Extinction Wars สัญญาครั้งนั้น...จะเริ่มกันเลยไหม
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.14 น.
แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) ตราบเท่าลมหายใจยังคงอยู่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตรงหน้าของพวกฮิซาชิปรากฏร่างของสาวน้อยคนหนึ่งที่ฮิซาชิรู้จักดี เธอคือผู้ที่สังหารเหล่าแองเจลอยด์และเกือบจะฆ่ามิคาสะมาแล้วเมื่อ5ปีก่อน แต่รูปลักษณ์ของดูเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนนั้นอย่างเห็นได้ชัด
สีผมและดวงตาของอาคาริที่เคยมีสีดำขลับกลับจะยิ่งดูเข้มขึ้นไปอีกราวกับว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา5ปีนี้เธอจะไม่ได้เคร่งเครียดกับการฟื้นฟูระบบให้กับเหล่าseiriที่เธอเคยลงมือสังหารไปเลยแม้แต่นิดเดียว และการที่อาคาริเข้ามาให้ความช่วยเหลือในการต่อสู้ครั้งนี้เพียงคนเดียวก็หมายความว่าการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายอย่างรุนแรงจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็น แต่ถึงจะให้สามคนนั้นมาร่วมต่อสู้ด้วย พวกเธอก็คงจะถูกไกอาฆ่าตายอีกรอบแน่ๆ
รูปร่างของอาคาริที่โตขึ้นนั้นดูเพรียวขึ้นราวกับนางแบบนิตยสารปลุกใจเสือป่า เธอสวยขึ้นมากจนฮิซาชิได้แต่มองเธอด้วยความตะลึงในความเปลี่ยนแปลงนั้น และยิ่งประกอบกับทรงผมที่ไว้จนยาวโดยไม่มีการแต่งเติมเครื่องประดับอะไรเข้าไปสักชิ้นนั้นทำให้สาวน้อยคนนั้น... ทำให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฮิซาชิดูสวยเป็นธรรมชาติราวกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกคัดสรรพันธุกรรมมาเป็นอย่างดี
ล่ะมั้งนะ..!
"ไม่จริง! ทำไมเธอถึง..!?"
ตรงหน้าของเหล่าseiriที่ได้รับกำลังเสริมมาใหม่นั้น ไกอารุ่นที่สองซึ่งแข็งแกร่งขึ้นมากจากการดูดกลืนพลังจากแกนปีกแปรรูปของพรรคพวกที่ตายไปแล้วได้ส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ้มๆของผู้ชาย ราวกับว่าชิบุกิกับฮิคาริต้องทนฟังเสียงที่พวกเธอไม่อยากจะได้ยินอีกต่อไปแล้วตราบเท่าที่ทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่อีกรอบหนึ่งแล้ว
"ทำไมเธอถึงให้ความช่วยเหลือพวกseiriด้วย!! ถ้าเป็นภารกิจที่ฉันมอบให้เธอปกป้องเด็กชายคนนั้นละก็พอเข้าใจอยู่หรอก...แต่ทำไมถึงไม่ร่วมมือกับไกอาจัดการพวกนางฟ้าตรงหน้านั่นให้มันจบๆไปเลยล่ะ!?"
เสียงนั้นได้ปลุกเอาความทรงจำเมื่อครั้งเก่าๆที่ชายหนุ่มที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันนั้นไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย แต่ที่เขารู้เพียงอย่างเดียวคือใบหน้าของอาคาริในตอนนี้มีรอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นมาให้ชายหนุ่มเห็นพอเป็นพิธี ดูเหมือนว่าอาคาริกับผู้นำมาซึ่งความวิบัติจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้มาก่อนผูกติดกันอยู่...
ว่าแต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ..!?
"พวกเราย้อนความหลังกันแค่นี้ดีกว่าไหม... ว่าแต่...จะมองด้วยสายตาสัตว์ป่าไปถึงเมื่อไหร่ ไกอา!!"
สาวน้อยที่เพิ่งมาถึงสนามรบหมาดๆพูดกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าราวกับรู้จักกันมาก่อน ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะเคยเจอไกอาคนนี้เป็นครั้งแรกเมื่อครู่นี้เอง... หรือถ้าจะบอกว่าเห็นเธอในหน้าจอสามมิติในสถานที่ที่เธอใช้รักษาเหล่าseiriรุ่นก่อนนั้นมันก็สั้นเกินไปที่จะพูดทำนองคิดถึงวันวานที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างนั้น
แต่เมื่อการรำลึกความหลังเสร็จสิ้นลง ไกอาก็เตะเท้าเป็นสัญญาณว่าจะบุกเข้าหาคู่ต่อสู้ที่เข้ามาช่วยเหลือศัตรูของเธอให้ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับหากเข้ามาขัดขวางการปฏิบัติภารกิจของเธอ และด้วยความเร็วที่สูงมากของไกอา ทำให้เธอสามรารถเข้าประชิดตัวอาคาริได้ในระยะเวลาอันสั้นโดยไม่มีแม้แต่เวลาที่จะชายตามองเสียด้วยซ้ำ ซึ่งอาคาริก็ไม่มีการตอบสนองอะไรเลย
"ให้ตายสินะ... อย่างน้อยก็ช่วยปิดสักนิดนึงเถอะ"
ฮิซาชิที่เห็นเพื่อนของเขาเปิดช่องให้อีกฝ่ายเห็นช่องโหว่ได้ง่ายเกินไปก็รีบใช้จังหวะที่ไกอายังไม่บุกเข้ามาเตือนเธอ ซึ่งอาคาริที่ได้ยินคำพูดของเขาทุกประโยคนั้นก็เผยยิ้มนางแบบออกมาให้เห็นราวกับรู้อยู่แล้วว่าฮิซาชิจะพูดอย่างนี้
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า... ฉันน่ะไม่เปิดช่องโหว่ให้ยัยนั่นเข้ามาจัดการฉันได้แบบในตอนที่มิคาสะจังเอาชนะฉันได้หรอกนะ"
"เปล่าหรอก..! ฉันหมายถึงชุดแขนกุดเผยราวอกของเธอนั่นน่ะ... ถ้าเธอจะไม่เปลี่ยนชุดละก็ อย่างน้อยช่วยหาอะไรมา-"
"ไอ้หื่นสว่างจิตนี่!!!!"
ฉัวะ!!
"กรี๊ด...!!!! ลูกตาช้านนนนน!!!"
สิ้นเสียงที่เหมือนกับของแข็งเฉาะเข้าไปในอะไรบางอย่างที่ยวบยาบเหมือนลูกบอลยางเหนียวๆจนทะลุนั้น ไกอาก็ชะงักการโจมตีเอาไว้เหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เจริญลูกตา ฮิซาชิล้มลงไปกลิ้งหลุนๆเอามือกุมตาทั้งสองข้างเอาไว้กับพื้นหลังจากที่โดนชิบุกิกับฮิคาริใช้พลังสามัคคีทะลวงเบ้าตาทั้งสองข้างจนเกือบทะลุ ซึ่งนั่นทำให้สาวน้อยผมดำที่เห็นท่าทีอันน่าตลกของเขาก็ได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้อย่างสุดความสามารถเพื่อเป็นการถนอมน้ำใจชายหนุ่มให้มากที่สุด
"ให้ตายสินะ ฮิซาชิคุง... นายเนี่ยไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจริงๆ หุๆ!"
อาคาริหัวเราะออกมาอย่างสดใสทำให้บรรยากาสดูผ่อนคลายลงมาบ้าง แม้ว่าศัตรูของพวกเขาจะยังอยู่ตรงหน้าพร้อมที่จะบุกเข้ามาอีกทุกเมื่อ ไกอาเริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทีกวนประสาทของฮิซาชิและท่าทีเมินเฉยต่อศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเริ่มกัดฟันด้วยความโมโหพร้อมกระทืบเท้ากับพื้นอย่างแรงจนพื้นดินตรงนั้นแตกกระจายเป็นเศษผงไปในอากาศ
"แก..!! จะกวนประสาทฉันหรือไง!!"
ไกอาที่ระงับอารมณ์โกรธไม่ได้กระหน่ำหมัดใส่อาคาริที่ไม่สนใจเธออย่างรวดเร็วราวกับสายฝนที่กระหน่ำลงมายามเกิดพายุ แต่อาคารินั้นกลับสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดได้โดยไม่จำเป็นแม้แต่จะเหลือบหางตามอง ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าผู้ที่ต่อสู้ด้วยความยากลำบากทั้งสามคนเป็นอย่างมาก
"ดูเหมือนว่าคงต้องให้เธอเงียบไปก่อนล่ะนะ..! ฉันถึงจะคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานของฉันได้น่ะ"
อาคาริเหลือบไปมองไกอาที่พุ่งเข้ามาหมายจะฆ่าพวกเธอก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างใจเย็น อาคาริเห็นจังหวะเหมาะที่จะยิงกระสุนเพลิงใส่ไกอาจนเกิดระเบิดเป็นวงกว้างในขอบเขตที่พอจะสร้างอาการบาดเจ็บให้กับคู่ต่อสู้ของเธอได้โดยที่คนอื่นๆอีกสามคนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่ถึงอาคาริจะจำกัดอำนาจทำลายของพลังเอาไว้แล้ว...ไกอาที่ถูกพลังอัดเข้าใส่ก็กระเด็นออกไปตามแรงกระแทกนั้น
"สุดๆ... ยังสุดยอดเหมือนเดิมเลยนะ อาคาริ"
ฮิซาชิที่นั่งมองเหตุการณ์เมื่อสักครู่ก็เริ่มส่งเสียงสั่นๆด้วยความตื่นตะลึง ทั้งๆที่เขาเองก็สามารถทำแบบนั้นได้เหมือนกันถ้าหากว่าพลังของเขายังคงอยู่ในระดับเดิมก่อนที่ฮิคาริจะเล่นงานเขาทีเผลอจนเร่งพลังไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่นัก แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น...ระดับพลังแค่นั้นไม่มีวันที่จะทำอันตรายคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงระดับ3ของฮิซาชิได้มากเท่าไหร่
ชิบุกิกับฮิคาริที่เห็นภาพเหตุการณ์นั้นก็ตะลึงไม่แพ้กัน พวกเธอไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือมนุษย์ที่สามารถฆ่าแองเจลอยด์กับอควารอยด์ไปได้ถึงสามคนในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ในใจของพวกเธอเริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมาเพราะสิ่งที่พวกเธอเคยทำไว้กับฮิซาชิ... ซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกเอาคืนเมื่อไหร่
และในตอนนั้นเองที่อาคาริหันมามองพวกเธอทั้งสองคนด้วยแววตาที่สดใส แต่ในครั้งสุดท้ายที่อาคาริส่งสายตาแบบนั้นให้กับคนอื่น... เธอก็ใช้จิตวิทยาในการเล่นงานฮิซาชิจนสาหัสมาแล้ว
"พวกเธอ... ชื่อชิบุกิกับฮิคาริใช่ไหม..."
อาคาริค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหาอดีตพรรคพวกของผู้นำมาซึ่งความวิบัติซึ่งเป็นศัตรูของเธอช้าๆ ทุกๆก้าวที่อาคาริเหยียบย่างเข้าไปนั้นได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับพวกเธอทั้งสองคนมากขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเธอเผลอถอยหลังไปสะดุดหินจนล้มลง
แต่แทนที่อาคาริจะทำร้ายขิบุกิและฮิคาริเพื่อสนองความแค้นแบบที่พวกเธอจินตภาพไว้ อาคาริกลับย่อตัวลงตรงหน้าพวกเธอ ดวงตาของseiriทั้งสองคนนั้นเห็นรอยยิ้มในแบบที่เธอเคยแสดงออกมาเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน...ซึ่งในครั้งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นอย่างล้นพ้น
อาคาริยกมือขึ้นมาลูบหัวพวกเธอทั้งสองคนอย่างอ่อนโยนราวกับเรื่องที่พวกเธอเคยคิดร้ายกับฮิซาชินั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงสักครั้งเดียว
"ที่ผ่านมาคงจะลำบากมากเลยสินะ... จากนี้ไปก็ฝากฮิซาชิคุงให้พวกเธอดูแลด้วยล่ะ! สคริวล่า... ไกอา..."
มือทั้งสองข้างของอาคาริมีแสงสีส้มเปล่งออกมาจางๆ ก่อนที่แสงนั้นจะเริ่มสว่างขึ้นมาจนกลายเป็นม่านแสงห้อมล้อมพวกเธอทั้งสามคนเอาไว้อย่างอ่อนโยน รวมทั้งฮิซาชิด้วย...
ในตอนนั้นเองพวกเธอทั้งสามคนรู้สึกได้ว่าพลังที่สูญเสียไปในการต่อสู้กับไกอาที่แข็งแกร่งกว่าเริ่มฟื้นฟูกลับมาจนเต็มหลอด รวมทั้งอาการบาดเจ็บทั้งหมดก็ถูกรักษาจนหายดีด้วยเช่นกัน
"เอาล่ะ...ไปกันเถอะ! ฮิซาชิคุง..!!"
สิ้นเสียงของอาคาริ ฮิซาชิก็ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าพวกเธอ เป็นเวลาเดียวกับที่ไกอาลุกขึ้นมาจากกองหินที่ทับร่างเธอไว้ได้ ไกอาคนนั้นเร่งพลังขึ้นจนทำลายกองหินที่กองรวมอยู่ตรงนั้นจนกลายเป็นเศษหินเล็กๆในพริบตา ก้อนหินเหล่านั้นได้รับความเร็วจากแรงอัดระเบิดจนพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ของเธอทั้งสี่คนราวกับกระสุนปืนที่กราดใส่อย่างต่อเนื่อง
"ไม่ยอมให้ทำร้ายพวกชิบุกิได้หรอกน่า!!"
ในจังหวะก่อนที่กระสุนหินเหล่านั้นจะเข้ามาถึงตัวพวกฮิซาชิ ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ได้รับพลังกลับมาเต็มเปี่ยมก็กางม่านป้องกันขึ้นสกัดก้อนหินเหล่านั้นเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี เพียงแต่ในครั้งนี้ม่านพลังของเขาอยู่ในรูปของแผ่นใสๆคล้ายกระจกที่หมุนวนรับแรงกระแทกที่สูงให้เบาลงได้ เพียงฮิซาชิออกแรงผลักที่ด้านหลังม่านพลังนั้น... กระสุนหินที่เกาะอยู่ที่ผิวหน้าม่านป้องกันนั้นก็พุ่งออกไปจู่โจมร่างของไกอาด้วยความเร็วที่สูงไม่แพ้กันราวกระสุนลูกซอง
แต่ทั้งอย่างนั้นไกอากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ถ้าจะมีก็แค่แผลถลอกที่แขนซ้ายของเธอเท่านั้นเอง...
"ด้วยระดับพลังที่ต่างเกินไปแบบนี้ไม่ไหวหรอก พวกเราเองก็จะสู้ด้วย!!"
ชิบุกิกับฮิคาริรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มาก พวกเธอจึงอาสาจะร่วมต่อสู้เคียงข้างเพื่อนๆของพวกเธอด้วย แต่ไม่ทันไรฮิซาชิก็เดินเข้ามาวางมือบนไหล่พวกเธออย่างอ่อนโยนราวกับรู้อยู่แล้วว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้
"ฮิ..ซาชิ!"
"ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอกน่า... พวกเธอน่ะเอาร่างของโยโซระกับแกนปีกของฮิโรมิไปไว้ที่อื่นก่อน แล้วพวกเราจะแก้แค้นในส่วนของพวกเธอด้วย"
ได้ยินฮิซาชิพูดอย่างนั้น ทั้งสองคนก็จำใจเดินออกไปแต่โดยดี แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังวางใจไม่ได้เพราะพลังของไกอานั้นเพิ่มขึ้นมากจากการดูดซับพลังของพวกมันที่ล้มตายไปแล้วเข้ามาในร่างจนเรียกได้ว่า...ต่อให้ฮิซาชิจะเข้าสู่ร่างอิคลิปส์ก็ไม่อาจต่อกรกับเธอได้
"อย่าดูถูกกันอย่างนั้นสิ... คิดว่าที่พวกเราพ่ายแพ้ให้กับพวกseiriเมื่อ5ปีก่อนนั้นมันเพราะอะไรกันล่ะ..!"
ทันทีที่ทั้งสองคนนั้นออกไปจากสนามรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮิซาชิก็เร่งพลังแปลงเข้าสู่ร่างอีคลิปส์ทันที ตอนนั้นเองเขาก็เห็นอาคาริเร่งพลังแปลงเข้าสู่ร่างใหม่ด้วยเช่นกัน พลังของเธอในตอนนี้เรียกได้ว่าก้ำกึ่งระหว่างร่างโคโรน่ากับอีคลิปส์ของฮิซาชิเลยทีเดียว
"ถึงจะเข้ามาทีเดียวสองคนก็ไม่มีทางสู้ไกอาที่เพิ่มพลังแล้วได้หรอกน่า..! เธอเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่...อาคาริ"
เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดังออกมาจากร่างของไกอาราวกับจะย้ำถึงความห่างชั้นของพลังที่มากเกินไประหว่างทั้งสามคน แต่ถึงจะรู้ความแตกต่างของพลังแล้ว... มนุษย์ทั้งสองคนนั้นก็ยังไม่หนีไปจากสนามรบแห่งนั้น ซ้ำยังยืนท้าทายไกอาอีกด้วย
"จะฆ่าพวกฉัน...ก็เข้ามาสักทีสิ!!"
ทันใดนั้นไกอาก็เป็นฝ่ายเปิดฉากบุกเข้ามาหาเป็นการประเดิมชัยชนะ แต่ทันทีที่การโจมตีแรกของมันจะเข้าถึงตัวทั้งคู่ ฮิซาชิกับอาคาริก็กางม่านพลังป้องกันซ้อนเอาไว้สองชั้นพร้อมกับผลักม่านป้องกันออกไปปะทะเข้ากับร่างของไกอาจนกระเด็นออกไป
แล้วฮิซาชิกับอาคาริก็ได้ฌอกาสเปิดฉากบุกเข้าหาไกอาอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสองคนผลัดกันโจมตีจนไกอาไม่สามารถทำการตอบโต้ได้ถนัดนัก เนื่องจากต่อให้ระดับพลังของทั้งสองคนจะไม่สูงเท่ากับเธอ...การโจมตีของทั้งสองคนก็ยังสามารถทำให้ไกอาบาดเจ็บได้อยู่ดี
แต่เมื่อไกอาเห็นแล้วว่าการเข้าปะทะซึ่งๆหน้าไม่สามารถเอาชนะได้ ไกอาจึงใช้ความสามารถในการลอบโจมตีระยะไกลสุดขอบโลกของฮานามิเล่นงานทั้งสองอย่างต่อเนื่อง แต่เพราะทั้งสองคนเคยมีประสบการณ์ต่อสู้กับฮานามิมาก่อนแล้วทั้งคู่ ทำให้การหลบหลีกและตอบโต้คลื่นอากาศที่พุ่งเข้ามานั้นเป็นไปอย่างง่ายดาย
"อะไรกัน..! หรือว่าเพราะระดับพลังที่ลดลงไปของฮานามิ...ทำให้ทั้งสองคนสามารถต่อสู้กับไกอาได้อย่างสูสีงั้นเหรอ!?"
และเมื่อทั้งสองคนสามารถหลบการโจมตีที่เหมือนกับดาบไกอาได้โดยไม่ได้บาดแผลเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งคู่จึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ฮิซาชิประเคนหมัดมวยใส่ไกอาอย่างต่อเนื่องจนล้มลงไปกับพื้น และเมื่อเห็นดังนั้นอาคาริก็ปล่อยลำแสงเพลิงใส่ร่างของมันจนเกิดระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้สาวน้อยอีกสองคนที่ดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆนั้นตะลึงกับความสามารถจริงๆของมนุษย์ แม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นมนุษย์ดัดแปลงก็ตาม...
"เอาเลย ฮิซาชิคุง!!"
"อือ..!! เธอเองก็อย่าพลาดแล้วกัน อาคาริ!!"
ทั้งสองคนใช้พลังที่รุนแรงที่สุดโจมตีใส่ไกอาที่กลายเป็นเป้านิ่งไปอย่างสมบูรณ์ แต่ก่อนที่การโจมตีนั้นของฮิซาชิกับอาคาริจะเข้าถึงตัว ไกอาก็บินหลบขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อย่างหวุดหวิด
"เฮอะ! ขอยอมรับแล้วกันว่าพวกแกแข็งแกร่งมาก ขนาดไกอาระดับสูงสุดยังสู้ไม่ได้... แต่ว่านะ!!"
ทันใดนั้นปีกทั้งสองข้างของไกอาก็เริ่มปล่อยควันสีดำออกมาครอบคลุมพื้นที่ด้านล่างเอาไว้หมด แต่ถ้าเป็นแค่ควันละก็...แค่ปล่อยลูกพลังแรงๆสักลูกก็สลายไปได้แล้ว
คิดได้ดังนั้นฮิซาชิก็ชาร์จพลังโจมตีสูงสุดใส่ไกอาอีกรอบ คราวนี้นอกจากไกอาจะหลบได้แล้ว ควันสีดำที่มันปล่อยออกมานั้นยังไม่สลายไปอีกด้วย...
"อะไรกัน!!"
ถ้าดูให้ดีๆแล้ว ม่านควันสีดำนั้นไม่ใช่ละอองขี้เถ้าหรือผงสีดำที่ใช้ในระเบิดควันแต่อย่างใด มันดูเหมือนกับการเปลี่ยนสสารในอากาศบริเวณนั้นให้มีสีดำมากกว่า เพราะอย่างนั้นจึงไม่สามารถทำให้สลายไปได้ เพราะเมื่ออากาศที่อยู่บริเวณนั้นกระจายออกไปก็จะมีอากาศกลุ่มใหม่เข้ามาแทนที่ตลอดเวลาเหมือนกับแก๊สธรรมชาติที่ติดไฟในห้องปิดซึ่งไม่มีทางที่จะดับเปลวไฟนั้นได้ตราบเท่าที่เชื้อไฟภายในยังไม่หมดไป
และตอนนี้ม่านสีดำนั้นก็แผ่เข้าปกคลุมพื้นที่บริเวณนั้นไว้หมดแล้ว!!
"จากนี้ไปพวกแกจะไม่เห็นไกอาอีกแล้ว แต่ไกอาสามารถมองเห็นพวกแกได้เต็มสองตา!! หึๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!!!!"
เสียงผู้ชายที่โหดเหี้ยมดังขึ้นมากลบเสียงที่ไกอาแหวกอากาศลงมาจนหมดสิ้น ในระหว่างนั้นฮิซาชิกับอาคาริก็ถูกโจมตีจากศัตรูที่มองไม่เห็นตัวจนบาดเจ็บไปตามๆกัน แต่เสียงหัวเราะนั้นก็ยังไม่หยุด
"เพราะเรดาร์ตรวจจับของยูนะ... กับลางสังหรณ์สุดยอดของริกะกับโยโซระสินะ!"
แต่ถึงฮิซาชิจะรู้สาเหตุที่ทำให้ไกอาสามารถหาพวกเขาเจอจากปากของอาคาริแล้ว พวกเขาก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้เลย...
"ใจเย็นๆ ต่อให้คู่ต่อสู้ของพวกเราจะแข็งแกร่งยังไงก็ต้องมีจุดอ่อน แค่พวกเราไม่รู้ก็เท่านั้นเอง...."
"ใช่! ก็จุดอ่อนของไกอาน่ะเห็นกันอยู่ชัดๆแล้วไม่ใช่เหรอ!!!"
ฮิซาชิต้องการจะพูดอะไรกันแน่... ไกอาที่เป็นคู่ต่อสู้คนสุดท้ายในยกนี้นั้นไม่ใช่เดคิสึงิในโดราบีม่อนสักหน่อย ที่ว่าพอไม่มีจุดอ่อนหรือกลายเป็นอัจฉริยะอะไรแล้วก็จะเป็นพวกที่ไม่รู้จักคำว่า"ล้มเหลว" แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นจริงๆ... ทั้งสองคนก็จำเป็นที่จะต้องเล่นงานไกอาที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มควันอำพรางตัวและเสียงรบกวนที่ดังออกมาตลอดเวลานี้ให้ได้เสียก่อน
และในตอนนั้นเองที่ฮิซาชิเกิดสะกิดใจได้บางอย่าง... ซึ่งเสียงหัวเราะของชายหนุ่มปริศนากับจังหวะเหวี่ยงหมัดที่เกือบจะพอดีกันเป๊ะนั่นเอง!
"ตรงนั้นไงล่ะ!!!"
หวือออ..... เปรี้ยงงงง!!!!!
"ทะ...ทำไมกัน... ทำไมนายถึงรู้..!?"
ในจังหวะที่กำปั้นขวาที่เหวี่ยงออกไปเต็มแรงของฮิซาชินั้นรู้สึกเหมือนสัมผัสถูกอะไรบางอย่างท่ามกลางความมืดนั้น กลุ่มควันสีดำก็เริ่มจางลงไปทีละน้อย... แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้มากพอที่จะเห็นร่างกายที่ปกคลุมด้วยเกราะสีดำของไกอาอยู่ดี
เสียงของชายคนนั้นได้ระบุตำแหน่งที่แน่นอนของไกอาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะทั้งสองคนรู้ดีว่าเสียงของใครคนนั้นจะดังมาจากระบบสื่อสารของไกอาได้เท่านั้น พวกเขาจึงใช้การโจมตีระยะไกลที่รุนแรงที่สุดประสานเข้าด้วยกันจนมีประสิทธิภาพการทำลายที่สูงขึ้นกว่าเดิม เมื่อพวกเขาปล่อยพลังนั้นใส่ตำแหน่งที่คาดว่าไกอาน่าจะอยู่แล้ว... การโจมตีนั้นก็เข้าปะทะร่างของเป้าหมายได้พอดิบพอดี!!
"อะไรกัน... ทำไมไกอาถึงได้!!!"
"เพราะมั่นใจในตัวเองเกินไปไงล่ะ!!"
ฮิซาชิสาวเท้าไปยังตำแหน่งที่เกิดระเบิดนั้น ซึ่งพอม่านควันที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณจางลง เขาก็เห็นไกอาอยู่ตรงหน้าเขาให้อัดได้ตามใจชอบอย่างพอดิบพอดี
"ความมั่นใจเป็นสิ่งจำเป็นก็จริงอยู่... แต่ถ้ามีมากเกินไปมันก็ส่งผลทางลบให้กับเราได้เหมือนกัน เหมือนกับอาคาริเมื่อห้าปีก่อนไงล่ะ!!"
ร่างของไกอาเริ่มอ่อนแรงลงจนทรุดลงไปกับพื้น ถึงอย่างนั้นร่างของมันก็ยังไม่ระเบิดไป อาคาริเห็นดังนั้นก็ปล่อยพลังปิดฉากใส่ร่างไกอาทันที แต่เมื่อการโจมตีนั้นกำลังจะผ่านหลังฮิซาชิไป ชายหนุ่มในร่างอิคลิปส์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากไกอาที่อยู่ตรงหน้าก็ปัดลำแสงนั้นจนสลายไปทันที ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน...
"ทำไมล่ะ! ตอนนี้นายน่าจะจัดการให้มันจบๆไปเลยไม่ใช่เหรอ... แล้วทำไมนายถึงจะปล่อยศัตรูของมนุษย์ให้รอดไปอีกล่ะ!!"
"เพราะไกอาคนนี้ไม่ใช่คนเลวน่ะสิ!!!"
ฮิซาชิตะโกนใส่อาคาริที่เข้ามาย้ำถึงสิ่งที่เขาควรจะทำ ถึงแม้ว่ามันควรจะจบลงตรงที่เขาจะเป็นคนปิดบัญชีแค้นที่สาวน้อยตรงหน้าเขาทำเอาไว้กับเพื่อนของเขาอย่างนี้จริงๆ
"ที่ผ่านมาไกอาคนนี้... ยัยนี่เองก็ต้องทรมานไม่ต่างจากฮิคาริหรือชิบุกิเลยสักนิด เป็นอย่างนั้นใช่ไหม... ไกอา!!!"
ได้ยินดังนั้นทุกคนก็อึ้งไป พวกเธอไม่เคยคิดเลยว่าฮิซาชิจะพูดอะไรที่เหมือนกับจะปกป้องศัตรูออกมาอย่างนี้...
"ถ้ายัยนี่จะเอาเข้าจริงๆคงฆ่าฉันรวมทั้งพวกเธอตายไปพร้อมๆกันไปนานแล้วแน่นอน แต่ยัยนี่กลับไม่ทำ... เธอกลับพยายามทำทุกวิธีเพื่อให้พวกเธอมีชีวิตอยู่ให้ได้นานที่สุด เป็นงั้นใช่หรือเปล่า!!!"
ตอนนั้นเอง ฮิซาชิก็กระชากปลอกคอที่ไกอาสวมอยู่จนกระจายเป็นชิ้นๆ หลังจากที่ปลอกคอนั้นหลุดออกจากต้นคอของเธอ ดวงตาทั้งสองของไกอาก็มีเริ่มประกายขึ้นมาทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ยังเป็นสีดำด้านที่สะท้อยให้เห็นถึงก้นบึ้งจิตใจที่ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิงทันที ซึ่งอาการของไกอานั้นหนักกว่าชิบุกิเมื่อครั้งที่เธอถูกส่งมาให้ฆ่าฮิซาชิเสียอีก
"ที่ผ่านมายัยนี่ถูกบังคับให้ทำร้ายพวกชิบุกิ ถูกบังคับให้ต่อสู้กับพวกเรา... บังคับให้ฆ่าโยโซระกับฮิโรมิ... ต้องต่อสู้กับพวกเราให้ตายกันไปข้าง! ทั้งที่ไม่ได้อยากเลยสักนิด!!"
ถึงจะไม่เชื่อ แต่สายตาที่มองทะลุถึงจิตใจของฮิซาชินั้นเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดี ที่ผ่านมาเขาสามารถมองเห็นจิตใจของคนอื่นได้และมักจะถูกต้องทุกครั้งราวกับเป็นนักทำนายระดับโลกที่โอกาสคาดเดาถูกต้องจาก100ถูกถึง1,000ครั้ง
"เพราะงั้น...อย่าทำอะไรไกอาเลยนะ! ปล่อยเธอไปเถอะ!!"
.
.
.
วันต่อมาหลังจากการต่อสู้กับไกอาจบลงอย่างค้างๆคาๆ ชิบุกิกับฮิคาริก็พาร่างอันไม่สมส่วนของโยโซระกับฮิโรมิไปยังที่ๆอาคาริจากมา ส่วนไกอาผู้ไร้ที่ไปก็ออกเดินทางหาที่อยู่ใหม่ที่เธอจะได้อาศัยอยู่อย่างสงบสุขโดยปราศจากคำสั่งที่เธอไม่ปรารถนาจะทำตามอีกต่อไปแล้ว ส่วนฮิซาชินั้นก็เตรียมตัวออกเดินทางเช่นเดียวกัน
ซึ่งในขณะนี้เขากำลังบอกลาบ้านเก่าของตัวเองเพื่อไปอาศัยอยู่กับอาคาริเป็นการชั่วคราว...จนกว่าการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตของผู้คนที่เขารักในครั้งนี้จะจบลงด้วยชัยชนะของพวกเขา!
"ขอบใจมากนะที่เคยมอบความอบอุ่น...ความรัก...ความกล้าหาญให้กับทุกคน ฉันสัญญาว่าหลังการต่อสู้นี้จบลง พวกเราจะกลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง!! ไม่ว่ามันจะนานเท่าไหร่ก็ตาม..."
หลังจากที่ฮิซาชิพูดร่ำลาเสาเข็มที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นที่พักพิงอันแสนอบอุ่นของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ทุกคนจนเสร็จแล้ว เขาก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เคยเป็นเหมือนสนามหญ้าให้พวกเธอเหล่านั้นได้เดินเล่นอย่างสนุกสนาน ท้องฟ้าวันนี้สดใสมากจนเห็นสีฟ้าอันสดใสได้เต็มตา...ราวกับกำลังฉลองให้กับชัยชนะที่พวกเขามีเหนือเหล่าseiriรุ่นที่สองที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือใครก็ไม่ทราบได้
แต่ถึงอย่างนั้น ฮิซาชิกลับรู้สึกคับแค้นใจมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
"ถึงเจ้านายของชิบุกิกับพวกไกอา!!! จำใส่กะลาหัวไว้เลยว่าตราบเท่าที่ฉันคนนี้และพวกเรายังคงมีลมหายใจอยู่ แกอย่าหวังว่าจะได้ทำร้ายครอบครัวที่ฉันรักได้มากไปกว่านี้!!! ครอบครัวของฉัน... นับจากนี้...และตลอดไป!"
เสียงของฮิซาชิเริ่มสั่นเครือ... เขาร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าเหลือคณานับจนทรุดลงไปกับพื้น เขาจะไม่มีวันลืมความแค้นในครั้งนี้เด็ดขาด!!!
ตราบเท่าที่ผู้ที่ปรารถนาจะทำลายมนุษย์คนนั้นยังมีชีวิตอยู่...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ