารพัดรูปแบบอย่างพนักงานร้านขายเสื้อผ้าแล้ว  ยิ่งสมควรดูว่าการปลอมแปลงนั้นแนบเนียนแค่ไหนและเขาควรใส่อะไรเพิ่มเติมลงไปหรือไม่  หล่อนกะพริบตาสองสามรอบด้วยความงุนงงต่อแววตาอันแสนจะเดือดร้อน  แล้วเข้าใจหน้าที่ตนเองว่าวิจารณ์อย่างเดียว  ไม่ต้องถามเรื่องเหตุผลอะไรนักหรอก

     ส่วนคนที่สองคือคนที่ต้องแสกนดูอีกทีว่าชุดที่อีกฝ่ายใส่มีความเหมาะสมเช่นไร  หากพนักงานไม่เข้าใจในคำว่า ‘พาไปสถานที่สำคัญ’ แล้วยัดชุดสายเดี่ยวเปรี้ยวเข็ดฟันให้อย่างสองชุดแรกล่ะก็  คุณอากิโกะคงรับไม่ได้ยิ่งกว่ารู้ว่าเพศร่างของว่าที่ลูกสะใภ้จอมปลอมเป็นผู้ชายเสียอีก

 

     “...มะ...มีจริงๆ ด้วยเหรอเนี่ย!”  คุณอากิโกะอ้าปากค้างระหว่างมองสีหน้าซนๆ ของมิยารุโนะ  ตอนแรกที่คู่ดูตัวฝ่ายหญิงแอบมากระซิบว่าคำพูดของอาเคจิมีแววน่าสงสัยหลายจุด  ทั้งกิริยาหลบตาเอยอะไรเอย  นึกไม่ถึงว่าการขับรถออกไปเพียงสองชั่วโมงจะพาเด็กผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นแฟนกลับมาได้จริงๆ  หน้าม้าพวกถูกจ้างวานหรือเปล่า...?

     คุณมายุโนะขมวดคิ้ว  “บางมุมดูเหมือนเด็กผู้ชายจังเลย  ท่าทางก็กระโดกกระเดก  แบบนี้จะเป็นสะใภ้ที่ดีได้เหรอ  อากิจัง”  หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงจับผิดเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวมาแพ้เด็กอายุสิบเจ็ดประการหนึ่ง  และไม่อยากให้ลูกสาวพลาดจากคนดีพร้อมอย่างอาเคจิอีกประการหนึ่ง

     สุดท้ายคือความคิดเห็นของมิยูรินะ  “สิบเจ็ดนี่...เด็กมากเกินไปหน่อยล่ะมั้งคะ”  แถมยังบอกว่าอยู่ด้วยกันในคอนโดเดียวกันอีก  จริงอยู่ที่ทั้งสองคนบอกว่าทุกอย่างเป็นสีขาวว่างเปล่าไร้เรื่องต้องห้ามใดๆ  แต่ในฐานะลูกผู้หญิง...การอยู่ในคอนโดเดียวกับผู้ชายสองต่อสองนับเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ควรอย่างยิ่ง  แถมสมัยนี้มีคดีล่วงละเมิดทางเพศหลายต่อหลายครั้งบนหัวสีหนังสือพิมพ์  ทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงยอมให้ตัวเองเปลืองตัวเสียขนาดนี้นะ

     อาเคจิแอบสะอึกกับสายตาผิดหวังปนตำหนิของอดีตคู่ดูตัวที่งานล้มไปเรียบร้อยแล้ว  ก่อนจะสัมผัสได้ว่าตัวเองช่างบ้าจี้ดีแท้ที่ใช้วิธีนี้  แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เวลาสองชั่วโมงมันทำให้เขาดึงใครสักคนที่ดันกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยอย่างไม่คาดฝันแบบนี้  อย่างน้อยคุณแม่ของเขาก็ไม่ได้ตำหนิเรื่องอายุเหมือนครอบครัวอาคิฮานะและคงไม่มีปัญหาเรื่องการดูตตัวแบบคลุมถุงชนอีก  นั่นหมายความว่าหน้าที่แฟนปลอมๆ ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว

     หลังจากแนะนำตัวเบื้องต้นแล้ว  คุณอากิโกะใช้สายตาสำรวจเข้าไปในนัยน์ตาอย่างพินิจพิเคราะห์  ก่อนจะออกคำสั่งเรียบๆ  “อาเคจิ  ลูกมองตาเด็กคนนี้ทีซิ  เหมือนจะเป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อสายตะวันตกหรือเปล่า  ทำไมตาออกสีฟ้าๆ”

     ชายหนุ่มขมวดคิ้วแทบจะพร้อมเพรียงกับคนถูกทัก  เขาจับหน้าจับคางอีกฝ่ายให้อยู่นิ่งๆ ให้มองเข้าในลูกนัยน์ตาสีดำขลับแฝงประกายดุจท้องฟ้ายามรัตติกาลคู่นั้นด้วยความประหลาดใจ  แต่พิศมองเท่าไหร่  ประกายสีฟ้าอย่างที่มารดากล่าวมาก็ไม่ปรากฏออกมาเลยสักนิด  แถมเจ้าตัวยังย้ำหนักแน่นว่าเชื้อสายตระกูลตนมีได้ก็แต่คนญี่ปุ่นเท่านั้น  เรื่องตาสีฟ้าอย่างที่ว่าคงเป็นไปไม่ได้แน่

     คุณนายโบกมือให้ลูกชายกลับบ้านเอาดื้อๆ  ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทด้วยทีท่าสงสัยบางอย่าง  “นัยน์ตาของเด็กคนนั้น...”

     คุณมายุโนะพยักหน้าหงึกหงักระหว่างเข้าใจไปอีกทาง  “ใช่...สวยหรือก็สู้หนูมิยูของฉันไม่ได้สักนิด  แถมอายุน้อยแบบนั้นจะเป็นภรรยาที่ดีได้ยังไงกัน”

     “ไม่ใช่ค่ะ  คุณป้าไม่ได้หมายถึงเรื่องความสวยหรือตาสีฟ้า”  หญิงสาวกล่าวขึ้นอย่างรับความคิดทัน  “ดวงตาคู่นั้นมันเรียบเฉยมากเลยนะคะ  คุณอาเคจิเองก็เหมือนกัน  ตอนที่กำลังสำรวจเข้าไปในนัยน์ตาของคนรักนั่นน่ะ  ดูเขาสนใจว่าข้างในมีสีฟ้าจริงดังคุณป้าว่าหรือเปล่าเท่านั้น  ไม่มีความซึ้งอย่างที่คนรักควรมอบแก่กันเลย  ไม่มีกระทั่งความเอ็นดูอย่างที่ควรจะปรากฏแก่คนรักอายุน้อยกว่าตั้งสิบสามปีด้วยซ้ำไป”

     สีหน้าคุณอากิโกะเผยความพึงพอใจในความเฉลียวฉลาดของว่าที่ลูกสะใภ้ซึ่งถูกวางตัวไว้  ทั้งช่างสังเกตทั้งยังรับความคิดหล่อนทัน  ทำไมเจ้าลูกชายไม่ได้เรื่องถึงไปหยิบใครมาแนะนำพร่ำเพรื่อกันนะ

     ถึงจะไม่ทันรับความคิดของเพื่อนสนิทในรอบแรก  แต่คุณมายุโนะต้องรู้ใจเพื่อนสนิทที่มีต่อสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว  หล่อนเสนอให้ส่งมิยูรินะไปช่วยพูดคุยตรวจสอบกับคู่รักต่างวัยคู่นี้ให้มากๆ  จะได้เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันกว่าเดิม  ลูกสาวหล่อนหรือก็ถือว่าเป็นคนงามทั้งหน้าตากิริยาท่าทาง  ทำไมคนอยู่ใกล้จึงใจไม่หลงเสน่ห์เผลอไผลมอบใจให้ทั้งดวงกัน?

     คุณอากิโกะพยักหน้าแก่หญิงสาวเบาๆ  “ยังไงก็ช่วยสอดส่องด้วยนะจ๊ะ”

     มิยูรินะฟังความคิดของสองหญิงวัยกลางคนด้วยความไม่แน่ใจ  ก่อนจะนึกถึงเรื่องการอยู่ในคอนโดเดียวกันได้  ด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงแล้ว  หล่อนคงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ง่ายๆ  ยิ่งถ้าสืบรู้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนแล้วยิ่งดี  อาเคจิอาจไม่ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่หล่อนเรื่องดูตัว  แต่คนที่สามารถอยู่กับเด็กผู้หญิงวัยสิบเจ็ดในคอนโดตามลำพังก็ถือว่าเขากำลังสร้างมลทินในชื่อเสียงเด็กสาวอ่อนต่อโลกคนนั้นแล้ว!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา