Extinction Wars สัญญาครั้งนั้น...จะเริ่มกันเลยไหม
5.7
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.14 น.
31 ตอน
3 วิจารณ์
33.37K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) คำถามปรนัยที่มีทางเลือกแค่ตัวเดียว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ทุกท่านก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกนั้นต่อสู้เพื่อพวกเราน่ะ... พวกเขาเป็นพวกเดียวกันนะ!!""แต่คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อ25ปีที่แล้วพวกนั้นทำอะไรให้พวกเราจะเจ็บช้ำบ้างน่ะ! จะบอกว่าให้พวกเราเชื่อใจพวกเขาแล้วยอมรับศัตรูเป็นพวกเดียวกันงั้นเหรอ!!"หลังจากการต่อสู้"ครั้งแรก"ระหว่างฮิซาชิกับไกอาจบลงไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เหล่าผู้นำของทุกประเทศก็ได้จัดการประชุมหารือเรื่องผู้ช่วยเหลือที่เข้ามาปกป้องประชาชนจากการรุกรานของศัตรูที่ไม่รู้จักมาก่อน และยังไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเรื่องนี้ลำพังบันทึกผลการต่อสู้ครั้งแรกนั้นไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลได้อย่างละเอียดพอ... และไม่แน่ว่าไกอาที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนั้นอาจจะเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุดก็ได้!
การประชุมครั้งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเชื่อใจและไม่ไว้วางใจที่ตีกันอย่างหนักจนให้ให้บรรยากาศการประชุมตึงเครียดขึ้นถึงขีดสุด... นี่ยังไม่รวมถึงภาระรับผิดชอบที่แต่ละประเทศต้องแบกรับหากว่าผลการประชุมลุล่วงไปด้วยดีหรือล้มเหลวแม้แต่น้อย"เมื่อ25ปีก่อน พวกเรามนุษย์โลกได้ถูกกวาดล้างไปกว่าครึ่งหนึ่งโดยเผ่าพันธุ์เทอร์รารอยด์ และได้เกิดสงครามระหว่างสามเผ่าพันธุ์ที่มีความเห็นขัดแย้งกันเรื่องสิทธิเหนือผืนพิภพของมนุษย์...เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นเป็นผลจากการใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้ค่าและการทำสงครามเข่นฆ่ากันเองของมนุษย์ ระหว่างพวกเทอร์รารอยด์ที่เห็นชอบในการกวาดล้างมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่หรือคนแก่ให้หายไปจากโลกนี้ กับพวกแองเจลอยด์และอควารอยด์ที่ปรารถนาจะให้พวกมนุษย์ได้เรียนรู้ความผิดพลาดที่ตัวเองทำไปด้วยตัวเอง...ในสงครามครั้งนั้นได้ทำให้มนุษย์ แองเจลอยด์ อควารอยด์ และแม้แต่เทอร์รารอยด์เองต้องล้มตายและเดือดร้อนเป็นจำนวนที่ไม่อาจคาดคะเนได้ เรือ่งนั้นพวกเราไม่อาจลืมไปจากความทรงจำได้ก็จริง...""แต่สิ่งที่seiriพวกนั้นทำไปทั้งหมดนั้นมีจุดประสงค์เดียวกันก็เพื่อรักษาความสงบสุขและสันติสุขของโลกนะครับ! โปรดคิดดูใหม่อีกทีเถอะครับ..."นักการเมืองหนุ่มคนหนึ่งแสดงความเห็นสนับสนุนผู้ที่เคยทำให้มนุษย์ต้องเดือดร้อนมาก่อน แม้จะเป็นมนุษย์ที่เคยประสบสถานการณ์ความเดือดร้อนจากไฟสงครามมาก่อนก็ตาม"แล้วกรณีผู้หญิงปริศนาที่ทำลายเมืองโตเกียวเมื่ออาทิตย์ก่อนล่ะจะว่ายังไง... ผมไม่คิดว่าเธอจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับseiriที่พวกเราเรียกว่า'แองเจลอยด์'หรอกนะ"นักการเมืองอาวุโสแห่งประเทศxxxให้ความเห็นที่ทำให้ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในสภาวะ"ใบ้แดร๊ก"ไปตามๆกัน ไม่มีใครแสดงความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เหตุเพราะผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างคล้ายคลึงกับพวกแองเจลอยด์มากนั่นเอง..."แต่ผมไม่คิดว่าการปิดกั้นไมตรีกับพวกเขานั้นจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ..."เสียงนักการเมืองหนุ่มที่ออกความเห็นแรกเอ่ยขึ้นมาทำลายบรรยากาศตึงเครียดของห้องประชุมนั้นจนหมดสิ้น ดูเหมือนว่าตัวเขาเองนั้นจะเคยสัมผัสกับseiriมาด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ชายผู้นั้นจะมีอายุได้เพียง25เท่านั้นเอง..."ถ้าพวกเขาต่อสู้เพื่อสันติสุขของพวกเราละก็... ผมคิดว่าพวกเขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเราแน่ๆ!""อะไรทำให้คุณคิดเช่นนั้น...""ผมเคยได้ยินวีรกรรมการทำลายล้างของพวกเขาผ่านปากของมารดาของผม ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าสิ่งที่พวกเราได้รับถ่ายทอดจากปากต่อปากนั้นจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง100% และเมื่อผมได้เห็นการต่อสู้ของพวกเขาผ่านหน้าจอโทรทัศน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว... ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นการกระทำของพวกที่เคยเข่นฆ่ามนุษย์อย่างสนุกสนานเมื่อก่อนหน้านี้หรอกนะครับ..."หลังจากที่ชายคนนี้พูดจบลง ทั้งห้องประชุมก็ไม่มีใครออกความเห็นเพิ่มเติมอีกเลย ทำให้การประชุมครั้งนี้ต้องจบลงโดยปริยาย...เมื่อทุกคนออกจากห้องประชุมไปจนหมดแล้ว นักการเมืองอาวุโสท่านนั้นก็เข้ามาถามนักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่ออกความเห็นได้น่าคิดคนนั้นถึงสิ่งที่ทำให้เขามีความเห็นต่อเหล่าสิ่งมีชีวิตที่เคยทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปกว่าครึ่งโลกเมื่อ27ปีก่อน...ด้วยท่าทีที่สุขุมแต่ไม่เยือกเย็น"ทำไมคุณถึงไม่คิดว่าพวกเขาจะแกล้งทำเป็นตีสนิทให้พวกเราตายใจล่ะ... ทั้งๆที่นั่นเป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยในสนามรบ"นักการเมืองหนุ่มผู้นั้นเมื่อได้ยินคำถามจากปากของนักการเมืองอาวุโสก็ตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด"ก็เพราะถ้าพวกเราแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้... พวกเขาเองก็จะไม่เหลือด้วยเหมือนกันยังไงล่ะครับ!"หลังจากที่ตอบคำถามเสร็จ ชายคนนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมนั้นไปโดยทิ้งให้นักการเมืองผู้ยึดมั่นในสิ่งที่เขาได้รับรู้มาใช้ความคิดไตร่ตรองถึงคำสั่งที่จะออกมาอยู่คนเดียว..................................................'ประกาศข่าวด่วนครับ... ขณะนี้ที่ประชุมโลกได้มีมติให้พวกเราทุกคนร่วมมือกับทางทหารให้อพยพประชาชนทุกคนไปยังสถานที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทางทหารได้จัดค่ายอพยพให้เรียบร้อยแล้ว... ณ สถานที่แห่งนั้น ทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน มีสิทธิเท่าเทียมกันไม่ว่าจะรวย จน หรือพิการ และขอให้ทุกคนเอื้อเฟื้อแก่ผู้ป่วย เด็ก และคนชราด้วย ซึ่งค่ายอพยพนี้ทางการทหารจะพาทุกท่านไปเอง ขอให้ทุกคน...'"เอาล่ะ..! ทีนี้ก็ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีประชาชนตกค้างอยู่อีกแล้วล่ะนะ"นายทหารระดับสูงแห่งกองทัพอากาศพูดขึ้นขณะเร่งประชุมกำลังพลก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น สถานการณ์ในคราวนี้เรียกได้ว่าจะปล่อยให้เสียไปเปล่าๆไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...และยังมีเดิมพันด้วยชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับแสนที่กำลังอพยพกันอยู่ด้วยซึ่งหากไกอาปรากฏตัวขึ้นมาในขณะที่ยังมีประชาชนยืนหน้าสลอนอยู่ในเมืองที่วุ่นวายได้ตลอดเวลาแล้วละก็... พวกเขาไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้อย่างสะดวกแน่!"จากนี้ไปพวกเราจะคอยอยู่ที่นี่ หากมีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นพวกเราจะออกปฏิบัติการทันที-"ตูมมมม!!!!!!!!!!แต่ยังไม่ทันที่นายทหารท่านนั้นจะหล่าวสุนทรพจน์เสร็จ เครื่องบินรบที่จัดเตรียมเอาไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันหลายลำก็ถูกเปลวเพลิงสีชาดปริศนาเข้าทำลายจนไม่เหลือซาก ซ้ำสะเก็ดระเบิดเหล่านั้นยังก่อให้เกิดเปลวไฟลุกโหมเข้าทำลายแหล่งยุทโธปกรณ์และถังเชื้อเพลิงจนเสียหายเป็นจำนวนมาก หากนับเป็นจำนวนเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปเพื่อการนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะหมดตูดเลยทีเดียว... และยังมีชีวิตของนายทหารประจำการณ์ที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้ง ณ ขณะนี้ด้วย"พวกแกคิดว่าจะต่อต้านพวกเราได้อย่างนั้นสินะ... ช่างโง่เขลาสมกับที่เป็นมนุษย์จริงๆ..!"เสียงผู้หญิงปริศนาดังขึ้นท่ามกลางเสียงระเบิดและเปลวไฟที่ลุกโหมเหล่านั้น ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างผู้หญิงหลายคนกำลังเดินฝ่าเปลวไฟออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน พวกเธอใส่ชุดเหมือนชุดเกราะโปร่งสีดำ(ประมาณเกาะอกอะไรเงี้ย) และมีปีกสีดำหนึ่งคู่อยู่กลางหลังของพวกเธอเหมือนกับไกอาที่ถูกฮิซาชิจัดการไปเมื่อก่อนหน้านี้นางฟ้าตกสวรรค์เหล่านั้นจ้องมายังพวกมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยสายตาที่สามารถสะกดทุกคนที่สบตาให้ตกอยู่ใต้วังวนแห่งความหวาดกลัวอย่างไม่สามารถหลีกหนีได้... อันที่จริงคือในดวงตาของพวกเธอมีวงแหวนสีส้มที่กำลังล็อคเป้าหมายเตรียมโจมตีทันทีหากศัตรูของพวกเธอวางแผนจะทำอะไรโง่ๆ"พวกแก...ต้องการอะไรกันแน่!"เสียงตะโกนกลบความหวาดกลัวในใจของนายทหารนั้นไม่ได้ทำให้พวกเธอรู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย พวกเธอตะโกนขึ้นฟ้าเสียงดังสนั่นราวกับจะให้ทุกคนบนโลกได้ยินโดยทั่วถึงกัน"ถ้าพวกแกอยากมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้ละก็... จงวางอาวุธและยอมศิโรราบแก่พวกเราแต่โดยดี!! แล้วพวกเราจะเมตตาปราณี!!!"เสียงประกาศของไกอานี้ไม่มีทางที่จะได้ยินไปยังทั่วทุกมุมโลกแน่ หากแต่เสียงของเธอนั้นยังคงดังก้องอยู่ในสนามบินที่ถูกนำมาใช้เป็นฐานปล่อยเครื่องบินรบในกรณีที่ผู้รุกรานที่ไม่ทราบที่มาแน่ชัดปรากฏตัวขึ้นมา เปลวเพลิงสีชาดที่ล้อมกรอบสถานที่แห่งนั้นอยู่ราวกับเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะฆ่ามนุษย์ทุกคนบนโลกให้ดับสิ้นไปตามที่เธอพูดเอาไว้ในระหว่างที่เผชิญหน้าอยู่กับไกอาที่แข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่านั้นกลับไม่มีใครที่คิดจะหนีไปเลย ตามหลักการแล้วหากเราเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านั้นพวกเราย่อมต้องเลือกทางที่จะหนีไปเพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้รอดก็จริง... หากแต่เปลวเพลิงที่กำลังโหมไหม้อยู่นั้นก็พร้อมที่จะแผดเผาทุกชีวิตที่คิดจะฝ่าพวกมันออกไปเช่นกันซึ่งถ้านำมาเทียบกันแล้ว...การตายจากการถูกไกอาฆ่านั้นเป็นการตายสบายมากกว่าอะไรทั้งหมด สบายเสียยิ่งกว่าแก่ตายหลายสิบเท่า!"เอ้า...ฉันมีคำถามอยากจะให้พวกแกช่วยตอบ! ระหว่างจะวางอาวุธลงง่ายๆกับจับอาวุธของพวกแกขึ้นมาประทับเล็ง...พวกแกจะเลือกอะไร!?"จากเท่าที่สัมผัสได้ในคำพูดของไกอา... พวกเธอนั้นไม่ได้คิดที่จะไว้ชีวิตมนุษย์คนใดให้รอดไปได้เลย หากแต่สิ่งที่พวกเธอหยิบยื่นให้นั้นคือการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ให้ได้นานที่สุดผ่านการตัดสินใจของมนุษย์ด้วยกันเองต่างหาก ซึ่งหากพวกมนุษย์เลือกที่จะจับอาวุธขึ้นต่อสู้... ไกอาก็จะปล่อยพลังจัดการเด็ดชีวิตของพวกเขาในพริบตาแต่หากเลือกที่จะวางอาวุธแล้วปล่อยให้พวกเธอเด็ดชีวิตไปได้ตามใจชอบ... การทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์จะดำเนินไปช้ากว่ากันมากเคร้งงงงงง......"เอ้า! พวกเราวางอาวุธแล้ว...รีบๆถอนกำลังออกไปสักที"
การประชุมครั้งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเชื่อใจและไม่ไว้วางใจที่ตีกันอย่างหนักจนให้ให้บรรยากาศการประชุมตึงเครียดขึ้นถึงขีดสุด... นี่ยังไม่รวมถึงภาระรับผิดชอบที่แต่ละประเทศต้องแบกรับหากว่าผลการประชุมลุล่วงไปด้วยดีหรือล้มเหลวแม้แต่น้อย"เมื่อ25ปีก่อน พวกเรามนุษย์โลกได้ถูกกวาดล้างไปกว่าครึ่งหนึ่งโดยเผ่าพันธุ์เทอร์รารอยด์ และได้เกิดสงครามระหว่างสามเผ่าพันธุ์ที่มีความเห็นขัดแย้งกันเรื่องสิทธิเหนือผืนพิภพของมนุษย์...เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นเป็นผลจากการใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้ค่าและการทำสงครามเข่นฆ่ากันเองของมนุษย์ ระหว่างพวกเทอร์รารอยด์ที่เห็นชอบในการกวาดล้างมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่หรือคนแก่ให้หายไปจากโลกนี้ กับพวกแองเจลอยด์และอควารอยด์ที่ปรารถนาจะให้พวกมนุษย์ได้เรียนรู้ความผิดพลาดที่ตัวเองทำไปด้วยตัวเอง...ในสงครามครั้งนั้นได้ทำให้มนุษย์ แองเจลอยด์ อควารอยด์ และแม้แต่เทอร์รารอยด์เองต้องล้มตายและเดือดร้อนเป็นจำนวนที่ไม่อาจคาดคะเนได้ เรือ่งนั้นพวกเราไม่อาจลืมไปจากความทรงจำได้ก็จริง...""แต่สิ่งที่seiriพวกนั้นทำไปทั้งหมดนั้นมีจุดประสงค์เดียวกันก็เพื่อรักษาความสงบสุขและสันติสุขของโลกนะครับ! โปรดคิดดูใหม่อีกทีเถอะครับ..."นักการเมืองหนุ่มคนหนึ่งแสดงความเห็นสนับสนุนผู้ที่เคยทำให้มนุษย์ต้องเดือดร้อนมาก่อน แม้จะเป็นมนุษย์ที่เคยประสบสถานการณ์ความเดือดร้อนจากไฟสงครามมาก่อนก็ตาม"แล้วกรณีผู้หญิงปริศนาที่ทำลายเมืองโตเกียวเมื่ออาทิตย์ก่อนล่ะจะว่ายังไง... ผมไม่คิดว่าเธอจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับseiriที่พวกเราเรียกว่า'แองเจลอยด์'หรอกนะ"นักการเมืองอาวุโสแห่งประเทศxxxให้ความเห็นที่ทำให้ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในสภาวะ"ใบ้แดร๊ก"ไปตามๆกัน ไม่มีใครแสดงความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เหตุเพราะผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างคล้ายคลึงกับพวกแองเจลอยด์มากนั่นเอง..."แต่ผมไม่คิดว่าการปิดกั้นไมตรีกับพวกเขานั้นจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ..."เสียงนักการเมืองหนุ่มที่ออกความเห็นแรกเอ่ยขึ้นมาทำลายบรรยากาศตึงเครียดของห้องประชุมนั้นจนหมดสิ้น ดูเหมือนว่าตัวเขาเองนั้นจะเคยสัมผัสกับseiriมาด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ชายผู้นั้นจะมีอายุได้เพียง25เท่านั้นเอง..."ถ้าพวกเขาต่อสู้เพื่อสันติสุขของพวกเราละก็... ผมคิดว่าพวกเขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเราแน่ๆ!""อะไรทำให้คุณคิดเช่นนั้น...""ผมเคยได้ยินวีรกรรมการทำลายล้างของพวกเขาผ่านปากของมารดาของผม ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าสิ่งที่พวกเราได้รับถ่ายทอดจากปากต่อปากนั้นจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง100% และเมื่อผมได้เห็นการต่อสู้ของพวกเขาผ่านหน้าจอโทรทัศน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว... ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นการกระทำของพวกที่เคยเข่นฆ่ามนุษย์อย่างสนุกสนานเมื่อก่อนหน้านี้หรอกนะครับ..."หลังจากที่ชายคนนี้พูดจบลง ทั้งห้องประชุมก็ไม่มีใครออกความเห็นเพิ่มเติมอีกเลย ทำให้การประชุมครั้งนี้ต้องจบลงโดยปริยาย...เมื่อทุกคนออกจากห้องประชุมไปจนหมดแล้ว นักการเมืองอาวุโสท่านนั้นก็เข้ามาถามนักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่ออกความเห็นได้น่าคิดคนนั้นถึงสิ่งที่ทำให้เขามีความเห็นต่อเหล่าสิ่งมีชีวิตที่เคยทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปกว่าครึ่งโลกเมื่อ27ปีก่อน...ด้วยท่าทีที่สุขุมแต่ไม่เยือกเย็น"ทำไมคุณถึงไม่คิดว่าพวกเขาจะแกล้งทำเป็นตีสนิทให้พวกเราตายใจล่ะ... ทั้งๆที่นั่นเป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยในสนามรบ"นักการเมืองหนุ่มผู้นั้นเมื่อได้ยินคำถามจากปากของนักการเมืองอาวุโสก็ตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด"ก็เพราะถ้าพวกเราแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้... พวกเขาเองก็จะไม่เหลือด้วยเหมือนกันยังไงล่ะครับ!"หลังจากที่ตอบคำถามเสร็จ ชายคนนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมนั้นไปโดยทิ้งให้นักการเมืองผู้ยึดมั่นในสิ่งที่เขาได้รับรู้มาใช้ความคิดไตร่ตรองถึงคำสั่งที่จะออกมาอยู่คนเดียว..................................................'ประกาศข่าวด่วนครับ... ขณะนี้ที่ประชุมโลกได้มีมติให้พวกเราทุกคนร่วมมือกับทางทหารให้อพยพประชาชนทุกคนไปยังสถานที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทางทหารได้จัดค่ายอพยพให้เรียบร้อยแล้ว... ณ สถานที่แห่งนั้น ทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน มีสิทธิเท่าเทียมกันไม่ว่าจะรวย จน หรือพิการ และขอให้ทุกคนเอื้อเฟื้อแก่ผู้ป่วย เด็ก และคนชราด้วย ซึ่งค่ายอพยพนี้ทางการทหารจะพาทุกท่านไปเอง ขอให้ทุกคน...'"เอาล่ะ..! ทีนี้ก็ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีประชาชนตกค้างอยู่อีกแล้วล่ะนะ"นายทหารระดับสูงแห่งกองทัพอากาศพูดขึ้นขณะเร่งประชุมกำลังพลก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น สถานการณ์ในคราวนี้เรียกได้ว่าจะปล่อยให้เสียไปเปล่าๆไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...และยังมีเดิมพันด้วยชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับแสนที่กำลังอพยพกันอยู่ด้วยซึ่งหากไกอาปรากฏตัวขึ้นมาในขณะที่ยังมีประชาชนยืนหน้าสลอนอยู่ในเมืองที่วุ่นวายได้ตลอดเวลาแล้วละก็... พวกเขาไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้อย่างสะดวกแน่!"จากนี้ไปพวกเราจะคอยอยู่ที่นี่ หากมีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นพวกเราจะออกปฏิบัติการทันที-"ตูมมมม!!!!!!!!!!แต่ยังไม่ทันที่นายทหารท่านนั้นจะหล่าวสุนทรพจน์เสร็จ เครื่องบินรบที่จัดเตรียมเอาไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันหลายลำก็ถูกเปลวเพลิงสีชาดปริศนาเข้าทำลายจนไม่เหลือซาก ซ้ำสะเก็ดระเบิดเหล่านั้นยังก่อให้เกิดเปลวไฟลุกโหมเข้าทำลายแหล่งยุทโธปกรณ์และถังเชื้อเพลิงจนเสียหายเป็นจำนวนมาก หากนับเป็นจำนวนเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปเพื่อการนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะหมดตูดเลยทีเดียว... และยังมีชีวิตของนายทหารประจำการณ์ที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้ง ณ ขณะนี้ด้วย"พวกแกคิดว่าจะต่อต้านพวกเราได้อย่างนั้นสินะ... ช่างโง่เขลาสมกับที่เป็นมนุษย์จริงๆ..!"เสียงผู้หญิงปริศนาดังขึ้นท่ามกลางเสียงระเบิดและเปลวไฟที่ลุกโหมเหล่านั้น ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างผู้หญิงหลายคนกำลังเดินฝ่าเปลวไฟออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน พวกเธอใส่ชุดเหมือนชุดเกราะโปร่งสีดำ(ประมาณเกาะอกอะไรเงี้ย) และมีปีกสีดำหนึ่งคู่อยู่กลางหลังของพวกเธอเหมือนกับไกอาที่ถูกฮิซาชิจัดการไปเมื่อก่อนหน้านี้นางฟ้าตกสวรรค์เหล่านั้นจ้องมายังพวกมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยสายตาที่สามารถสะกดทุกคนที่สบตาให้ตกอยู่ใต้วังวนแห่งความหวาดกลัวอย่างไม่สามารถหลีกหนีได้... อันที่จริงคือในดวงตาของพวกเธอมีวงแหวนสีส้มที่กำลังล็อคเป้าหมายเตรียมโจมตีทันทีหากศัตรูของพวกเธอวางแผนจะทำอะไรโง่ๆ"พวกแก...ต้องการอะไรกันแน่!"เสียงตะโกนกลบความหวาดกลัวในใจของนายทหารนั้นไม่ได้ทำให้พวกเธอรู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย พวกเธอตะโกนขึ้นฟ้าเสียงดังสนั่นราวกับจะให้ทุกคนบนโลกได้ยินโดยทั่วถึงกัน"ถ้าพวกแกอยากมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้ละก็... จงวางอาวุธและยอมศิโรราบแก่พวกเราแต่โดยดี!! แล้วพวกเราจะเมตตาปราณี!!!"เสียงประกาศของไกอานี้ไม่มีทางที่จะได้ยินไปยังทั่วทุกมุมโลกแน่ หากแต่เสียงของเธอนั้นยังคงดังก้องอยู่ในสนามบินที่ถูกนำมาใช้เป็นฐานปล่อยเครื่องบินรบในกรณีที่ผู้รุกรานที่ไม่ทราบที่มาแน่ชัดปรากฏตัวขึ้นมา เปลวเพลิงสีชาดที่ล้อมกรอบสถานที่แห่งนั้นอยู่ราวกับเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะฆ่ามนุษย์ทุกคนบนโลกให้ดับสิ้นไปตามที่เธอพูดเอาไว้ในระหว่างที่เผชิญหน้าอยู่กับไกอาที่แข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่านั้นกลับไม่มีใครที่คิดจะหนีไปเลย ตามหลักการแล้วหากเราเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านั้นพวกเราย่อมต้องเลือกทางที่จะหนีไปเพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้รอดก็จริง... หากแต่เปลวเพลิงที่กำลังโหมไหม้อยู่นั้นก็พร้อมที่จะแผดเผาทุกชีวิตที่คิดจะฝ่าพวกมันออกไปเช่นกันซึ่งถ้านำมาเทียบกันแล้ว...การตายจากการถูกไกอาฆ่านั้นเป็นการตายสบายมากกว่าอะไรทั้งหมด สบายเสียยิ่งกว่าแก่ตายหลายสิบเท่า!"เอ้า...ฉันมีคำถามอยากจะให้พวกแกช่วยตอบ! ระหว่างจะวางอาวุธลงง่ายๆกับจับอาวุธของพวกแกขึ้นมาประทับเล็ง...พวกแกจะเลือกอะไร!?"จากเท่าที่สัมผัสได้ในคำพูดของไกอา... พวกเธอนั้นไม่ได้คิดที่จะไว้ชีวิตมนุษย์คนใดให้รอดไปได้เลย หากแต่สิ่งที่พวกเธอหยิบยื่นให้นั้นคือการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ให้ได้นานที่สุดผ่านการตัดสินใจของมนุษย์ด้วยกันเองต่างหาก ซึ่งหากพวกมนุษย์เลือกที่จะจับอาวุธขึ้นต่อสู้... ไกอาก็จะปล่อยพลังจัดการเด็ดชีวิตของพวกเขาในพริบตาแต่หากเลือกที่จะวางอาวุธแล้วปล่อยให้พวกเธอเด็ดชีวิตไปได้ตามใจชอบ... การทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์จะดำเนินไปช้ากว่ากันมากเคร้งงงงงง......"เอ้า! พวกเราวางอาวุธแล้ว...รีบๆถอนกำลังออกไปสักที"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ