หัวขโมยแห่งบารามอส{ภาค1} มงกุฏแห่งใจ

7.8

เขียนโดย WhenSasukefollowers

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.00 น.

  3 บท
  1 วิจารณ์
  8,365 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 00.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) แผนการ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"รุกฆาต" เสียงหนึ่งประกาศชัยชนะ



"แกเล่นฉันทีเผลอ" อีกเสียงหนึ่งค้าน



"พ่อไม่อยากเล่นก็เลิกเล่นเถอะ น่าเบื่อ"



"อีกเกมน่าอีกเกม" ผู้สูงวัยกว่าไม่ยอมแพ้ แต่เด็กชายหรี่ตามอง



"คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ล่ะสิ"



"พ่อจะลักพาตัวเจ้าชาย"



"หา"



เสียงอุทานที่ตามด้วยเสียงหัวเราะที่ดังคับเกวียนเทียมม้าคันเล็กๆที่กำลังจอดพักริมเนินหญ้าสดเขียว



"นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เฟริน เดอเบอโรว์" เสียงขรึมเครียดของชายวัยกว่าสี่สิบ หัวล้านๆของเขาทอประกายแวบสะท้อนแสงตะวัน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองผู้เป็นลูก



เฟริน หนุ่มน้อยวัยสิบห้ากำลังทำสีหน้าปั้นยาก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสีเดียวกับผมที่ทั้งสั้นทั้งยุ่ง กำลังกระพริบส่องประกายขำขันจนชัด แต่ต้องสะกดอารมณ์ของตัวเองอย่างยากลำบากโดยเฉพาะเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของคนเป็นพ่อ ริมฝีปากสั่นริกๆสักครู่ ก็ต้องรีบแสร้งเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนจะหลุดพรืดออกมา



"ขำอะไรนักหนา เฟริน เดอเบอโรว์" เสียงเครียดๆของคนเป็นพ่อ



"ขำความคิดของ ท่านมาดัส เดอเบอโรว์น่ะสิ ถามได้" เฟรินตอบทันควันหลังจากหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมด "นี่พ่อ ฉันน่ะไม่เคยว่าพ่อเลย จะให้ขโมยหมาขโมยไก่ หลอกต้มตุ๋นชาวบ้าน หรือแม้แต่ลักพาตัวเจ้าสาว แต่ไอ้รายการลักพาตัวเจ้าชายนี่" พูดแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะกึ้กกั้กขึ้นมาอีก "พ่อ ไปเอาความคิดสุดเยี่ยมยอดนี่มาจากไหน ฉันล่ะนับถือพ่อจริงๆ สมฉายา มาดัส ยอดนักต้ม" ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบกลืนเสียงหัวเราะ แต่ก็อดต่อไม่ได้



"แต่ไม่นะพ่อ ถ้างานนี้สำเร็จมีหวังได้เลื่อนขั้นเป็น ราชานักลัก"

แล้วเจ้าตัวก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ขณะที่คนเป็นพ่อได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วกัดฟันกรอดๆ กับส่งสายตาดุๆไปยังจอมปากมอม



"พอได้แล้ว เฟริน บอกแล้วว่าไม่ได้ล้อเล่น ฉันพูดจริงทำจริง แกคิดว่าคนอย่างฉันจะลักพาเจ้าชายไม่ได้หรือไง" มาดัสชักเริ่มทวีความหงุดหงิด



เฟรินชะงักเสียง ปาดน้ำตาแล้วหันมามองเมื่อเห็นทีท่าจริงจังของอีกฝ่าย



"เอาจริงเหรอพ่อ" เฟรินเอ่ยถามอย่างชักสงสัย แต่พอคิดถึงความคิดพิศดารนั่นอีกที มันก็เล่นเอาเขาล่อยก๊ากออกมาอีกจนได้



"จริง แล้วบอกซะก่อนว่าฉันเคยทำสำเร็จมาแล้วด้วย" น้ำเสียงเครียดจริงจัง ผิดแต่ว่าคนเป็นลูกกลอกตาดุกดิกอย่างไม่อยากจะเชื่อคำโม้



"แล้วพ่อจะเอาไง จะบุกเข้าปราสาทไหนล่ะ จะเอาปรินซ์โรเวนแห่งเจมิไน ปรินซ์อาเธอร์แห่งซาเรส ปรินซ์คาโล แห่งคาโนวาล ปรินซ์ชาเบรียนแห่งเวนอล หรือปรินซ์ไมนอสแห่งแอเรียสล่ะ ไม่นับรวมดินแดนแห่งเดมอสซึ่งไม่มีใครอยากไป มีประเทศ 24ประเทศ มีเจ้าชายเจ้าหญิงรอให้ไปขโมยตัวเพียบ พ่ออยากเอาประเทศไหนว่ามาได้เลย" เฟรินวาดไม้วาดมือโฆษณาเต็มที่อย่างขี้เล่น

คนเป็นพ่อส่งประกายตาดุกว่าเดิมปรามแล้วปรามอีก



"แกไม่ต้องพูดดีเฟริน แกคงนึกว่าฉันล้อเล่นล่ะสิ บอกแล้วว่าฉันเอาจริง"



"พ่อ" เฟรินร้องแล้วส่ายหัว "ฝันกลางวันไปได้ พ่อจะไปแอบลอบเข้าวังขโมยตัวเจ้าชายได้ไงกัน ทหารยามเฝ้ากันพรืด ดีไม่ดียังไม่ทันถึงกำแพงวังก็ได้เจอ.." ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยกมืดปาดคอตัวเองให้รู้กันว่าหมายความว่าอะไร



"หึ" มาดัสส่งเสียงดูแคลนในลำคอ "แกน่ะดูถูกฉันมากไปเฟริน ฉันจะบอกให้ จะขโมยเจ้าชายสักคนไม่ต้องถ่อไปถึงวังหรอก ถ่อไปถึงวังจะเจอเจ้าชายหรือเปล่าก็ยังไม่แน่"



คราวนี้ชักเรียกความสนใจจากเฟรินได้จริง นัยน์ตาสีน้ำตาลคมๆคู่นั้นเริ่มทอแสงแสดงความสนใจ ดวงหน้าขี้เล่นเริ่มสงบลงเป็นครั้งแรก ดวงหน้าผิวสีอ่อนของเจ้าหนุ่มดูดีจนติดจะสวยภายใต้แสงแดดแจดจ้า แต่ถึงกระนั้นรอยแผลเป็นจางๆใต้ตาซ้ายมันก็บ่งบอกถึงความสมบุกสมบันของเจ้าของชีวิตเป็นอย่างดี มันทำให้ดวงหน้าอ่อนๆนั้นดูกร้านโลกและน่าเกรงไปโขโดยเฉพาะยามที่เจ้าตัวไม่ขยับรอยยิ้ม



"พ่อหมายความว่า.." คิ้วเข้มเริ่มขมวดขึ้นอย่างคนใช้ความคิด แล้วเจ้าตัวก็เผลอยกนิ้วขึ้นลูบรอยแผลเป็นใต้ตาอย่างเคยนิสัย "อย่าบอกนะว่า.. พ่อหมายถึง โรงเรียนพระราชา แห่งเอดินเบิร์ก"



มาดัสดีดนิ้วอย่างถูกใจ



"แกชักเริ่มได้เชื้อฉลาดจากฉันไปบ้างนิดหน่อยแล้วล่ะ เฟริน"



"อาจจะเป็นเชื้อบ้า" เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆอย่างปลงสังเวช



"แกว่าอะไรนะ" มาดัสท้วงอย่างได้ยินไม่ชัด



"ฉันว่าลูกไม้ก็ต้องหล่นไม่ไกลต้น" คนกะล่อนเริ่มเอาตัวรอดตามประสา แต่นัยน์ตาขำขันอย่างคนอารมณ์ดียังส่อประกายให้คนเป็นพ่อชักวางใจไม่ลง



"ใช่ ฉันหมายถึงโรงเรียนพระราชานี่ล่ะ ไปตามทางนี่ถึงแยกหน้า แยกไปทางขวาก็จะเข้าเมืองเอดินเบิร์ก ไปถึงที่นั่น อยากได้เจ้าชายกี่คนก็หาได้ มันต้องเอาได้สักคนหรอกน่า ถึงตอนนั้นล่ะก็ ..หึหึ เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝนล่ะ ไม่อยากรวยก็ต้องรวยกันอื้อซ่า"



เฟรินฟังแผนการของคนเป็นพ่อแล้วต้องถอนหายใจอย่างปลงสังเวช นึกกลัวแต่ว่าจะเรียกลมได้เฮอริเคน เรียกฝนได้ใต้ผุ่นเท่านั้นล่ะกับแผนการอันนี้



"พ่อ" เฟรินลากเสียงยานอย่างเอือมระอา "ไอ้โรงเรียนพระราชาอะไรนั่นน่ะ มีแต่พวกลูกเศรษฐีกับขุนนางเท่านั้นล่ะที่ไปเรียน เจ้าชายตัวจริงมีไปเรียนซะที่ไหนล่ะ"



"ทำไมจะไม่มี" มาดัสค้านขวับ



"โธ่ พ่อ ถ้าฉันเป็นเจ้าชายนะ ฉันมีปัญญาเรียกอาจารย์ไปสอนที่วังโน่นแล้ว เรื่องอะไรต้องถ่อสังขารมาถึงเอดินเบิร์ก"



"แกจะไปรู้อะไร เจ้าชายทุกคนต้องมาเรียนที่นี่กันทั้งนั้นล่ะ มันเป็นข้อตกลงระหว่างพระราชากับไฮคิง" มาดัสเถียงขวับ



"ข้อตกลงระหว่างพระราชากับไฮคิง? แล้วพ่อไปตรัสรู้กับเค้าได้ไงล่ะ"



"วะ ฉันจะรู้มายังไงมันเรื่องของฉัน เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกันน่า"



"ฉันไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่กลัวถูกคนเค้าต้มเอาให้เสียชื่อ เดอเบอโรว์ ยอดนักต้มเท่านั้นล่ะ"



มาดัสแยกเขี้ยวหงุดหงิดใส่ลูกชายตัวเจ้าปัญหา ก่อนวิเคราะห์สถานการณ์ต่อไป



"เอาเป็นว่า ยังไงเจ้าชายต้องอยู่ในเอดินเบิร์กแน่ มีปัญหาแต่ว่าจะหาตัวเจอได้ยังไงเท่านั้นล่ะ เจ้าชายตัวจริงคงปนๆอยู่ในหมู่นักเรียนที่นั่น"



"อยากรู้พ่อก็เข้าไปสืบก็แค่นั้น"



เฟรินเปรยอย่างคนหมดความสนใจพร้อมกับเริ่มหาวหวอดอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นมาดัสดีดนิ้วเปาะอย่างถูกใจ



"งั้นก็เอาตามนี้ แกเข้าไปสืบในโรงเรียน ฉันสืบอยู่ข้างนอก"



"ฉัน" เฟรินทวนอย่างความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง "ล้อเล่นน่าพ่อ ฉันเคยเข้าเรียนกับเขาที่ไหน แถมที่น่าเบื่ออย่างนั้น ไม่ไปล่ะ"



"ไม่อยากไปก็ต้องไป ฉันตัดสินใจแล้ว แกเข้าไปสืบลู่ทางข้างใน ฉันดูลาดเลาข้างนอก ถึงเวลาทั้งในทั้งนอกลงมือพร้อมกัน" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ดีดนิ้วเปาะขึ้นมาอีก



"พ่อเข้าไปสืบข้างใน ฉันสืบข้างนอก" ตัวดียังต่อรอง



"วะ ฉันแก่ปานนี้แล้วแกจะให้เข้าไปเรียนข้างในได้ไง แกรู้รึเปล่าเข้าเรียนโรงเรียนพระราชาน่ะเสียกะตังค์ไม่น้อยนะ ฉันอุตส่าห์ลงทุนส่งแกเข้าไป อย่าทำให้เสียเส้น"



"แต่พ่อน่ะขี้หลงขี้ลืม ถ้าพ่อส่งฉันเข้าไปแล้วเกิดลืมฉันเหมือนตอนลืมแม่ทิ้งไว้ที่ พอร์ทลูคัส จะทำไง แถมเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้ มันคุกดีๆเลยนะพ่อ"



"บ๊ะ อะไรจะตื่นตูมขนาดนั้น แกน่ะเป็นลูกสุดที่รักคนเดียวของมาดัส เดอเบอโรว์คนนี้ มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ ฉันอาจจะลืมแม่แก แต่จะยังไง ไม่มีทางลืมแกแน่ๆ"



เฟรินแยกเขี้ยวหงุดหงิดหนักข้อ ก่อนพึมพำอย่างเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน



"ตอนแม่พ่อก็พูดแบบนี้" เจ้าตัวเริ่มตัดพ้อ

"ฉันรู้นะว่าพ่อน่ะพยายามสลัดฉันทิ้งตามเมืองต่างๆมาหลายทีแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่อาศัยเท้าตุ๊กแกของฉัน ไม่รู้ป่านนี้กลายเป็นเด็กเร่ร่อนอยู่ที่เมืองไหน"



มาดัสยิ้มจืดๆ ก่อนจะตัดบทอย่างรำคาญใจ

"วะ ไหนภูมิใจในเท้าตุ๊กแกตังหนืดของแกนัก แล้วยังจะบ่นหาสวรรค์วิมานอะไรอีกล่ะ"



"ก็กลัวเท้าตุ๊กแกของของฉันมันจะสู้ความเจ้าเล่ห์อันร้ายกาจของพ่อไม่ได้น่ะสิ"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา