หัวขโมยแห่งบารามอส{ภาค1} มงกุฏแห่งใจ
7.8
เขียนโดย WhenSasukefollowers
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.00 น.
3 บท
1 วิจารณ์
8,374 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 00.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ชานเมืองเอดินเบิร์ก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเกวียนเทียมม้าคันเล็กควบตุเลงๆมาจนเข้าเขตเมืองเอดินเบิร์ก เอดินเบิร์กเป็นรัฐอิสระที่ไม่ขึ้นอยู่ในการปกครองของแคว้นใด เป็นเมืองทีเล็กที่สุดที่มี
พรมแดนทางบกเชื่อมกับอาณาจักรเดมอส และเป็นรัฐอิสระรัฐเดียวที่ได้รับการอารักขาคุ้มครองเป็นพิเศษจาก ไฮคิง กษัตริย์แห่งกษัตริย์ อัศวินแห่งปราชญ์ ผู้ได้รับการนับถือว่าป็นผู้นำในการต่อต้านการรุกรานจากจอมปีศาจเอวิเดสแห่งเดมอส
รัฐเอดินเบิร์กอยู่ภายใต้การดูแลของมหาปราชญ์เลโมธีผู้ได้รับการนับถือจากทุกคน เชื่อกันว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีอำนาจทางเวทมนต์เสมอเอวิเดส และเป็นเหตุให้เอดินเบิร์กเป็นรัฐเดียวที่ได้รับการรุกรานจากเอวิเดสน้อยที่สุด
จนมีตำนานเชื่อกันว่าเวทมนต์ของเอวิเดสจะเสื่อมภายใต้แสงสว่างแห่งเอดินเบิร์ก
เกวียนขับผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี ฟาร์มแกะ ฟาร์มวัว ฟาร์มม้า บ้านหลังเล็กหลังน้อยสร้างทิ้งระยะตามรายทาง ถนนหนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดขึ้นๆลงๆ แต่มุ่งตรงไปที่เดียวอย่างไม่มีเลี้ยวไปไหน มันมุ่งตรงไปยังกำแพงสีเทามหึมาที่ถูกล้อมไปด้วยลำธารสายเล็กๆ
"พ่อ ตัวเมืองอยู่หลังกำแพงนั่นเหรอพ่อ ทำไมกำแพงมันถึงได้ใหญ่นักละ" เฟรินอุทาน ขณะที่คนเป็นพ่อกำลังอ้าปากค้างกับความใหญ่โตเบื้องหน้า
"ตลอดทางผ่านมาแกเห็นตัวเมืองไหมล่ะ"
"ไม่ พ่อ"
"ถ้าไม่ ตัวเมืองมันก็ต้องอยู่หลังกำแพงสิวะ ไม่เห็นน่าถาม แถมมีเกวียนเป็นโขยงวิ่งตรงไปตามถนนพรึ่บพรึ่บขนาดนี้ ยังไงก็ไม่หลงแน่"
พ่อลูกหยุดบทสนทนาไปสนิท ขณะที่กำลังตั้งใจกับภาพกำแพงที่เหมือนจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆแล้วเกวียนก็จอดสนิทราวครึ่งไมล์จากประตูกำแพงใหญ่เบื้องหน้าที่อยู่ลิบๆ เกวียนจอดเพราะขยับต่อไปไม่ได้ เนื่องจากเบื้องหน้ามีเกวียนมากมายติดกันเป็นแพยาวราวกับพื้นพรมปูลาดถนนดินแดง
"เค้ามีตลาดนัดในเมืองกันหรือไงนี่" เฟรินขยับปากถามอย่างที่รู้ว่าไม่ใช่ นัยน์ตาคมๆสีน้ำตาลกวาดมองไปรอบๆ แคมป์ใหญ่น้อยตั้งทิ้งระยะตามทุ่งหญ้าดอกเดซี่ข้างทางราวกับรอรับเสด็จใครสักคน ผู้คนพลุกพล่านไปหมดจนราวกับจะมีงานมหกรรม หันมาดูเกวียนรอบๆตัวก็ให้ขยับยิ้ม ขยับตัวเข้าไปใกล้คนเป็นพ่อ
"พ่อพ่อ ขโมยม้าแทนไหม ม้าดีๆทั้งนั้น"
คนเป็นพ่อพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นดีก่อนจะชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างที่รู้ว่าถูกลูกชายตัวแสบสัพยอกเข้าให้
"อย่าทำเสียเส้น เจ้าชายกับม้ามันเทียบกันได้ที่ไหน"
"รถติดยาวเหยียดงี้ ฉันออกไปยืดเส้นยืดสายหน่อยแล้วกัน"
"อย่าหาเรื่องล่ะ"
"มีแต่เรื่องมาหาฉัน ฉันเคยหาเรื่องที่ไหนกันล่ะพ่อก็"
มาดัสเริ่มแยกเขี้ยวใส่คนเป็นลูก แต่ไม่ทันได้ตะเพิดมันก็กระโดดลงจากเกวียนหายแว่บไปเสียแล้ว พอตัวแสบหายไป เขาก็เริ่มสอดส่ายสายตามองบริเวณรอบๆ โดยเฉพาะม้าสวยๆที่เทียมเกวียนคันข้างๆ อย่างสนใจแบบห้ามใจไม่อยู่
"สองเค"" เสียงหญิงคนขายไอติมบอกราคา เฟรินควานเศษสตางค์ในกระเป๋าแล้วยื่นส่งให้ พร้อมกับรับไอศครีมโคนรสชอคโกแลตมาไว้ในมือ
"พี่สาว ข้างในโน้นมีงานเลี้ยงตลาดนัดหรือพระราชาเสด็จรึไง ทำไมคนถึงได้เยอะแยะนักล่ะ" เฟรินเอ่ยถามคำถามที่หญิงวัยกลางคนเจ้าของเกวียนขายไอติมถึงกับเลิกคิ้ว
"มาถึงนี่แต่ไม่รู้กับเค้าหรอกเหรอเราน่ะ"
"ฉันเดินทางผ่านมากับพ่อ"
"เป็นพวกยิปซีเร่รอน หรือพวกนักดนตรีล่ะ"
เฟรินขยับตัว เหลือบมองหน้าคนทักก่อนจะเลียไอศครีมไม่ตอบกลับ
"ยังไงก็ถือว่าเดินทางมาได้จังหวะ ที่เอดินเบิร์กเนี่ย ปีนึงวันที่สำคัญที่สุดก็วันนี้ล่ะ วันรับสมัครนักเรียนใหม่ของโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก"
"วันรับสมัครนักเรียน?"
"ใช่ ปีนึงมีแค่ครั้งเดียว ก็อย่างที่เห็น ลูกเจ้าหลานเธอ ลูกขุนนาง นักปราชญ์ นักรบ ประชาชนชาวบ้าน แห่กันมาสมัครเพียบ เข้าที่นี่ได้ก็เหมือนเปิดทางไปสู่ความสำเร็จในอนาคตโน่นแน่ะ"
"หือ.. งั้นในหมู่เกวียนโทรมๆนี่ก็มีพวกเจ้าชายมาสมัครจริงๆน่ะสิ"
คนขายไอติมจ้องมองเฟรินที่ถามคำถามพิสดารแล้วก็หัวเราะหึๆ
"มีสิ ปีนี้ได้ข่าวว่ามี เจ้าชายเจ้าหญิงองค์สำคัญมาสมัครหลายองค์ซะด้วย ในจำนวนโรงเรียนพระราชาด้วยกัน โรงเรียนที่เอดินเบิร์กนี่ชื่อเสียงดีที่สุดในถิ่นเอเดน แม้แต่ไฮคิงยังจบการศึกษาที่นี่"
"ไฮคิงเนี่ยนะ ศิษย์เก่าเอดินเบิร์ก" เฟรินทวนแล้วผิวปากหวืดอย่างชอบใจ "งั้นใครเข้าเรียนที่นี่ได้ก็ยืดน่าดูสิท่า"
"ก็งั้นสิ ไม่งั้นจะมีเกวียนต่อคิวขบวนกันยาวเหยียดอย่างนี้เรอะ จะเข้าที่นี่ได้ไม่ใช่ง่ายๆนะบอกไว้เสียก่อน "
เฟรินเริ่มขยับรอยยิ้มด้วยความสนใจมากขึ้น
"หมายความว่า ต้องสอบเข้า?"
"ไม่ใช่สอบเข้าธรรมดาของการสอบเข้า แต่เป็นการคัดเลือกตัวจากสิ่งวิเศษสี่อย่าง คือ ดาบแห่งกษัตริย์ คทาแห่งนักรบ แหวนแห่งปราชญ์ และ มงกุฎแห่งใจ"
"ฟังพิลึก น่าจะเป็น ดาบแห่งนักรบ คทาแห่งปราชญ์ มงกุฎแห่งกษัตริย์ แล้วก็แหวนแห่งใจมากกว่าล่ะมั้ง" หญิงคนขายไอติมหัวเราะรับกับคำค้าน
"ดาบแห่งกษัตริย์ คทาแห่งนักรบ แหวนแห่งปราชญ์ แล้วก็มงกุฎแห่งใจจริงๆ ลูกชายฉันเข้ารับการทดสอบปีที่แล้ว" ว่าแล้วคนพูดก็ชักเริ่มมีอารมณ์หน่อยๆ "เกือบจะเข้าได้อยู่แล้วเชียว อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง เฮ้อ"
"นิดเดียว แล้วไปสอบตกที่ไหนล่ะ"
"ก็หลังจากถูกเลือกจากสิ่งวิเศษแล้วต้องไปสอบสัมภาษณ์กับจอมปราชญ์เลโมธีนี่สิปัญหาหนัก"
"งั้นหมายความตกสัมภาษณ์สินะ" นัยน์ตาของคนขี้เล่นเริ่มพราวระยับอย่างนึกขัน ขณะที่คนฟังชักเริ่มฮึดฮัด
"นั่นสิ กับแค่สัมภาษณ์ไม่เห็นจะต้องเคร่งครัดอะไรกันนักหนา แย่จริงๆเชียว"
"พ่อ แผนการพ่อใช้ไม่ได้แล้วเปลี่ยนแผนใหม่เหอะ"
เฟรินว่าพลางกระโดดขวับขึ้นเกวียนลำเล็กสีซีดๆของตัวเองที่มันดูจะซีดหนักเข้าไปใหญ่เมื่อถูกขนาบข้างด้วยเกวียนใหญ่หรูหราสองข้าง
"บ๊ะ ทำไมจะใช้ไม่ได้ ชื่อแกฉันก็สมัครเข้าไปแล้วด้วย"
"หา สมัครแล้ว พ่อรู้หรือเปล่าว่าเค้าไม่ใช่เดินเข้าก็เข้าได้นะพ่อ" น้ำเสียงบอกอารามตกใจ
"ไม่ต้องกลัวไปน่า เอ้านี่เครื่องเพิ่มพลังแม่เหล็กไฟฟ้า" คนเป็นพ่อเริ่มอธิบาย
"เครื่องเพิ่มพลังแม่เหล็กไฟฟ้า"
"ใช่สิ เดี๋ยวตอนแกถูกไอ้ของวิเศษสี่อย่างบ้าบอนั่นมันคัดเลือก เพียงแค่แกเปิดสวิทช์นี่ ตรงนี้ แล้วขยับตัวนิดหน่อย ขยับไปใกล้ของอะไรก็ได้สักอย่าง ไอ้ของบ้านั่นมันก็จะส่องแสงสว่างแล้ว ด่านแรกง่ายจะตาย" ว่าพลางสาธิตพลางจนคนเป็นลูกเริ่มเกาหัวแกรก
"พ่อไปรู้มาจากไหนเนี่ย" เฟรินกลืนน้ำเลายเอื้อกมองหน้าพ่อ
"ฉันจะไปรู้จากไหนมันเรื่องของฉัน แกรับไปก็แล้วกันซ่อนเอาไว้ใต้ข้อมือหรือสาบเสื้อก็ได้" ไม่ว่าเปล่ายังพยายามหาที่ซ่อนให้ด้วย ขณะที่เฟรินได้แต่กระพริบตาปริบๆ
"ผ่านด่านพิลึกนี่ได้ยังต้องสอบสัมภาษณ์"
"สัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์สิวะ กลัวอะไร นี่แกดูนี่ซะก่อน" ว่าแล้วคว้าหนังสือบางๆขึ้นมาหนึ่งเล่มยื่นส่งให้
"เฉลยคำตอบข้อสอบสัมภาษณ์จากปราชญ์เลโมธี" เฟรินอ่านชื่อหนังสือแล้วแทบกลืมน้ำลายไม่ลงคอ เปิดพลิกเข้าไปดูข้างใน
"มีของสี่อย่าง มงกุฎ ดาบ คทา แหวน ให้เลือก หนึ่ง ของสิ่งที่ต้องการมากที่สุด สอง ของสิ่งที่ไม่ต้องการมากที่สุด สาม ของที่จะเอาไปใช้แลกเอาตำแหน่งพระราชา สี่ ของที่จะเอาตำแหน่งพระราชาไปแลก ถ้าต้องการไปอยู่ป้อมอัศวิน ให้เลือกเอาคำตอบในหน้าสอง ถ้าต้องการไปอยู่ปราการแห่งปราชญ์ ให้เลือกคำตอบหน้าสาม ถ้าต้องการปราสาทขุนนาง ให้เลือกคำตอบหน้าสี่ ถ้าต้องการแผ่นดินสามัญชน ให้เลือกคำตอบหน้าห้า" เฟรินกระพริบตาปริบๆแล้วเงยหน้ามองคนเป็นพ่อ
"ยังทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก แกนี่จริงๆเลย ทำไมไม่มีเชื้อความฉลาดจากฉันไปบ้าง เอาแต่โง่เหมือนแม่แก แค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ"
"ก็แล้วไอ้ ป้อมอัศวิน ปราการปราชญ์ ปราสาทขุนนาง กับแผ่นดินประชาชนนี่มันอะไรล่ะพ่อ ฉันไม่เห็นได้ยินมาก่อน"
"วะ ก็แล้วมีอะไรที่แกเคยได้ยินมาก่อนมากนักนี่ ก็ไอ้โรงเรียนเนี่ยเป็นโรงเรียนกินนอน ไอ้สี่ชื่อหรูหราเนี่ยมันก็แค่หอพักเท่านั้น จะเลือกอะไรก็เลือกๆซะอัน อย่าเรื่องมาก อ้อ หรือถ้าแกอยากเลือกเหมือนวีรบุรุษในตำนานก็ยังได้ คำตอบในตำนานอยู่หน้าหกนี่" ไม่ว่าเปล่าคว้าหนังสือจากมือลูกชายมาเปิดยื่นส่งให้อีกด้วย
"คำตอบของ ไฮคิง ดาบ คทา แหวน มงกุฎ คำตอบของ อเล็กซิสมหาราช ดาบ แหวน ดาบ มงกุฎ คำตอบของ ทรราชย์ชิซี มงกุฎ คทา ดาบ มงกุฎ"
"ตกลงแกยังจะยอมไปสอบไม่ไปสอบ" น้ำเสียงคนเป็นพ่อคาดคั้นมากกว่าออมชอม
"ไปสิไป... ว่าแต่จะไปหอไหนล่ะ อืม.. ป้อมอัศวินท่าจะต้องฝึกนัก ปราการปราชญ์ก็น่าจะต้องเรียนหนัก แผ่นดินประชาชนยิ่งแล้วใหญ่ท่าทางจะต้องทำงานหนัก" เฟรินเริ่มครุ่นคิดอย่างคนใช้ความคิด
"เอาเป็นปราสาทขุนนางแล้วกันนะพ่อนะ"
ตื่นจากความคิดอีกที คนเป็นพ่อก็หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว...
พรมแดนทางบกเชื่อมกับอาณาจักรเดมอส และเป็นรัฐอิสระรัฐเดียวที่ได้รับการอารักขาคุ้มครองเป็นพิเศษจาก ไฮคิง กษัตริย์แห่งกษัตริย์ อัศวินแห่งปราชญ์ ผู้ได้รับการนับถือว่าป็นผู้นำในการต่อต้านการรุกรานจากจอมปีศาจเอวิเดสแห่งเดมอส
รัฐเอดินเบิร์กอยู่ภายใต้การดูแลของมหาปราชญ์เลโมธีผู้ได้รับการนับถือจากทุกคน เชื่อกันว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีอำนาจทางเวทมนต์เสมอเอวิเดส และเป็นเหตุให้เอดินเบิร์กเป็นรัฐเดียวที่ได้รับการรุกรานจากเอวิเดสน้อยที่สุด
จนมีตำนานเชื่อกันว่าเวทมนต์ของเอวิเดสจะเสื่อมภายใต้แสงสว่างแห่งเอดินเบิร์ก
เกวียนขับผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี ฟาร์มแกะ ฟาร์มวัว ฟาร์มม้า บ้านหลังเล็กหลังน้อยสร้างทิ้งระยะตามรายทาง ถนนหนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดขึ้นๆลงๆ แต่มุ่งตรงไปที่เดียวอย่างไม่มีเลี้ยวไปไหน มันมุ่งตรงไปยังกำแพงสีเทามหึมาที่ถูกล้อมไปด้วยลำธารสายเล็กๆ
"พ่อ ตัวเมืองอยู่หลังกำแพงนั่นเหรอพ่อ ทำไมกำแพงมันถึงได้ใหญ่นักละ" เฟรินอุทาน ขณะที่คนเป็นพ่อกำลังอ้าปากค้างกับความใหญ่โตเบื้องหน้า
"ตลอดทางผ่านมาแกเห็นตัวเมืองไหมล่ะ"
"ไม่ พ่อ"
"ถ้าไม่ ตัวเมืองมันก็ต้องอยู่หลังกำแพงสิวะ ไม่เห็นน่าถาม แถมมีเกวียนเป็นโขยงวิ่งตรงไปตามถนนพรึ่บพรึ่บขนาดนี้ ยังไงก็ไม่หลงแน่"
พ่อลูกหยุดบทสนทนาไปสนิท ขณะที่กำลังตั้งใจกับภาพกำแพงที่เหมือนจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆแล้วเกวียนก็จอดสนิทราวครึ่งไมล์จากประตูกำแพงใหญ่เบื้องหน้าที่อยู่ลิบๆ เกวียนจอดเพราะขยับต่อไปไม่ได้ เนื่องจากเบื้องหน้ามีเกวียนมากมายติดกันเป็นแพยาวราวกับพื้นพรมปูลาดถนนดินแดง
"เค้ามีตลาดนัดในเมืองกันหรือไงนี่" เฟรินขยับปากถามอย่างที่รู้ว่าไม่ใช่ นัยน์ตาคมๆสีน้ำตาลกวาดมองไปรอบๆ แคมป์ใหญ่น้อยตั้งทิ้งระยะตามทุ่งหญ้าดอกเดซี่ข้างทางราวกับรอรับเสด็จใครสักคน ผู้คนพลุกพล่านไปหมดจนราวกับจะมีงานมหกรรม หันมาดูเกวียนรอบๆตัวก็ให้ขยับยิ้ม ขยับตัวเข้าไปใกล้คนเป็นพ่อ
"พ่อพ่อ ขโมยม้าแทนไหม ม้าดีๆทั้งนั้น"
คนเป็นพ่อพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นดีก่อนจะชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างที่รู้ว่าถูกลูกชายตัวแสบสัพยอกเข้าให้
"อย่าทำเสียเส้น เจ้าชายกับม้ามันเทียบกันได้ที่ไหน"
"รถติดยาวเหยียดงี้ ฉันออกไปยืดเส้นยืดสายหน่อยแล้วกัน"
"อย่าหาเรื่องล่ะ"
"มีแต่เรื่องมาหาฉัน ฉันเคยหาเรื่องที่ไหนกันล่ะพ่อก็"
มาดัสเริ่มแยกเขี้ยวใส่คนเป็นลูก แต่ไม่ทันได้ตะเพิดมันก็กระโดดลงจากเกวียนหายแว่บไปเสียแล้ว พอตัวแสบหายไป เขาก็เริ่มสอดส่ายสายตามองบริเวณรอบๆ โดยเฉพาะม้าสวยๆที่เทียมเกวียนคันข้างๆ อย่างสนใจแบบห้ามใจไม่อยู่
"สองเค"" เสียงหญิงคนขายไอติมบอกราคา เฟรินควานเศษสตางค์ในกระเป๋าแล้วยื่นส่งให้ พร้อมกับรับไอศครีมโคนรสชอคโกแลตมาไว้ในมือ
"พี่สาว ข้างในโน้นมีงานเลี้ยงตลาดนัดหรือพระราชาเสด็จรึไง ทำไมคนถึงได้เยอะแยะนักล่ะ" เฟรินเอ่ยถามคำถามที่หญิงวัยกลางคนเจ้าของเกวียนขายไอติมถึงกับเลิกคิ้ว
"มาถึงนี่แต่ไม่รู้กับเค้าหรอกเหรอเราน่ะ"
"ฉันเดินทางผ่านมากับพ่อ"
"เป็นพวกยิปซีเร่รอน หรือพวกนักดนตรีล่ะ"
เฟรินขยับตัว เหลือบมองหน้าคนทักก่อนจะเลียไอศครีมไม่ตอบกลับ
"ยังไงก็ถือว่าเดินทางมาได้จังหวะ ที่เอดินเบิร์กเนี่ย ปีนึงวันที่สำคัญที่สุดก็วันนี้ล่ะ วันรับสมัครนักเรียนใหม่ของโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก"
"วันรับสมัครนักเรียน?"
"ใช่ ปีนึงมีแค่ครั้งเดียว ก็อย่างที่เห็น ลูกเจ้าหลานเธอ ลูกขุนนาง นักปราชญ์ นักรบ ประชาชนชาวบ้าน แห่กันมาสมัครเพียบ เข้าที่นี่ได้ก็เหมือนเปิดทางไปสู่ความสำเร็จในอนาคตโน่นแน่ะ"
"หือ.. งั้นในหมู่เกวียนโทรมๆนี่ก็มีพวกเจ้าชายมาสมัครจริงๆน่ะสิ"
คนขายไอติมจ้องมองเฟรินที่ถามคำถามพิสดารแล้วก็หัวเราะหึๆ
"มีสิ ปีนี้ได้ข่าวว่ามี เจ้าชายเจ้าหญิงองค์สำคัญมาสมัครหลายองค์ซะด้วย ในจำนวนโรงเรียนพระราชาด้วยกัน โรงเรียนที่เอดินเบิร์กนี่ชื่อเสียงดีที่สุดในถิ่นเอเดน แม้แต่ไฮคิงยังจบการศึกษาที่นี่"
"ไฮคิงเนี่ยนะ ศิษย์เก่าเอดินเบิร์ก" เฟรินทวนแล้วผิวปากหวืดอย่างชอบใจ "งั้นใครเข้าเรียนที่นี่ได้ก็ยืดน่าดูสิท่า"
"ก็งั้นสิ ไม่งั้นจะมีเกวียนต่อคิวขบวนกันยาวเหยียดอย่างนี้เรอะ จะเข้าที่นี่ได้ไม่ใช่ง่ายๆนะบอกไว้เสียก่อน "
เฟรินเริ่มขยับรอยยิ้มด้วยความสนใจมากขึ้น
"หมายความว่า ต้องสอบเข้า?"
"ไม่ใช่สอบเข้าธรรมดาของการสอบเข้า แต่เป็นการคัดเลือกตัวจากสิ่งวิเศษสี่อย่าง คือ ดาบแห่งกษัตริย์ คทาแห่งนักรบ แหวนแห่งปราชญ์ และ มงกุฎแห่งใจ"
"ฟังพิลึก น่าจะเป็น ดาบแห่งนักรบ คทาแห่งปราชญ์ มงกุฎแห่งกษัตริย์ แล้วก็แหวนแห่งใจมากกว่าล่ะมั้ง" หญิงคนขายไอติมหัวเราะรับกับคำค้าน
"ดาบแห่งกษัตริย์ คทาแห่งนักรบ แหวนแห่งปราชญ์ แล้วก็มงกุฎแห่งใจจริงๆ ลูกชายฉันเข้ารับการทดสอบปีที่แล้ว" ว่าแล้วคนพูดก็ชักเริ่มมีอารมณ์หน่อยๆ "เกือบจะเข้าได้อยู่แล้วเชียว อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง เฮ้อ"
"นิดเดียว แล้วไปสอบตกที่ไหนล่ะ"
"ก็หลังจากถูกเลือกจากสิ่งวิเศษแล้วต้องไปสอบสัมภาษณ์กับจอมปราชญ์เลโมธีนี่สิปัญหาหนัก"
"งั้นหมายความตกสัมภาษณ์สินะ" นัยน์ตาของคนขี้เล่นเริ่มพราวระยับอย่างนึกขัน ขณะที่คนฟังชักเริ่มฮึดฮัด
"นั่นสิ กับแค่สัมภาษณ์ไม่เห็นจะต้องเคร่งครัดอะไรกันนักหนา แย่จริงๆเชียว"
"พ่อ แผนการพ่อใช้ไม่ได้แล้วเปลี่ยนแผนใหม่เหอะ"
เฟรินว่าพลางกระโดดขวับขึ้นเกวียนลำเล็กสีซีดๆของตัวเองที่มันดูจะซีดหนักเข้าไปใหญ่เมื่อถูกขนาบข้างด้วยเกวียนใหญ่หรูหราสองข้าง
"บ๊ะ ทำไมจะใช้ไม่ได้ ชื่อแกฉันก็สมัครเข้าไปแล้วด้วย"
"หา สมัครแล้ว พ่อรู้หรือเปล่าว่าเค้าไม่ใช่เดินเข้าก็เข้าได้นะพ่อ" น้ำเสียงบอกอารามตกใจ
"ไม่ต้องกลัวไปน่า เอ้านี่เครื่องเพิ่มพลังแม่เหล็กไฟฟ้า" คนเป็นพ่อเริ่มอธิบาย
"เครื่องเพิ่มพลังแม่เหล็กไฟฟ้า"
"ใช่สิ เดี๋ยวตอนแกถูกไอ้ของวิเศษสี่อย่างบ้าบอนั่นมันคัดเลือก เพียงแค่แกเปิดสวิทช์นี่ ตรงนี้ แล้วขยับตัวนิดหน่อย ขยับไปใกล้ของอะไรก็ได้สักอย่าง ไอ้ของบ้านั่นมันก็จะส่องแสงสว่างแล้ว ด่านแรกง่ายจะตาย" ว่าพลางสาธิตพลางจนคนเป็นลูกเริ่มเกาหัวแกรก
"พ่อไปรู้มาจากไหนเนี่ย" เฟรินกลืนน้ำเลายเอื้อกมองหน้าพ่อ
"ฉันจะไปรู้จากไหนมันเรื่องของฉัน แกรับไปก็แล้วกันซ่อนเอาไว้ใต้ข้อมือหรือสาบเสื้อก็ได้" ไม่ว่าเปล่ายังพยายามหาที่ซ่อนให้ด้วย ขณะที่เฟรินได้แต่กระพริบตาปริบๆ
"ผ่านด่านพิลึกนี่ได้ยังต้องสอบสัมภาษณ์"
"สัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์สิวะ กลัวอะไร นี่แกดูนี่ซะก่อน" ว่าแล้วคว้าหนังสือบางๆขึ้นมาหนึ่งเล่มยื่นส่งให้
"เฉลยคำตอบข้อสอบสัมภาษณ์จากปราชญ์เลโมธี" เฟรินอ่านชื่อหนังสือแล้วแทบกลืมน้ำลายไม่ลงคอ เปิดพลิกเข้าไปดูข้างใน
"มีของสี่อย่าง มงกุฎ ดาบ คทา แหวน ให้เลือก หนึ่ง ของสิ่งที่ต้องการมากที่สุด สอง ของสิ่งที่ไม่ต้องการมากที่สุด สาม ของที่จะเอาไปใช้แลกเอาตำแหน่งพระราชา สี่ ของที่จะเอาตำแหน่งพระราชาไปแลก ถ้าต้องการไปอยู่ป้อมอัศวิน ให้เลือกเอาคำตอบในหน้าสอง ถ้าต้องการไปอยู่ปราการแห่งปราชญ์ ให้เลือกคำตอบหน้าสาม ถ้าต้องการปราสาทขุนนาง ให้เลือกคำตอบหน้าสี่ ถ้าต้องการแผ่นดินสามัญชน ให้เลือกคำตอบหน้าห้า" เฟรินกระพริบตาปริบๆแล้วเงยหน้ามองคนเป็นพ่อ
"ยังทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก แกนี่จริงๆเลย ทำไมไม่มีเชื้อความฉลาดจากฉันไปบ้าง เอาแต่โง่เหมือนแม่แก แค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ"
"ก็แล้วไอ้ ป้อมอัศวิน ปราการปราชญ์ ปราสาทขุนนาง กับแผ่นดินประชาชนนี่มันอะไรล่ะพ่อ ฉันไม่เห็นได้ยินมาก่อน"
"วะ ก็แล้วมีอะไรที่แกเคยได้ยินมาก่อนมากนักนี่ ก็ไอ้โรงเรียนเนี่ยเป็นโรงเรียนกินนอน ไอ้สี่ชื่อหรูหราเนี่ยมันก็แค่หอพักเท่านั้น จะเลือกอะไรก็เลือกๆซะอัน อย่าเรื่องมาก อ้อ หรือถ้าแกอยากเลือกเหมือนวีรบุรุษในตำนานก็ยังได้ คำตอบในตำนานอยู่หน้าหกนี่" ไม่ว่าเปล่าคว้าหนังสือจากมือลูกชายมาเปิดยื่นส่งให้อีกด้วย
"คำตอบของ ไฮคิง ดาบ คทา แหวน มงกุฎ คำตอบของ อเล็กซิสมหาราช ดาบ แหวน ดาบ มงกุฎ คำตอบของ ทรราชย์ชิซี มงกุฎ คทา ดาบ มงกุฎ"
"ตกลงแกยังจะยอมไปสอบไม่ไปสอบ" น้ำเสียงคนเป็นพ่อคาดคั้นมากกว่าออมชอม
"ไปสิไป... ว่าแต่จะไปหอไหนล่ะ อืม.. ป้อมอัศวินท่าจะต้องฝึกนัก ปราการปราชญ์ก็น่าจะต้องเรียนหนัก แผ่นดินประชาชนยิ่งแล้วใหญ่ท่าทางจะต้องทำงานหนัก" เฟรินเริ่มครุ่นคิดอย่างคนใช้ความคิด
"เอาเป็นปราสาทขุนนางแล้วกันนะพ่อนะ"
ตื่นจากความคิดอีกที คนเป็นพ่อก็หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ