รอยต่อแห่งฝัน

7.4

เขียนโดย candle

วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.36 น.

  11 ตอน
  31 วิจารณ์
  16.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 22.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
     “ผมขอแพรวาจากคุณได้ไหม”  อัฐเอ่ยในประโยคที่นิศาไม่คาดคิด  หล่อนมองหน้าเขา  พูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่
     “คะ...เอ่อ...แต่ว่าทำไม”  หล่อนถามตะกุกตะกัก
     “ผมขอโทษ  แต่ผมจำเป็นต้องพูดกับคุณ”
 
     นิศาพยักหน้าเหมือนตุ๊กตาไขลาน  สมองว่างเปล่าได้ยินคล้ายเสียงใครหมุนอะไรบางอย่างดังวื้อๆ ในสมอง
 
     “หมายความว่าไงคะ”
     “ผมรักแพรวา”  อัฐสารภาพกับผู้หญิงตรงหน้า
     “ผมขอโทษ”
 
     ขอโทษงั้นเหรอ  เออหนอทำไมผู้ชายคนนี้ช่างใจร้ายนัก  เขาบอกหล่อนด้วยเรื่องนี้ได้อย่างไร  รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนหลงรักเขาแล้ว...
 
     อา...นิศาเอามือปิดปากตัวเองกลั้นเสียงร้อง  มาย...หล่อนเข้าใจความรู้สึกของมายได้ก็วันนี้  หล่อนเองก็พูดคำนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ “ขอโทษ” ในวันนั้นความรู้สึกของมายคงไม่แผกกัน  บอบช้ำเจ็บปวด  มันอัดแน่นในลำคอ  น้ำตารื้นปริ่มขอบตา  ภาพที่มองเห็นเริ่มพร่าเลือน  หมายมาดว่าทั้งหมดที่ได้ยินจะเป็นแค่ความฝันที่คิดไปเอง  แต่เปล่าเลยอัฐนั่งอยู่ตรงหน้าหล่อน ณ.เวลานี้  ตัวตนของเขาสัมผัสได้อยู่
 
     “บอกกับแพรสิคะ”  ครั้นตั้งสติได้หล่อนก็พูดไปอย่างนั้น
     “ผมต้องบอกนิก่อน”  เขากล่าวเบาๆ
 
     นี่หล่อนจะต้องตอบเขาว่าอย่างไรดีล่ะ “ขอบคุณค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” “ค่ะ” คำพูดไหนที่เหมาะกับประโยคบอกเล่านั้น
 
     หล่อนมองหน้าเขา  ไม่มีคำพูดไหนออกมาจากปากทั้งนั้น  ไม่มีคำใดที่นิศาจะใช้พูดได้  จะมีก็แค่น้ำตาซึ่งซึมผ่านแพขนตายามหล่อนกระพริบ
 
     **
     **
 
     ทันทีที่ฟางเปิดประตูออกมา  คนซึ่งยืนอยู่ด้านนอกก็โผเข้ากอดเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว  ชั่วอึดใจหนึ่งจึงผละออกยิ้มให้เขาเสียทีหนึ่งแล้วเดินเข้าห้องไป  ฟางมองตามแล้วก็ส่ายหน้า
 
     “โย...วู้  แกหลับแล้วเหรอ”  หล่อนตะโกนเรียก  เพื่อนหนุ่มคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา
     “ครายยย  อ้ายจรเหรอ”  โยส่งเสียงอ้อแอ้
     “ร่ำสุรากันรึไง”  นิศาถามฟาง
     “เออ...แต่มันคนเดียว  มีเรื่องกลุ้มใจน่ะเกี่ยวกับครอบครัว”
 
     โยมองฟางเอามือเคาะหัวตัวเองเหมือนเรียกสติ
 
     “แกก็ด้วยใช่มั๊ย”  ฟางหันมาหานิศา
     “เปล่า...ไม่มี  แค่คิดถึง”  หล่อนว่าแล้วส่งยิ้มหวานให้ฟาง
     “คิดถึงตอนตีสามเนี่ยนะ  น่าเชื่อล่ะ  ไปนอนก่อนพรุ่งนี้ค่อยสอบสวน”
 
     นิศาจะล้มตัวลงข้างๆ โย  แต่ฟางฉุดมือหล่อนให้ลุกขึ้น
 
     “ในห้องโน่นไป  ล๊อคประตูด้วยเผื่อฉันหน้ามืดขึ้นมาปล้ำแก  แล้วแกโวยวายฉันต้องรับผิดชอบอีกทั้งที่ไม่เต็มใจ”  ฟางหัวเราะลงคอสำหรับประโยคสุดท้าย
 
     นิศายิ้ม
 
     **
     **
 
     “ตื่นเถิดวัว-ควายอย่าหลับใหลลุ่มหลง”
 
     เสียงเคาะประตูโครมครามพร้อมเสียงเพลงระคายหู  ไม่เปิดโอกาศให้นิศาหลับอย่างใจเย็นอยู่ได้
 
     “ตื่นได้แล้วโว๊ย  เป็นผู้หญิงยิงเรือแกจะนอนจนตะวันสายโด่งแบบนี้ไม่ได้”  โยยังคงตะโกนต่อตบประตูเสียงดังสนั่น
     “ฉันจะฆ่าแก”  นิศาตะโกนตอบเมื่อเปิดประตู
     “อรุณสวัสดิ์”  โยยิ้มแป้นเมื่อทำให้เพื่อนสาวลุกจากที่นอนได้
     “อรุณบ้าอรุณบออะไรเล่า  บ่ายแล้วไม่ใช่รึไง”  นิศากระแทกไหล่โยจ้ำอ้าวเข้าครัว  โยรีบเดินตามมาติดๆ
     “แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
     “เมื่อคืน  ส่วนแกเมา”  นิศาจิ้มหน้าผากโย  หมอนั่นทำตาปรอยเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
     “เออใช่  ฉันต้องไปหาแม่หน่อย”
     “เอ้ยอะไรของมันเนี่ย  ตกลงมีอะไรเหรอฟาง”  นิศาถามเอากับฟางที่ชงกาแฟอยู่  เขาชงแล้วส่งให้หล่อนแก้วหนึ่ง
     “พ่อ-แม่จะหย่ากัน”
     “ห๋า...เป็นไปได้ไง  สองคนนั่นรักกันจะตาย”  นิศาไม่อยากจะเชื่อ  พวกเขารู้จักพ่อแม่ของโยเป็นอย่างดี  ตอนยังเป็นนักศึกษาอยู่เคยไปค้างบ้านโยกันออกบ่อย  แล้วพวกเขาต่างก็ลงความเห็นว่าครอบครัวของโยมีความสุขจนน่าอิจฉา
     “เห็นว่าพ่อมีผู้หญิงคนใหม่”
     “ไม่น่าเชื่อ”  นิศารำพึงทอดถอนใจ  นั่งชันเข่าประคองถ้วยกาแฟไว้ตรงหน้า
     “แกล่ะ  เกิดอะไรขึ้น”  ฟางถาม
 
     อา...นิศาลืมเรื่องของตัวเองไปพักหนึ่งมาระลึกได้อีกคราก็เมื่อฟางส่งคำถาม
 
     “อกหักมั้ง  ไม่รู้สิมันเจ็บแปลบๆ ตรงเนี่ย”  หล่อนชี้ตรงหน้าอกด้านซ้ายของฟาง
     “อัฐ”
 
     นิศาพยักหน้า
 
     “ฉันไม่รู้เลยว่ารักเขามากแค่ไหน  หรือรักเขารึเปล่า  แต่ตอนที่เขาขอแพรวาจากฉันมันเหมือนหัวใจหยุดเต้น  โลกหยุดหมุน  ช่วงเวลาหยุดเดิน”  หล่อนถอนใจหนักหน่วง
     “แล้วฉันก็คิดเรื่องมายขึ้นมาได้”  นิศาหน้าสลด
 
     ฟางเอื้อมมือมาขยี้ผมหล่อน  นิศาน้ำตารื้นเพราะอย่างนี้ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดนิศามักคิดถึงเพื่อนของหล่อนเสมอ  เพื่อนซึ่งล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิด  เพื่อนซึ่งแม้ไร้คำปลอบโยนแต่กลับรับฟัง  สำหรับชีวิตของนิศาก็มีอยู่เท่านี้  ฟาง โย และคิว  พวกเขาคือเพื่อนซึ่งอยู่เคียงข้างกันเสมอ
 
     **
     **
 
     “มีเหล้าฝากของคิวมั๊ย”  นิศากระซิบถามบาร์เทนเดอร์
     “ครับมีสองขวด”  เด็กหนุ่มกระซิบตอบท่าทางเจ้าเล่ห์ขณะนิศาไม่ทันสังเกตเห็น
     “เพราะงี้เอง  กูมาทีไรแม่งไม่เหลือหลอ”  คิวมาทางด้านหลังผลักหัวนิศาแทบจะโขกบาร์
     “เอ้ย...”
 
     เจ้าหนุ่มบาร์เทนเดอร์หัวเราะ  นิศาหมายจะชกหน้ามันแต่วืดเจ้าหมอนั่นหลบหมัดของหล่อนได้
 
     “เอาเหล้ามา”  คิวทุบบาร์วิญญาณป๋าเข้าสิง
 
     เด็กหนุ่มยิ้มกุลีกุจอเอาเหล้านอกแสนแพงของคิวออกมา
 
     “โห...เดี๋ยวนี้แดกของแพงนะแก”  นิศาแขวะเมื่อเห็นยี่ห้อเหล้าขวดนั้น
     “กูต้องแดกดูจะได้คุยกับพวกหัวสูงมันได้  เดี๋ยวมันพูดมากูไม่รู้เรื่องแม่งเสียหน้า”
     “หายไปไหนมา  ไม่เจอเป็นชาติเลย”
     “งานยุ่งชิบ  แล้วสมองก็ช่างตีบตันคิดคำโดนๆ กระแทกใจไม่ได้เลย”  คิวบ่น  บางทีเขาเองก็รู้สึกเบื่อกับงานตัวเองเหมือนกัน  ไม่เหมือนตอนจบมาใหม่ๆ ไฟยังโชติช่วงและการเป็นครีเอทีฟก็เท่ห์มากในความคิดตอนนั้น
     “แต่กระแทกทีนยังคิดได้ใช่ป่ะ”
     “เออ...อันนั้นมันอยู่ในสายเลือด”  คิวหัวเราะแล้วก็หยุดไปกะทันหัน
     “เกือบลืม  ฉันเจอมายว่ะที่กระบี่”
     “...............”
     “แต่มันจำฉันไม่ได้  รึว่าฉันหล่อขึ้นก็ไม่รู้”  คิวชมตัวเองหน้าตาเฉย
     “เมื่อไหร่”  นิศาทำเป็นไม่ได้ยินในประโยคหลังของคิวเสีย
     “อาทิตย์ที่แล้วตอนไปถ่ายโฆษณา  อยู่กับเด็กสาวคนหนึ่งมันน่าแปลกที่หมอนั่นท่าทางเหมือนไม่รู้จักฉันเลย  แต่มันติดใจตรงที่เด็กนั่นบอกว่าไม่ใช่คนที่ฉันรู้จักนี่สิ”
     “แล้ว”  หล่อนกระตุ้น
     “แล้วเด็กนั่นก็รีบลากมายเผ่นแนบไปเลย”
     “ทำไมแกไม่ตามไปเล่า”  นิศาโวยวายขัดใจในเพื่อนผู้ไม่เอาไหน
     “ฉันต้องทำงานโว๊ย”  คิวขึ้นเสียง
     “ก็แค่กระบี่เกาะลันตาเล็กไม่ได้ยากอะไรเลย”  คิวตบบ่านิศารู้สึกไม่ค่อยดีที่เอาข่าวมาบอกเพื่อน  แต่กลับไม่ได้รายละเอียดอะไรมาเลย
     “เอ้ย...นั่นมันยัยตัวแสบ  หนอยควงทอมมาซะด้วย”
 
     นิศาหันมองตามสายตาคิว
 
     “ใครเหรอ”  นิศาสงสัย  โดยปกติพวกผู้ชายในกลุ่มนี้จะไม่กัดผู้หญิงคนไหนนอกจากหล่อน  ประมาณว่าผู้หญิงทุกคนล้วนน่ารักน่าไคร่เจริญหูเจริญตาไปหมด  ยกเว้นก็เพียงนิศาคนเดียวที่ไม่อยู่ในสายตา
     “เออี คนใหม่  เพิ่งเข้ามาทำงานแต่แสบชะมัด  จะฟาดปากกับฉันอยู่เรื่อย”  คิวหน้าระรื่น
     “...............”
     “ดู  ฉันจะเล่นบทพระเอกในละครไทยให้แกดู”  คิวหลิ่วตาให้นิศาแล้วก็แกล้งเดินถอยหลังไปชนสาวเจ้านางนั้น  พร้อมกับแขนที่อ้ากว้างเพื่อรอรับ
 
     “โป๊ะเชะ” ไม่พลาดตามที่คิวคุยไว้  แต่ไม่ยักเหมือนในละครก็อีตรงที่แม่ตวัดมือทันควันบนใบหน้าของพระเอกนี่สิ  ไม่ใช่ตาต่อตามาประสาน
 
     “ตบทำไมเนี่ย”  คิวตะโกนใส่เธอคนนั้นสุดเสียงแข่งกับเสียงดนตรีในร้าน
     “มุขมันเก่าเชย  ฉันเห็นอยู่ว่าคุณนั่งอยู่หน้าบาร์เมื่อกี้นี่เอง”  เธอสวนกลับน้ำเสียงไม่แพ้กัน  แล้วก็เชิดหน้าจากไป  ท่ามกลางสายตาของผู้คนซึ่งมองคิวเป็นจุดเดียว
 
     คิวหน้าหงายแทบจะแทรกแผ่นดิน  นิศาซึ่งเป็นผู้ชมกรอกตาไปมาขายหน้าแทน “หมดกัน”
 
     คิวเดินกลับมาหน้าตาบอกบุญไม่รับแววตาคั่งแค้น
 
     “เนื้อคู่แกแน่เลยว่ะคิว”  นิศาตบบ่าคิวแล้วหัวเราะ
     “คอยดูฉันจะทำให้ยัยนั่นมาซบแทบเท้าเลยทีเดียว”  คิวหมายมั่นปั้นมือ  เสียหน้าเสียเหลี่ยมอย่างบอกไม่ถูก
     “ฉันไม่เคยเห็นแกโกรธผู้หญิงคนไหนเลยนี่หว่า  สงสัยคนนี้จะไม่ธรรมดารู้ทันป๋าคิวซะด้วย  ชื่อไรอ่ะ”
     “ลูกฟัก” 
 
     นิศาเลิกคิ้ว  แนะยังอุตส่าห์จำชื่อได้อีกทั้งที่บอกไม่ชอบหน้าคนเรานี่ช่างแปลก
 
     “ชื่อก็น่ารักดีด้วย  ลูกฟักของป๋าคิว”
 
     นิศาเหลือบมองโต๊ะที่สาวเจ้านั่งอยู่  เจ้าหล่อนดูจะยังคงส่งสายตาพิฆาตให้คิวอยู่เป็นระยะพร้อมรอยยิ้มเยาะ  พระเอกของเราควันออกหูท่าทางฮึดฮัดอยากไป ปะ ฉะ ดะ ต่อเต็มที
 
     สักพักสาวเจ้าลุกเดินมาส่งยิ้มให้นิศา  เข้ามายืนใกล้คิว
 
     “มุขมัน out ไปแล้วเพ่  กลับไปคิดมุขใหม่มาพรุ่งนี้เจอกัน”  เจ้าหล่อนส่งยิ้มหวานบาดจิต
 
     นิศาเข้าใจว่านั่นมัน “ยิ้มสังหาร” ชัดๆ
 
     “พี่คิวเจอของจริงเข้าแล้วเหมอๆ”  หนุ่มบาร์เทนเดอร์แซว
     “แต่ตอนนี้ 0-1 พี่คิวแพ้”  ยังไม่วายต่อประโยคไม่สนใจหน้าคนโดน
     “ต้องฉลองให้ความปราชัย”  นิศายิ้มยกแก้วเหล้าของตัวเองชนแก้วของคิวที่วางอยู่
     “ซ้ำเติมนะมึงไอ้จร”  คิวกัดฟัน
     “กูจะจูบยัยนั่นโชว์สื่อให้ได้”  คิวทุบบาร์อีกทีเป็นการยืนยัน
 
     **
     **
 
     นิศากลับเข้าบ้านมาหลังเที่ยงคืนโดยหวังว่าจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับแพรวา  แต่หล่อนคาดผิด  แพรวายังรอคอยอยู่ในบ้านปรากฏแสงไฟเรืองรอง
 
     “ป่านนี้แล้วยังไม่เข้านอนอีกเหรอ”  นิศาถามน้ำเสียงปกติอย่างกับว่าหล่อนไม่ได้หายไปไหนเลยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา
     “รู้บ้างรึเปล่าว่านิทำให้แพรเป็นห่วงมากแค่ไหน  ติดต่อก็ไม่ได้  อัฐมาถามหานิ  พี่ตุลย์ก็ด้วย  แต่แพรไม่รู้ไม่รู้ว่านิไปไหน”  แพรวาสะอื้น
     “นิไม่ยอมรับสายแพร”
 
     นิศาพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นสายตาของแพรวาที่จ้องมองมา
 
     “นิขอโทษ”
     “ขอโทษ”  แพรวาหัวเราะทั้งน้ำตา
     “มันง่ายที่จะทำอย่างนั้นแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา  แต่แพรไม่ต้องการคำขอโทษ  แค่บอกแพรว่าเกิดอะไรขึ้น  นิไม่เคยเป็นแบบนี้มีอะไรที่นิไม่สบายใจ  บ้านของเราไม่ให้ความสุขกับนิอีกแล้วเหรอถึงได้ทิ้งแพรไว้ตามลำพังอย่างนี้”
     “ขอเวลาให้นิหน่อย”
     “มันเรื่องอะไรขนาดว่าบอกกับแพรไม่ได้ในตอนนี้”
     “...............”
 
     นิศาเดินเข้าห้อง  สร้างความเจ็บปวดแก่มิตรภาพระหว่างเพื่อนระหว่างพี่น้องให้ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา