Extinction Wars สัญญาครั้งนั้น...จะเริ่มกันเลยไหม
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.14 น.
แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) สนามหญ้าสีฟ้าที่กลายเป็นสีเทา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ถึงผู้บัญชาสูงสุดแห่งเหล่าผู้นำมาซึ่งความวิบัติ... จำใส่กะลาหัวเอาไว้เลยว่าตราบเท่าที่ฉันและพรรคพวกของฉันยังคงมีชีวิตอยู่ พวกแกจะไม่มีวันได้สิ่งที่พวกแกปรารถนาแม้แต่อย่างเดียว!!! ถ้ามีข้อข้องใจละก็...ก็มาฆ่าฉันนี่!!! มาฆ่าฉันให้ตายๆไปซะ!!! แล้วถึงตอนนั้นจะเป็นการเปิดศึกเต็มรูปแบบระหว่างกองทัพมนุษย์กับพวกแก!!!!"
วันเวลามักผ่านไปเร็วจนไม่น่าเชื่อ บางสิ่งที่เราเคยทำไปเมื่อหลายปีก่อนนั้นอาจจะรู้สึกได้ว่าเพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง และเทพเจ้าแห่งกาลเวลามักจะเล่นตลกกับพวกเราเสมอ...
ขณะนี้พวกฮิซาชิได้ไปตั้งหลักใหม่ในที่ๆเหล่าผู้นำมาซึ่งความวินาศไม่มีวันตามหาพวกเขาเจอ อาคาริพาพวกเขาทั้งสามคนไปรักษาตัว ณ ที่ให้กำเนิดเหล่าแองเจลอยด์กลางท้องฟ้าเพื่อทำการฟื้นฟูระบบให้กับโยโซระและฮิโรมิที่เสียชีวิตไปในการต่อสู้กับพวกไกอา
ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงหลังจากการต่อสู้ระหว่างพวกฮิซาชิกับไกอาผ่านมาแล้วเป็นเวลากว่า "4วัน"
"รู้สึกพักนี้การรุกรานของเจ้าพวกนั้นจะสงบลงไปเยอะนะ... ทั้งๆที่เมื่อไม่ถึงอาทิตย์นี้ยังมีการต่อสู้เลือดสาดกระจายกันอยู่เลย"
"อย่าเพิ่งวางใจน่า... การต่อสู้มันยังไม่จบสักหน่อย"
แม้ว่าสถานการณืจะเงียบสงบลงไปเหมือนกับปรากฏการณ์สึนามิตามที่ได้ยินมาจากเพื่อนสาวของเขา ฮิซาชิก็ได้ใช้โอกาสนี้พักผ่อนอย่างสบายใจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อผู้นำมาซึ่งความวิบัติทำการประกาศศึกกับเหล่ามนุษย์เมื่อเดือนก่อน ในการต่อสู้ครั้งที่แล้วนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่าผู้ที่ยอมทรยศต่อ"พวกมัน"โดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาทั้งสองคนนั้น
"ว่าแต่พวกเธอดูมีความสุขกันเหลือเกินนะ สานสัมพันธ์กันได้แล้วสิ! ชิบุกิ... ฮิคาริ..."
ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในฐานผลิตseiriหันมาทำสีหน้ารำคาญให้กับอดีตศัตรูของเขาที่กำลังตะโกนโหวกเหวกโต้ตอบกันไปมาอย่างชื่นมื่น สองสาวกลุ่มนั้นดูท่าทางจะมีดวามสุขกับยกใหญ่จนเรียกได้ว่าตลอดสามวันที่ผ่านมานี้จะไม่มีตอนไหนที่จะเลิกเล่นด้วยกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว...
"อย่าลืมสิว่านายเองก็เคยเป็นแบบนั้นเมื่อ5ปีก่อนนะ ฮิซาชิคุง..."
เสียงสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่ดังขึ้นมาทางด้านหลังทำให้ผู้ชายคนนั้นเลิกทำสีหน้าหลบโลกลงทันที ขณะนี้อาคาริเป็นเพียงคนเดียว ณ ที่แห่งนั้นที่กำลังประกอบกิจกรรมที่เคร่งเครียดซึ่งจะเสียสมาธิไม่ได้อยู่ ดูเหมือนว่าการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและการตัดสินใจย้ายที่อยู่ใหม่ของพวกฮิซาชิในครั้งนั้นจะไปเพิ่มภาระให้เธอเข้าซะแล้ว
"ว่าแต่เธอน่ะ... เอาแต่คีย์ข้อมูลอยู่แบบนั้นทั้งวันไม่พักบ้างเลยหรือไง ตามจริงเธอก็แค่ฟื้นระบบให้ฮานามิคนเดียวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ... แล้วต่อจากนั้นหน้าที่ของเธอก็จะได้ลดลงไปครึ่งนึงไงล่ะ"
ฮิซาชิลุกขึ้นจากที่นอนอันแสนนุ่มนิ่มที่สาวน้อยที่เขากำลังคุยด้วยแทบจะไม่มีโอกาสที่จะได้โน้มหลังลงไปพักเป็นเวลานานเกินห้าชั่วโมงต่อวัน พร้อมกับเดินไปยังอาคาริที่กำลังกดแป้นพิมพ์รัวๆราวกับรู้จักระบบภายในร่างของทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นอย่างดี ฮิซาชิเห็นเธอนั่งมุงานอย่างจริงจังอยู่อย่างนี้นับตั้งแต่ที่เขามาถึงที่นี่แล้ว...
หรือบางทีตลอดเวลา5ปีที่ผ่านมาเธออาจจะแทบไม่เคยผละจากเก้าอี้นั้นเลยก็ได้...
และในจังหวะที่ฮิซาชิก้าวเท้าเข้าไปจนอยู่ห่างจากเก้าอี้ที่หันหลังให้เขาอยู่เป็นระยะทางไม่ถึงห้าก้าว เสียงแหลมเล็กๆที่ดังเป็นจังหวะต่อเนื่องแข่งกับเสียงของseiriที่กำลังร้องกันเซ็งแซ่ก็หยุดลงทันที ราวกับว่านิ้วทั้งสิบของอาคารินั้นสามารถตอบสนองต่อการมาถึงของฮิซาชิเป็นอย่างดี
"ไม่ได้หรอก... เพราะที่ยัยพวกนี้ต้องมาเป็นอย่างนี้ก็เพราะฉันเอง เพราะฉันไปทำร้ายพวกเธอที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ทั้งสามคนนั้นก็เลยต้องมาตายด้วยน้ำมือของคนที่อาฆาตแค้นโดยไม่ยับยั้งใจอย่างฉัน ส่วนโยโซระกับฮิโรมิ... เพราะฉันไปถึงที่นั่นช้าไป พวกเธอเลยถูกฆ่าเพราะปกป้องนาย ยังไงฉันก็มีส่วนผิดเต็มๆ..!"
ตอนนั้นเองไม่รู้เพราะแสงจากหน้าจอโฮโลแกรมข้างหน้าเธอหรือเพราะอะไร เขาเห็นใบหน้าของเธอที่สะท้อนมาจากหน้าจอนั้นมีแสงสะท้อนออกมาเป็นทางจากขอบตาไปยังปลายคางของเธอ บางทีเธออาจจะยังคิดโทษตัวเองอยู่ก็เป็นได้...
"ไม่มีอะไรหรอก... อาคาริ"
เมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กมีอาการซึมลงไปทีละนิด ชายหนุ่มคนนั้นจึงทำตัวเป็นไอ้หื่นสะท้านภพเอาอ้อมแขนโอบไหล่ของเธอเอาไว้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะยื่นหน้าของเขาไปประกบกับแก้มซ้ายของเธอจนลมหายใจของเขาลูบผ่านใบหน้าอันนุ่มนวลของเธอไปอย่างช้าๆ และย้อมผิวหนังส่วนนั้นเป็นสีแดงระเรื่อ
"ไม่มีใครโทษเธอหรอกนะ..! ถ้าจะมีคนผิดจริงๆก็คงจะเป็นฉันเองล่ะที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอจนเรื่องมันลงเอยแบบนี้... มันก็เท่านั้นเอง"
ปี๊บ...ปี๊บ...ปี๊บ..!
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... หลังจากที่ฮิซาชิปลอบประโลมจิตใจที่เริ่มจะเปราะบางลงของอาคาริจนสงบลงแล้ว ตรงหน้าจออีกแผ่นหนึ่งที่แสดงแผนผังโลกอยู่ก็มีจุดสีแดงปรากฏขึ้นมา ดูเหมือนว่าอาคาริจะคิดถูกจริงๆที่ชวนทั้งสามคนให้มาปักหลักอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อผู้นำมาซึ่งความวินาศปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่ก็จะได้ทราบตำแหน่งของพวกนั้นทันที
แต่ตำแหน่งนั้นมัน...
"ถล่มอเมริกาซะยับเลย... แถมยังบุกมาแค่ตัวเดียวด้วย แบบนี้แย่แน่ๆ!"
"กองทัพของอเมริกาในตอนนี้น่ะเรียกได้ว่าแข็งแกร่งติดสองอันดับแถวหน้าร่วมกับเกาหลีเลยนะ ต่อให้เจ้าพวกนั้นจะแข็งแกร่งยังไง... ต่อให้เป็นนายในร่างโคโรน่าหรือแม้แต่ไกอารุ่นที่สองก็ยังทำคนเดียวไม่ได้เร็วขนาดนี้เลยนะ!!"
"แย่แล้วสิ! กองทัพของแคนาดาก็ถูกมันถล่มไปอีกที่หนึ่งแล้ว!! แถมตอนนี้...มันยังมุ่งหน้าไปยังญี่ปุ่นด้วย แถมความเร็วระดับนี้...มันเหนือกว่าเทอร์รารอยด์ที่บินได้เร็วที่สุดในหมู่seiriอีกนะ!!"
ระหว่างที่พวกผู้หญิงสามคนกำลังตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นโลกที่อยู่ห่างกันมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นห่างกันเพียงไม่ถึงนาที ฮิซาชิก็เตรียมจะออกไปยังที่เกิดเหตุแล้ว โดยที่เหตุการณ์นั้นได้ผ่านตาพวกอาคาริทุกคน
"ถ้าอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นละก็...มีแต่ต้องไปถามเจ้าตัวเอาเองเท่านั้นแหละ!!"
"มันจะไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ... พวกมันบุกเดี่ยวไปถล่มกองกำลังป้องกันตัวเองของสองประเทศที่ตั้งอยู่ห่างกันเกือบพันกิโลฯได้ภายในเวลาไม่ถึง5นาทีเนี่ยนะ!! ต่อให้เครื่องบินเจ็ทรุ่นล่าสุดแค่บินไปให้ถึงยังเกือบไม่ทันเลยนะ...".
.
.
'ศัตรูในคราวนี้แข็งแกร่งด้อยกว่าไกอาที่พวกเราเจอมาก็จริง... แต่ร่างกายที่ปราดเปรียวและการเคลื่อนไหวที่หวังผลสังหารได้ทุกครั้งน่ะเรียกได้ว่าน่ากลัวยิ่งกว่าไกอาซะอีกนะ! ยังไงก็ห้ามประมาทเด็ดขาด!!'
ฮิซาชิรีบมุ่งหน้ากลับไปยังญี่ปุ่นบ้านเกิดของเขาด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้ ในเมื่อผู้นำมาซึ่งความวินาศบุกมาตรงๆแบบนี้ มันจะไปมีประโยชน์อะไรที่เราจะโยกโย้ลอบโจมตีล่ะจริงไหม!
ในระหว่างนั้นเอง... เขาก็เห็นกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่นเริ่มนำเครื่องบินรบทำการขัดขวางผู้นำมาซึ่งความวินาศตนนั้นอย่างเต็มกำลัง แต่ดูเหมือนว่าทางด้านผู้นำมาซึ่งความวิบัติที่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วถึงขนาดนั้นซึ่งย่อมต้องมีความสามารถในการคาดเดาการโจมตีที่จะมาถึงทางอากาศด้วย แต่ถึงทางกองกำลังป้องกันตนเองจะยกกองทัพมามากมายถึงขนาดที่จะเปิดสงครามกับประเทศจ้าวอำนาจทางทหาร...
มันก็ยังคงมุ่งหน้าตรงมายังรัศมีจู่โจมของฝูงบินตรงๆราวกับมั่นใจมากว่าจะสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดพ้น
"เป้าหมาย11นาฬิกา ระยะห่าง2กิโลเมตร... เริ่มโจมตีได้!"
เมื่อได้รับการยืนยันเป้าหมายจากหัวหน้าฝูงบิน เครื่องบินรบทุกลำก็ระดมจู่โจมไปยังเป้าหมายที่เริ่มเห็นอยู่ไกลลิบๆราวกับจะไม่ปล่อยให้เหลือแม้แต่เศษธุลีสักเสี้ยวเดียว ท่ามกลางควันที่เกิดจากการระเบิดนั้น ปรากฏเป้าหมายที่ไม่ทราบที่มายังคงรอดมาได้ และเหมือนมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย...
นอกจากนั้นมันยังรู้ภาษาของมนุษย์อีกด้วย!
"ทีนี้ตาข้าบ้างล่ะนะ!!"
ปิศาจรูปร่างเหมือนมนุษย์วิหกซึ่งมีขนาดตัวโตกว่ามนุษย์ทั่วไปประมาณครึ่งเมตรเริ่มทำการตอบโต้ฝูงบินเหล่านั้น มันสลัดขนนกสีดำของมันออกมาจนกระจายไปทั่วท้องฟ้ารอบกายมัน ก่อนที่ขนนกสีดำเหล่านั้นจะพุ่งเข้าจู่โจมเครื่องบินรบทุกลำราวกับห่าฝนดาวตกจนพินาศสิ้น ซากเครื่องบินรบระเบิดกระจายลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเบื้องล่างจนเกิดไฟลุกท่วมบนผืนน้ำ
เมื่อปิศาจตนนั้นได้เล่นเกมคลายเครียดเสร็จแล้ว มันก็เตรียมบินไปจู่โจมฐานกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นซึ่งเป็นเป้าหมายต่อไป แต่ก่อนที่มันจะบินออกไป ฮิซาชิก็บินมาถึงจุดปะทะที่สงบลงไปเมื่อครู่นี้พอดี... ด้วยระยะห่างเกือบสองร้อยเมตร
เมื่อปิศาจตนนั้นเห็นมนุษย์ที่ลอยอยู่บนอากาศได้ก็นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย ขนาดเดียวกันมันก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นที่มีเหยื่อมาให้มันได้เล่นสนุกอีกราย
เฟี้ยววววววววว........
กระสุนพลังสองลูกถูกปล่อยออกมาจากมือทั้งสองข้างที่สะบัดจนแสงที่อยู่ในมือหลุดออกมาจู่โจมใส่เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า ตอนนั้นเองที่ปิศาจที่คล่องแคล่วก็บินหลบการโจมตีของเขาขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะยิงลูกพลังทำลายใส่ฮิซาชิจากด้านบน ทำให้เขาต้องเบี่ยงเส้นทางบินจากเดิมเพื่อหลบการโจมตีครั้งนั้น
ฮิซาชิที่ทักทายคู่ต่อสู้จนพอใจแล้วก็หยุดการเคลื่อนที่ไปด้านหน้าจนเห็นปิศาจตนนั้นค่อยๆลดระดับลงมายังท้องฟ้าระดับเดียวกันทางด้านหลัง ชายหนุ่มที่ไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆจึงหันกลับไปหาด้วยท่าทีที่ไม่คิดต่อสู้กับมัน
"แกเป็นใคร...จงประกาศนามมา เจ้ามนุษย์! มิเช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าโดยไม่ให้ได้ส่งเสียงร้องแม้เพียงนิด..."
"เวลาจะถามชื่อใครน่ะ บอกชื่อตัวเองมาก่อนสิ... หรือว่าเป็นชื่อที่ไม่สมควรจะประกาศให้มนุษย์อย่างฉันรู้กันนะ"
การกระทำของฮิซาชิทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่ผ่านมานับตั้งแต่อดีตกาลไม่เคยมีมนุษย์คนไหนกล้าพูดโต้ตอบกับมันอย่างนี้มาก่อน มันจึงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
"จริงสินะ... ข้าคือเทพมารวิหคผู้ปกครองผืนฟ้าก่อนที่เหล่ามนุษย์จะขับไล่พวกข้าลงสู่ใต้พิภพ ฮารันด้า ทีนี้ตาเจ้าแล้ว..."
"อ้าว! ก็คุยง่ายดีนี่นา... ฉันชื่อ โคริคาวะ ฮิซาชิ เป็นมนุษย์อย่างที่แกเห็น"
"อะไรนะ!! ฮารันด้างั้นเรอะ!!!"
เสียงฮิคาริตะโกนออกมาอย่างลืมตัวเมื่อได้ยินปิศาจตนนั้นประกาศนามของตนออกมาผ่านหน้าจอโฮโลแกรมที่ฉายอยู่ตรงหน้า ทำให้อาคาริกับชิบุกิที่อยู่ด้วยกันรู้สึกสงสัยในท่าทางวิตกกังวลของเธอเป็นอย่างมาก
"มีอะไรเหรอ... กับเจ้าฮารันด้านั่นน่ะ"
ฮิคาริยังคงอึ้งอยู่พักหนึ่ง เธอรวบรวมเสียงที่พอจะเหลืออยู่เพื่อที่จะพูดคำที่เธออยากจะบอกสาวน้อยอีกสองคนให้ได้รู้
"เจ้าฮารันด้าน่ะ... ถ้าจะสู้กับมันให้ชนะ..."
ฮิคาริพูดขาดๆหายๆราวกับถูกความกลัวเข้าครอบงำไว้ ท่าทางของเธอเหมือนจะมีความหลังกับเจ้านกปิศาจนั่นฝังลึกถึงกระดูก
"อย่าปล่อยพลังใส่มันเด็ดขาด!!"
เมื่อทั้งสองคนประกาศชื่อเสร็จแล้วก็ตั้งท่าเตรียมจะต่อสู้กัน ฮิซาชิรู้ดีว่าเขาไม่ถนัดการต่อสู้ทางอากาศสักเท่าไหร่ก็ล่อฮารันด้าไปยังเกาะร้างไร้ผู้คนอย่างรวดเร็ว แต่เขากลับถูกปิศาจตนนั้นดักหน้าไว้ได้ทุกทางราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาจะเคลื่อนตัวไปทางไหน ทั้งๆที่ฮิซาชิไม่มีปีกให้อ่านลายกล้ามเนื้อแท้ๆ...
"กลัวข้าขึ้นมาแล้วหรือไง เจ้ามนุษย์! แต่ถึงแกจะอ้อนวอนยังไงข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไว้หรอกนะ!!"
ฮารันด้าใช้ขนนกสีดำของมันจู่โจมใส่ฮิซาชิทันที การโจมตีของมันรวดเร็วและต่อเนื่องไม่มีช่องให้บินหนีทำให้เขาต้องกางม่านป้องกันห่าฝนกระสุนขนนกนั้นเอาไว้อย่างทุลักทุเล
"ไม่เลวเลยนี่นา... งั้นเจอนี่หน่อยเป็นไง!!"
เมื่อเห็นว่าฮิซาชิสามารถป้องกันการโจมตีของมันได้ทั้งหมด ฮารันด้าจึงเปลี่ยนมาใช้การต่อสู้หมัดต่อหมัดกับเขาทันที
แม้ว่าฮิซาชิจะสามารถปัดป้องการคลุกวงในของปิศาจตนนั้นในช่วงแรกๆได้ก็ตาม แต่ฮารันด้ากลับสามารถเร่งความเร็วบินขึ้นได้สูงมากจนฮิซาชิตามความเร็วของมันไม่ทัน หมัดและลูกเตะของวิหคอสูรตนนั้นจึงอัดเข้าร่างของฮิซาชิอย่างจังจนตกลงไปในห้วงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
"บ้าชิบ! ความเร็วของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าฮิโรมิเลยแม้แต่น้อย... แบบนี้เราเองก็คง..!"
ยังไม่ทันที่เขาจะคิดจบ ฮารันด้าก็ปล่อยลำแสงความมืดลงสู่ผืนน้ำตรงเข้าหาฮิซาชิอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเขาหลบการโจมตีนั้น... พลังทำลายมหาศาลจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ซัดเข้าหาฝั่งจนมีผู้เคราะห์ร้ายนับล้านๆ
และเขาก็ตัดสินใจที่จะรับการโจมตีนั้นไว้เอง
ตูมมมม!!!!!!!
พลังความมืดของฮารันด้าเข้าจู่โจมใส่ร่างของมนุษย์ที่แข็งแกร่งเกินคนผู้นั้นจนเกิดระเบิดขึ้นใต้ผืนน้ำ แรงระเบิดนั้นได้พัดเอาผิวน้ำที่อยู่ด้านบนจุดศูนย์กลางระเบิดจนลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ก่อนจะค่อยๆตกลงมาเป็นเม็ดฝนร่วงลงสู่พื้นน้ำนั้นอีกครั้ง
"เฮอะ! กระจอกสิ้นดี... แบบนี้ข้าเองก็ผิดหวังล่ะวะ!!"
เมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใต้ผืนน้ำที่มันทำการโจมตีใส่ไปแล้ว ฮารันด้าก็เตรียมมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายที่มันเล็งไว้ตั้งแต่แรก ทันใดนั้นเอง...มันก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างด้านบนศีรษะของมันพอดี
"นี่แกยังไม่ตายอีกเหรอ!!!"
ยังไม่ทันที่ปิศาจตนนั้นจะได้ตั้งตัว ฮิซาชิที่ขึ้นมาจากผืนน้ำนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ก็พุ่งลงมาแทงเข่าใส่แผ่นหลังจนตกลงไปยังท้องน้ำนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ฮารันด้าก็กลับตัวได้ทันพอดีก่อนที่ปีกของมันจะสัมผัสน้ำ มันรู้ดีว่าถ้าปีกของมันโดนน้ำเมื่อไหร่ ขนนกที่ปีกจะดูดซับน้ำไว้จนหนักและทำให้ความเร็วของมันลดลงและจะกลายเป็นตัวถ่วงความเร็วให้ลดลงจนฮิซาชิสามารถเล่นงานมันได้ง่ายขึ้นแน่ๆ
"แกเป็นใครกันแน่!!! แกไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ..!! แกเป็นseiriแปลงเพศมาใช่ไหม!!!"
ฮารันด้าตะโกนใส่ฮิซาชิอย่างหัวเสีย มันเห็นชุดของฮิซาชิเปลี่ยนไปเป็นเสื้อแขนกุดสีส้มร้อนแรงดุจเปลวเพลิงจากดวงอาทิตย์อันโชติช่วงหลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากผืนมหาสมุทรอันเย็นเฉียบ นอกจากนั้นพลังของฮิซาชิก็เพิ่มขึ้นจากเดิมมากจนราวกับเป็นคนละคน
"อะไรกัน... นี่แกไม่รู้จักโคโรน่าโหมดเลยหรือไง!"
ฮิซาชิได้โอกาสพลิกเป็นฝ่ายรุกบ้าง เขาพุ่งเข้าไปแลกหมัดกับฮารันด้าจนผืนน้ำกระจายออกเป็นวงกว้าง สถานการณ์ในตอนนี้ฮิซาชิเป็นฝ่ายได้เปรียบมากเพราะเขาไม่เปิดช่องว่างให้มันได้เร่งความเร็วบินขึ้นไปอีกแล้ว และเมื่อฮิซาชิซัดมันออกไปทิ้งระยะได้พอเหมาะแล้ว เขาก็รวมพลังปล่อยลำแสงเพลิงใส่ฮารันด้าอย่างตรงเป้า
ซึ่งดูเหมือนฮารันด้าจะรอจังหวะนี้อยู่แล้ว...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ